1293. กลายเป็นพาหนะของข้า ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า!
สำนักมารมีดาวเคราะห์เซียนอยู่หกดาว ดาวเคราะห์ทั้งหกดวงโคจรเป็นวงกลมอย่างง่ายๆแต่ปลดปล่อยกลิ่นอายน่าตกตะลึง
เพราะมันคือค่ายกล!
ค่ายกลขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นจากดาวเคราะห์เซียนหกดวง ค่ายกลนี้ทรงพลังมากพอจะทำลายดาวได้ทั้งดวง มันถูกจ้าวสำนักมารวางเอาไว้เพื่อเป็นแนวกั้นสุดท้ายในการสู้กับอสูรดุร้าย!
สำนักมารมีกองพลที่แตกต่างกันหกกองพล แต่ละกองพลตั้งอยู่บนดาวเคราะห์คนละดวง ผู้อาวุโสหลายคนจัดการดูแลแต่ละกองพล และไม่ค่อยติดต่อกันเอง บ่อยครั้งที่ทำอะไรคนเดียว!
ค่ายกลนี้ตั้งไว้เป็นครั้งแรกและมีเพียงจ้าวสำนักมารที่ดำเนินการเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
หกดาวเคราะห์เซียนแต่ละดวงมีรูปปั้นหินที่เป็นเอกลักษณ์! เป็นชายวัยกลางคนเสื้อผ้าพลิ้วสะบัดด้วยก้อนเมฆใต้ฝ่าเท้า มีดวงตาทั้งเก้าในท้องฟ้าที่ดูเหมือนจะมองมายังพื้นดิน
ชายวัยกลางคนมองบนท้องฟ้า ดูเหมือนจะส่งสายตาไปที่ดวงตาทั้งเก้า
เบื้องหลังชายวัยกลางคนคือต้นไม้สูงตระหง่าน มันใหญ่มากจนดูเหมือนไม่หยุดเติบโต
ทุกคนในสำนักมารรู้จักชายวัยกลางคนเพราะเขาคือจ้าวสำนักมารคนแรกและเป็นคนล่าสุด! ต้นไม้ยักษ์นั่นยังเป็นสมบัติแห่งชีวิตของจ้าวสำนักมาร!
ลือกันว่าจ้าวสำนักมารแข็งแกร่งมากและสั่นสะเทือนสวรรค์ยิ่ง ลือกันว่าก่อนหน้านี้มีรอยแยกอวกาศที่ใหญ่กว่าและมีอสูรดุร้ายใช้ออกมามากมาย รวมถึงเหล่าราชาอสูร จักรพรรดิอสูรและกระทั่งอสูรในตำนานที่สามารถเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ได้ ทว่าพวกมันถูกจ้าวสำนักมารทำลายไปหมดสิ้น และรอยแยกนั้นก็แทบจะโดนผนึกเอาไว้
อย่างไรก็ตามขณะที่เขากำลังผนึก มีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น ดูเหมือนจะมีคนข้างในใช้วิชาเหนือจินตนาการเพื่อหยุดจ้าวสำนักไม่ให้ผนึกสมบูรณ์
อย่างไรก็ตามผนึกก็ยังทำตามหน้าที่ของมัน รอยแยกอวกาศหดลงไปอย่างมาก ต้องขอบคุณผลลัพธ์ของผนึกจึงไม่มีอสูรโผล่ออกมามากเกินไป
ส่วนดวงตาทั้งเก้าในท้องฟ้า ศิษย์สำนักมารโดยทั่วไปคงไม่รู้จักพวกมัน มีเพียงเหล่าผู้อาวุโสของสำนักที่รู้ว่าดวงตาทั้งเก้านี้เป็นตัวแทนของแดนสวรรค์โบราณ!
ลือกันว่าท่ามกลางเหล่าผู้อาวุโสของสำนักมาร ได้แยกออกมาจากสำนักเทพเจ้าเนื่องด้วยคำสั่งของจ้าวสำนักรุ่นแรก เขาสั่งการกลุ่มของสำนักเทพเจ้าส่วนหนึ่งมาตั้งถิ่นฐานที่นี่หลายรุ่นและปกป้องเอาไว้ ไม่ยินยอมให้อสูรตัวใดหนีออกมาจากรอยแยกทั้งที่มีชีวิต!
ลือกันว่าจ้าวสำนักเทพเจ้าเป็นคนเดียวกับจ้าวสำนักมาร…กล่าวกันว่าเขามาจากแดนสวรรค์โบราณ…กล่าวกันว่าเขาหายตัวไปนานแล้วและไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร สำนักเทพเจ้าตอนนี้กำลังถูกควบคุมโดยคนรับใช้เขามาเป็นตัวแทน
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมสำนักมารจึงไม่ฟังคำสั่งของสำนักเทพเจ้าและมีวิธีต่อกรกับสำนักเทพเจ้า!
แน่นอนว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงข่าวลือ ประวัติศาสตร์จริงๆหายไปในกระแสแห่งกาลเวลาและมีน้อยคนมากที่รู้ข้อเท็จจริงนี้
ตอนนี้มีแสงสีชาดส่องสว่างรุนแรงด้านนอกรอยแยกอวกาศ หลังจากพุ่งออกมาโดยไม่หยุดชะงัก ในที่สุดหวังหลินและหญิงชราชุดขาวก็มาถึง!
ระหว่างทางหวังหลินใช้ความเร็วแทบสูงสุด พุ่งเข้ามาจากเขตระดับสองโดยใช้เวลาเพียงไม่กี่วันเท่านั้น!
“นางเฒ่าขาว!! นั่นมันนาง!”
“นางเฒ่าขาวออกไปได้ครึ่งเดือนก่อนไปทำภารกิจของสำนักมารให้ทำบางอย่างที่หลี่เฉียนเหมยขอ คนเบื้องหน้านางเป็นใครกัน?”
“ข้ามองไม่เห็นระดับบ่มเพาะเขา แต่ข้ารู้สึกว่าตัวเองกำลังสั่นต่อหน้าเขา เขาแข็งแกร่งเกินไป! ไม่รู้ว่าเขาเป็นผู้อาวุโสของสำนักไหน แต่ทำไมเขาถึงมาที่นี่?”
“เขาแข็งแกร่งเกินไปและประหลาดยิ่ง แม้แต่อสูรดุร้ายยังต้องถอยด้วยความหวาดกลัว กระทั่งกะโหลกสีดำพวกนั้นยังเริ่มตื่นตระหนกที่สัมผัสเขาได้!” ชายชราท่ามกลางอัจฉริยะหกคนมองดูหวังหลินด้วยแววตาตกตะลึง
“เป็นไปได้ว่าเขาคือคนที่ทำให้หลี่เฉียนเหมยโดนสำนักมารลงโทษและถูกส่งเข้าไปในส่วนลึกของรอยแยกอวกาศ?” สตรีไม่แยแสมองดูหวังหลิน แต่ความคิดนางสั่นเทา สายตาและสัมผัสวิญญาณของนางสลายไปอย่างเงียบๆเมื่อเข้าไปใกล้หวังหลิน
สามคนที่ห่อหุ้มด้วยหมอกสีฟ้าต่างก็จ้องหวังหลินด้วยความระมัดระวังตัว สีหน้าที่ซ่อนไว้ในหมอกสีฟ้าต่างก็เปลี่ยนไป
น้ำเสียงหนึ่งดังออกมาจากหมอกสีฟ้า “แม่นางเฒ่า เขาเป็นใคร?”
หญิงชราชุดขาวกำลังจะเอ่ยขึ้น ทว่าหวังหลินพุ่งเข้าหารอยแยกที่กำลังปิดตัวลงอย่างช้าๆ ขณะที่เข้าไปใกล้ เหล่ากะโหลกและอสูรดุร้ายที่พยายามถอยเข้าไปในรอยแยกต่างก็ส่งเสียงกรีดร้องหวาดกลัว
“หนวกหู!” หวังหลินเข้าประชิดในพริบตา สะบัดมืออย่างลวกๆส่งพายุเข้าไป พายุแฝงสายฟ้าเข้าไปด้วย พวกอสูรทั้งหมดพังทลายและตายในทันที!
ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องง่ายยิ่งสำหรับหวังหลิน สิ่งที่เขากังวลตอนนี้คือเกี่ยวกับสถานะปัจจุบันของหลี่เฉียนเหมย! และเสียงร้องของพวกอสูรทำให้เขารำคาญ
เพียงแค่สะบัดมือ อสูรดุร้ายทั้งหมดที่อยู่นอกรอยแยกต่างก็เปลี่ยนเป็นกองโลหิตและกลายเป็นเศษเนื้อ แม้แต่มังกรเก้าอเวจีที่อยู่ข้างๆรอยแยกยังอดไม่ได้ที่จะหยุดร้องคำราม
ส่วนกะโหลกที่เกิดขึ้นจากหมอกสีดำ พวกมันสั่นสะท้านทั้งหมดราวกับเผชิญกับศัตรูทางธรรมชาติ พวกมันมองหวังหลินด้วยแววตาหวาดกลัวอย่างหาที่สุดไม่ได้
หวังหลินยืนอยู่นอกรอยแยก มองไปยังกะโหลกที่กำลังสั่นเทา สายตาเปล่งแสงอันแรงกล้า
‘ปีศาจจากใต้พิภพ?’ ในช่วงชีวิตก่อนหน้านี้หวังหลินกลายเป็นวิญญาณกลืนกินในสนามรบต่างแดนบนดาวซูซาคุและกลืนกินปีศาจจำนวนมาก ตอนนี้เขาพบกับกลิ่นอายปีศาจจากกะโหลกพวกนี้!
ที่นี่ไม่ได้มีปีศาจมากนักแต่ก็ยังพอมีบ้าง หวังหลินดวงตาส่องสว่างจากนั้นอ้าปากและสูดลมหายใจเข้าไปคล้ายปรากฏวังวนยักษ์ขึ้นเบื้องหน้า พวกกะโหลกสั่นเทาและไม่กล้าต่อต้าน พวกมันพังทลายทีละตัวและเปลี่ยนกลายเป็นควันสีดำเข้าสู่ปากหวังหลิน
แม้กระทั่งกะโหลกที่ใหญ่ที่สุดยังสั่นเทาและพังทลาย กลายเป็นควันสีดำก้อนใหญ่ถูกหวังหลินสูดเข้าปอด
เขาทำให้อสูรทั้งหมดที่นี่พังทลาย จากนั้นดูดซับกะโหลกทั้งหมด ด้วยพลังและวิชาอันน่าตกตะลึงเช่นนี้จึงทำให้ทุกคนตาค้างนอกจากหญิงชราที่มาด้วยกัน
อัจฉริยะทั้งหกคนท่ามกลางเซียนนับพันต่างก็ตกตะลึงกันทั้งหมด รูม่านตาแต่ละคนหรี่แคบลง
ยังมีอีกสามคนจากสำนักมารด้วย พวกเขาตกตะลึงและเริ่มสนทนาเรื่องความแข็งแกร่งของหวังหลิน
“อย่างน้อยเขาก็ขั้นทะลวงสวรรค์ระดับแรก แต่ทำไมเขาถึงไม่มีรัศมีวงแหวน?”
“บางทีเขาอาจจะมีวิชาซ่อนรัศมีวงแหวนก็ได้”
“เขาไม่น่าจะเป็นคนไม่มีชื่อเสียง แต่ทำไมถึงมากับนางเฒ่าขาว? ข้าจำได้ว่านางเฒ่าขาวนำวิญญาณชีวิตของหลี่เฉียนเหมยไปที่ไหนสักแห่ง…เป็นไปได้ว่า…”
“หรือว่าเขาจะเกี่ยวข้องกับวิญญาณชีวิตของหลี่เฉียนเหมย?”
ทั้งสามคนส่งข้อความหากันและระมัดระวังตัวเอง
มีเพียงหญิงชราชุดขาวที่มึนงงไปหมด นางเห็นทุกอย่างที่หวังหลินทำตลอดทาง แม้กระทั่งหกผู้อาวุโสระดับสูงของสำนักอมตะยังกลัวเกินกว่าจะหยุดเขา มีสองคนกระทั่งสูญเสียร่างกายหยาบ ตอนนี้หวังหลินแค่สังหารอสูรดุร้ายบางส่วน มันจึงไม่เกินไปสำหรับนางนัก
สายตาทุกคนรวมกันที่หวังหลินแต่เขาไม่สนใจเลย เวลาของเขามีน้อย หลังจากดูดซับกะโหลกได้แล้ว เขามองไปยังรอยแยกที่กำลังปิดตัวลงอย่างช้าๆ สัมผัสกลิ่นอายทรงพลังข้างในได้ชัดเจน กลิ่นอายนี้กำลังลังเลและดูเหมือนกำลังรอคอยบางอย่าง
“หลี่เฉียนเหมยเข้าไปที่นี่?” หวังหลินหันกลับมามองหญิงชราชุดขาว น้ำเสียงสงบนิ่งราวกับความเงียบก่อนภูเขาไฟระเบิด
“ใช่ที่นี่แน่!” นางตอบหวังหลินทันทีหลังจากโดนมอง
หวังหลินถอนสายตา ไม่มีเวลารอคอยให้รอยแยกนี้เปิดขึ้นอีก สองฝ่ามือยื่นออกไป ดวงตาส่องสว่างเจิดจ้า กลิ่นอายบ้าคลั่งระเบิดออกมาจากร่างกาย ส่งเสียงคำรามฉีกกระชากรอยแยกให้เปิดออก!
เขากำลังจะเปิดรอยแยกนั้นออกมา!
“สหายเซียน หยุด! มีมังกรเก้าอเวจีอยู่ข้างในและมันแข็งแกร่งมาก เมื่อมันออกมาจะมีหลายคนล้มตาย ข้าหวังว่าสหายเซียนจะรอจนกว่าเราจะวางค่ายกลเสร็จถึงจะเปิดมันขึ้นมาได้!” คนที่พูดขึ้นมาเป็นหนึ่งในสมาชิกสำนักมารที่อยู่ในหมอกสีฟ้า
ทั้งสามคนพุ่งออกมาเข้าหารอยแยกอวกาศ!
หวังหลินทำให้หูหนวก ส่งเสียงร้องคำรามฉีกกระชากต่อไป เสียงดังสนั่นหวั่นไหวและมีเสียงแตกร้าวดังก้อง รอยแยกอวกาศถูกเขาฉีกกระชาก!
วินาทีที่รอยแยกถูกฉีกเปิดออก มังกรเก้าอเวจีร้องคำราม มันเข้ามาใกล้ทันทีและพยายามจะกลืนกินหวังหลิน!
หวังหลินอยู่ใกล้กับมังกรเก้าอเวจีมาก ดวงตาเจ้ามังกรเผยความบ้าคลั่ง หมอกจำนวนมากโผล่ออกมาจากช่องว่างระหว่างเกล็ด รวมถึงออกมาจากปากมัน ร่างกายมันกำลังเข้าล้อมรอบหวังหลิน!
“อสูรบัดซบ เจ้ากล้ากลืนกินข้าหรือ?” ดวงตาหวังหลินเย็นเยียบ เขาไม่แม้แต่จะหลบเลี่ยง เมื่อเจ้ามังกรเข้ามาใกล้ หวังหลินยกฝ่ามือขึ้นกระแทกไปข้างหน้า!
เสียงฝ่ามือดังสนั่นหวั่นไหว วินาทีนั้นพลังดั้งเดิมมากมายรวมกันอย่างบ้าคลั่งเข้าหาฝ่ามือของหวังหลิน กลายเป็นประทับฝ่ามือยักษ์และปะทะกับใบหน้าของเจ้ามังกรเก้าอเวจี!
เจ้ามังกรส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนพร้อมกับร่างสั่นสะท้าน เสียงปะทุดังสนั่นออกมาเรื่อยๆพลางมีเกล็ดมากมายระเบิด โลหิตสาดกระเซ็นและรีบล่าถอย แววตาที่บ้าคลั่งเมื่อครู่ถูกแทนที่ด้วยความหวาดกลัวเสียแล้ว!
“ไม่ตาย?” หวังหลินเผยแววตาประหลาดใจ จากนั้นก้าวเข้าไปในรอยแยกอวกาศ ยกแขนขวาขึ้นมากระแทกลงไปอีกครั้งใส่สองเขาบนเศียรมังกร
ปัง!
เจ้ามังกรร้องคำรามโหยหวนอีกครั้ง ดวงตาหวาดกลัวและตื่นตระหนก
หลังจากโดนไปสองครั้งมันก็ยังไม่ตาย ร่างหวังหลินกะพริบวูบวาบร่อนลงใส่เศียรมังกร
“กลายเป็นพานะให้ข้าซะ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า!” หวังหลินไม่คุ้นเคยกับข้างในรอยแยกอวกาศ การมีเจ้ามังกรเก้าอเวจีตัวนี้จะทำให้เพิ่มความสะดวกสบายขึ้นอย่างมาก
………………………………