1292. ร่างสีขาวใต้แสงสีชาด
ณ สนามรบรอยแยกอวกาศถัดกับสำนักมาร ขณะที่เซียนรอบด้านกำลังล่าถอย เสียงคำรามของเหล่าอสูรยิ่งดุดันรุนแรง ทั่วพื้นที่ดวงดาวสั่นเทาทั้งยังมีกลิ่นอายทรงพลังปะทุออกมาจากรอยแยกอวกาศ กลิ่นอายนี้แข็งแกร่งมากจนระงับเสียงคำรามของอสูรรอบด้านได้ทันที
อสูรรูปร่างมังกรค่อยๆโผล่ออกมาจากรอยแยกในขณะที่ตัวอื่นๆล่าถอย!
มันเป็นมังกรดำสนิท! แต่มันยังแตกต่างจากมังกรของจริง มังกรตัวนี้ปกคลุมร่างด้วยเกล็ดและมีสองเขาน่าเกลียด สองเขาไม่ได้ตั้งตรงแต่ว่าโน้มลงมา!
ร่างกายยาวหลายหมื่นฟุต หลังจากปรากฏตัวมันก็ปลดปล่อยแรงกดดันทรงพลัง ดวงตามองเหล่าเซียนรอบด้านด้วยจิตสังหารเต็มเปี่ยม ท้ายที่สุดมันก็เลื่อนสายตาไปหาคนทั้งสามที่ห่อหุ้มด้วยหมอกสีฟ้า
หลังจากเห็นทั้งสามคน เจ้ามังกรส่งเสียงคำรามสั่นสะเทือนสวรรค์ เสียงคำรามเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง โกรธเกรี้ยวและกระหายเลือด!
มันจำหมอกสีฟ้านี้ได้ ในความทรงจำของมัน คนที่ห่อหุ้มด้วยหมอกสีฟ้าคือศัตรูที่ป้องกันไม่ให้พวกมันออกมาจากรอยแยกอวกาศ!
‘ไม่คาดคิดว่าจะเป็นมังกรหนุ่มจากเก้าอเวจี มังกรตัวนี้ไม่ถือว่าเป็นอสูรดุร้าย แม้มันจะมีระดับสิบสอง แต่มันแสดงพลังได้เทียบเท่าราชาอสูรระดับสิบสามที่ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นร่างมนุษย์ได้เท่านั้น!’
“มันเป็นมังกรจากเก้าอเวจีจริงๆ ราชาอสูรแบบนี้ไม่ปรากฏขึ้นมานานแล้ว ครั้งหนึ่งผู้อาวุโสกล่าวว่าพวกมันเหนือล้ำกว่าอสูรที่สามารถเปลี่ยนร่างมนุษย์ได้ ในตำนานมีอยู่หนึ่งในหกอสูรที่เป็นสหายกับจี่เซี่ยง!”
“เรื่องนี้สำคัญยิ่ง เราต้องรายงานให้กับผู้อาวุโส!” ทั้งสามคนในหมอกสีฟ้าส่งความคิดให้กันและกัน หนึ่งในนั้นนำหินหยกออกมาและบดขยี้ ส่งข้อความออกไปทันที
ขณะที่ข้อความนี้ถูกส่งออกไป เจ้ามังกรแห่งเก้าอเวจีพลันร้องคำรามและมีควันสีดำโผล่ออกมาจากรอยแยกบนร่าง ควันสีดำเปลี่ยนกลายเป็นกะโหลกสีดำที่สามารถทิ่มแทงวิญญาณได้ พวกมันกระจายกันไปทุกทิศทางและพุ่งออกมาจากรอยแยกอวกาศ!
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวออกมาจากรอยแยกราวกับมันกำลังสั่นเทาและไม่สามารถทนต้านพลังงานได้ กะโหลกสีดำพุ่งออกมาจากรอยแยกและกระโจนเข้าใส่เซียนรอบๆด้าน
อสูรดุร้ายจากรอยแยกติดตามหลังกะโหลกสีดำมาด้วย เริ่มโจมตีอันน่าตะลึงทันที! ทว่าเจ้ามังกรเก้าอเวจีไม่ได้รีบเร่งออกมาแต่รออยู่ในรอยแยกนั้น มองออกไปด้วยสายตาอาฆาตเลือดเย็น
เหล่าเซียนหลายพันคนนอกรอยแยกอวกาศต่างก็ต่อสู้มาหลายร้อยปีและมีความคิดแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตามถึงแม้ตอนนี้จะหวาดกลัวแต่เมื่ออยู่ที่นี่แล้ว พวกเขาไม่อนุญาตให้ถอยออกมาและต้องต่อสู้เท่านั้น ยามที่กะโหลกสีดำเข้ามาใกล้ เหล่าเซียนเริ่มต่อสู้เอาเป็นเอาตายทันที
อัจฉริยะทั้งหกคนพุ่งเข้าหามังกรเก้าอเวจีที่อยู่ในรอยแยกทันที
“หากเราหกคนร่วมมือกันสังหารมังกรตัวนี้ เราอาจกลายเป็นสมาชิกของสำนักมารได้!” หนึ่งในชายวัยกลางคนร้องตะโกนขึ้นมา ฝ่ามือสร้างผนึก ร่างกายห่อหุ้มด้วยแสงสีม่วง กลิ่นอายเพิ่มพูน!
คนที่เหลืออีกห้าคนต่างก็ใช้วิชาที่แข็งแกร่งที่สุดของตัวเอง เส้นผมของสตรีวัยกลางคนพลันเปลี่ยนเป็นสีขาว ผมสีขาวสะบัดพลิ้วไหวกลายเป็นพายุผมขาวเบื้องหน้านาง พัดพาเอาพลังทำลายล้างพุ่งเข้าหามังกรเก้าอเวจี
ส่วนชายชราที่มีระดับบ่มเพาะสูงที่สุดในกลุ่ม เขาสะบัดมือขวา แกนพลังสีทองนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นรอบตัวเอง แกนพลังนี้คล้ายกับแกนพลังที่เหล่าเซียนมีแต่มันก็แตกต่างด้วยเช่นกัน มันเป็นวิชาที่ชายชราสร้างขึ้นมาด้วยสติปัญญาของตัวเอง แกนพลังสีทองถูกสร้างขึ้นจากพลังดั้งเดิม การทำให้มันพังทลายสามารถแลกเปลี่ยนเป็นพลังอำนาจที่แข็งแกร่งขึ้น พริบตาเดียวกันนั้นมีแกนพลังสีทองนับหมื่นชิ้นปรากฏขึ้นรอบตัวเขา!
ในกลุ่มมีสตรีท่าทางเย็นชา นางกัดปลายลิ้นพ่นโลหิตใส่กระบี่ในมือ กระบี่เรืองแสงพร่ามัวและหลอมละลายกลายเป็นแม่น้ำสีทอง แม่น้ำห่อหุ้มนางเอาไว้และปลดปล่อยกลิ่นอายทำลายล้าง จากนั้นพุ่งออกไปพร้อมกับนาง!
เซียนทรงพลังทั้งหกคนพร้อมด้วยเซียนหลายพันคนโจมตีออกไปในเวลาเดียวกันและเริ่มต่อสู้กับมังกรเก้าอวเจี!
เซียนรอบด้านทั้งหมดกรีดร้องโหยหวน กะโหลกสีดำประหลาดเกินไป ไม่มีวิชาหรือสมบัติวิเศษใดจะส่งผลกระทบต่อมันได้ พวกมันโจมตีในร่างกายเซียนตรงๆ ไม่นานที่เข้าไปก็จะทำให้พวกเขาระเบิด พลังทำลายล้างทำให้ร่างกายเซียนระเบิดพร้อมกับวิญญาณดั้งเดิมแตกสลายไปด้วยกัน
ยังมีอสูรดุร้ายที่โผล่ออกมาจากรอยแยกอวกาศอีก ตอนนี้มันเป็นช่วงวิกฤตแล้ว!
เซียนทรงพลังหกคนเข้าไปใกล้มังกรเก้าอเวจีและเริ่มกระหน่ำโจมตีของตัวเอง อย่างไรก็ตามขณะที่วิชาแต่ละคนเข้าใกล้ มังกรเก้าอเวจีอ้าปากขึ้นมาพ่นหมอกสีดำ!
หมอกสีดำก่อตัวเป็นกะโหลกขนาดหมื่นฟุต จากนั้นพุ่งเข้าใส่ทั้งหกคน!
เสียงสนั่นกึกก้อง บุรุษในสี่คนมีแค่ชายชราที่ไม่กระอักโลหิต ใบหน้าแต่ละคนซีดเซียวและถูกดันถอยกลับไป กลิ่นอายสีขาวนวลจำนวนมากโผล่ออกมาจากทวารและถูกกะโหลกกลืนกิน กลิ่นอายพวกนั้นคือพลังชีวิต!
ชายชรามีโลหิตไหลออกมาจากมุมปากและทำการรักษาไป ดวงตาเย็นเยียบพลางขยับฝ่ามือและร้องตะโกน “แกนพลังทองทั้งหมื่นก้อน จงระเบิด!” เพียงแค่นั้นแกนพลังนับหมื่นก็ระเบิดกลายเป็นพลังทำลายล้างพุ่งเข้าใส่กะโหลกยักษ์
ส่วนสตรีทั้งสองงคน พายุผมขาวจากหญิงวัยกลางคนพังทลายไปแล้ว นางกระอักโลหิตและถูกบังคับให้ล่าถอย พลังชีวิตนางถูกดูดซับไปจำนวนมาก
ส่วนสตรีที่ไม่แยแส ใบหน้านางซีดขาว แขนขวามีเลือดไหล แม่น้ำสีทองรอบตัวนางดูเหมือนจะไหลช้าลงด้วย แต่นางกัดฟันแน่นและชี้ไปข้างหน้า แม่น้ำสีทองระเบิดกลายเป็นฝนสีทองมากมายตกเข้าใส่กะโหลก!
เสียงดังสนั่นกึกก้อง กะโหลกยักษ์หยุดชะงักไปชั่วจังหวะ ชายชราและหญิงไม่แยแสใช้โอกาสนี้รีบถอยกลับมาหลังจากใช้วิชาของตัวเองออกไป
ชายชรานั้นมีศักดิ์ศรีในหมู่เซียนหลายพันคน ขณะที่ถอยไปด้วยเขาก็ปาดโลหิตจากมุมปากและตะโกนทันที “มีอสูรมากเกินไป อันดับแรก กระตุ้นค่ายกลสังเวยเพื่อฆ่าพวกมัน!”
หลังร้องตะโกน เซียนรอบด้านที่กำลังล่าถอยทั้งหมดพลันใช้ฝ่ามือสร้างผนึก แสงค่ายกลเริ่มโผล่ออกมาจากร่างแต่ละคน
“เราขอสังเวยพลังชีวิตเพื่อค่ายกลสำนักมาร!” คนหลายพันคนสังเวยพลังชีวิตของตัวเองในเวลาเดียวกัน เสียงตะโกนเป็นปึกแผ่นจากคนหลายพันก่อให้เกิดแรงกดดันทรงพลัง!
ขณะที่เสียงดังตะโกนกึกก้อง แสงน่ากลัวโผล่ออกมาจากรอยแยก เกิดเสียงดังสนั่นตึงตัง จากนั้นรอยแยกก็เหมือนปากขนาดใหญ่ปิดลงทันที!
อสูรดุร้ายบางตัวไม่สามารถหลบได้เร็วพอ ร่างกายระเบิดขาดกระจุย แม้แต่มังกรเก้าอเวจียังต้องรีบถอนศีรษะของมันออกมาเพื่อป้องกันไม่ให้โดนตัดขาดครึ่ง
พอชายชราเห็นเช่นนี้ เขาถอนหายใจ เดิมทีต้องการล่อลวงมังกรเก้าอเวจีอกมาได้ครึ่งทางก่อนจะใช้ค่ายกลสังหารมัน อย่างไรก็ตามทั้งคนหกไม่แข็งแกร่งพอจะล่อลวงมังกรออกมาได้
‘หากหลี่เฉียนเหมยอยู่ที่นี่ ด้วยความแข็งแกร่งและสมบัติวิเศษของนาง บางทีอาจจะทำลายกะโหลกและทำให้มังกรเก้าอเวจีออกมาได้!’ ชายชราถอนหายใจและทิ้งความคิดไป ใช้ประโยชน์ในช่วงเวลาที่รอยแยกอวกาศปิดลง สะบัดแขนขวา แกนพลังสีทองมากมายปรากฏขึ้นมาพุ่งใส่กะโหลก
หญิงสาวไม่แยแสทำเช่นเดียวกับเขา พวกเขาร่วมมือกันมานานหลายปีและเข้าใจกันเป็นอย่างดี อีกสี่คนไม่ได้โจมตีกะโหลกยักษ์แต่แพร่กระจายโจมตีกะโหลกเล็กๆพวกนั้นรวมถึงอสูรที่อยู่โดดเดี่ยว
เซียนสำนักมารห่อหุ้มด้วยหมอกสีฟ้าลอยอยู่นิ่งๆพลางมองการต่อสู้ มองการตายของเซียนและเหล่าอสูร กะโหลกและอสูรบางส่วนพุ่งมาหาพวกเขา แต่เมื่อสัมผัสกับหมอกสีฟ้า พวกมันก็ตายอย่างโหยหวน
“ที่นี่คือสนามรบ คนอ่อนแอไม่อาจรอดชีวิตได้ หากเจ้าต้องการมีชีวิตรอด จงทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นและทะลวงมันออกมา จากนั้นเจ้าต้องเดินบนเส้นทางแห่งชีวิตและความตายครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนหน้านั้นเราสามคนก็ทำเหมือนกัน!”
“แน่นอนว่ามังกรเก้าอเวจีแข็งแกร่งยิ่ง หลังจากค่ายกลใช้ไปแล้ว เราสามคนจะต่อกรกับมังกรเจ้าอเวจีเอง”
สองเสียงดังออกมาจากสามคนในหมอกสีฟ้า
รอยแยกที่ปิดลงไปแล้วเริ่มสั่นเทาหลังจากนั้น พอปิดไปได้ครู่เดียวมันก็ค่อยๆเปิดออก เสียงคำรามของมังกรเก้าอเวจีดังกึกก้องจากข้างใน
ชายชราและหญิงสาวไม่แยแสกำลังต่อสู้กับกะโหลกยักษ์ พวกเขากักขังมันเอาไว้และกำลังทำลายมัน!
ทั้งสามคนที่อยู่ในหมอกสีฟ้าจ้องมองรอยแยกอวกาศที่กำลังเปิดและกำลังจะก้าวไปข้างหน้า ทว่าสีหน้าแต่ละคนเปลี่ยนไปทันที พลันมองออกไปไกล!
เสียงคำรามไร้คำอธิบายดังออกมาไกล เสียงคำรามสั่นสะเทือนสวรรค์และแฝงกลิ่นอายทรงพลัง ไม่เพียงแต่จะทำให้ทั้งสามคนจากสำนักมารสนใจ แต่ยังรวมไปถึงเหล่าเซียนบนสนามรบด้วย
แม้แต่อสูรด้านนอกยังอดไม่ได้ที่จะสั่นเทา แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว พวกมันหยุดการโจมตีและเริ่มถอยกลับเข้าไปในรอยแยกอวกาศ
กระทั่งกะโหลกทั้งหมดยังสั่นเทาและส่งเสียงกรีดร้องราวกับสัมผัสกลิ่นอายน่าหวาดกลัวได้ พวกมันรีบถอยทันที!
แม้กระทั่งดวงตาของกะโหลกยักษ์ที่กำลังต่อสู้กับชายชราและหญิงสาว ดวงตานั้นปลดปล่อยแสงชั่วร้ายเต็มไปด้วยความหวาดกลัว มันเริ่มดิ้นรนรุนแรงเพื่อพยายามถอยหนี!
การเปลี่ยนแปลงฉับพลันนี้ทำให้เซียนที่นี่ตกตะลึง พวกเขาทั้งหมดมองมาทางเดียวกันที่มีเสียงคำรามดังออกมา!
พวกเขาเห็นแต่แสงสีชาด มีสองคนอยู่ในแสงนั้นกำลังพุ่งเข้ามาใกล้ด้วยความเร็วอันน่าตกตะลึง!
เขาสวมชุดสีขาวและมีเส้นผมสีขาว ใบหน้ามืดมนแต่ระดับบ่มเพาะอันทรงพลังของเขาถึงกับทำให้อวกาศบิดเบือน! ด้านหลังยังเป็นหญิงชราชุดขาว!
………………………..