1229. เป้าหมาย แดนสวรรค์วายุ!
การกลับมาของหวังหลินไม่ได้ทำให้เกิดความปั่นป่วนอันใด การแข่งขันครั้งยิ่งใหญ่กำลังเกิดขึ้นในเขตระดับแปด ดังนั้นจึงไม่มีใครรับรู้การคงอยู่ของเขา อีกทั้งหวังหลินก็แทบจะเป็นคนแปลกหน้าในทะเลเมฆา
แม้จะไม่มีงานสำคัญในเขตระดับแปดก็ไม่มีใครรู้ว่าหวังหลินกลับมา ไม่มีใครรู้ว่าชื่อเสียงเขาในทะเลเมฆากำลังจะเริ่มต้นขึ้น
หลังจากถอนสายตา หวังหลินก็นั่งลง แผ่นดินป่าแห่งนี้อยู่เปล่าเปลี่ยวดังนั้นจึงมีน้อยคนนักจะมาที่นี่ หวังหลินเดาว่าเนื่องด้วยการแข่งขันในสำนักหลักที่กำลังเริ่ม การจะมีคนมาที่นี่ได้ยิ่งมีน้อยกว่าเดิม
หวังหลินขบคิดนึกย้อนไปถึงทุกอย่างที่เกิดขึ้นในดินแดนเจ็ดสีและรู้สึกเสียใจ
“เข้าไปเจ็ดคน กลับมาเพียงข้าคนเดียว…ตอนที่ข้าเข้าไป ข้าเป็นเพียงขั้นชำระสวรรค์ระดับต้นเท่านั้น ส่วนตอนนี้…” แม้หวังหลินจะดูเหน็ดเหนื่อยแต่แววตาเปล่งประกาย “ข้าอีกเพียงครึ่งก้าวสู่ขั้นทลายสวรรค์!”
ทุกสิ่งทุกอย่างที่หวังหลินพบเจอมาในดินแดนเจ็ดสีปรากฏขึ้นเป็นฉากๆในใจ โครงกระดูกของจางซิงเย่ ถ้ำของซือหม่าโม่ การตื่นขึ้นครั้งที่สามของวิหคเพลิง การดูดซับแสงจากดินแดนชั้นนอก เหล่าผู้หลงทาง เหล่าผู้รู้แจ้ง รูปปั้นเต๋าที่เขาไม่รู้ว่าเป็นของจริงหรือของปลอม เขาเกือบค้นพบความลับของเทียนหยุน เขาเห็นการเลียนแบบลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าและเรียนรู้ตัวตนของผู้ฝืนชะตา
เขาต่อสู้กับคังจงซื่อและถูกลิ่มเจ็ดสีโจมตีใส่ เขาต่อสู้กับชายชราผมขาวและกลืนกินผลไม้เต๋า ลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าเปิดใช้งานและผู้ดูแลดอกไม้ได้รับบาดเจ็บสาหัส สิ่งสำคัญที่สุดคือระดับบ่มเพาะของเขาเพิ่มขึ้นและพวกอสูรยุงผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ!
เขาได้รับเขตอาคมแห่งเวลาและได้กระบี่สองเล่มที่แทงเข้าไปในซากกวางลึกลับอีก ทั้งหมดนี้ทำให้หวังหลินตื่นเต้น ช่วงเวลาร้อยปีผ่านไปอย่างรวดเร็วและความแตกต่างครั้งนี้ราวกับฟ้าดิน!
‘สิ่งต่างๆมักเปลี่ยนแปลง มีได้และมีเสียอยู่เสมอ…ในการต่อสู้กับปรมาจารย์คังจงซื่อ กระบี่เหล็กที่เป็นของข้ามาหลายปีพังทลายไป ในการต่อสู้กับจ้าวแห่งเต๋าความฝัน กระบี่ผลึกก็แตกสลาย ขวานรบพังทลาย แม้กระทั่งเตาหลอมเทพโบราณก็ด้วย…สิ่งสำคัญที่สุดคือ ดาวดวงที่หกที่กำลังสร้างขึ้นมาได้แตกสลายไปอีก’
หวังหลินถอนหายใจและพึมพำ “โชคดีที่ดวงดาวแห่งกฎยังอยู่ดี…แม้ดาวดวงที่หกจะพังทลายไปแล้ว ตราบใดที่ร่างกายข้าผ่านบททดสอบที่สอง มันสามารถฟื้นฟูได้ อีกทั้งข้าก็บรรลุระดับนั้นมาก่อนแล้ว การฟื้นฟูกลับมายิ่งง่ายกว่าการปีนสูงขึ้นไป”
หวังหลินดวงตาส่องสว่าง ประเมินสิ่งที่ได้และเสียไปอย่างละเอียด เห็นได้ชัดว่าเมื่อเทียบกับสิ่งที่เสียไป ผลประโยชน์ที่เขาได้รับในการเดินทางสู่ดินแดนเจ็ดสีครั้งนี้นับว่ามากมายมหาศาล!
แขนขวาโบกสะบัดใส่ความว่างเปล่าและเปิดมิติเก็บของ วิญญาณดั้งเดิมสองดวงลอยออกมา สองวิญญาณนี้คือคนของขอบเขตชั้นนอกที่มีรอยสักสายฟ้าและเปลวเพลิง
หวังหลินไม่ได้ฆ่าทั้งสองแต่เลือกจะเก็บเอาไว้ เขากดมือลงไปบนดวงวิญญาณและค้นความทรงจำพวกมันด้วยกำลัง สองวิญญาณสั่นเทาและกรีดร้องโหยหวน พวกมันอ่อนแอจนกระทั่งระเบิดกลายเป็นพลังดั้งเดิมซึ่งหวังหลินดูดซับไปช่วยให้ฟื้นฟูได้อีก
ข้างในดินแดนเจ็ดสี หวังหลินได้ค้นความทรงจำของหนุ่มที่มาจากเผ่าทาสแล้ว ตอนนั้นเขาค้นความทรงจำได้ดี ความเข้าใจต่อเขตชั้นนอกจึงเพิ่มขึ้น
หวังหลินดวงตาส่องสว่างและพึมพำ “ดาราจักรโบราณ…ห้ายอดปรมาจารย์โบราณ!”
เขาหยิบเม็ดยาฟื้นฟูออกมาจำนวนมากและกลืนกินเข้าไป พลางใช้ฝ่ามือสร้างผนึกก่อนจะหลับตาลง แม้กำลังฟื้นฟูตัวเองอยู่แต่สัมผัสวิญญาณแพร่กระจาย หากมีปัญหาอันใดเขาจะตื่นได้ทันที
ขณะที่หวังหลินฟื้นฟูตัวเอง พลังดั้งเดิมในโลกค่อยๆรวมตัวกันและถูกเขาดูดซับ
เวลาผ่านไปสามวัน หวังหลินลืมตาขึ้น สายตาดุจประกายสายฟ้าจ้องมองออกไปทะลุสายหมอกเบื้องหน้า
พลันยืนขึ้น แม้อาการบาดเจ็บในร่างยังไม่ฟื้นตัวได้เต็มที่ แต่นี่ไม่ส่งผลกระทบต่อการต่อสู้ เขาเพียงต้องใช้เวลาสักหน่อยเพื่อฟื้นฟูตัวเอง อย่างไรก็ตามอาการบาดเจ็บทางวิญญาณดั้งเดิมนั้นสาหัสมาก การฟื้นฟูให้ได้ในช่วงระยะเวลาอันสั้นเป็นสิ่งที่ยากยิ่ง
หวังหลินขบคิดเล็กน้อย เขายังรู้สึกเจ็บปวดในวิญญาณดั้งเดิม ตอนนี้พอคิดถึงฝ่ามือจากจ้าวแห่งเต๋าความฝัน เขายังรู้สึกตื่นตะลึง
‘นี่คือความแข็งแกร่งของขั้นที่สาม…’ หวังหลินดวงตาส่องสว่าง
‘ไม่ช้าก็เร็ว ข้าจะบรรลุขั้นนั้นให้ได้แน่!’ หวังหลินมองสร้อยข้อมือและถอนหายใจ เขาถอดมันออกและเก็บใส่มิติเก็บของ
พลันสะบัดฝ่ามือขวา วิญญาณดั้งเดิมสามดวงลอยออกมาจากมิติเก็บของ
วิญญาณดวงแรกคือเฉินเทียนจุนแต่เหลือเพียงครึ่งดวงและอยู่ในสภาวะใกล้ตายร่อแร่ มันพร่ามัวและดูเหมือนจะหายไปได้ทุกเวลาหากมีสายลมพัดผ่าน
หวังหลินสัญญาว่าจะพาเขาออกมาจากดินแดนเจ็ดสี แม้จะสำเร็จแต่ร่างกายเฉินเทียนจุนแตกสลาย วิญญาณดั้งเดิมสามารถโดนทำลายได้ทุกขณะ
ขณะครุ่นคิด สัมผัสวิญญาณหวังหลินแพร่กระจาอยอกไปและเข้าสู่วิญญาณดั้งเดิมของเฉินเทียนจุน
“สหายเฉิน เราออกมาจากดินแดนเจ็ดสีแล้ว” ข้อความหวังหลินดังสะท้อนอยู่ภายใน
“ขอบคุณมากสหายเซียน…ได้โปรด…ช่วยข้าอีกครั้ง…ส่งข้ากลับไปที่สำนักอสูรรบ อาจารย์ข้าสามารถช่วยได้” วิญญาณของเฉินเทียนจุนอ่อนแอเกินไป หลังจากส่งข้อความนี้ออกมา วิญญาณยิ่งพร่ามัวมากขึ้น
“ตกลง!” หวังหลินรับปาก จากนั้นสะบัดแขนเก็บวิญญาณของเฉินเทียนจุนไว้ในมิติเก็บของ สายตาตกลงบนวิญญาณดวงที่สองซึ่งเป็นหญิงชราชุดเขียว
ดวงตานางหลับสนิท แม้วิญญาณจะพร่ามัวแต่ไม่แสดงทีท่าว่าจะแตกสลาย สภาพของนางดีกว่าของเฉินเทียนจุนมากนัก ทั้งยังมีผนึกของหวังหลินบนวิญญาณนางด้วย
หวังหลินสร้างผนึกและชี้ใส่วิญญาณนาง หลังจากกผนึกถูกปลดปล่อย นางลืมตาขึ้นและมองไปรอบๆ จากนั้นมองหวังหลินอย่างเงียบๆ
แม้วิญญาณดั้งเดิมไม่ได้บาดเจ็บสาหัส แต่วิถีบ่มเพาะแตกหัก ระดับบ่มเพาะตกหล่นตกมาอย่างใหญ่หลวง ตอนนี้นางอยู่ราวๆขั้นชำระสวรรค์ระดับต้น
หวังหลินไม่ได้พูดอะไรพลางจ้องมองวิญญาณนางอย่างเย็นเยียบ
รอบด้านเงียบสนิท ความเงียบก่อตัวเป็นแรงกดดันที่มองไม่เห็นเข้าห่อหุ้มวิญญาณของนาง นางเผยท่าทีเจ็บปวดและเอ่ยเสียงกระซิบ “สหายเซียนหลิว ข้าจะขอสังเวยเขตอาคมแห่งชีวิตและความตายของข้าเพื่อแลกเปลี่ยนกับชีวิตข้า…หากเจ้าไม่เชื่อข้าก็ค้นวิญญาณข้าได้เลย แต่ข้าขอให้สหายเซียนปล่อยข้ารอดไปเถอะ นอกจากนี้เราก็ไม่ได้มีความบาดหมางอะไรกัน…” นางจริงใจและมองหวังหลินโดยไม่มีความคิดจะแก้แค้น ตอนแรกนางคิดว่าตัวเองมองทะลุความแข็งแกร่งของหวังหลินออกอย่างหมดจด แต่นางไม่คาดคิดว่าเขาจะรอดชีวิตจากการโจมตีของเซียนที่เหนือกว่าได้!
จุดนี้เองทำให้ความคิดนางสั่นไหวและเต็มไปด้วยความหวาดกลัว นางเพียงแค่หวังให้มีชีวิตรอดเท่านั้น ดินแดนเจ็ดสีเป็นเหมือนฝันร้ายสำหรับนาง
หวังหลินมองวิญญาณนาง หลังจากผ่านไปสักพักเขาก็วางฝ่ามือบนศีรษะนาง ส่งสัมผัสวิญญาณเข้าไป นางสั่นเทาเนื่องจากหวังหลินค้นความทรงจำและค้นพบเขตอาคมแห่งชีวิตและความตาย
ชั่วขณะต่อมาหวังหลินยกแขนขึ้น สายลมพัดผลักดันวิญญนางออกไปจากแผ่นดินป่าและเข้าสู่ดวงดาว
จนกระทั่งนางถูกสายลมพัดไปไกลกว่าหลายหมื่นลี้ นางหันกลับมาโค้งคำนับต่อหวังหลินและจากไป
วิญญาณดวงสุดท้ายคือจ้าววิญญาณเมฆา ตั้งแต่ที่หวังหลินรับเขามาเป็นทาสรับใช้ หวังหลินจะไม่ดูแลแบบแย่ๆ ทว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาช่วยเขาฟื้นฟูตัวเอง หวังหลินสะบัดแขนและเก็บวิญญาณของจ้าววิญญาณเมฆากลับไปในมิติเก็บของ ครุ่นคิดอีกครั้งก่อนจะนำเอาลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าที่เป็นของเลียนแบบออกมาจากมิติเก็บของ
เขาหยิบหนึ่งในนั้นออกมาและส่งสัมผัสวิญญาณเข้าไป เป็นไปตามที่หวังหลินคาดคิด เมื่อลูกปัดออกมาจากดินแดนเจ็ดสีแล้ว มันก็ไร้ประโยชน์
‘น่าเสียดาย…’ หวังหลินขมวดคิ้วและกำลังจะเก็บกลับไป ทว่าความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในหัว ขบคิดอย่างละเอียดเล็กน้อย ส่งสัมผัสวิญญาณเข้าไปในตราประทับผนึกเทพ เขาพบวิญญาณของเทียนหยุนและผสานกับมัน กลิ่นอายหวังหลินเปลี่ยนไปราวกับเขากลายเป็นเทียนหยุน
ดวงตาสงบนิ่งและมีแสงเจ็ดสีแฝงเอาไว้ แม้กระทั่งร่างกายก็ยังปลดปล่อยแสงเจ็ดสีอ่อนแอ เขาถือลูกปัดเลียนแบบไว้ในมือ ส่งความคิดเข้าไป ลูกปัดปลดปล่อยแสงเจ็ดสีและแสดงอาการว่ากำลังเปิดใช้งาน
หวังหลินสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าตราบใดที่เขาตั้งใจ วิชาที่ถูกผนึกของผู้ฝืนชะตาก็จะปรากฏ!
การค้นพบนี้เป็นเรื่องประหลาดใจสำหรับหวังหลิน เขาสูดหายใจลึกและแยกตัวเองออกจากการผสานวิญญาณ แสงจากลูกปัดหายไปทันทีและกลับคืนสู่ปกติ
หลังจากเก็บหินหยกไป หวังหลินจึงมั่นใจขึ้น แม้เขาจะบาดเจ็บสาหัส แต่ลูกปัดพวกนี้จะทำให้เขามีม่านป้องกันจำนวนมากก่อนที่จะฟื้นฟูตัวเองได้เต็มที่
‘สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือการฟื้นฟูตัวเองและเข้าสู่แดนสวรรค์วายุเพื่อหาฝูงอสูรยุง จากนั้นข้าก็จะสามารถไปไหนก็ได้ที่ต้องการในทะเลเมฆา!’
‘ส่วนการแข่งขันของสำนักดั้งเดิมที่สำนักหลัก มันยังมีเวลาอีกสองสามเดือน ดังนั้นไม่จำเป็นต้องรีบไป ตอนนี้ข้าต้องเข้าไปในแดนสวรรค์วายุให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้!’ หวังหลินคิดขึ้นในใจและพุ่งเข้าไปในดวงดาวด้วยความเร็วสูงสุด
เขาได้รับแผนที่ดวงดาวจำนวนมากจากเพิ่งหลายเมื่อร้อยปีก่อนและจดจำไว้ในใจแล้ว ตอนนี้จึงเคลื่อนผ่านสายหมอกดุจอุกกาบาต สถานที่ตรงนี้อยู่ที่ชายขอบของเขตระดับหก หวังหลินเหาะเหินผ่านสายหมอกอย่างรวดเร็วและเข้าสู่เขตระดับหก
เขาเหาะเหินลึกเข้าไปตามแผนที่ดวงดาว หวังหลินเหาะเข้าหาแดนสวรรค์วายุที่อยู่ภายในเขตระดับแปดด้วยความเร็วสูงสุด แม้วิญญาณดั้งเดิมจะบาดเจ็บแต่เขาไม่ได้ชะลอตัวลงเลย หลังจากใช้ยันต์เพิ่มความเร็ว ความเร็วของเขาก็แทบจะใกล้เคียงกับเซียนเฒ่าทลายสวรรค์ขั้นแรก ระหว่างทางมีเหล่าเซียนจำนวนมากสังเกตเขาได้และต่างก็ตกตะลึง ไม่มีใครกล้ามาหยุดเขา
“ความเร็วนั่นอะไรกัน! เขาเป็นใคร!?” ในเขตระดับหกมีกลุ่มเซียนมากกว่าสิบคนเหาะเหินอยู่ระหว่างทางและสัมผัสถึงสายหมอกเบื้องหน้าที่กำลังสั่นไหวรุนแรงได้ กลิ่นอายหนึ่งพลันผ่านพวกเขาไปด้วยความเร็วสูงสุด จนกระทั่งร่างนั้นอยู่ห่างออกไปไกล ตามมาด้วยคลื่นเสียงกระแทกซึ่งเห็นได้ชัดว่าเขาเคลื่อนที่เร็วกว่าเสียงอีก
สีหน้าแต่ละคนเปลี่ยนไปมหาศาล พวกเขามองหน้ากันเองและเห็นแววตาตกตะลึง
“แม้กระทั่งอาจารย์ก็ไม่สามารถใช้ความเร็วแบบนั้นได้ หากไม่มีสมบัติมาเกี่ยว เขาต้องเป็นขั้นทลายสวรรค์ระดับสูงสุดหรือไม่ก็เซียนเฒ่าทลายสวรรค์!”