1316. ส่งนางมาให้ข้า
หวังหลินเดาไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นถึงทำให้ต้าเสินยกเลิกการไล่ล่าเขาและหนีอย่างร้อนรน เขาจำได้ว่ามีหนึ่งในดาวของต้าเสินเรืองแสงแพรวพราวก่อนที่เขาจะหนีไป
ระลอกคลื่นค่อยๆแพร่กระจายไปในพื้นที่สว่างไสวในดาราจักรโบราณ ระรอกคลื่นดุจหัวใจของคนรักสองคนที่ค่อยๆห่างกันมากขึ้นและมากขึ้น
หวังหลินเดินเซออกมาจากใจกลางระรอกคลื่น ใบหน้าซีดเซียวพลางข่วนไปที่ความว่างเปล่าด้านหน้า ปรากฏรอยแยกอวกาศและกุมหลี่เฉียนเหมยไว้ในอ้อมแขน
สีหน้าของหลี่เฉียนเหมยย่ำแย่ลงและเริ่มจะร่วงโรย
ตอนที่ต้าเสินไล่ล่าหวังหลิน เขากลัวว่าจะไปทำร้ายหลี่เฉียนเหมยเข้าจึงห่อหุ้มนางด้วยพลังดั้งเดิมเพื่อประคองวิชาห้วงเวลาเอาไว้และกักเก็บนางไว้ในมิติเก็บของ ซึ่งทำให้นางไม่ได้รับบาดเจ็บในระหว่างการต่อสู้กันของหวังหลินและต้าเสิน
แต่การอยู่ในมิติเก็บของไม่ได้ดีเท่ากับอยู่ข้างกายหวังหลินตอนนี้ ผ่านการต่อสู้ไปแค่ระยะเวลาสั้นๆ หลี่เฉียนเหมยสูญเสียพลังชีวิตไปเยอะมาก
พอเห็นใบหน้าซีดเซียวของนาง หัวใจหวังหลินรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าว นี่มันเหมือนที่เขาเคยสัญญาไว้กับลี่มู่หวานว่าถึงแม้สวรรค์อยากให้เจ้าตาย เขาก็จะพานางกลับมา เขาสัญญาไว้กับหลี่เฉียนเหมยเช่นกันว่าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อไม่ให้นางหายไปจากโลกนี้!
เป็นคำสัญญาของเขา เป็นคำสัญญาของผู้ชายคนหนึ่ง
แขนขวากุมหลี่เฉียนเหมยไว้เบาๆ หวังหลินไม่สนอาการบาดเจ็บและใช้พลังดั้งเดิมของตัวเองกับวิชาห้วงเวลามาห่อหุ้มรอบหลี่เฉียนเหมยไว้อย่างต่อเนื่อง เขาช่วยหล่อเลี้ยงจิตใจและพลังชีวิตไปด้วย
ท้องฟ้าดวงดาราช่างเงียบยิ่งนักและไร้การรบกวนอันใด ถึงแม้โลกจะดูเหมือนหม่นหมอง แต่ก็มีชายและหญิงคนหนึ่งกำลังงเหาะเหินข้ามผ่านท้องฟ้าแห่งนี้อย่างเงียบๆ
กระดูกดัชนีเทพโบราณครึ่งหนึ่งถูกเก็บไว้ในมิติเก็บของหวังหลิน เขาไม่มีความคิดอะไรที่จะศึกษามัน ถึงแม้จะมีวิญญาณของชายชราผมขาวแห่งเผ่าจันทราที่ถูกแส้ฟาดวิญญาณผนึกไว้ เขาก็ไม่ทำอะไรและเก็บไว้ในมิติเก็บของ
หวังหลินไม่ได้ต้องการให้มีสิ่งใดรบกวนเขาในการเดินทางครั้งนี้ เขาต้องการส่งหลี่เฉียนเหมยกับปรมาจารย์เต๋าความฝัน หรือกล่าวให้ถูกก็คือเพื่อเป็นการส่งนางเป็นครั้งสุดท้าย…
“เมื่อข้าไป…ท่านต้องไปส่งข้าด้วยนะ…” เสียงของหลี่เฉียนเหมยจากเมื่อสิบปีก่อนดังสะท้อนอยู่ในหูหวังหลิน
หวังหลินเขากำลังทำตามคำสัญญาครั้งก่อนและกำลังมาส่งหลี่เฉียนเหมย
ความงามของอวกาศไม่ใช่กลุ่มมวลก๊าซส่องสว่างหรืออุกกาบาตกะพริบวูบวาบ แต่เป็นความเงียบ ความเงียบที่ทำให้รู้สึกถึงความโดดเดี่ยวของตัวเองและรับรู้ถึงความหนาวเย็นที่อยู่คนเดียในโลก…
หวังหลินอุ้มหลี่เฉียนเหมย ดวงตาเผยความอ่อนโยน เคลื่อนร่างเข้าหาตำแหน่งเผ่าแพรฟ้าและใกล้ยิ่งขึ้น
แสงดวงดาวพาดเข้าใส่ร่างกายและดูเหมือนจะมีพวกมันตามไปในการเดินทางครั้งนี้ด้วย หลี่เฉียนเหมยอ่อนแอลงเรื่อยๆ ส่วนหวังหลินก็ใช้วิชาห้วงเวลากับนาง
หวังหลินใช้วิชาบิดมิติอย่างต่อเนื่อง พวกเขาเข้าใกล้เผ่าแพรฟ้าผ่านอวกาศอันกว้างใหญ่ เขตดวงดาวของเผ่าแพรฟ้าอยู่สถานที่ห่างไกลมาก
เผ่าแพรฟ้าเป็นหนึ่งในเผ่าหายากที่ไม่ควรฆ่าสังหาร สีผมของสมาชิกเผ่าต่างก็เป็นสีฟ้าตามชื่อของเผ่า
ความเจ็บปวดและความเศร้าโศกแทรกซึมถึงดวงวิญญาณของเซียนเผ่านี้ทุกคน พวกเขาไม่ได้มีพรสวรรค์เกี่ยวเนื่องกับการบ่มเพาะหรือเต๋ามากนัก ตลอดหลายชั่วอายุคนไม่ได้มีเซียนทรงพลังมากมายในเผ่าเว้นแต่ปรมาจารย์เต๋าความฝันผู้ซึ่งมีชื่อเสียงดังกึกก้องไปทั่วดาราจักร
ก่อนที่ปรมาจารย์เต๋าความฝันจะมีชื่อเสียงดังไปทั่วดาราจักร เผ่าแพรฟ้าเป็นเพียงแค่ตระกูลเล็กๆ กระนั้นระดับบ่มเพาะไม่ได้สูงส่ง พวกเขาเก่งในด้านเสียงเพลง ปรุงยา หลอมสมบัติและฝึกฝนทางสายอื่น วิชาเพลงของแต่ละคนแทบจะเรียกได้ว่าเป็นจุดสุดยอดด้านเสียงเพลง
สมาชิกทุกคนของเผ่าแพรฟ้าเป็นปรมาจารย์ด้านดนตรี และต่างก็มีรูปร่างหน้าตาดีทั้งบุรุษและสตรี
ด้วยเพราะเหตุนี้คนของเผ่าแพรฟ้าจึงกลายเป็นสัตว์เลี้ยงที่แสนโปรดปราณของเหล่าเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่ง
นี่คือความเศร้าโศกและเจ็บปวดของเผ่าแพรฟ้า ความเศร้าแทรกซึมถึงจิตใจมาอย่างยาวนาน ทำให้สตรีทั้งหมดของเผ่าแพรฟ้าต่างก็รู้สึกแปลกๆ ส่วนบุรุษก็เช่นเดียวกัน
จากนั้นมาในเสียงเพลงจึงไม่มีความสุขอีกต่อไป มันกลายเป็นหนทางเดียวในการเปล่งความเศร้าในใจของการกลายเป็นทาสรับใช้ให้กับเผ่าพันธุ์ใหญ่
พวกเขาไม่มีบ้าน สมาชิกเผ่าทุกคนถูกช่วงชิงไปก่อนที่จะโตเป็นผู้ใหญ่ ตายหรือเป็นไม่มีทางรู้ ไม่มีโอกาสแม้แต่จะกลับมาบ้าน
ทั้งหมดนี้คงอยู่มาจนกระทั่งปรมาจารย์เต๋าความฝันโผล่ขึ้นมา ซึ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่!
ปรมาจารย์เต๋าความฝันเป็นคนที่มีพรสวรรค์มากที่สุดในเผ่า ตำนานของเขาแพร่กระจายไปทั่วดาราจักรโบราณจวบจนปัจจุบัน…
ในดาราจักรโบราณ เมื่อไหร่ที่กล่าวถึงปรมาจารย์เต๋าความฝัน คงไม่ต้องคิดว่าเขาแข็งแกร่งแค่ไหน แต่ให้คิดว่าเขาหลงใหลในความรักมากแค่ไหน ในชีวิตเขามีสตรีที่เขารักอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น
นั่นเป็นความเจ็บปวดและเศร้าโศกในใจที่อยู่กับเขามาตลอด
ลือกันว่าเพราะความรักของปรมาจารย์เต๋าความฝันจึงทำให้เขาสามารถบรรลุมาถึงระดับนี้และกลายเป็นหนึ่งในห้ายอดปรมาจารย์แห่งดาราจักรโบราณ แม้แต่ราชันย์ยังหวาดกลัวเขา!
เผ่าแพรฟ้ากลายเป็นเผ่าที่ยิ่งใหญ่ของดาราจักรเนื่องเพราะปรมาจารย์เต๋าความฝัน แต่นิสัยของเผ่าไม่ได้เปลี่ยนแปลง พวกเขาอาศัยอย่างสงบในเขตดวงดาวที่กว้างใหญ่ เสียงเพลงแห่งความเศร้าค่อยๆถูกความสุขแทนที่
พวกเขาได้รับความสุขภายใต้การป้องกันของปรมาจารย์เต๋าความฝัน สำหรับเผ่าพันธุ์แพรฟ้าแล้ว เต๋าความฝันคือเทพเจ้าที่พวกเขายอมรับและเคารพ
ภูเขาฟ้าเป็นสถานที่ที่เขาพักอาศัย ได้กลายเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าแพรฟ้า! ทว่าถึงจะมีความสุขอยู่ในเผ่าพันธุ์แต่ความเศร้าจางๆในเสียงเพลงยังดังออกมาจากภูเขาไม่เคยจางหายไปไหน
เหมือนดั่งเช่นความทรงจำของปรมาจารย์เต๋าความฝัน ความเศร้านั้นคงอยู่ตลอดกาล
ตอนนี้บนยอดภูเขาฟ้า มีบ้านธรรมดาอยู่หลังหนึ่งส่ายไปมาตามแรงลม ข้างในเป็นชายวัยกลางคนผมสีฟ้ากำลังเล่นพิณ หลังจากผ่านไปสักพักเขาจึงค่อยๆเงยศีรษะขึ้น
รูปร่างหน้าตาของเขาคงทำให้ชายอื่นๆในโลกหมองลงได้ทันที แม้แต่สตรียังซีดเซียวเมื่อเทียบกับความหล่อเหลา ราวกับความหล่อเหลาไม่ควรมีอยู่ในโลกนี้
อย่างไรก็ตามในแววตานั้นมีความเหนื่อยล้าพร้อมกับกลิ่นอายเศร้าโศกซึ่งทำให้เขาดูมีอายุ
เขามีเรือนผมสีฟ้าแต่มีผมสีขาวแซมใกล้ๆใบหู ราวกับกำลังบอกทุกคนว่าเขาไม่มีความสุขมานาน
ชายวัยกลางคนเผยแววตาเศร้าหมองพร้อมกับก้มศีรษะลงมองพิณเบื้องหน้า ฝ่ามือค่อยๆเล่นมันออกไป
หลังจากผ่านไปสักพัก ประตูบานหนึ่งถูกเปิดขึ้นอย่างเงียบๆ สตรีงดงามก้าวเดินเข้ามาข้างใน
นางสวมเสื้อผ้าสีชมพูดูงดงามและอ่อนช้อยยิ่ง
นางนั่งลงข้างๆเขาอย่างเงียบๆและเอ่ยขึ้น “ท่าน…ยังไม่อาจลืมนางได้…”
ชายวัยกลางคนไม่ได้พูดขึ้นหรือมองออกไป เขาเพียงแค่จ้องพิณและแววตาเศร้าโศกรุนแรงมากกว่าเดิม
“นี่มันก็ผ่านมานานมากและนางก็ตายไปแล้ว ท่าน…ทำไมท่านยังทำแบบนี้?” นางกัดริมฝีปากมองชายตรงหน้าด้วยท่าทีซับซ้อน
“นางไม่ได้ตาย!” ชายวัยกลางคนเงยศีรษะขึ้นมา สายตาดุจประกายแสงร่อนลงใส่หญิงสาว
“แต่มันต่างอะไรกับนางมีชีวิตอยู่ตอนนี้และกำลังจะตาย? นางได้ตายไปแล้ว!” หญิงสาวจ้องมองชายตรงหน้าด้วยท่าทีเสียใจ
ชายวัยกลางคนขบคิดเงียบๆ หลังจากผ่านไปสักพักเขาก็ยืนขึ้นเอ่ย “พี่สาวเจ้าไม่ได้ตาย!”
หยาดน้ำตาผลึกปรากฏขึ้นในแววตาของนาง
ชายวัยกลางคนถอนหายใจพลางเปิดประตูบ้านและเดินออกไป เขามองไปยังเส้นขอบฟ้าอันกว้างไกล ดวงอาทิตย์ค่อยๆตกดิน เขาก้าวเท้า ร่างกายเรืองแสงสีฟ้าบางเบาและหายตัวไป
พื้นที่ดวงดาวของเผ่าแพรฟ้านั้นกว้างใหญ่มาก ตอนนี้ ณ สุดเขตพื้นที่ดวงดาว มีหญิงสาวชุดขาวคนหนึ่งติดตามหวังหลินมาที่นี่
ขณะที่นางกำลังเข้าไปในดินแดนของเผ่าแพรฟ้า หญิงสาวชุดขาวพลันหยุดชะงักทันทีและมองออกไปตรงหน้า
แสงสีฟ้าปรากฏขึ้นในอวกาศเบื้องหน้าอย่างเงียบๆ ชายวัยกลางคนที่หายตัวไปจากภูเขาฟ้าได้ก้าวออกมา
ดวงตาเย็นเยียบและเอ่ยเพียงคำเดียว
“ไปซะ!”
นางขบคิดเงียบๆแต่ไม่ล้มเลิก สีหน้าท่าทางไม่เปลี่ยนไปจากคำพูดนี้
หลังจากผ่านไปสักพักนางจึงเอ่ยขึ้นด้วยความเยือกเย็น “เขาได้รับเลือกแล้ว เจ้าไม่สามารถปกป้องเขาได้!”
“ไปซะ!!!” แววตาของชายวัยกลางคนกะพริบจิตสังหาร ถึงแม้น้ำเสียงสงบนิ่งแต่มีกลิ่นอายไม่อาจอธิบายได้พุ่งเข้าหาหญิงสาวชุดขาว วินาทีนั้นจิตสังหารเข้มข้นแพร่กระจายออกมา!
หญิงชุดขาวหรี่ตาแคบลงทันที นางสะบัดแขนขวาและถอยไปด้านหลัง
“เขาจะต้องออกมา!” นางค่อยๆถอยตัวออกไปไกลก่อนจะหายตัวไป
หลังจากหวังหลินเดินทางผ่านท้องฟ้าดวงดารามาไม่รู้นานแค่ไหน เขาพาหลี่เฉียนเหมยมาถึงบ้านอันสวยงามของเผ่าแพรฟ้า สถานที่ที่ปรมาจารย์เต๋าความฝันอยู่และเป็นบ้านของหลี่เฉียนเหมย
ขณะที่หวังหลินเดินทาง อวกาศอันกว้างใหญ่ส่องสว่างขึ้นเรื่อยๆ พื้นที่ดวงดาวซึ่งเป็นที่ตั้งของเผ่าแพรฟ้าต่างก็งดงามยิ่ง แม้กระทั่งดาวเคราะห์เซียนยังเหมือนดาวจริงๆที่เรืองแสงสีฟ้าอ่อนโยนแพร่กระจายออกไปไกล
หวังหลินมองหลี่เฉียนเหมยที่กำลังหลับใหลในอ้อมแขนและกล่าวขึ้นเบาๆ “เฉียนเหมย เราถึงแล้ว…”
วินาทีนั้นแสงสีฟ้าไร้ก้นบึ้งโผล่ออกมาจากพื้นที่ดวงดาวของเผ่าแพรฟ้า เมื่อแสงนั้นปรากฏ น้ำเสียงทุ้มต่ำดังกึกก้องไปทั่วโลก
“ส่งนางมาให้ข้า!”
…………………………………..