Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1223

Cover Renegade Immortal 1

1223. การเปลี่ยนแปลงอันตื่นตะลึง

หวังหลินอยู่ในถ้ำแห่งแรก เปิดกระเป๋าออกมามีผลึกดั้งเดิมจำนวนมาก ดูเหมือนเฉินเทียนจุนตั้งใจเก็บรวบรวมมันมาเป็นอย่างดี หวังหลินสะบัดแขนคราเดียว ผลึกดั้งเดิมทั้งหมดจากกระเป๋าก็ลอยออกมาใส่เขตอาคมรอบด้าน

เสียงปุปปับดังกึกก้องพร้อมกับผลึกทั้งหมดที่หวังหลินวางเอาไว้ก่อนหน้านี้ถูกดูดและหายกลายเป็นฝุ่น จากนั้นผลึกดั้งเดิมก้อนใหม่ก็เติมเข้าไปอีก

พลังดั้งเดิมจำนวนมากเข้าไปสู่อสูรยุงผ่านเขตอาคม พลังชีวิตจำนวนมากมายเข้าสู่ร่างพวกมันและค่อยๆฟื้นตัวจากสภาวะอ่อนแอ

ลำตัวสีม่วงหายไปแล้วและถูกแทนที่ด้วยแสงสีทองเจือจาง

แสงสีทองมืดมนยิ่งแต่เมื่อมันปรากฏขึ้นมา ร่างอสูรยุงถึงกับปลดปล่อยแรงกดดัน

ร้อยปีแห่งการหลอมด้วยผลึกดั้งเดิมให้เพียงพอถือว่าทำให้สำนักใดก็ตามเจ็บปวดใจ แต่แล้วในที่สุดมันก็ทำให้อสุรยุงเปลี่ยนร่างได้สำเร็จผ่านกรรมวิธีพิเศษ

ขณะที่พลังดั้งเดิมเข้าสู่พวกมันไปเรื่อยๆ อสูรยุงยิ่งดูดีขึ้นและดีขึ้น มันเริ่มดิ้นรนและร้องคำราม เมื่อผลึกดั้งเดิมในกระเป๋ากว่าเจ็ดในสิบส่วนถูกใช้ไป อสูรยุงร้องคำรามและพุ่งออกมาจากรังไหม ปากแหลมคมของมันแทงเข้าไปในรังไหมและดูดจนเกลี้ยง

เสียงร้องคำรามดังสะท้อนออกมาจากถ้ำ อสูรยุงสีทองตัวซีดพลางร้องเสียงดังและหมุนวนเป็นวงกลมรอบหวังหลิน จะงอยปากขนาดใหญ่เลียหวังหลินและดูตื่นเต้นมาก

ขนาดเจ้ายุงเปลี่ยนไปจนยาวเพียงสามสิบฟุตเท่านั้น แต่มันกลับปลดปล่อยกลิ่นอายของเซียนขั้นชำระสวรรค์ออกมาได้

หวังหลินสะบัดแขนด้วยรอยยิ้มและเก็บเจ้ายุงกลับไป อสูรยุงคือไพ่ตายของเขา ก่อนที่เขาจะสร้างฝูงพวกมันขึ้นมาได้ จะไม่ยอมปล่อยให้คนอื่นเห็น

หลังเดินออกมาจากถ้ำ หวังหลินขบคิด จากนั้นเก็บของทุกอย่างในถ้ำรวมถึงเตาหลอมขนาดยักษ์ด้วย ส่วนถ้ำที่มีเหล่าผู้หลงทางและผู้รู้แจ้ง ทั้งหมดล้วนว่างเปล่าเนื่องจากตายไปในการต่อสู้ระหว่างเขากับชายชราผมขาวตอนที่เรียกเจตนาแห่งเต๋าทั้งหมดออกมา

แม้แต่ชายชราในถ้ำที่แปดยังหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เหลือเพียงเถ้ากระดูกอยู่บนพื้น

แม้ว่าซือหม่าโม่จะค้นพบคนของสำนักตัวเอง แต่ไม่มีใครตื่นขึ้นมาและหายไปหมด หวังหลินถอนหายใจพลางยืนอยู่นอกถ้ำที่หก กดฝ่ามือลงไปบนประตูหิน

เขตอาคมแห่งเวลากระเพื่อมเป็นระลอกคลื่น ดวงตาหวังหลินส่องสว่าง แขนขวากำหมัดกระแทกใส่อย่างรุนแรง พลังอันแข็งแกร่งออกมาจากหวังหลินและร่อนลงบนก้อนหิน

ดวงดาวที่เกิดขึ้นจากกฎของหวังหลินกะพริบวูบวาบ ก้อนหินใต้กำปั้นเขาแตกร้าวและพังทลายพร้อมกับเกิดเสียงดังสนั่นสะเทือนสวรรค์!

เฉินเทียนจุนเห็นกับตาตัวเอง เขามองหวังหลินพลางอ้าปากค้าง แม้กระทั่งจ้าววิญญาณเมฆาที่อยู่นอกหุบเขายังสังเกตได้และความคิดสั่นเทา

ยามที่เขาเปิดก้อนหิน หวังหลินสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าตัวเขาเองแข็งแกร่งมากกว่าเมื่อก่อนยิ่ง ความรู้สึกนี้ช่างดีนัก…

หวังหลินเข้ามาในถ้ำ หยิบหินหยกข้างในและตรวจสอบด้วยสัมผัสวิญญาณ เป็นไปตามคาด หินหยกบรรจุองค์ความรู้ของเขตอาคมแห่งเวลา!

ด้วยวิธีเดียวกันนี้ หวังหลินจึงเปิดถ้ำที่เจ็ดและเก็บหินหยกข้างในมาด้วย เขาตรวจสอบด้วยสัมผัสวิญญาณ จดจำเขตอาคมแห่งเวลาเอาไว้ให้ขึ้นใจและบดขยี้หินหยก

เขตอาคมแห่งเวลาเป็นหนึ่งในสี่ยอดเขตอาคมแห่งยุค แม้กระทั่งซือหม่าโม่ยังต้องใช้เวลาเป็นร้อยปีเพื่อศึกษาเรียนรู้มัน เขตอาคมนี้ลึกล้ำมากจึงต้องเรียนรู้อย่างระมัดระวัง หากระดับบ่มเพาะหวังหลินไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดหรือไม่มีความรู้เรื่องเขตอาคม หรือไม่ได้สืบทอดเขตอาคมทำลายล้างมา เขาคงไม่สามารถทำลายมันได้ง่ายๆ

นอกจากนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือซือหม่าโม่ไม่ได้เรียนรู้แก่นแท้ของเขตอาคมแห่งเวลา เขาไม่ได้มีเวลามากพอและเพิ่งจะเรียนรู้ได้เท่านั้น

หวังหลินไม่ยอมให้คนอื่นเรียนรู้มันจากหินหยกได้ ดังนั้นเขาจึงทำลายมันเพื่อที่ตนเองจะเชี่ยวชาญได้คนเดียว

ถ้ำแห่งที่เก้ามีเขตอาคมมากที่สุดและเป็นถ้ำที่ลึกลับที่สุดของซือหม่าโม่ หวังหลินเห็นหมอกเจ็ดสีอยู่ข้างในแต่ไม่สามารถมองเข้าไปในหมอกได้

เขาเคลื่อนตัวมาข้างนอกถ้ำที่เก้า วางแขนขวาไว้บนก้อนหินและกดลงไป ระลอกคลื่นแพร่กระจายข้ามผ่านก้อนหินและมันค่อยๆโปร่งใส หวังหลินมองเข้าไปในถ้ำด้วยแววตาประกายแสง เห็นหมอกเจ็ดสีที่ดูเหมือนจะอยู่มาอย่างยาวนาน

แสงเจ็ดสีดูเหมือนจะรั่วไหลออกมาจากถ้ำ ส่องสว่างขึ้นในหุบเขาอันมืดมิด

พอมองไปที่หมอกเจ็ดสีในถ้ำ หวังหลินเห็นบางอย่างได้เลือนลาง ใจกลางหมอกเจ็ดสีตรงนั้นมีโครงกระดูกอยู่

มันเป็นซากอสูรและดูเหมือนจะเป็นกวางตัวเล็กๆ ทว่ามีกระบี่สั้นเล่มหนึ่งแทงเข้าในกระดูกอสูรร่างนั้น

เมื่อหวังหลินเห็นสิ่งนี้ ดวงตาส่องสว่างขึ้นและจดจำได้ทันทีว่าเขาเคยเห็นแบบนี้มาก่อนในดินแดนเจ็ดสี

เขาไม่เข้าใจว่านี่มันหมายความว่าอะไร หลังจากขบคิดอยู่นาน หมัดขวาหวังหลินกระทบใส่ก้อนหิน ส่งเสียงดังกึกก้องแต่ก้อนหินไม่บุบสลาย

หวังหลินขมวดคิ้ว จากนั้นส่งกำปั้นเข้าไปอีกหลายหมัดและถอนหายใจเย็น เสียงดังสนั่นหวั่นไหวคล้ายหุบเขากำลังสั่นสะเทือน ก้อนหินเกิดรอยแตกร้าวจำนวนมากจนกระทั่งแตกสลายกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อย

การพังทลายของก้อนหินไม่ได้ทำให้หมอกเจ็ดสีเปลี่ยนไปเลย มันยังอยู่ที่เดิมและเคลื่อนไหวประหลาด หวังหลินดวงตาส่องสว่าง ก้าวเดินเข้าไปในถ้ำ หยุดอยู่นอกสายหมอกและเริ่มสังเกตมันอย่างระมัดระวัง

หลังจากนั้นสักพักหวังหลินจึงมีสีหน้าเปลี่ยนไปและเห็นเบาะแสบางอย่าง หมอกนี้ไม่ได้ผุดขึ้นมาจากความว่างเปล่า ดูเหมือนว่า…มันจะมาจากซากโครงกระดูกกวาง

‘น่าสนใจ…’ หวังหลินดวงตาส่องสว่างและยกแขนขวาขึ้นมายื่นเข้าไปในหมอก แต่สีหน้าพลันเปลี่ยนไปและหยุดแขน ตอนนี้เขาสัมผัสได้ชัดเจนว่าวิญญาณดั้งเดิมของเทียนหยุนกำลังดิ้นรนพุ่งออกมาจากตราประทับผนึกเทพ

เป็นครั้งแรกที่วิญญาณที่ถูกผนึกได้หลุดออกมาจากวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่ยามที่ไม่ได้อัญเชิญมา

หวังหลินส่งความคิดเข้าไปในตราประทับผนึกเทพทันที กวาดไปยังนรกสิบแปดชั้นที่มีวิญญาณของเทียนหยุนอยู่และผสานเข้ากับมันโดยไม่ลังเล

กลิ่นอายของหวังหลินค่อยๆเปลี่ยนไป เขาไม่ดูเหมือนหวังหลินอีกแล้วแต่กลายเป็นเทียนหยุน ตนเองสงบนิ่งราวกับทุกอย่างในโลกอยู่ใต้การควบคุมและไม่มีสิ่งใดจะทำให้เขาขยับได้

พอจับสัมผัสวิญญาณของเทียนหยุนได้ หวังหลินจึงสัมผัสความต้องการของวิญญาณต่อสายหมอกเจ็ดสีได้ ความต้องการนี้รุนแรงมากจนพยายามทะลวงออกมาจากตราประทับผนึกเทพ

‘แรงปรารถนา…ข้าอยากจะเห็นว่าหมอกเจ็ดสีนี้ใช้ทำอะไรให้เจ้าได้!’ หวังหลินเผยแววตาแสงเจ็ดสี แขนขวายื่นเข้าไปในหมอก

วินาทีนั้นหมอกเจ็ดสีจึงปั่นป่วนและเข้าไปในแขนขวาหวังหลิน ไม่นานนักหมอกเจ็ดสีก็หายไปหมด แต่มันปรากฏบนกระดูกอสูรมากขึ้น และหมอกอันใหม่นั้นได้ถูกแขนขวาหวังหลินดูดซับไปด้วย

สายหมอกเข้าไปในพลังดั้งเดิมของหวังหลินและพุ่งตรงเข้าไปในตราประทับผนึกเทพ วิญญาณของเทียนหยุนเริ่มดูดซับอย่างบ้าคลั่ง ราวกับเขากำลังเปลี่ยนจากภาพมายาให้มีร่างกายเนื้อ หวังหลินรู้สึกเหมือนตนเองกำลังมองดูเทียนหยุนจริงๆมากกว่าจะเป็นวิญญาณเทียนหยุนสองดวงจากร่างอวตาร!

ผ่านไปเพียงสิบห้านาที กระดูกอสูรไม่ปลดปล่อยหมอกเจ็ดสีออกมาอีกแล้ว หมอกทั้งหมดที่เข้าไปในร่างหวังหลินได้ถูกวิญญาณของเทียนหยุนดูดซับ วิญญาณมันนั่งลงราวกับกำลังย่อยอาหาร ความรู้สึกที่หวังหลินไม่ชอบจึงมีมากขึ้นและมากขึ้นอย่างชัดเจน

‘น่าสนใจมาก…’ หวังหลินสังเกตการณ์อยู่สักพัก จากนั้นถอนสัมผัสวิญญาณมา สายตามองลงบนกระบี่สั้นที่ปักในโครงกระดูก

หวังหลินดึงกระบี่ออกมาและตรวจสอบอย่างละเอียด มันมีผนึกอยู่ด้วยและเหมือนกับที่เขาเคยได้มาก่อนหน้านี้ ตอนที่ดึงกระบี่ออกมา โครงกระดูกพลันเปลี่ยนกลายเป็นเถ้าถ่าน

หวังหลินรู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาปลดปล่อยผนึก เขาเก็บกระบี่สั้นและเดินออกไปจากถ้ำ

หวังหลินเอ่ยน้ำเสียงเบาๆพลางมองบนท้องฟ้ามืดมิด “เราไปกันเถอะ!” เพียงแค่นั้นเขาก็เคลื่อนตัว พาเฉินเทียนจุนออกมาจากหุบเขา จ้าววิญญาณเมฆาติดตามมา ทั้งสามคนพุ่งเข้าหาสุดขอบของดินแดนเจ็ดสี

หวังหลินเป็นคนนำทาง จากนั้นกลิ่นอายหนึ่งพลันปรากฏออกมาไกล มันคือหญิงชราชุดเขียว นางดูเหมือนจะลังเลและไม่กล้าเข้ามาใกล้เกินไป แต่ก็ติดตามด้านหลังอยู่ห่างๆแทน

แสงสี่สายเหาะข้ามผ่านท้องฟ้าและมาถึงสุดขอบดินแดนเจ็ดสี พวกเขามาถึงตำแหน่งที่มีแท่นอยู่เหมือนกับตอนที่มาถึง แต่ตอนนี้แท่นนั้นพังทลายไปแล้ว

หวังหลินยืนอยู่พลันใช้ฝ่ามือสร้างผนึก วิธีในการออกไปจากที่นี่เขาได้รับมาจากปรมาจารย์คังจงซื่อแล้ว ฝ่ามือขยับเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและปรากฏผนึกขึ้นในอากาศ ขณะที่มันเรืองแสงอ่อนๆ พลันมีรอยแตกล่องหนเปิดขึ้นมาอย่างช้าๆ

ทว่าวินาทีนั้นสีหน้าท่าทางหวังหลินพลันเปลี่ยนไป ฝ่ามือหยุดชะงัก เงยศีรษะขึ้นมองท้องฟ้ามืดมิด ตรงนั้นปรากฏวังวนยักษ์ขึ้นมาจากความว่างเปล่า ดูคล้ายจะทำให้ท้องฟ้าพังทลายและทำให้เศษท้องฟ้ากลายเป็นส่วนหนึ่งของวังวน

ดวงตาหนึ่งคู่อันโหดเหี้ยมซึ่งผ่านกาลเวลามาอย่างยาวนาน พลันปรากฏภายในวังวนและมองมาใส่หวังหลิน!

“เจ้ากินผลไม้เต๋าของข้าไปและจะจากไปง่ายๆแบบนี้หรือ?”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version