Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 669

Cover Renegade Immortal 1

669. ซุนไท่

ชายวัยกลางคนสวมชุดสีแดงอยู่บนชั้นสองของหอประมูล เขาถือกล่องหยกในมือไว้ด้วย เมื่อเปิดขึ้นมาเป็นเม็ดยาขนาดเท่ากำปั้นทารกอยู่หนึ่งเม็ด

เม็ดยาไม่มีกลิ่นหอมของสมุนไพรแต่อย่างใด มันดูธรรมดามาก

คลื่นสนทธนาดังก้องในห้องโถง เซียนทุกคนที่นี่ต่างมีสายตาเป็นประกาย เม็ดยาระดับแปดนั้นแน่นอนว่าเป็นสมบัติหายากสำหรับพวกเขา แต่หากไม่มีระดับบ่มเพาะสูงส่งเพียงพอ มันก็เหมือนยาพิษ

หากไม่สามารถกินได้ การเก็บไว้กับตัวคงเป็นคำสาป เซียนคนใดที่ไม่มีความสามารถในการปกป้องมันก็จะเผชิญกับภัยพิบัติใหญ่หลวงเมื่อออกจากเมือง

ซึ่งทำให้แม้ห้องโถงจะเต็มไปด้วยการสนทนา ท้ายที่สุดแล้วก็ยังไม่มีใครประมูล

เซียนวัยเยาว์บางคนต้องการประมูลแต่พวกเขากลับถูกผู้อาวุโสข้างเคียงหยุดไว้ทันที ในสายตาแต่ละคน ของชิ้นนี้ไม่ใช่ยาแต่เป็นศีรษะมนุษย์!

ใครที่ซื้อยาเม็ดนี้จะศีรษะจะขาดสะบั้น

ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องเช่นนี้นับว่าประหลาดเกินไป ตระกูลรานจะขายเม็ดยาเช่นนี้ได้อย่างไร? บรรพชนตระกูลรานไม่ต้องการยานี้แล้วหรือ? ทำไมเขาถึงประมูลมัน? ความคิดหลายอย่างเริ่มเต็มไปด้วยความคลุมเครือและจึงมีคนน้อยลงที่อยากประมูล

ขณะที่เวลาผ่านไปและยังไม่มีใครประมูลเลย ชายชุดแดงไม่ได้ใจร้อนและไม่ได้ประหลาดใจ ตระกูลรานได้มอบเหรียญประมูลให้กับคนที่เข้าร่วมการประมูลครั้งนี้ซึ่งพวกเขามั่นใจว่าจะไม่มีใครประมูลยาเม็ดนี้ด้วย

หากมีคนทำตาบอด เช่นนั้นตระกูลรานไม่คิดมากที่จะฆ่าเขาแล้วชิงกลับมาเหมือนเดิม

บางครั้งสายตาของชายชุดแดงก็กวาดผ่านไปที่ชั้นสี่ก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงดัง “มีใครอยากจะเสนอราคาไหมท หากไม่มีใครเสนอราคา เม็ดยาระดับแปดจะถูกเก็บไว้ในอารามกองสมบัติของเรา”

หวังหลินอืดอาดกับเม็ดยาอยู่นาน แววตาแฝงความเยือกเย็นและเอ่ยขึ้นมา “หินหยกสวรรค์หนึ่งก้อน!”

“หากเจ้าอยากขายมันให้ข้า งั้นก็ข้าจะซื้อมันซะ!”

แม้น้ำเสียงเขาจะสงบนิ่งแต่ได้เซียนจากชั้นสองทุกคนได้ยินชัด วินาทีถัดมาพลันเกิดเสียงพูดคุยดังสนั่น

“เศษหินหยกสวรรค์ชิ้นเดียว? ใครกัน?​ เขาบ้าไปแล้วหรือ!?”

“ราคาเริ่มต้นคือหนึ่งหมื่นหินหยกสวรรค์ ทั้งคนผู้นี้มาเสนอแค่หนึ่งก้อน นี่มันน่าขันเสียจริง ทั้งอารามกองสมบัติ เรื่องเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”

“ตระกูลรานมีเส้นสายอยู่เบื้องหลังอารามกองสมบัติ พฤติกรรมแบบนี้เป็นการดึงดูดภัยพิบัติมาจริงๆ ทำให้อารามกองสมบัติเกิดความละอายอย่างชัดเจน”

“เสียงนั้นน่าจะมาจากชั้นสี่ คนที่อยู่บนชั้นสี่ไม่ใช่คนธรรมดา แต่การทำแบบนี้เป็นการหยามหน้าตระกูลรานชัดๆ”

ชายชุดแดงตกตะลึงและเงยหน้าขึ้นไปมองบนชั้นสี่ เขาไม่ใช่คนจากเมืองนี้แต่มาจากตระกูลรานสาขาหลัก เป้าหมายของเขาคือการขายเม็ดยาให้กับคนที่ระบุไว้

เขายิ้มอยู่ในใจขณะรอคอยคนที่เขาปรากฏตัวและเสนอราคามา แต่อย่างไรราคาก็ถือว่ายอมรับไม่ได้ หากราคานี้ยอมรับได้ก็คงเท่ากับการไปป่าวประกาศบอกทุกคนที่นี่ว่ามีความลับใหญ่หลวงซ่อนอยู่เบื้องหลังการขายนี้

ชื่อเสียงของตระกูลรานจะถูกครหาและสำคัญไปกว่านั้นหากมันถูกขายให้กับคนผู้นี้ มันคงเป็นการบอกทุกคนว่าตระกูลรานกำลังเกรงกลัว

แน่นอนว่าไม่มีใครเชื่อเรื่องเม็ดยาระดับแปดจะถูกขายเป็นราคาหนึ่งหินหยกสวรรค์ แต่หากมันเกิดขึ้นจริง คงสร้างปัญหาให้มากมายเกินจินตนาการได้

แต่อย่างไรเขาก็ต้องขายมัน ท่านบรรพชนมีคำสั่งมาแล้วว่าเม็ดยานี้จะต้องถูกประมูลออกไปที่นี่!

ภายในห้องชั้นที่สี่ ซุนซื่อถือถ้วยชาค้างไว้และตื่นตะลึง สายตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ พลันวางถ้วยชาลงและถอนหายใจ “พี่ซิ่ว…ข้าชื่นชมท่าน! ข้าชื่นชมท่านจริงๆ!”

ซุนซื่อหมิงที่เคร่งเครียดยิ่งและไร้คำพูดไปชั่วขณะ

“หินหยกสวรรค์ก้อนเดียวใช้ซื้อเม็ดยาระดับแปด…”

ไม่ใช่เพียงแค่เขาเท่านั้น แม้แต่ชายหนุ่มลั่วยังเบิกตาโพลงและตกตะลึงอย่างยิ่ง น้ำเสียงที่คุ้นๆนั้นคือชายหนุ่มที่เขาหยุดไว้ข้างนอกไม่กี่วันก่อน

เมื่อเขาได้ยินหวังหลินเสนอราคาหินหยกสวรรค์หนึ่งก้อน ชายหนุ่มลั่วก็พึมพำกับตัวเอง “คนผู้นี้มันบ้าไปแล้ว!”

ขณะนั้นไม่มีใครรับรู้ว่าในห้องหนึ่งที่อยู่ชั้นที่สาม ความคิดชายชรากลับตกตะลึงรุนแรงหลังได้ยินเสียงเสนอราคา!

เขาเงยศีรษะขึ้นมองไปชั้นสี่ ดวงตาเผยประกายประหลาดใจ

“นี่…นี่ไม่ใช่เสียงเขา แต่ทำไมจิตใจของข้าจึงสั่นเทา…ในชีวิตของข้าคนนี้มีแต่เพียงเฉินหนิวเท่านั้นที่ทิ้งตราประทับไว้ในวิญญาณข้า” ชายชราเงียบไปยาวนาน เขายืนขึ้น ลังเลเล็กน้อยและนั่งลงต่อ จากนั้นจ้องไปที่พื้นด้วยความคิดว่างเปล่า

“ตราประทับของข้าควรแตกหักบนดาวตงหลินไปแล้ว ทำไม…มันยังอยู่…”

ชายชุดแดงบนชั้นสองลังเลอยู่สักพักก่อนจะกัดฟันแน่น “เมื่อมีคนเสนอราคาเพียงคนเดียว เช่นนั้นมันก็จะถูกขายในราคาหนึ่งหินหยกสวรรค์+”

หวังหลินเผยอาการเยาะเย้ยและยื่นฝ่ามือขวาออกไป เม็ดยาลอยออกมาจากมือชายชุดแดงและเข้าไปในมือหวังหลิน จากนั้นเขาก็โยนหินหยกสวรรค์หนึ่งก้อนให้ หวังหลินทิ้งซุนซื่อและจากไป

หวังหลินเมินเฉยความโกลาหลเบื้องหลังอย่างสิ้นเชิง เพียงก้าวเดียวเขาก็เคลื่อนที่พริบตาออกไปจากอารามกองสมบัติแล้ว

“เพียงแค่ยาเม็ดเดียวไม่เพียงพอจะลากข้าเข้ามาเกี่ยวเรื่องนี้หรอก!” หวังหลินเดินห่างออกมาจากอาราม

ชายชราบนชั้นที่สามกัดฟันแน่นและหายตัวไป

หลังจากหวังหลินออกมาได้ไกลแล้ว เขาหันหน้ากลับไปมอง ชายชราจากอารามกองสมบัติปรากฏเบื้องหลัง มองดูหวังหลินอย่างละเอียดและเผยสีหน้าสงสัย

เมื่อรับรู้ถึงสายตาหวังหลิน ชายชราพลันถอนหายใจและเอ่ยขึ้น “สหายเซียน ข้ากลับคิดว่าเจ้าเป็นคนอื่น ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ถือสาหาความ” เขาหันตัวกลับและเดินห่างออกไปไกล ร่างเขาเต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง

หวังหลินขบคิดเล็กน้อยและเอ่ยขึ้นมา “ซุนไท่![หัวหน้าผู้อาวุโสของสำนักซากศพ ถูกโจวยี่ประทับตราเป็นผู้รับใช้ของหวังหลิน เขาเคลื่อนที่พริบตามาด้วยพลังสายเลือดของบรรพชนเผ่ามารยักษ์ตอนที่เขาช่วยหวังหลิน แต่เขาก็ยังเป็นคนที่วางผนึกระดับบ่มเพาะหวังหลินในตอนนั้นเช่นกัน]”

ขณะที่สองคำนั้นเข้าไปในหูของชายชรา ทั้งร่างพลันสั่นสะท้าน หันศีรษะกระชากกลับมามองหวังหลินด้วยความตกใจและอุทานขึ้น “เจ้า…เป็นเจ้าจริงๆ!”

หวังหลินสำรวจซุนไท่ด้วยสัมผัสวิญญาณก่อนจะขมวดคิ้วและเอ่ยออกมา “พลังสายเลือดของบรรพชนเผ่ามารยักษ์สามารถส่งท่านมาที่ดาราจักรทุกชั้นฟ้าได้ด้วยหรือ?”

ซุนไท่เผยสีหน้าเจ็บปวด “ข้าก็งุนงงกับเรื่องนี้เมื่อหลายร้อยปีก่อนเช่นกัน ในความคิดของข้า ความสามารถทางสายเลือดไม่ควรแข็งแกร่งเช่นนี้”

หวังหลินถาม “ผนึกบนร่างท่านอ่อนแอมาก ทำไมกัน?”

ซุนไท่ครุ่นคิดเล็กน้อยและเอ่ยตอบ “เจ้ารู้จักดาวตงหลินในดาราจักรทุกชั้นฟ้าไหม?”

หวังหลินขมวดคิ้วและไม่ได้ปล่อยให้ซุนไท่เอ่ยต่อ เขาสะบัดแขนเสื้อและทั้งสองคนก็หายตัวไป พวกเขาปรากฏตัวอีกครั้งข้างนอกบ้านที่อยู่ฝั่งทิศเหนือของเมือง หวังหลินนำทางซุนไท่เข้าไปในบ้าน

หลังจากนั่งสมาธิลง หวังหลินมองซุนไท่และกล่าวออกมา “ตอนนี้พูดได้แล้ว!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version