Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1228

Cover Renegade Immortal 1

1228. ข้าชื่อหลิวจินเปียว!!

หลังจากทะเลเมฆาเงียบสงบมาเป็นร้อยปี การแข่งขันระหว่างสำนักสาขาทั้งหมดของสำนักระดับแปดกำลังจะเริ่มต้นขึ้น การแข่งขันนั้นจะเกิดขึ้นทุกๆพันปีซึ่งเป็นงานสำคัญในทะเลเมฆา

ไม่ใช่เพียงแค่สำนักระดับแปดเพียงแห่งเดียว แต่ทุกสำนักระดับแปดต่างก็ทำแบบนี้ในคราเดียว สำนักสาขาจะมาที่สำนักหลักและผ่านการทดสอบรอบใหม่ สำนักที่ชนะจะได้รับรางวัลและเป็นที่ต้องตาของสำนักหลัก ศิษย์ผู้โดดเด่นจะได้อยู่สำนักหลักและได้รับดูแลเป็นอย่างดี

ส่วนผู้พ่ายแพ้ ตำแหน่งจะลดลงไปอีกครั้งเป็นเวลาพันปีจนกระทั่งถูกสำนักหลักปลดออก ศิษย์ที่เหลือคงกระจายตัวไปท่ามกลางสำนักสาขาที่เหลืออยู่

สำนักต้นกำเนิดตกต่ำมาต่อเนื่องตลอดหลายพันปี ครั้งนี้เป็นโอกาสสุดท้ายและถ้าหากผลลัพธ์เหมือนเดิม สำนักต้นกำเนิดจะถูกสำนักหลักลบเลือนไป เหล่าศิษย์รวมไปถึงหลิวหยานเฟยและคนอื่นๆจะถูกส่งไปที่สำนักสาขาแห่งอื่น ตั้งแต่นั้นเป็นต้นไปสำนักต้นกำเนิดจะถือว่าไม่อยู่อีกแล้ว จากนั้นสำนักหลักก็จะเลือกศิษย์และสร้างสำนักใหม่ขึ้นมาเพื่อรับรองว่าจำนวนสำนักสาขาจะเท่าเดิม

สำนักต้นกำเนิดไม่ยอมรับข้อนี้แต่ก็ไม่กล้าปฏิเสธ หากลงมือก็คงถูกกวาดล้างออกไป อีกทั้งสำนักต้นกำเนิดเป็นเพียงแค่สำนักสาขาเท่านั้น

กรรมวิธีโหดร้ายนี้ถูกใช้เพื่อรับรองว่าสำนักระดับแปดจะมีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนวันหนึ่งสำนักสาขาทั้งหมดแข็งแกร่งพอและได้รับสถานะเป็นสำนักระดับเก้าจากสำนักเทพเจ้า

ลือกันว่าสำนักทะลวงสวรรค์และสำนักภูตผีต่างก็เติบโตชึ้นมาเช่นนี้

ในเขตระดับแปดมีสำนักทั้งสิ้นอยู่ห้าสำนัก ซึ่งก็คือสำนักอมตะ สำนักเงาวายุ สำนักหนทางสายรุ้ง สำนักคำตอบสวรรค์และสำนักวิญญาณสงบ

สำนักต้นกำเนิดและสำนักเต๋าม่วงเป็นของสำนักอมตะ

งานศักดิ์สิทธิ์นี้ไม่ได้วุ่นวายนัก การต่อสู้ทุกรูปแบบ ทุกสำนักจะแบ่งไปที่เขตของตัวเองและสำนักที่แข็งแกร่งที่สุดในระดับสี่ถึงเจ็ดจะถูกเลือก

แน่นอนว่าพวกเขายังสามารถท้าทายสำนักที่มีระดับสูงกว่าได้ ดังเช่นเมื่อพันปีก่อนสำนักเต๋าม่วงท้าทายสำนักระดับหกแห่งหนึ่ง แม้จะล้มเหลวแต่ก็ได้ชื่อเสียงในความพ่ายแพ้พร้อมกับได้รับความสนใจจากสำนักอมตะระดับแปด

ทุกการแข่งขันขนาดใหญ่ของสำนักระดับแปดจะมีสมาชิกสำนักระดับเก้าคนหนึ่งเข้าร่วม หากมีศิษย์คนใดที่พวกเขาชื่นชอบ จะตรงเข้าไปชักชวนทันที แม้แต่สำนักระดับแปดก็หมดอำนาจและไม่อาจปฏิเสธได้

สิ่งที่ทั้งโชคดีและโชคร้ายก็คือมีอยู่ไม่กี่คนนักที่สำนักระดับเก้าให้ความสนใจ ในแสนปีที่ผ่านมามีอยู่เพียงสามคนเท่านั้น

หลังจากการแข่งขันของแต่ละสำนักระดับแปดสิ้นสุดลง พวกเขาจะเลือกศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดสามอันดับและเริ่มการต่อสู้จริงกับสำนักระดับแปดแห่งอื่น การต่อสู้ครั้งนี้สำคัญมาก แม้แต่สำนักระดับแปดเองก็ไม่สามารถเข้าร่วมชมเป็นการส่วนตัวได้และมีแต่สำนักระดับเก้าเป็นคนควบคุม การต่อสู้ครั้งนี้ถือว่าเป็นการแสดงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของสำนักระดับแปด

ส่วนหนึ่งก็เพื่อแสดงความแข็งแกร่งต่อสำนักระดับเก้า หากผู้ชนะคนสุดท้ายท่ามกลางสำนักระดับแปดด้วยกันเองเป็นเวลาต่อเนื่องหมื่นปี จะได้รับคุณสมบัติที่จำเป็นในการเข้าเป็นเขตระดับเก้า!

สำนักระดับแปดทุกแห่งเริ่มเตรียมการแข่งขันครั้งสำคัญเช่นนี้มาก่อนแล้ว การต่อสู้ครั้งสำคัญนี้ได้เลือกคนเอาไว้สามคนแล้ว แม้จะไม่ได้กลับสู่สำนักหลักแต่พวกเขาก็ได้รับการเลี้ยงดูเท่ากับศิษย์หลัก ผู้คนของสำนักหลักเข้ามาช่วยสอนเป็นการส่วนตัวอีก

หลังจากสำนักทะลวงสวรรค์ออกไปจากเขตระดับแปด มีการแข่งขันทั้งหมดสิบเจ็ดครั้ง มีทั้งชัยชนะและพ่ายแพ้ไปทั่วสำนักแต่ละแห่ง ทว่าหมื่นปีที่ผ่านมาด้วยความรุ่งโรจน์ของสำนักวิญญาณสงบ พวกเขาเอาชนะต่อเนื่องไปเก้าครั้ง ครั้งนี้เป็นการแข่งขันครั้งที่สิบแปดตั้งแต่ที่สำนักทะลวงสวรรค์เลื่อนระดับไป หากสำนักวิญญาณสงบชนะได้อีกครั้ง คงเหลือแต่เวลาเท่านั้นที่พวกเขาจะได้กลายเป็นสำนักระดับเก้า

การแข่งขันอันศักดิ์สิทธิ์ของทะเลเมฆาที่เกิดขึ้นทุกพันปีล้วนแล้วแต่มีชีวิตชีวาและกินเวลายาวนานหลายเดือน เมืองจำนวนมากและการแลกเปลี่ยนได้ก่อตั้งขึ้นในเขตระดับแปด มักจะมีนักต้มตุ๋นที่ฉวยโอกาสนี้หากำไรอยู่เสมอ

ไม่ใช่นักต้มตุ๋นทุกคนจะลงมือได้เนื่องจากพวกเขาคือปลาในสระที่กำลังอยู่ในช่วงแข่งขัน แต่มีอยู่หนึ่งคนที่ลงมือประสบความสำเร็จอยู่หลายครั้ง แต่ละครั้งจะได้รับผลประโยชน์มหาศาล เขาปรากฏตัวขึ้นทุกพันปีและโกงไปหลายคน แต่ละครั้งจะมีชื่อเสียงเรียงนามที่ต่างกัน

สำนักที่ถูกโกงนั้นกังวลต่อชื่อเสียงและไม่เคยพูดออกไปเลย แม้จะค้นหาตรวจสอบแต่ก็ไม่พบร่องรอย อีกทั้งคนผู้นี้เลือกสำนักที่จะโกงอย่างละเอียดอีก เขาเลือกสำนักที่เหมือนสำนักต้นกำเนิด สำนักพวกนั้นกำลังจะถูกปลดและไม่มีหวังในการเอาชนะ

สำนักรูปแบบพวกนี้จะถูกปลดอยู่แล้ว ดังนั้นจะมีปัญหาอะไรถ้าโดนนักต้มตุ๋นเข้าไปอีก? ถึงแม้จะบอกใครสักคนและอีกฝ่ายเชื่อถือ ท้ายที่สุดก็ได้รับเพียงแค่เสียงหัวเราะ ดังนั้นการไม่พูดมันออกไปจะดีเสียกว่า

สำนักกระบวยใหญ่เป็นสำนักที่อ่อนแอในเขตระดับห้าและสำนักหลักคือสำนักคำตอบสวรรค์ซึ่งเป็นสำนักระดับแปด สถานะของสำนักกระบวยใหญ่คล้ายคลึงกันกับสำนักต้นกำเนิด และมักจะจบลงในตำแหน่งสุดท้ายมาเสมอ หากพวกเขาล้มเหลวอีกครั้ง โชคชะตาที่ต้องถูกปลดคงหนีได้ยากมาก

“การแข่งขันจะเริ่มขึ้นในอีกหนึ่งเดือนและจะถูกย้ายไปที่เขตระดับแปด นอกจากสำนักกระบวยใหญ่ของข้าแล้ว สำนักหลักมีสำนักสาขาอยู่ที่นี่อีกสามแห่ง สำนักกระบวยใหญ่ได้ที่สุดท้ายทุกครั้ง ครั้งนี้…โธ่” ผู้อาวุโสสามคนนั่งอยู่ในห้องโถงของสำนักกระบวยใหญ่ เวลานี้ต่างก็ขมวดคิ้ว ใบหน้าไร้อำนาจ

เมื่อสำนักพวกเขาถูกปลด แม้จะถูกย้ายไปที่สำนักสาขาแห่งอื่น แต่สถานะตนเองคงจมดิ่ง พวกเขาคงถูกเยาะเย้ยไปตลอดชีวิตโดยไม่มีใครเหลียวแล ความอัปยศจะคงอยู่กับพวกเขาไปเป็นตราบาป

ผู้อาวุโสหนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้นอย่างขมขื่น “สำนักที่เหลืออีกสามแห่งต่างก็แข็งแกร่งยิ่งกว่าสำนักกระบวยใหญ่ของเรา เราไม่มีหวังเลย…”

“เว้นแต่จะเกิดปาฏิหาริย์…ไม่เช่นนั้นมันคงเป็นเรื่องยาก!” ชายชราอีกคนถอนหายใจและมองไปรอบๆอย่างคิดถึง เขารู้ว่าครั้งที่ออกไปจากที่นี่จะไม่มีวันกลับมาได้อีก การที่สำนักกระบวยใหญ่จะหนีรอดจากการถูกปลดเป็นเรื่องยากยิ่ง

ทั้งสามคนขบคิดเงียบๆ ทันใดนั้นเกิดกลิ่นอายกดขี่ขึ้นมาเต็มไปทั่วห้อง เสียงเห่าหอนแหลมๆเกิดขึ้นระหว่างฟ้าดิน เสียงคำรามนี้ทำให้ทั้งสามคนเงยศีรษะขึ้นทันที

หินหยกก้อนหนึ่งทะลวงผ่านม่านป้องกันของแผ่นดินและทะลุสิ่งก่อสร้างเข้ามา มันตกลงมาจากด้านบนและมาถึงใจกลางของทั้งสามคน

กลิ่นอายทรงพลังยิ่งแพร่กระจายออกมาจากหินหยกและเต็มไปทั่วห้องโถง มันแพร่กระจายไปทั่วทั้งสำนักกระบวยใหญ่ทำให้เกิดอาการสั่นเทา

เบื้องหน้ากลิ่นอายนี้ สีหน้าชายชราทั้งสามคนเปลี่ยนไปมหาศาล พวกเขายืนขึ้นกันทีละคนจดจ้องไปที่หินหยก ความคิดสั่นไหว ความกลัวเพิ่มพูนขึ้นในใจเนื่องจากกลิ่นอายนี้ทำให้พวกเขาสัมผัสพลังอำนาจของวิชาขั้นทลายสวรรค์ได้

ขณะเดียวกันน้ำเสียงโอหังดังออกมาจากหินหยกและกึกก้องอยู่ในห้องโถง

“จูหยุนหมิง เกิดในแผ่นดินทะเลสวรรค์ ตอนที่เข้ามาในสำนักกระบวยใหญ่ เจ้าเริ่มฝึกฝนตอนอายุเจ็ดปี ใช้เวลาสองร้อยปีเพื่อบรรลุขั้นแกนลมปราณและใช้อีกหกร้อยปีเพื่อบรรลุขั้นวิญญาณแรกกำเนิด…ตอนนี้เจ้าได้บ่มเพาะมาเป็นเวลาหลายพันปีจนบรรลุขั้นส่องสวรรค์ระดับต้นและกลายเป็นจ้าวสำนักของสำนักกระบวยใหญ่”

“ลั่วคงกาง เกิดในแผ่นดินทะเลสวรรค์ พ่อเจ้าคือลั่วไฮ่เถา…เจ้าใช้เม็ดยาจำนวนมากเพื่อบังคับเพิ่มระดับบ่มเพาะและมาหยุดอยู่ที่ขั้นส่องสวรรค์ระดับต้น”

“โจวเฉิน เจ้าไม่ได้กำเนิดบนแผ่นดินทะเลสวรรค์แต่เป็นแผ่นดินโจวหวู่ เข้าร่วมสำนักกระบวยใหญ่ระหว่างทาง…ตอนนี้เจ้าติดอยู่ที่ขั้นรูปธรรมหยางเป็นเวลา 735 ปี!”

“ข้าพูดโกหกสักเรื่องไหม?”

“ทุกสิ่งที่ผู้อาวุโสกล่าวเป็นเรื่องถูกทั้งสิ้น ผู้อาวุโสคือ?” ทั้งสามคนตกตะลึงยิ่ง เจ้าของเสียงนี้กล่าวอย่างละเอียด บางเรื่องพวกเขาลืมไปแล้วด้วยซ้ำแต่คนคนนี้รู้เป็นอย่างดี อีกทั้งกลิ่นอายขั้นทลายสวรรค์ทำให้พวกเขาตกตะลึงและแทบจะหมดความคิด

“ข้าชื่อหลิวจินเปียว! ฉายาเต๋า: จ้าวพยัคฆ์ทอง!”

สีหน้าแต่ละคนเคร่งเครียด แม้จะไม่เคยได้ยินชื่อนี้ แค่หินหยกจากเขาก็มีกลิ่นอายของเซียนขั้นทลายสวรรค์แล้ว คนผู้นี้รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับพวกเขาเป็นอย่างดีซึ่งทำให้แต่ละคนเคารพมากยิ่งขึ้น

จูหยุนหมิงสูดหายใจลึกพลางระงับความตกตะลึงในใจเอาไว้และถามกลับ “ผู้อาวุโสมาที่นี่…”

“หายนะใหญ่หลวงขึ้นอยู่กับเจ้าและเจ้าก็ยังไม่รู้ สามวันก่อนมีบางคนมาหาข้าพร้อมกับผลึกดั้งเดิมหกหมื่นก้อนโดยมีเจตนาให้ข้าปลิดชีวิตพวกเจ้าทั้งสามคน!”

สิ้นคำพูด สีหน้าแต่ละคนเปลี่ยนไปมหาศาล

“แต่ข้าไม่มีข้อบาดหมางอะไรกับสำนักกระบวยใหญ่ของพวกเจ้า แม้ข้าจำเป็นต้องใช้ผลึกดั้งเดิมเพื่อปรุงยา ข้ารู้สึกไม่เต็มใจจะทำแบบนี้ แต่เนื่องจากไม่มีทางเลือก เข่นนั้นข้าจึงได้มาปลิดชีวิตพวกเจ้า!” น้ำเสียงค่อยๆมืดมน ผสมผสานกับกลิ่นอายขั้นทลายสวรรค์จากหินหยก ซึ่งทำให้ทั้งสามคนหน้าซีดทันที

“ผู้อาวุโส…”

“แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ความต้องการของข้า หากพวกเจ้าสามคนมีผลึกดั้งเดิมหกหมื่นก้อนหรืออะไรที่เท่าเทียมกัน เช่นนั้นไม่เพียงแต่ข้าจะไม่ฆ่าพวกเจ้าทั้งสาม ข้ายังช่วยเจ้าขจัดอันตรายที่สำนักกระบวยใหญ่เผชิญอีก!”

“ผลึกดั้งเดิมหกหมื่นก้อน…” ทั้งสามคนกำลังสั่นไหวและเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก แม้จะเกิดข้อสงสัย กลิ่นอายขั้นทลายสวรรค์และรายละเอียดเกี่ยวกับชีวิตพวกเขาทำให้ข้อสงสัยพวกนั้นเล็กน้อยไปเลย

“เราไม่มีผลึกดั้งเดิมมากขนาดนั้น…”

“เวลาของข้ามีจำกัด ข้าให้พวกเจ้าขบคิดสิบห้านาที หากเจ้าปฏิเสธ ข้าคงต้องฆ่าเจ้า หากเจ้าไม่มีผลึกดั้งเดิม ไปหาอะไรก็ได้ที่มีค่าเท่ากันมา”

ขณะที่หลิวจินเปียวกำลังแสดงพลังของตนเอง ในทวีปป่าส่วนลึกแห่งหนึ่งของเขตระดับห้า เกิดเสียงดังปังขึ้นภายในราวกับมีแรงกระแทกรุนแรงโผล่ออกมาจากพื้นดิน ปรากฏรอยแตกร้าวมากมายและมีร่างผมสีขาวพุ่งออกมาจากด้านล่าง!

หวังหลินตกลงมา ใบหน้าซีดเผือดและกระอักโลหิต ทว่าสัมผัสวิญญาณแพร่กระจายและจับจ้องไปบนรอยแตกร้าวใต้แผ่นดินป่าที่นำทางไปสู่ดินแดนเจ็ดสี

รอยแตกนี้ไม่ได้มีเจ็ดสีอีกแล้ว สัมผัสวิญญาณของหวังหลินสังเกตการณ์รอยแตก มันพังทลายอย่างรวดเร็วและหายไปทันที

พอเห็นแบบนี้หวังหลินไม่ค่อยมั่นใจนัก สายตาตกลงไปบนสร้อยข้อมือหยกซึ่งไม่เรืองแสงสีฟ้าอีกแล้ว ตอนนี้มันเป็นสีเขียวมรกต

หลังจากเวลาผ่านไปสักพัก หวังหลินเงยศีรษะขึ้นมองไปยังดาราจักรทะเลเมฆาและเอ่ยพึมพำ “ข้ากลับมาแล้ว!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version