1373. ผลึกเพลิงอัคคี 2
ความคิดชายชราสั่นเทา ใบหน้าเผยความเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิม เขากระอักโลหิตอีกและรีบล่าถอย ไม่เชื่อสายตาตนเอง
‘ทะลวงสวรรค์ระดับที่สี่!!! นี่มันพลังอำนาจของขั้นทะลวงสวรรค์ระดับที่สี่ บัดซบ เผ่าแมงป่องทมิฬไปล่วงเกินสัตว์ประหลาดตัวนี้ได้อย่างไร!?’ ขณะที่ชายชรากำลังจะล่าถอย หวังหลินยื่นมือออกไปหา
ชายชราตระหนักได้ทันทีว่าพลังดั้งเดิมพรั่งพรูอย่างบ้าคลั่งรอบตัว ราวกับก่อเกิดเป็นกรงขังที่มองไม่เห็นกำลังเข้ามาใกล้จากทุกทิศทาง
ความเจ็บปวดรวดร้าวเต็มไปทั่วร่างกายราวกับกระดูกกำลังแตกสลาย สัมผัสแห่งความเป็นความตายมีอยู่ทั่วร่างกายและเขาไม่กล้าถอยอีก เขารู้สึกว่าหากถอยต่อไปคงตายแน่นอน ตอนนี้เขาตีใส่อักขระกลางหน้าผากโดยไม่ลังเลและมันเริ่มเคลื่อนไหวอย่างประหลาด
พริบตานั้นแมงป่องสี่หางลอยขึ้นไปในอากาศ ขยายตัวจนมีขนาดพันฟุต สะบัดหางและร้องคำราม
แมงป่องพันฟุตตัวนี้ดุร้ายยิ่ง มันส่งเสียงซี่ๆ พร้อมกับพุ่งใส่หวังหลิน ชายชรายังคงไม่มั่นใจจึงยื่นมือออกไปพร้อมกับกัดฟันแน่น แสงกะพริบวูบวาบและมีหุ่นเชิดออกมาหลายร้อยตัว!
ทุกตัวปลดปล่อยกลิ่นอายของเซียนขั้นหยินหยาง และเข้าล้อมรอบหวังหลินทันที
ชายชรามีท่าทีดุร้าย ถอยร่นทันทีหลังจากส่งเสียงคำราม “หุ่นเชิดทั้งหมด ระเบิด!!” หวังหลินเยาะเย้ย ไม่สนใจไยดีแมงป่องและหุ่นเชิดเลย ระลอกคลื่นปรากฏขึ้นใต้ฝ่าเท้าและหายวับไป
ชายชรากำลังถอยร่นแต่ร่างกายพลันสั่นสะท้าน ร่างหวังหลินปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่าด้านหลัง นิ้วชี้บรรจงจุดลงหน้าผากชายชรา
เงาแห่งความตายเต็มไปทั่วจิตใจ แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขาต้องการหลบหลีกแต่ช่องว่างความแข็งแกร่งไม่สามารถทำให้เขาหลบเลี่ยงได้ เขาทำได้แค่มองดูนิ้วมือใกล้เข้ามา นิ้วมือนั้นแม้ยังไม่สัมผัสแต่กลิ่นอายกลับทำให้ข้างในร่างส่งเสียงดังสนั่นแล้ว
ปัง!
ร่างชายชราสั่นสะท้านอย่างรุนแรง วิญญาณดั้งเดิมกระเด็นออกมาจากร่าง ลอยอยู่นิ่งๆ และไม่กล้าเคลื่อนไหว แววตาหวาดกลัวรุนแรงและดูเหมือนกำลังอ้อนวอนขอความเมตตา อักขระแมงป่องสี่หางกลับเข้าสู่ชายชราและกลายเป็นอักขระอีกครั้ง
ร่างชายชรากระเด็นกลับไปเป็นเส้นโค้งพร้อมกระอักโลหิตและร่อนลงบนพื้น
หวังหลินชี้นิ้วใส่ตรงหน้าผากในวิญญาณของชายชรา “เจ้ายังจะวิ่งหนีอีกใช่ไหม?”
‘แค่กลิ่นอายจากปลายนิ้วก็มากพอบังคับให้วิญญาณดั้งเดิมของข้าออกมาจากร่างและทำร้ายข้าบาดเจ็บสาหัสได้แล้ว หากข้าโดนนิ้วมือนั่นเข้า มันคงฆ่าข้าได้ทันที! คนผู้นี้…ไม่ใช่แค่ขั้นทะลวงสวรรค์ระดับที่สี่แน่ๆ !!’ ชายชราสั่นสะท้านและส่ายศีรษะ เขาแทบจะหมดความคิด พลังของดัชนีนั้นทำให้เขาทิ้งความคิดต่อต้านทั้งหมดไป ดัชนีนั้นยังไม่ได้ร่อนลงกลางหน้าผาก แค่นี้ก็ทำให้เขาหวาดกลัวยิ่งขึ้นแล้ว
“ตั้งแต่นี้ต่อไป เผ่าแมงป่องทมิฬจะเป็นของข้าและจะเชื่อฟังคำสั่งข้าทั้งหมด ไม่เช่นนั้นข้าจะกวาดล้างทั้งเผ่าพันธุ์!” หวังหลินถอนนิ้วชี้และมองดูวิญญาณดั้งเดิมดวงนั้นอย่างเย็นชา
ชายชราสั่นเทาและพยักหน้า เขาเอ่ยกระซิบ “ดินแดนตกสวรรค์เชื่อฟังผู้แข็งแกร่งเสมอ การมีนายท่านที่แข็งแกร่งเช่นท่านคือโชคลาภที่ดียิ่งต่อเผ่าแมงป่องทมิฬ คนในเผ่าทั้งหมดหนึ่งร้อยเจ็ดสอบหกคนจะเชื่อฟังนายท่าน จะไม่มีใครกล้าขัดขืน!”
จงต้าหงกลอกตาและรีบพูด “นายท่าน ท่านไม่ควรเชื่อคำพูดของพวกเขา ให้พวกเขาสาบานด้วยอักขระเผ่าด้วยเลย หากผิดคำสาบานขอให้เผ่าแมงป่องทมิฬตายให้หมด!”
หลังจากชายชราได้ยินคำพูดของจงต้าหง ร่างกายสั่นสะท้านมองดูจงต้าหงด้วยสายตาดุดัน ทว่าความดุดันนั้นหายไปในเวลาไม่นาน เผยสีหน้าขมขื่นและพยักหน้า “ตกลง ข้าจะให้ทั้งเผ่ากล่าวคำสาบานให้ท่านเป็นเจ้านายของเรา หากเราคิดทรยศท่าน ขอให้ตายโดยไม่ต้องฝัง!”
สิ้นคำพูด อักขระเผ่าเรืองแสงชั่วร้าย แมงป่องสี่หางดูเหมือนตกอยู่ในความเจ็บปวดยิ่ง มันร้องคำรามเงียบๆ ออกมา ไม่นานแสงก็หายไปและค่อยๆ เกิดตราประทับบนแมงป่อง
สมาชิกเผ่าแมงป่องทมิฬรอบๆ ถูกหวังหลินปลดปล่อยทันที พวกเขาเป็นพยานรู้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น รวมถึงคนที่เคยถูกเรียกว่าเป็น “ปรมาจารย์น้อย” แววตามีแต่ความหวาดกลัว
พวกเขาเอ่ยคำสาบานกันด้วยอักขระเผ่า เป็นผลทำให้เผ่าแมงป่องทมิฬกลายเป็นเผ่าแรกที่หวังหลินยึดครองในดาราจักรโบราณ
ถ้ำของหวังหลินกลายเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าแมงป่องทมิฬ เมื่อใช้วิชาของเผ่าแมงป่องทมิฬจึงเปลี่ยนพื้นที่รอบๆ ถ้ำกลายเป็นทะเลทราย ที่นี่จะกลายเป็นบ้านหลังใหม่สำหรับเผ่าแมงป่องทมิฬ
หลังจากชายชราชื่อจางเห็นพลังอำนาจของหวังหลิน ความคิดสั่นคลอน คิดขึ้นในใจว่าอยากจะติดตามจงต้าหง
ส่วนจงต้าหงกลายเป็นมีชีวิตชีวาขึ้น เขาสามารถสั่งการเผ่าแมงป่องทมิฬได้ด้วยระดับขั้นตัดวิญญาณของตนเอง
“ในดินแดนตกสวรรค์มีเผ่าเล็กๆ อยู่สามร้อยเจ็ดสิบสองเผ่า เผ่าแมงป่องทมิฬอยู่แถวล่าง เราแค่ควบคุมดาวแทบรกร้างแห่งนี้และมีแค่ไม่กี่คน…”
“ดาราจักรโบราณมีสภาราชันย์ ส่วนแดนตกสวรรค์คุมด้วยสภาตกสวรรค์ มีผู้อาวุโสทั้งสิ้นสิบสามคนที่รับผิดชอบดินแดนตกสวรรค์ ส่วนจักรพรรดิของดินแดนตกสวรรค์นั้นเขาควบคุมสภาตกสวรรค์อีกที เขาลึกลับมากและลือกันว่าเป็นเซียนขั้นที่สาม ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมที่นี่ถึงไม่ถูกสภาราชันย์ควบคุม”
“ผู้อาวุโสของสภาตกสวรรค์ยังไม่ได้ตั้ง ทุกร้อยปีจะสามารถท้าท้ายได้ ผู้ชนะจะกลายเป็นผู้อาวุโสคนใหม่ ลือกันว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา สภาราชันย์ลอบส่งคนมาที่นี่เพื่อยึดตำแหน่งผู้อาวุโส แต่ไม่มีใครทำได้สำเร็จและทั้งหมดตายอย่างลึกลับระหว่างการประลอง”
“หากท่านไม่มีเจตนาจะกลายเป็นผู้อาวุโสตกสวรรค์ ไม่มีอะไรต้องกังวลในชีวิต” ชายชราจากเผ่าแมงป่องทมิฬมองดูหวังหลิน
ตอนนี้เขายืนอยู่ในถ้ำหวังหลินอย่างเคารพ บอกเล่าทุกอย่างให้หวังหลินรู้
“ส่วนเรื่องหุ่นเชิด มันสามารถซื้อได้จากดาวเคราะห์เซียนที่ผู้อาวุโสตกสวรรค์ควบคุมอยู่เท่านั้น แม้แต่หุ่นเชิดในเผ่าแมงป่องทมิฬก็ถูกซื้อมาจากที่นั่น”
“อย่างไรก็ตาม หุ่นเชิดที่ระดับบ่มเพาะสูงขึ้นยิ่งซื้อได้ยาก เซียนธรรมดาไม่สามารถซื้อได้ ได้แค่เผ่าของดินแดนตกสวรรค์ที่มีคุณสมบัติพอจะซื้อเท่านั้น”
“ลือกันว่าวิธีการสร้างหุ่นเชิดถูกส่งต่อมาจากจักรพรรดิ มีเพียงผู้อาวุโสสิบสามคนที่รู้เท่านั้น”
“ท่ามกลางหุ่นเชิดทั้งหมดในเผ่าแมงป่องทมิฬ พลังมากที่สุดคือหุ่นเชิดขั้นชำระสวรรค์ซึ่งมีมูลค่ามากมาย หากถูกนำออกไปจากดินแดนตกสวรรค์ มันสามารถแลกเปลี่ยนเป็นเม็ดยาและสมบัติได้จำนวนมาก” ชายชราพูดขึ้นพลางสัมผัสอักขระเผ่า เกิดแสงกะพริบและมีหุ่นเชิดดูเหมือนชายวัยกลางคนปรากฏขึ้นมา
หุ่นเชิดมีท่าทีไร้ความรู้สึก ปรายตาดูมันเหมือนคนจริงๆ อย่างไรก็ตามเมื่อสังเกตใกล้ๆ จะพบว่ามันไม่มีพลังชีวิตและถูกปกคลุมอยู่ในผนึกจนไม่สามารถเห็นข้างในได้
หวังหลินดวงตาส่องสว่าง มองดูหุ่นเชิดอย่างละเอียด ขบคิดเล็กน้อยและเอ่ยถาม “ดินแดนตกสวรรค์มีหุ่นเชิดขั้นทลายสวรรค์ไหม?”
ชายชราลังเลชั่วขณะ หลังจากนั้นสักพักจึงตอบกระซิบ “มี”
หวังหลินความคิดสั่นไหวแต่ก็ทำนิ่ง “โอ้? มีหุ่นเชิดขั้นทะลวงสวรรค์ด้วยไหม?”
ชายชราครุ่นคิดนานกว่าเดิมและตอบออกไป “ข้าน้อยไม่มั่นใจ แต่…บางคนบอกว่าเคยเห็นหุ่นเชิดขั้นทะลวงสวรรค์…ข้าแค่ไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จ”
หวังหลินดวงตาเปล่งประกายเจิดจ้า ไม่คาดคิดว่าจะเจอสิ่งเหนือจิตนาการในดินแดนตกสวรรค์ หุ่นเชิดขั้นทะลวงสวรรค์มันน่าตกตะลึงเกินไป!
‘ในเมื่อมีเซียนขั้นทะลวงสวรรค์ เป็นไปได้ว่าอาจจะมีหุ่นเชิดขั้นที่สาม?’ หวังหลินไม่ได้ถาม แค่เรื่องนี้ก็ไม่สมเหตุสมผลแล้ว เขาจึงไม่เชื่ออะไรมากนัก
ครู่ต่อมาหวังหลินเอ่ยถาม “อิทธิพลของเผ่านกกระจอกเพลิงที่นี่เป็นอย่างไร?”
“เผ่านกกระจอกเพลิงเป็นหนึ่งในเผ่าใหญ่ในดาราจักรโบราณ พวกเขาส่งคนมาที่นี่ตลอดหลายปีและมีอยู่ไม่กี่ร้อยคน แม้ทุกคนจะรู้ว่าพวกเขาถูกส่งมาจากเผ่านกกระจอกเพลิง แต่เมื่อไม่ได้เข้าร่วมการชิงตำแหน่งผู้อาวุโส พวกเขาจึงปลอดภัย พวกเขาเป็นสหายกับหลายเผ่าและเข้าร่วมการแลกเปลี่ยนหุ่นเชิดด้วย ทั้งยังแอบรวบรวมผลึกเพลิงอัคคี ส่งกลับไปที่เผ่านกกระจอกเพลิง”
หวังหลินดวงตาส่องสว่าง “ผลึกเพลิงอัคคี?”
“เป็นสิ่งของพิเศษในดินแดนตกสวรรค์ ลือกันว่ามันถูกจักรพรรดิซื้อมาและเป็นวัตถุดิบที่ใช้สำหรับสร้างหุ่นเชิด อย่างไรก็ตามมันเป็นของหายาก…ข้า…ข้ามีแค่ชิ้นเล็กๆ และมอบให้นายท่านได้” ชายชราลังเลอยู่เล็กน้อยก่อนจะนำหินทรายขาวขนาดเท่าเมล็ดข้าวออกมา
หวังหลินคว้าหินทรายขาวเอาไว้และมองดูอย่างละเอียด รูม่านตาหดลงอย่างรวดเร็วแต่ไม่นานก็เป็นปกติ
“เจ้าไปได้ รวบรวมข่าวทุกอย่างของเผ่านกกระจอกเพลิงและรายงานทั้งหมดให้ข้าอย่างละเอียด” หวังหลินสะบัดแขน ชายชรารีบจากไป
หลังออกไป ประตูถ้ำปิดลง หวังหลินวางเขตอาคมลง เขามองดูหินทรายขาวในมือทันที ดวงตาส่องสว่างมากขึ้นพร้อมกับอาการตกตะลึง
“ผลึกเพลิงอัคคี…เช่นนั้นมันเรียกว่าผลึกเพลิงอัคคี!!! ตอนนั้นจักรพรรดิวิหคเพลิงคนเก่าบอกว่าสำนักจตุรศักดิ์สิทธิ์มีต้นกำเนิดในดาราจักรโบราณและจากนั้นเข้าสู่ดินแดนชั้นใน…นี่เป็นเรื่องจริง!”
“ผลึกเพลิงอัคคีถูกจักรพรรดิแห่งดินแดนตกสวรรค์นำมาที่นี่ แต่ทำไมถึงเป็นที่นี่…เว้นแต่…เว้นแต่ว่า…” ดวงตาหวังหลินส่องประกาย เผยความตื่นเต้นที่ไม่อาจควบคุมได้!
……………………………………….