1194. ทำลายเข็มทิศ
หวังหลินใบหน้าซีดไร้สีเลือด โลหิตตรงมุมปากทำให้ตัดกันอย่างเห็นได้ชัด เขาเก็บสมบัติทั้งหมดไว้รวมถึงกระบี่เหล็กหักครึ่งไปด้วยและพลางล่าถอยออกไปไกล วิญญาณโลหิตแรกกำเนิดที่ปรมาจารย์คังจงซื่อส่งออกมาไม่สามารถหนีรอดไปได้และถูกวิญญาณรบของหวังหลินจับเอาไว้
ทัศนวิสัยพร่ามัวและเกิดความง่วงเข้าถาโถมทั่วร่างพร้อมกับความเจ็บปวดรุนแรงจากไหล่ซ้าย หวังหลินตกอยู่ในสภาวะครึ่งหลับครึ่งตื่น ในสายตาเขามองเห็นถนนหนทางหลายแห่งเบื้องหน้า
เข็มทิศยักษ์เคลื่อนที่อยู่ในท้องฟ้า มันมุ่งเป้ามาที่หวังหลินและเคลื่อนเข้าหา
มันหมุนอย่างรวดเร็วปรากฏแรงกดดันรุนแรงจับใส่หวังหลินที่กำลังหนี หวังหลินอ่อนแอมาก ด้วยแรงกดดันนี้เขาจึงส่ายโงนเงน
วินาทีนั้นเกิดเสียงดังสนั่นออกมาจากเข็มทิศ มันหมุนเร็วมากขึ้น แสงเจ็ดสีรวมกันในเข็มทิศอย่างบ้าคลั่ง ไม่นานอักขระเวทย์เจ็ดสีนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นรอบเข็มทิศ
ในจิตใจหวังหลินรู้สึกถึงสัมผัสอันตรายแพร่ออกมา ในช่วงวิกฤตหวังหลินจึงกัดลิ้นตัวเองให้ตื่น และเป็นช่วงวินาทีที่อักขระเวทย์มากมายตกลงมา
หวังหลินกัดฟันแน่น แขนซ้ายยื่นออกไปคว้าตรีศูล อักขระเวทย์หวีดหวิวผ่านท้องฟ้าและตกลงมาดุจสายฟ้า
เสียงดังกึกก้องคับฟ้า หวังหลินกระอักโลหิต อักขระเวทย์หลายอย่างร่อนลงบนร่างหวังหลินทิ้งประทับตราเอาไว้ แต่ละครั้งทำให้ร่างหวังหลินถึงกับสั่นเทา
แววตาเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง นี่คือตัวตนของหวังหลิน ยิ่งวิกฤตมากเท่าไหร่ ยิ่งอันตรายมากแค่ไหนเขาก็ยิ่งสงบนิ่งแต่ก็ยังแฝงความบ้าคลั่งไปด้วย
ความสงบนิ่งและความบ้าคลั่งไม่ได้อยู่ตรงข้ามกัน การตัดสินใจสงบนิ่งแต่การกระทำด้วยความบ้าคลั่งบ้าบิ่น!
เข็มทิศต้องถูกทำลายไม่เช่นนั้นมันจะไล่ล่าหวังหลินต่อไปและนำพาให้เขาตกอยู่อันตราย อีกทั้งการที่เจ้าสิ่งนี้ติดตามเขามา หวังหลินถือว่าเป็นศัตรูตัวที่สองไปแล้ว!
ขณะที่แขนซ้ายถือตรีศูล แววตาบ้าคลั่งยิ่งรุนแรงขึ้น เขารู้ว่าตนเองไม่มีสติเหลืออยู่มากนัก อาการบาดเจ็บก็ยิ่งแย่ไปอีกและสามารถสิ้นสติได้ทุกเวลา หวังหลินต้องทำลายเข็มทิศนี้และหาสถานที่ฟื้นฟู
เวลาเป็นของมีค่า หวังหลินสูดหายใจลึกเต็มไปด้วยเจตนาต่อสู้ ตาซ้ายเต็มไปด้วยเปลวเพลิงและปรากฏเกราะวิหคเพลิงสีแดงรอบตัวเอง ขณะเดียวกันตาขวากะพริบสายฟ้า สร้างทะเลสาบสายฟ้าภายในระยะหมื่นฟุต
สายฟ้ารูปร่างดุจอสรพิษแล่นผ่านพื้นดิน เกิดเสียงปะทุดังลั่นไปทั่ว เศษพลังเทพโบราณในแขนซ้ายรวมกันเข้าไปในตรีศูล
วินาทีนั้นเสียงคำรามสนั่นฝืนชะตาสวรรค์ดังกึกก้อง หวังหลินกระโดดขึ้นไปบนพื้น! ปรากฏทะเลเพลิงและมีวิหคเพลิงตัวหนึ่งรอบหวังหลิน ราวกับหวังหลินได้ควบคุมเพลิงในโลกทั้งหมดเอาไว้และพุ่งเข้าหาเข็มทิศ!
จังหวะที่พุ่งออกไป สายฟ้าดังลั่นลอยขึ้นไปในอากาศพร้อมกับหวังหลิน สายฟ้าพวยพุ่งและก่อตัวเป็นภูเขาสายฟ้า
ภูเขาที่สร้างขึ้นจากสายฟ้า!
หวังหลินอยู่บนยอดภูเขา! ภูเขาสายฟ้าขยายตัวและควบแน่นอยู่นอกร่างหวังหลิน ราวกับหวังหลินได้ดูดซับภูเขาสายฟ้าเอาไว้
ด้วยพลังอำนาจของสายฟ้าและเปลวเพลิง หวังหลินจึงเหมือนอุกกาบาตถือตรีศูลพุ่งออกไปค้นหาเส้นทางฝืนลิขิตสวรรค์ของตนเอง!
ความเร็วเพิ่มขึ้นและเพิ่มมากขึ้น ทันทีที่อักขระเวทย์นับไม่ถ้วนปรากฏรอบเข็มทิศ หวังหลินก็เข้าใกล้ไปได้ เสียงทะลวงผ่านสายฟ้าดังมากขึ้นจนกลายเป็นเสียงคำรามสั่นสะเทือนพื้นปฐพี
“เปลี่ยนร่างเก้าลี้ลับ!” หวังหลินดวงตาแดงฉาน แบ่งร่างเป็นเก้าส่วนโดยไม่คาดคิดและจากนั้นก็ผสานกลับกลายเป็นหนึ่ง กลิ่นอายทรงพลังมากกว่าก่อนตกลงมาบนร่างหวังหลินในดินแดนเจ็ดสี!
เสียงร้องวิหคเพลิงดังกึกก้อง ร่างหวังหลินพุ่งเข้าหาเข็มทิศอย่างสุกไสว เคลื่อนไหวเร็วยิ่งกว่าเดิมกระแทกใส่เข็มทิศเกิดเสียงดังสนั่น เข็มทิศที่กำลังหมุนพลันสั่นเทาและเริ่มแตกและแพร่รอยแตกร้าวนั้นจนเต็มไปทั่ว
ปัง!
มันถูกฉีกเป็นชิ้นๆ!
เศษนับไม่ถ้วนแรกกระจาย ร่างสีแดงหนึ่งโผล่ออกมาจากเข็มทิศ มันหายตัวไปเหนือเส้นขอบฟ้าโดยไม่แม้แต่หันกลับมามอง
แม้ร่างนี้จะเลือนหายไป เสียงเข็มทิศแตกยังคงดังกึกก้องไปทั่วดินแดนเจ็ดสี ในเขตส่วนนอกมีอสูรหมอกจำนวนมากควบแน่นอย่างรวดเร็วและมองมาทางตำแหน่งที่เสียงแตกกระจายนี้โผล่ออกมา
ผู้เร่ร่อนจำนวนมากที่กำลังเดินเตร็ดเตร่ทั้งหมดหยุดลง พวกเขาเงยศีรษะขึ้นมองออกไปทิศทางเสียงด้วยสีหน้างุนงง เด็กหนุ่มตวนมู่ก็เป็นหนึ่งในนั้น
ณ ถ้ำซ่อนตัวแห่งหนึ่งบนเขตชั้นนอกของดินแดนเจ็ดสี มีชายร่างกำยำกำลังนั่งอยู่ในถ้ำ ใบหน้าซีดเผือดและยังมีคราบเลือดเปรอะเปื้อนเสื้อผ้า ดวงตาเปิดขึ้นสัมผัสถึงแรงผันผวนที่ทำให้ต้องกลืนน้ำลาย
เขาคือเฉินเทียนจุน!
หญิงชราที่ถูกกักขังไว้ในค่ายกลนอกหุบเขาและไม่สามารถหนีออกมาในช่วงเวลาอันสั้นได้ นางต้องยืนรับการโจมตีต่อเนื่องของเขตอาคม ใบหน้าซีดเผือดแต่แววตาไม่ยอมแพ้ ฝ่ามือสร้างผนึกอย่างต่อเนื่องส่งเขตอาคมออกไปต่อต้าน แต่พลังของเขตอาคมที่นี่เหลือล้ำเกินกว่าจินตนาการของนาง เขตอาคมแห่งชีวิตและความตายที่ผสานเข้ากับเขตอาคมทำลายล้างได้อย่างสมบูรณ์แบบ ดังนั้นนางจึงไม่สามารถควบคุมมันได้ นางถูกโจมตีอย่างต่อเนื่องและอาการบาดเจ็บย่ำแย่ยิ่งขึ้น
จังหวะที่เสียงสั่นสะเทือนสวรรค์ดังออกมา นางพลันมองขึ้นไป เลิ่กลั่กและไม่มั่นใจ
เสียงดังสนั่นกึกก้องข้ามผ่านดินแดนเจ็ดสีและทะลุผ่านเทือกเขาคล้ายกำแพง ทะลุผ่านสายหมอกจนสั่นเทา ผู้รู้แจ้งจำนวนมากหยุดการร่ายบทสวดเป็นครั้งแรกและมองขึ้นไปด้วยอาการสับสน
ข้างในสายหมอก ตรงกลางหน้าผากของรูปปั้นยักษ์ที่มีอักขระแสง มีหมอกเจ็ดสีก้อนหนึ่ง วิญญาณดั้งเดิมอันอ่อนแอของปรมาจารย์คังจงซื่อกำลังฟื้นตัวอยู่ที่นี่ เมื่อแรงสั่นสะเทือนมาถึงเขาพลันมองขึ้นไปและเต็มไปด้วยความตกตะลึง!
เป็นครั้งแรกที่เขาตกตะลึงอย่างแท้จริง!
เขาคาดไว้ว่าหวังหลินนั้นอาจจะทรงพลังแต่ไม่คิดว่าหวังหลินจะเทียบเขาได้เพราะทั้งคู่ต่างก็บาดเจ็บสาหัส พอคิดกลับไปยังสมบัติทั้งหมดที่เขาใช้ออกไปจึงเกิดความรู้สึกเจ็บปวด โดยเฉพาะลูกปัดทั้งสามชิ้น การสูญเสียมันไปทำให้เขาเจ็บปวดใจจริงๆ ทั้งกระบี่ผลึกนั่นก็ด้วย แต่ว่าเมื่อเทียบกับลิ่มเจ็ดสีแล้ว ของพวกนั้นกลับเล็กน้อยมาก
ยามที่คิดถึงลิ่มเจ็ดสี ปรมาจารย์คังจงซื่อรู้สึกเหมือนวิญญาณดั้งเดิมกำลังแตกสลาย ลิ่มนั่นเป็นสมบัติทรงพลังที่สุดที่เขามีและเป็นไพ่ตายลับของเขา อย่างไรก็ตามถึงแม้จะเอาออกมาก็ไม่สามารถฆ่าเซียนหลิวได้ เขากระทั่งสูญเสียกายหยาบและเกือบตาย
เหตุผลที่เขาหนีออกมา นอกจากจะอ่อนแอเกินกว่าจะสู้ต่อไปแล้ว เขายังมั่นใจว่าหวังหลินจะตาย อาการบาดเจ็บสาหัสนั่นหมายความว่าหวังหลินไม่สามารถหนีรอดจากเข็มทิศที่สร้างขึ้นจากลูกปัดไปได้
เมื่อหวังหลินตาย เขาสามารถควบคุมเข็มทิศให้นำร่างกลับมาและดูดซับวิญญาณดั้งเดิมได้ หลังจากอาการบาดเจ็บฟื้นฟู เขาก็ได้ทุกอย่างง่ายๆ
อย่างไรก็ตามเสียงคำรามและความรู้สึกของการเชื่อมต่อกับเข็มทิศกำลังถูกตัดขาดได้ทำให้ปรมาจารย์คังจงซื่อเกิดความตกใจและเริ่มคิด
‘ด้วยอาการบาดเจ็บรุนแรงขนาดนั้นเขายังสามารถทำลายวิชาบนเข็มทิศได้…’ เป็นครั้งแรกที่ปรมาจารย์คังจงซื่อรู้สึกหวาดกลัวหวังหลิน
ภูเขาที่ปรมาจารย์คังจงซื่ออยู่ไม่ได้อยู่ใจกลางดินแดนเจ็ดสีตามที่เขาพูด ยิ่งลึกเข้าไปเท่าไหร่ก็จะยิ่งมีหุบเขาในสายหมอกหนาแน่นเท่านั้น ปรมาจารย์คังจงซื่อนั่งอยู่ด้วยใบหน้าซีดขาว ไม่กล้าขยับแม้แต่นิ้วเดียว
หวังหลินรีบเดินไปข้างหน้าด้วยสัมผัสวิญญาณพร่ามัว อย่างไรก็ตามเขากัดฟันแน่นรักษาสติเอาไว้ ทัศนวิสัยค่อยๆมัวหมองพลางพุ่งเข้าหาหุบเขาแห้งแล้งและเข้าไปในถ้ำเปลี่ยวแห่งหนึ่ง เขามีเวลาแค่เปิดมิติเก็บของให้ร่างศพเงินและฉวี่ลี่กั๋วออกมาก่อนจะฟุบลงกับพื้นและสลบไป
ฉวี่ลี่กั๋วทำงานสังหารที่หวังหลินมอบให้ไว้ได้สำเร็จและถูกหวังหลินเก็บกลับไป ตอนนี้เขาได้ออกมาอีกครั้งและกำลังจะโม้โอ้อวด แต่ทันใดนั้นเห็นหวังหลินหลับตา ใบหน้าหม่นหมอง ดวงตาไม่อาจลืมขึ้นมาได้
ทว่าวินาทีนั้นเสียงลมหายใจเย็นผุดขึ้นมา ร่างฉวี่ลี่กั๋วสั่นเทาและเผยท่าทีประจบทันที มันรู้ว่าร่างศพเงินนี้แข็งแกร่งแค่ไหนจึงไม่กล้าล่วงเกินนาง
“คุ้มกัน!” นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ จากนั่นนั่งลงข้างหวังหลิน มองด้วยสายตาแฝงความสับสนและอ่อนโยน
ฉวี่ลี่กั๋วรีบรับคำ หลังจากสังเกตได้ว่าร่างศพเงินไม่ให้ความสนใจมันอีก จึงมองดูเจ้าอสูรร้าย เริ่มแกล้งทำท่าว่ากำลังคุ้มกันแต่ลอบด่าในใจ
‘เจ้าอสูรร้ายนั่นมันดียังไงกัน? ปู่ฉวี่ของเจ้าสิที่สุภาพ อ่อนโยน หล่อเหลาและทรงเกียรติ อนิจจาข้ามันเป็นโดดเด่นเกินไป…’ ฉวี่ลี่กั๋วถอนหายใจและเผยท่าทีเศร้าใจมาก