1291. รอยแยกที่สำนักมาร
หวังหลินกวาดสายตาผ่านหกผู้อาวุโสของสำนักอมตะ ก่อนจะลดมือลง กระบี่โลหิตในมือขวากะพริบสีแดงและเปลี่ยนกลายเป็นหยดโลหิต ร่อนลงตรงกลางหน้าผากและแกะสลักตัวเองไว้ก่อนจะค่อยๆหายไป
พลันสะบัดแขนขวาปรากฏพายุขึ้น เขาพาหญิงชราออกไปและหายตัวต่อหน้าคนของสำนักอมตะ
‘สมบัติที่หลอมด้วยดาวเทพโบราณจากเทพโบราณที่ไม่รู้จักตนนี้ช่างอัศจรรย์ยิ่ง! ข้าเป็นเทพโบราณหกดาว ใช้ความสามารถของกระบี่ได้เพียงแค่สามในสิบส่วน แต่แค่นี้ก็เพียงพอจะฆ่าเซียนขั้นทะลวงสวรรค์ครั้งแรกได้แล้ว!’ หวังหลินทะยานผ่านดวงดาวอย่างรวดเร็ว
หญิงชราด้านข้างเขารู้สึกด้านชากับทุกอย่างที่นางเห็น ความแข็งแกร่งที่หวังหลินแสดงออกมาทำให้นางยังรู้สึกไม่เชื่อตัวเอง
‘ก่อนหน้านี้ข้าต่อสู้กับฉุยต้าว ข้าอยู่ในขั้นครึ่งก้าวสู่ขั้นทลายสวรรค์และพอต่อสู้กับเซียนขั้นทะลวงสวรรค์ระดับแรกได้เท่านั้น อย่างไรก็ตามมันก็ลำบากยิ่งนัก การเอาชนะได้ข้าต้องแลกกับสิ่งที่มีค่าและยังยากยิ่งอีก!’
‘แต่ตอนนี้ข้ายังไม่ได้เปิดผนึกระดับบ่มเพาะของตนเอง หลังจากทำความเข้าใจวิชาเต๋าอันแรกในดินแดนแห่งเต๋า มันทำให้ร่างกายข้าแข็งแกร่งและข้าสามารถเอาชนะเซียนขั้นทะลวงสวรรค์ระดับแรกได้! ส่วนเซียนทะลวงสวรรค์ระดับที่สอง ถึงแม้ข้าจะไม่ได้แข็งแกร่งเท่าพวกเขา แต่ด้วยอาวุธเทพโบราณชิ้นนี้ ข้าสามารถต่อกรได้!’
ในหมู่ระดับขั้นของเซียนทะลวงสวรรค์ ช่องว่างของแต่ละขั้นนับว่าใหญ่หลวง อีกทั้งหากล้มเหลวที่ขั้นใดก็ตาม นั่นหมายถึงความตาย แต่หากสำเร็จขึ้นมาจะได้รับพลังอำนาจไม่อาจจินตนาการถึงได้!
นี่คือพลังที่ได้มาจากการเสี่ยงชีวิต ดังนั้นมันยากจะเอาชนะได้
‘แต่ถ้าหากข้าเปิดผนึก ระดับบ่มเพาะของข้าจะเพิ่มพูนมหาศาล โลกภายนอกเป็นเวลาแค่สิบปี แต่ข้าทำความเข้าใจอยู่นานในลูกปัดฝืนลิขิตฟ้า เป็นผลให้ถึงแม้ผนึกจะปลดปล่อยออกมา ข้าจะมีโอกาสบรรลุขั้นทลายสวรรค์ขั้นกลางในครั้งเดียว! หากข้าสามารถบรรลุขั้นนั้นได้ เซียนขั้นทะลวงสวรรค์ระดับที่สองคงไม่อาจต่อกรกับข้าได้ ข้าอาจจะสามารถต่อสู้กับเซียนทะลวงสวรรค์ระดับที่สามก็ยังได้!’ ดวงตาหวังหลินส่องประกาย!
เขาสัมผัสความแข็งแกร่งของตัวเองได้ ความแข็งแกร่งนี้ทำให้เขารู้สึกเหมือนโลกอยู่ในกำมือ ความมั่นใจเต็มเปี่ยม
‘เป้าหมายของข้าคือการกลายเป็นเซียนขั้นที่สามเพื่อสังหารฉุยต้าวและบรรพชนจากตระกูลทุกชั้นฟ้าโบราณที่หลอกลวงข้าด้วยวิชาดูดพลังชีวิตเพื่อช่วยลี่มู่หวาน!’
ก่อนที่เขาจะได้ต่อสู้กับฉุยต้าว หวังหลินคิดว่าเซียนขั้นที่สามเป็นระดับตำนาน ขอบเขตที่สั่นสะเทือนสวรรค์ เป็นสิ่งที่สามารถบรรลุได้เฉพาะเทพที่แท้จริงเท่านั้น ทุกครั้งที่เขาคิดเรื่องนี้มันเหมือนแรงกดดันทรงพลังที่สามารถทำลายได้ทุกอย่าง เป็นสิ่งที่เขาไม่อาจต่อต้านได้
อย่างไรก็ตามตอนนี้เพราะระดับบ่มเพาะของหวังหลินเพิ่มขึ้น เพราะเขาต่อสู้กับฉุยต้าวมาแล้ว และเพราะหวังหลินรู้แจ้งในดินแดนแห่งเต๋า ม่านอันลึกลับของเหล่าเซียนขั้นที่สามจึงขาดสะบั้น ตำนานที่มิอาจมองเห็นได้ป่นสลายและสิ่งเดียวที่เหลืออยู่คือจิตสังหารของหวังหลิน!
หวังหลินทะลุผ่านเขตระดับแปดด้วยความมั่นใจและมุ่งมั่นที่จะช่วยหลี่เฉียนเหมย เขาเข้าสู่เขตที่เก้าเป็นครั้งแรก!
ยามที่ก้าวเข้าไปในเขตระดับเก้า คนผู้หนึ่งกำลังนั่งอยู่ในห้องลับของสำนักเทพเจ้า เส้นโลหิตบนใบหน้าปูดบวม ร่างกายเรืองแสงเจ็ดสีมากมาย หนุ่มผมขาวส่งเสียงกรีดร้องเศร้าโศก
ใบหน้ามีอายุเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่เมื่ออายุมาถึงขีดจำกัด มันก็ย้อนคืนกลับ วงจรนี้ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ การสับเปลี่ยนระหว่างชีวิตและความตายทำให้เกิดความเจ็บปวดที่แม้แต่คนธรรมดาก็ไม่อาจทนได้!
ฉุยต้าวประสบความเจ็บปวดเช่นนี้เป็นเวลาสิบปี!
‘ไอ้บัดซบ ข้าจะทำให้เจ้าจ่ายคืนความเจ็บปวดที่ข้าทนทุกข์ทรมานเป็นหมื่นเท่า!!!! อาจารย์ก็ด้วย ถึงแม้ท่านไม่ได้ตาย ท่านก็ต้องอ่อนแอยิ่ง ไม่เช่นนั้นสิบปีที่แล้วข้าคงหนีรอดไม่ได้แน่!’ ฉุยต้าวมีสีหน้าดุดัน แต่ในไม่นานก็เริ่มกรีดร้องโหยหวนอีกครั้ง
ในดวงตาไม่มีลูกตาดำแล้ว แต่ถูกแทนที่ด้วยแสงเจ็ดสีทั้งสิ้น!
ตอนนี้หลังจากหวังหลินเข้าสู่เขตระดับเก้า หญิงชรานำทางไปทันที ทั้งสองทะลุผ่านสายหมอกและมุ่งหน้าหาสำนักมาร!
ในหมอกของเขตระดับเก้ามีอสูรระดับสิบสองอยู่ข้างใน แต่หวังหลินไม่มีเวลาจะฆ่าพวกมันและเขาไม่ต้องการโดนขัดขวางด้วย เมื่อเข้าสายหมอกเข้ามา จึงระเบิดระดับบ่มเพาะและจิตสังหารมหึมาจนพวกอสูรหมอกทั้งหมดตกตะลึง หมอกถูกดันกลับไปและอสูรที่ซ่อนอยู่ข้างในจึงหลีกเลี่ยงหวังหลิน!
‘ฉุยต้าว สำนักเทพเจ้า ข้าจะฆ่าเจ้าแน่นอน!’ ในเขตระดับเก้า จิตสังหารของหวังหลินแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ระหว่างทางหวังหลินเดินทางด้วยความเร็วสูงสด เสียงดังสนั่นปะทุออกมาพร้อมกับทะลวงผ่านสายหมอกเบื้องหน้า เข้าหาสนามรบของสำนักมารภายใต้การชี้นำของหญิงชรา
สำนักมารเป็นสำนักที่มีความลึกลับที่สุดในเขตระดับเก้า ลือกันว่าสำนักมารไม่มีศิษย์มากนัก แต่ศิษย์ทุกคนต่างเป็นเซียนที่มีพรสวรรค์สูงส่งและอัศจรรย์ยิ่ง!
ตำแหน่งที่ตั้งอยู่ที่สนามรบที่มีการต่อสู้กันมานาน การต่อสู้กับการรุกรานของคลื่นอสูรได้ทำให้คนของสำนักมารเต็มไปด้วยจิตสังหาร นอกจากนี้พวกเขาแทบไม่ได้ออกมาจากสำนักมารเลย ดังนั้นในความคิดของผู้คนดาราจักรทะเลเมฆา พวกเขาเทียบได้กับสำนักเทพเจ้า!
ลือกันว่าสำนักมารแยกตัวมาจากสำนักเทพเจ้าและไม่ฟังคำสั่งสำนักเทพเจ้าอีกแล้ว ทั้งหมดนี้ประหลาดยิ่ง ไม่ว่าจะจริงหรือเท็จมันก็เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของสำนักมารแล้ว!
พวกเขาตั้งอยู่ที่สนามรบมานานเพื่อรักษาความสงบสุขของทะเลเมฆา ด้วยความคิดแบบนี้จึงทำให้ผู้คนของดาราจักรทะเลเมฆามองสำนักมารด้วยความหวาดกลัว พวกเขาเคารพต่อความถูกต้องและหวาดกลัวต่อความลึกลับ!
ในสายตาของทะเลเมฆา คนของสำนักมารไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นเซียนอีกแล้ว พวกเขาเป็นเหมือนกองทัพ เป็นเหมือนทหารแห่งราชวงศ์จักรพรรดิ!
พวกเขาโหดเหี้ยมแต่ก็คุ้มครองทั้งทะเลเมฆา! เพราะมีสำนักมารนี้ ทะเลเมฆาจึงสงบสุขมาหลายหมื่นปี พวกเขาคือเหตุผลที่เหล่าเซียนทะเลเมฆาต่อสู้กันเองเพื่อให้ได้ทรัพยากร!
หากวันใดวันหนึ่งสำนักมารไม่อยู่ การป้องกันแรกที่จะต่อต้านกองทัพอสูรที่ออกมาจากรอยแยกก็จะหายไป นั่นจะนำภัยพิบัติมิอาจจินตนาการออกมาได้เข้าสู่ทะเลเมฆา!
ต้องขอบคุณความโหดเหี้ยมของสำนักมารและภารกิจพิเศษที่เซียนทุกคนต้องเข้ามาสนามรบก็คือต้องเคารพต่อสำนักมารและต้องฟังคำสั่งสำนักมาร!
หากมีใครฝ่าฝืนคำสั่ง สำนักมารจะฆ่าคนผู้นั้นทันที! มีเพียงคนที่มีพรสวรรค์ยิ่งยวดถึงจะได้รับการยอมรับจากสำนักมารเพื่อมีโอกาสเข้าสู่สำนักมารได้ ซึ่งจะได้รับความสนใจจากสำนักมารด้วย
หลี่เฉียนเหมยเป็นหนึ่งในสามคนที่ได้รับการยอมรับจากสำนักมาร แม้กระทั่งตอนที่นางไม่เชื่อฟังคำสั่งจนออกไป สำนักมารก็ไม่ได้ฆ่านางทิ้ง!
อย่างไรก็ตามหลี่เฉียนเหมยหายตัวไปเป็นสิบปี ดังนั้นสำนักมารจึงกริ้วโกรธ การออกไปเป็นเวลาสิบปีช่างไม่มีเหตุผล หากไม่ลงโทษนาง สำนักมารคงไม่เป็นสำนักมาร!
ในตอนนี้ ณ รอยแยกอวกาศด้านนอก ข้างๆกับวงแหวนที่เกิดขึ้นจากหกดาวเคราะห์เซียนของสำนักมาร เหล่าอัจฉริยะหลายพันคนจากทะเลเมฆากำลังต่อสู้กันอย่างรุนแรง วิชาทุกแบบใช้ออกไปเพื่อห้ำหั่น
ในรอยแยกอวกาศมีอสูรรูปแบบที่แตกต่างกันส่งเสียงร้องคำรามและดิ้นรนพยายามออกมาจากรอยแยกเพื่อสังหารทุกอย่างที่ขวางหน้า! ความโหดเหี้ยมของพวกมันแตกต่างอย่างมากกับอสูรที่อยู่ในทะเลเมฆา พวกมันแข็งแกร่งยิ่งกว่า!
อสูรพวกนี้เอาชีวิตรอดจากการเข่นฆ่าสังหารมากมาย พวกมันไม่ใช่อสูรที่อาศัยอย่างสงบสุขในทะเลเมฆาจะเทียบกันได้!
กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง ขณะที่เหล่าอสูรพยายามออกมา เหล่าเซียนหลายพันคนก็ต่อสู้กันอย่างเมามัน สมบัติทั้งหมดและวิชามากมายเต็มไปทั่วฟ้า เสียงดังสนั่นกึกก้องไปทั่วดวงดาว
ท่ามกลางเหล่าเซียนพวกนี้ มีอยู่หกคนที่แข็งแกร่งยิ่ง เมื่อไหร่ที่มีอสูรปรากฏขึ้นมารอบพวกเขา มันจะตายทันที โลหิตสาดกระเซ็นไปทุกที่ ทำให้เกิดพื้นที่เปิดขนาดใหญ่รอบๆแต่ละคน!
เหล่าเซียนรอบๆรู้ดีว่าทั้งหกคนนั้นแข็งแกร่งขนาดไหน ดังนั้นจึงอยู่ห่างๆและไม่เข้าไปใกล้ พวกเขาเชื่อใจทั้งหกคนยิ่ง!
ในหกคนนี้มีอยู่สี่คนเป็นบุรุษและสองคนเป็นสตรี
ท่ามกลางบุรุษสี่คน มีสามคนเป็นชายวัยกลางคนและอีกหนึ่งเป็นชายชรา พวกเขาเป็นเซียนในระดับขั้นทลายสวรรค์ระดับสูงสุด ส่วนชายชราเปล่งสัญญาณของเซียนขั้นทะลวงสวรรค์ระดับแรก
ในสี่คนนั้นต่างมีความแน่วแน่และความโหดเหี้ยมอยู่ในจิตสังหาร บ่อยครั้งที่พวกเขาเพียงแค่สะบัดมือก็ฆ่าอสูรที่พุ่งออกมาได้แล้ว!
ส่วนสตรีสองคน หนึ่งในนั้นเป็นหญิงวัยกลางคนดูสวยงาม และอีกคนเป็นหญิงเยาว์วัยอายุราวๆยี่สิบห้าปี
อย่างไรก็ตามมีอสูรดุร้ายออกมามากเกินไปจากรอยแยกอวกาศ ขณะที่เหล่าเซียนนับพันกำลังต่อสู้ มีหลายร้อยคนร่างกายฉีกขาดจากเหล่าอสูร บางส่วนวิญญาณดั้งเดิมไม่สามารถหนีรอดออกมาได้และกรีดร้องโหยหวนสลายหายไป
ด้านหลังเซียนนับพันมีคนยืนอยู่สามคน พวกเขาล้อมรอบด้วยหมอกสีฟ้าจนมองไม่เห็นว่ารูปร่างหน้าตาเป็นแบบไหน กลิ่นอายแต่ละคนเชื่อมต่ออย่างประหลาด ปลดปล่อยกลิ่นอายของเซียนขั้นทะลวงสวรรค์ระดับแรก เห็นได้ชัดว่าทั้งสามไม่ใช่ขั้นทะลวงสวรรค์ระดับแรกแต่ภายใต้การเชื่อมต่อกับสายหมอกสีฟ้า พวกเขาสามารถโจมตีด้วยพลังของเซียนขั้นทะลวงสวรรค์ครั้งแรกได้
การตายของเหล่าเซียน การตายของอสูรดุร้ายและกลิ่นคาวเลือด ดูเหมือนทั้งหมดนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อทั้งสามคนเลย พวกเขาแค่ยืนอยู่เฉยๆมองรอยแยกอวกาศ ไม่มีใครรู้ว่ากำลังคิดอะไรกันอยู่
พวกเขาคือศิษย์ที่แท้จริงของสำนักมาร! เมื่อไหร่ที่มีเซียนบางคนต้องถอยออกมากลืนเม็ดยาเพื่อฟื้นฟู บางครั้งก็จะมองทั้งสามคนด้วยแววตาหวาดกลัว
ท่ามกลางการเข่นฆ่าไม่มีที่สิ้นสุดและเสียงดังสนั่นหวั่นไหว อสูรดุร้ายในรอยแยกพลันล่าถอย เสียงคำรามแต่ละตัวร้องครวญคราง กลิ่นอายทรงพลังปะทุออกมาจากรอยแยก อสูรรอบๆพลันดุร้ายยิ่งขึ้น
“จำนวนอสูรวันนี้มีมากกว่าเดิม ข้าสงสัยว่ามันอาจจะมีราชาอสูรเกิดขึ้น!”
“ราชาอสูรไม่ปรากฏขึ้นมาบ่อยนัก แต่ทุกครั้งที่ปรากฏขึ้นมาจะมีเซียนจำนวนมากล้มตาย แต่ราชาอสูรก็ถือเป็นโอกาสด้วย หากเราสามารถฆ่ามันได้…”
“ตอนนั้นหลี่เฉียนเหมยและอีกสองคนสังหารราชาอสูรลงได้และได้รับการยอมรับจากสำนักมาร! วันนี้มีราชาอสูรอีกตัว มันคือโอกาสของเรา!”
วินาทีที่เซียนรอบด้านสังเกตกลิ่นอายจากรอยแยกอวกาศได้ พวกเขาต่างก็ตกตะลึง พลันรีบล่าถอยและเพ่งสมาธิไปที่รอยแยกอวกาศ
เซียนที่แข็งแกร่งหกคนก็ล่าถอยเช่นกัน สตรีหนึ่งในนั้นเผยจิตสังหารด้วยสายตาเยือกเย็น
“ราชาอสูร? หากหลี่เฉียนเหมยสามารถฆ่ามันได้ ข้าก็ฆ่ามันได้เช่นกัน!”
การปรากฏตัวของกลิ่นอายนี้ทำให้เซียนทั้งหมดเคร่งเครียด มีเพียงคนสามคนที่ล้อมรอบด้วยหมอกสีฟ้าซึ่งไม่ได้รับผลกระทบ
ตอนนี้ภายใต้การชี้นำของหญิงชรา หวังหลินกำลังเข้าใกล้สถานที่แห่งนี้มากขึ้น…
………………………………………..