Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1222

Cover Renegade Immortal 1

1222. จ้าววิญญาณเมฆา

หวังหลินก้าวออกมาจากภูเขาพลางขบคิดไปด้วย รอยแตกเหนือภูเขาหายวับไปพร้อมกับแสงทั้งหมด ดินแดนเจ็ดสีเข้าสู่ความมืดมิดอีกครั้ง

หวังหลินมองความมืดเบื้องหน้า ส่งสัมผัสวิญญาณออกไป ขณะที่กำลังจะออกตัว เขากลับตกตะลึงมองลงไปยังหุบเขาด้านล่าง

“จงออกมาเจอข้า!” หวังหลินเอ่ยน้ำเสียงสงบนิ่งแต่แฝงอำนาจบารมีที่มิอาจปฏิเสธ

น้ำเสียงเย็นเยียบดังสะท้อนอยู่ในหุบเขาราวกับสายลมอันหนาวเหน็บ ทั้งดินแดนเจ็ดสีสั่นเทาราวกับโดนกฎแห่งโลกเข้าปะทะ ใครก็ตามที่ได้ยินจะทำให้ความคิดสั่นสะท้าน

จ้าววิญญาณเมฆานั่งอยู่ในถ้ำในหุบเขา เขาตื่นขึ้นมาตอนที่มีแสงบนภูเขาปรากฏขึ้นและหวังหลินกลับมา หลังจากนั้นเขาก็รู้สึกตื่นตระหนกและสัมผัสความหวาดกลัวที่อธิบายไม่ได้

เขาเดาได้เลือนลางว่าคนผู้นั้นจากเมื่อร้อยปีก่อนกำลังจะ…กลับมา…

จิตสังหารจากเมื่อร้อยปีก่อนของเขาหายไปพร้อมกับกาลเวลาเกือบหมดแล้ว ขณะที่เขากำลังลังเล พลันเกิดกลิ่นอายที่ทำให้จนปัญญาขึ้นมา ขณะเดียวกันคำพูดหนาวเย็นกระแทกใส่ร่างเขาจากทุกทิศทางและตรงใส่วิญญาณดั้งเดิม

ใบหน้าซีดเผือด เสียงดังสนั่นกึกก้องอยู่ในสองหู เปลวเพลิงสีฟ้าเจือจางปรากฏขึ้นรอบตัวราวกับกำลังเผาไหม้เขา ในเปลวเพลิงมีสายฟ้าแพร่กระจายทำให้ร่างเขารู้สึกด้านชาอีก

สิ่งที่ทำให้เขาตกตะลึงยิ่งกว่าเดิมก็คือเจตนาต่อสู้บ้าคลั่งในใจเขา หากเขาระบายเจตนาต่อสู้นี้ออกมาได้ก็คงดี แต่มันถูกขังไว้ในร่างกาย เผาไหม้วิญญาณดั้งเดิมมาก เกิดความเจ็บปวดจนเขาต้องกรีดร้องโหยหวน

สิ่งที่ทำให้เขาหวาดกลัวยิ่งก็คือเขาเกิดความรู้สึกอันทรงพลังว่าหากไม่ออกมาตอนนี้ อีกฝ่ายแค่คิดก็คงสังหารเขาได้แล้ว!

‘นี่…นี่มัน…เป็นไปได้อย่างไร…แข็งแกร่งขนาดนี้!!!’ ใบหน้าจ้าววิญญาณเมฆาซีดเผือดอย่างสิ้นเชิงและเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขาสัมผัสความแตกต่างระหว่างหวังหลินตอนนี้และหวังหลินเมื่อร้อยปีก่อนได้อย่างชัดเจน มันเหมือนฟ้ากับเหว!

จ้าววิญญาณเมฆาพุ่งออกไปจากถ้ำโดยไม่ลังเลและเห็นหวังหลินลอยู่ในท้องฟ้า วินาทีที่เขาเห็นหวังหลิน ความคิดขาวโพลน เสียงหัวใจเต้นระรัวบังเสียงทุกอย่างจนมิด

รอบด้านเงียบสนิทไร้สิ้นเสียงอันใด แต่ในใจจ้าววิญญาณเมฆานั้นโลกใบนี้กลายเป็นฝ่ามือหวังหลิน เขาถูกขังไว้ในฝ่ามือหวังหลินโดยไม่มีทางออก ชีวิตไม่เป็นของตัวเองอีกต่อไปแต่อยู่ในมือคนตรงหน้า

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาเกิดความรู้สึกประหลาดจากตรงกลางหน้าผากหวังหลิน แม้จะไม่มีอะไรอยู่ตรงนั้นแต่เขารู้สึกเหมือนมีตาอีกข้างกำลังจ้องมองมา

ตาดวงนั้นแฝงกฎที่เขาไม่อาจจินตนาการได้ รู้สึกเหมือนเพลิงสีฟ้า สายฟ้าและเจตนาต่อสู้ที่ทำให้วิญญาณดั้งเดิมพังทลายได้ ทุกอย่างออกมาจากตาดวงที่สามนั้น

ตอนที่หวังหลินบิดเบือนการเคลื่อนย้ายของเขาคราวนั้น ทำให้เขาปรากฏตัวในหุบเขาที่เต็มไปด้วยเหล่าอสูรดุร้าย แม้จะรู้สึกกลัวแต่กลับเล็กน้อยมากเทียบกับตอนนี้ ในมุมมองเขากลิ่นอายของหวังหลินได้กวาดไปทั่วดินแดนเจ็ดสีและเขารู้สึกเหมือนกับเป็นมดเบื้องหน้าหวังหลิน!

ความรู้สึกนี้รุนแรงขึ้นจนทำให้ใบหน้าจ้าววิญญาณเมฆาซีดเผือดไปเรื่อยๆ

หวังหลินจ้องจ้าววิญญาณเมฆาอย่างเย็นเยียบและยกแขนขวาขึ้นมา ชี้ใส่ความว่างเปล่า สายตาเยือกเย็นปะทะกับจ้าววิญญาณเมฆา

อักขระประหลาดปรากฏขึ้นจากแขนขวาหวังหลินและค่อยๆลอยเข้าหาจ้าววิญญาณเมฆา อักขระนี้ไม่ได้เร็วนัก หากจ้าววิญญาณเมฆาต้องการหลบก็ทำได้ง่ายๆ

ทว่าเบื้องหน้าสายตาอันเยือกเย็นของหวังหลิน เหงื่อเม็ดโป้งไหลออกจากหน้าผากจ้าววิญญาณเมฆาและเขาไม่กล้าเคลื่อนไหว เขารู้สึกรุนแรงว่าหากกล้าเคลื่อนไหว สิ่งที่รอเขาอยู่คงเป็นความตาย

เขาเชื่อว่าหวังหลินสามารถทำได้และฆ่าเขาได้ในทันที! มันคือสัมผัสแห่งการคาดการณ์ที่เขามีมาตลอดการฝึกเซียน เขาไม่เคยรู้สึกมันชัดเจนเหมือนดั่งวันนี้!

เขาอดไม่ได้ที่จะมองอักขระใกล้ๆและเริ่มดิ้นรน แต่ท้ายที่สุดก็ยอมแพ้การต่อต้าน ยอมให้อักขระฝังตัวเองตรงกลางหน้าผากเขา

วินาทีที่อักขระร่อนลงมา เพลิงสีฟ้า สายฟ้าและเจตนาต่อสู้ในวิญญาณดั้งเดิมของเขาได้รวมกันตรงกลางหน้าผาก พวกมันผสมผสานกับอักขระและกะพริบอยู่ไม่กี่ครั้งก่อนจะหายไป

จ้าววิญญาณเมฆาลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก จากนั้นกล่าวกระซิบด้วยความเคารพยิ่ง “ข้าน้อยขอคำนับนายท่าน”

ด้วยระดับบ่มเพาะของเขาจึงมองเห็นได้ว่าอักขระนั้นไม่ใช่เพื่อสังหารแต่เพื่อควบคุม แม้อีกฝ่ายไม่ได้กล่าวไว้อย่างชัดเจน แต่การกระทำของหวังหลินเผยเจตนาได้

ชีวิตของเขาตอนนี้จะเป็นทาสรับใช้หวังหลินหรือตายก็เลือกเอา!

นี่คือความคิดจริงๆของหวังหลิน หากจ้าววิญญาณเมฆาไม่ยอมจำนน เขาคงไม่คิดจะสังหารอยู่ดี หวังหลินถอนสายตาออกมาและเอ่ยขึ้นอย่างเย็นเยียบ “ข้าหลับไปนานแค่ไหน?”

จ้าววิญญาณเมฆารู้สึกขมขื่นในใจ แต่ก็ไม่ฝืน ทว่าร่องรอยความงุนงงอยู่โดยเฉพาะความคิดเรื่องหวังหลินเมื่อร้อยปีก่อน เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา

พอได้ยินคำถาม จึงรีบตอบด้วยความเคารพ “นายท่านหลับมาเป็นเวลา 99 ปี”

หวังหลินสีหน้าท่าทางเป็นปกติดีแต่จิตใจตกตะลึง เขาจ้องมองโลกมืดๆเบื้องหน้าและขบคิดเงียบๆ

‘เช่นนั้น…ผ่านมานานขนาดนี้เชียว…’

จ้าววิญญาณเมฆาไม่กล้ารบกวนหวังหลิน เขาเพียงจ้องมองหวังหลินด้วยท่าทีซับซ้อน ไม่เคยคิดว่าคนที่เขามองด้วยความดูถูกเมื่อร้อยปีก่อนจะกลายเป็นนายของตัวเอง

วินาทีต่อมา ร่างหวังหลินสั่นเทาและลอยออกไปไกล จ้าววิญญาณเมฆาติดตามไปและถอนหายใจ

ด้วยระดับบ่มเพาะของหวังหลินตอนนี้เขาจึงเคลื่อนตัวเร็วมากและมาถึงหุบเขาของซือหม่าโม่ได้เพียงแค่ต้องการ สถานที่แห่งนี้ถูกละเว้นเอาไว้ตอนที่เปลวเพลิงและสายฟ้ากวาดผ่านไปทั่วดินแดนเจ็ดสี

หวังหลินสะบัดแขนขวาก้าวเดินเข้าไปในหุบเขา จ้าววิญญาณเมฆายืนอยู่ข้างนอกด้วยความเคารพ เมื่อไม่มีคำสั่งของหวังหลิน เขาก็ไม่กล้าก้าวเข้าไปแม้เพียงครึ่งก้าว

หวังหลินมองฉากอันคุ้นเคยข้างในหุบเขา ร้อยปีผ่านไปเร็วเกินจนเขาเตรียมตัวไม่ทัน

‘ต้าเสินน่าจะหนีออกมาได้แล้ว!’ หวังหลินดวงตาส่องสว่างและตรงไปที่ถ้ำแห่งแรก ส่งสัมผัสวิญญาณออกไปและถอนหายใจอย่างโล่งอก

ข้างในขตอาคมของถ้ำแรกนั้น ผลึกดั้งเดิมถูกใช้จนหมดและวิญญาณอสูรทั้งหมดก็หายเกลี้ยง เหล่าอสูรยุงกำลังนอนอยู่บนพื้นพร้อมกับโครงสร้างรูปดักแด้รอบๆตัว มันอ่อนแอมากและดูเหมือนจะไม่มีแรงทำลายให้เป็นอิสระ

เมื่อสัมผัสวิญญาณของหวังหลินเข้าไป อสูรยุงที่อ่อนแอพลันลืมตาขึ้นทันที พวกมันเกิดอาการงุนงงแต่ในไม่นานก็เต็มไปด้วยความสุข มันเริ่มดิ้นรนแต่ตอนนี้ยังขาดผลึกดั้งเดิมเพื่อให้เปลี่ยนร่างอยู่ ดังนั้นจึงไม่สามารถทะลวงออกมาได้

หลังจากหวังหลินเห็นแบบนี้ หัวใจเกิดความเจ็บปวดพลางเปิดถ้ำและเข้าไปข้างใน ยื่นแขนขวาออกไปเปิดมิติเก็บของ ผลึกดั้งเดิมทั้งหมดที่เขามีลอยออกมา

เมื่อปรากฏผลึกดั้งเดิม พวกมันปลดปล่อยพลังดั้งเดิมหนาแน่นและลอยเข้าหารังไหม อสูรยุงเริ่มดูดซับมันและเปลี่ยนแปลงรูปร่างต่อไป

“ไปนำเฉินเทียนจุนมาที่นี่ เขาน่าจะยังมีชีวิตอยู่!” หวังหลินส่งข้อความสัมผัสวิญญาณออกไปนอกหุบเขาและเข้าสู่ความคิดจ้าววิญญาณเมฆา

จ้าววิญญาณเมฆารับรู้ได้ทันทีพลางพุ่งออกไปไกล

เฉินเทียนจุนนั่งอยู่ในถ้ำแห่งเดิมเมื่อร้อยปีก่อน ความคิดซับซ้อนมากตลอดช่วงระยะเวลาร้อยปี ความหวังจะออกไปจากที่นี่ของเขาหายไปแล้ว เขามักจะจ้องมองโลกอันมืดมิดและคิดถึงชีวิตก่อนที่จะเข้ามาที่นี่

‘อาจารย์และสหายข้าน่าจะอยู่ในเขตระดับเก้าในสนามรบต่อสู้กับเหล่าอสูร…ข้าควรจะอยู่ตรงนั้น…ข้าไม่ควรอยู่ที่นี่…’

เขาใช้ชีวิตร้อยปีอย่างโดดเดี่ยวในโลกมืดๆแห่งนี้ เขาเริ่มหมดหวังขึ้นมา แต่ในวินาทีที่หวังหลินตื่น แสงสว่างนั้นผุดขึ้นมาในความมืดทำให้เฉินเทียนจุนสั่นเทา

เขาต้องการจะออกไปจากที่นี่ ต้องการออกไปจากที่นี่มาก อารมณ์ความต้องการนี้เพียงพอจะเผาไหม้วิญญาณของเขาได้ เขายืนขึ้นทันทีก่อนจะพุ่งตัวออกไป พอมองออกไปความคิดพลันสั่นสะท้าน

‘เขา…เขากลับมา!!!’

ขณะที่รออย่างใจจดใจจ่อ เฉินเทียนจุนเห็นลำแสงหนึ่งอยู่ไกลๆ เขาเห็นจ้าววิญญาณเมฆาอยู่ในลำแสงและรู้สึกจิตใจเต้นรัว ก้าวถอยหลังและระมัดระวังตัว

จ้าววิญญาณเมฆาลอยอยู่ในอากาศและมองไปที่เฉินเทียนจุนอย่างใจเย็น พลางเอ่ยออกมา “สหายเซียนเฉิน นายท่านต้องการพบเจ้า โปรดตามข้ามา”

‘นายท่าน?’ เฉินเทียนจุนตกตะลึง ขบคิดเล็กน้อยดูเหมือนจะจดจำบางอย่างได้ สูดหายใจลึกและติดตามจ้าววิญญาณเมฆาไปโดยไม่ได้พูดอะไรสักคำ

หลังจากนั้นไม่นานเฉินเทียนจุนก็มาถึงถ้ำของซือหม่าโม่ เขาสัมผัสกลิ่นอายของหวังหลินอยู่ที่นี่อย่างชัดเจน ดวงตาเผยความยินดี

“สหายเซียนเฉิน โปรดเข้ามาข้างใน” หวังหลินเอ่ยออกมาจากในหุบเขา เฉินเทียนจุนเข้ามาในหุบเขาอย่างตื่นเต้น เขาเห็นร่างหวังหลินอยู่นอกถ้ำทันที

“พี่หลิว…” เมื่อเฉินเทียนจุนเห็นหวังหลิน น้ำเสียงสั่นเทาด้วยความตื่นเต้น หลังจากรอคอยมาร้อยปีในที่สุดวันนี้ก็มาถึง แม้แต่เขาเองก็ยังพบว่าควบคุมอารมณ์ได้ยากเลย

“เจ้าได้ผลึกดั้งเดิมมาพอไหม?” หวังหลินพยักหน้าเบาๆ

“พอสิ มากกว่าพอเสียอีก!” เฉินเทียนจุนยกแขนขึ้นมาและเปิดมิติเก็บของ เขานำกระเป๋าออกมาและยื่นมันให้หวังหลินด้วยความเคารพ

หลังจากหวังหลินรับมา ตรวจสอบด้วยสัมผัสวิญญาณก่อนจะทิ้งข้อความหนึ่งไว้และเดินเข้าถ้ำ

“รอข้าด้วย ข้าจะพาท่านออกไปจากที่นี่!”

เฉินเทียนจุนรอมาร้อยปีก็เพื่อสิ่งนี้ เขาสูดหายใจลึกและระงับความตื่นเต้น จากนั้นเงยหน้ามองฟ้ามืด ตอนนี้ถึงจะแม้แต่ดูเหมือนมันสว่างยิ่งกว่าเดิม

‘ในที่สุดเราก็สามารถออกไปจากที่นี่ได้!’

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version