1402. บรรพชนวิหคศักดิ์สิทธิ์
ชายชราพึมพำอยู่ชั่วครู่ มองดูหวังหลินอย่างเกลียดชังพร้อมกับส่ายศีรษะ
‘ในเมื่อวิญญาณหยางเสียหาย ไม่เพียงแต่ไม่สามารถบ่มเพาะวิชาของข้าไม่ได้ แต่การที่เขาจะเข้าสู่ขอบเขตเพลิงไร้ลักษณ์คงยากยิ่งกว่าคนที่มีหยางสมบูรณ์ น่าเสียดาย น่าเสียดาย!’ ชายชราถอนหายใจพลางมองหวังหลินที่กำลังบ่มเพาะ ทว่าขณะที่เขามอง ดวงตาเบิกกว้างและต้องอุทาน
‘มีบางอย่างผิดพลาด…ร่างกายเจ้าเด็กนี่…นี่มัน…’ ดวงตาเบิกกว้างและเดินมาข้างหวังหลิน แววตาแฝงความตื่นเต้นและไม่เชื่อสิ่งที่เห็น เขาตัดสินใจกดนิ้วมือลงไปบนหน้าผากหวังหลิน
เขาไม่ได้ตั้งใจทำร้ายหวังหลินเลย แต่มีพลังลึกลับเข้าสู่ร่างกายหวังหลิน
เมื่อชายชราถอนมือขวาออกมา รูม่านตาขยายออกและจ้องไปที่หน้าผากหวังหลิน
ขณะนั้นเปลวเพลิงที่มองไม่เห็นลอยออกมาจากหน้าผากหวังหลิน มันผสานเข้ากับโลกและปลดปล่อยความร้อนเกินจินตนาการ
เปลวเพลิงที่มองไม่เห็นพลันหดลงจนกลายเป็นเพลิงอ่อนแอ แม้จะอ่อนแอแต่กลับมีกลิ่นอายอึดอัดอยู่ภายใน
มันคือแก่นแท้เพลิงของหวังหลิน!
ตอนที่ชายชราเห็นแก่นแท้เพลิง สีหน้าเขาไม่เปลี่ยนอันใดราวกับรู้อยู่แล้ว
ต่อจากแก่นแท้เพลิงได้มีแสงอีกสายโผล่ออกมาจากหน้าผากหวังหลิน แสงนี้เจิดจ้าและสั่นสะเทือนสวรรค์ยิ่ง เสียงสายฟ้าดังลั่นพร้อมกับมีประกายสายฟ้าพุ่งออกมาจากหน้าผาก!
เมื่อสายฟ้าปรากฏขึ้นมา มันก่อตัวเป็นอักขระและมีสายฟ้าเสริมเก้ารูปแบบโคจรรอบๆปลดปล่อยพลังอันน่าตกตะลึง!
ท้องฟ้าเปลี่ยนสี ก้อนเมฆกระจัดกระจาย แก่นแท้สายฟ้าช่างแข็งแกร่งยิ่ง!
นี่คือแก่นแท้ที่สองของหวังหลิน!
‘เจ้าโชคดีอะไรกัน ไม่เพียงแต่มีแก่นแท้เพลิงจากการตื่นขึ้นของวิหคศักดิ์สิทธิ์ เขายังมีแก่นแท้สายฟ้าอีก! ข้ารับรู้มันได้มาก่อน แต่พอมาเห็นตอนนี้ก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ! แก่นแท้สายฟ้านี้สมบูรณ์แบบไปแล้วด้วย! มันถึงจุดที่สามารถท้าทายประตูดับสูญ! เขาบ่มเพาะมันได้อย่างไร? หรือได้กลืนกินมังกรสายฟ้าโบราณไปจริงๆ?’ ชายชราสูดลมหายใจหนาวเหน็บเข้าไป
ทว่าในขณะนั้นมีอีกลำแสงออกมาจากหน้าผากหวังหลิน ชายชราเบิกตากว้างและเผยอาการตื่นเต้น
‘ใช่แล้ว มันคือสิ่งที่ข้าเห็นก่อนหน้านี้ ร่างกายเจ้าเด็กนี่…’
มันส่องประกายสีขาวและดำจากหน้าผากหวังหลิน โลกดังสนั่นและเกิดแม่น้ำมายาทอดยาวขึ้นในท้องฟ้า!
แม่น้ำนี้คือแม่น้ำอเวจีที่เกิดขึ้นจากแก่นแท้แห่งชีวิตและความตายของหวังหลิน!
แม่น้ำข้ามผ่านท้องฟ้า ส่วนหัวและหางของดาวเคราะห์จึงเชื่อมต่อกัน ข้างในขุ่นมัว มีกลิ่นอายแห่งชีวิตและความตายพรั่งพรูออกมาด้วย
นี่คือแก่นแท้ที่สามของหวังหลินซึ่งสร้างขึ้นจากเขตแดนแห่งชีวิตและความตาย!
ชายชราเผยอาการตื่นเต้นเกินจินตนาการ เป็นความสุขที่ไม่รู้สึกมานานหลายหมื่นปี ดวงตาเบิกกว้างและยิ้มแย้ม “เยี่ยม เยี่ยม เยี่ยม มีแก่นแท้ที่สามจริงๆ ข้าไม่ได้เห็นมันใกล้ๆมาก่อน ดังนั้นไม่คาดคิดว่า…”
ก่อนที่เขาจะเอ่ยจบ พลันตกตะลึงไปชั่วขณะเนื่องจากมีอีกลำแสงกะพริบจากหน้าผากหวังหลิน อักขระหยินหยางผุดออกมา
อักขระหยินหยางบรรจุเวรกรรมเอาไว้ เมื่อมันปรากฏขึ้นมาดูเหมือนฉีกกระชากโลกออกเป็นชิ้นๆ ฟ้าดินคล้ายกับผสมผสานกับวัฏจักรแห่งเวรกรรม
โชคดีที่ไม่มีเซียนอยู่ใกล้ๆ ไม่เช่นนั้นคงพัวพันอยู่ข้างใน ปีศาจร้ายภายในใจคงระเบิดออกมาจนหนีรอดไปได้ยาก! เหตุแห่งกรรมที่พวกเขาทำเอาไว้จะกลายเป็นผลแห่งกรรมที่ทำลายตัวมันเอง!
‘มีอีกหรือนี่!!’ ชายชราตะลึงงันอย่างสิ้นเชิง สีหน้าท่าทางเต็มไปด้วยอาการตกใจ
‘สี่แก่นแท้…นี่…เจ้าเด็กนี่บ่มเพาะอย่างไรถึงได้มีสี่แก่นแท้? นี่มันเกินจะ…’ ชายชราหรี่ตาแคบอีกครั้งและหยุดประโยคเอาไว้เพราะมีอีกลำแสงกะพริบบนหน้าผากหวังหลิน
ลำแสงครั้งนี้แปลกประหลาดยิ่ง มันดูเหมือนมีแต่ก็ไม่มี เปลี่ยนสลับไปมาระหว่างจริงและเท็จอย่างต่อเนื่อง ภาพจริงและภาพปลอมเริ่มผุดขึ้นมาจนไม่สามารถแยกได้แค่ชำเลืองมอง
ชายชราตกตะลึงกับห้าแก่นแท้แตกต่างกันซึ่งลอยอยู่เหนือหวังหลิน เขากลืนน้ำลายและไม่รู้ว่าจะพูดสิ่งใด จนกระทั่งห้าแก่นแท้ได้หายกลับเข้าไปในร่างหวังหลิน เขาจึงได้ถอนหายใจยาว
‘ไม่มีอีก? ดีแล้ว ดีแล้ว’ ชายชรามองหวังหลินราวกับกำลังมองสัตว์ประหลาด
“ห้าแก่นแท้…ห้าแก่นแท้…บัดซบ เด็กนี่มันสัตว์ประหลาดยิ่งกว่าวิหคเพลิงรุ่นที่สี่เสียอีก!! สัตว์ประหลาดแบบนี้ปรากฏขึ้นบนโลกได้อย่างไร?!” แม้ชายชราจะพูดเช่นนี้แต่สายตากลับตื่นเต้นเกินบรรยาย
แสงจันทรารุนแรง สายลมอ่อนโยนพัดพลิ้วทำให้พืชพันธุ์ส่งเสียง ค่ำคืนค่อยๆผ่านไปและดวงอาทิตย์ค่อยๆผุดขึ้นมา ขจัดความมืดมิดและความหนาวเย็นยามค่ำคืน
หลังจากบ่มเพาะไปหนึ่งคืน แก่นแท้เพลิงในร่างหวังหลินก็แข็งแกร่งยิ่งขึ้นมาก อย่างไรก็ตามมันยังมีม่านกั้นไปสู่การตื่นครั้งที่สี่ซึ่งหวังหลินไม่สามารถทะลวงผ่าน ไปได้
การคัดเลือกผู้อาวุโสตกสวรรค์เริ่มขึ้นแล้วในตอนรุ่งสาง
จนกระทั่งดวงอาทิตย์ลอยสูงตระหง่านเหนือท้องฟ้าเกือบเที่ยงตรง โลหิตมังกรที่หวังหลินกลืนลงไปค่อยๆสลายตัว หวังหลินใบหน้ากลับคืนสู่ปกติและลืมตาขึ้นมา
หวังหลินพ่นอากาศเหม็นออกจากปาก อากาศนี้เป็นสีดำและเมื่อตกลงบนพื้นกลับเกิดเสียงแตกร้าว ราวกับพื้นดินกำลังถูกเผาไหม้
หวังหลินลืมตาขึ้นมาเห็นชายชรา ขบคิดเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้น โค้งคำนับและเอ่ยอย่างเคารพ “ผู้น้อยหวังหลินขอคารวะ…บรรพชนรุ่นที่สี่…”
ชายชรามองหวังหลินด้วยแววตาประหลาดใจ กระแอมแห้งๆซ่อนสายตาเอาไว้และยิ้มออกมา “ข้าไม่ใช่วิหคเพลิงรุ่นที่สี่”
หวังหลินตกตะลึงชั่วครู่ จากนั้นความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา
“ท่าน…ท่านคือ…วิหคเพลิงรุ่นแรก?”
ชายชราหัวเราะและส่ายศีรษะ “ข้าไม่ใช่วิหคเพลิงรุ่นแรกแต่เป็นรุ่นสอง! เรื่องมันก็นานมาแล้วและมีหลายอย่างอธิบายได้ยาก วิหคเพลิงรุ่นที่สี่ก็อยู่ที่นี่ เจ้าเป็นคนในเผ่าคนที่สองที่ข้าเห็นต่อจากเขา”
หวังหลินขบคิดเงียบๆเล็กน้อย จากนั้นถามด้วยความลังเล “ท่านคือมหาจักรพรรดิ ใช่ไหม?”
“ข้าก็เป็นเหมือนกับเจ้า จักรพรรดิน้อย!” ชายชรายิ้ม เมื่อเห็นหวังหลินครุ่นคิดจึงอธิบายออกไป “ทั้งข้าและเด็กน้อยรุ่นที่สี่ต่างก็เป็นจักรพรรดิน้อย! ส่วนเรื่องมหาจักรพรรดิเป็นชื่อที่คนนอกใช้เรียกเท่านั้น สำหรับเผ่าวิหคเพลิงศักดิ์สิทธิ์แล้ว เขามีแค่ชื่อเดียว บรรพชนวิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นแรก!”
“เขาเองก็เป็นหนึ่งในสี่แม่ทัพที่แข็งแกร่งที่สุดใต้อำนาจจักรพรรดิเทพโบราณ!”
ความคิดหวังหลินสั่นเทาและพลันมองขึ้นไป
ชายชรายิ้ม “ส่วนเรื่องรายละเอียด เมื่อเจ้าผ่านบททดสอบวิหคเพลิงศักดิ์สิทธิ์ เจ้าก็จะรู้เอง”
“บททดสอบนี้เป็นสิ่งที่เจ้าต้องทำ สำหรับเจ้าอาจจะเป็นโชคอันยิ่งใหญ่ในการทะลวงผ่านเข้าสู่ขอบเขตเพลิงไร้ลักษณ์ แต่มันยากที่สุด ดังนั้นเจ้าไม่ต้องรู้สึกกดดันมากเกินไป” ชายชรามองไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ ขบคิดเล็กน้อยและเอ่ยด้วยความไม่ค่อยพอใจ
“ทำไมเจ้าไม่ตกลงท้าทายปรมาจารย์ซือโม่? คนของเผ่าวิหคศักดิ์สิทธิ์ไม่หวาดกลัวการต่อสู้! หลังจากเจ้าผ่านบททดสอบก็จะต่อสู้กับเขาได้สบาย คนที่เราเชิญชวนมาที่นี่ไม่สามารถสร้างปัญหาอะไรได้อยู่แล้ว!”
“การคัดเลือกผู้อาวุโสตกสวรรค์เป็นแค่ของเล่นเด็ก เหตุผลจริงๆที่เชิญชวนเซียนขั้นที่สามมาหลายคนก็เพื่อให้รู้ว่ามีจักรพรรดิน้อยคนใหม่ปรากฏขึ้นในดินแดนตกสวรรค์!”
“เจ้าเป็นคนของเผ่าวิหคศักดิ์สิทธิ์ ไม่สำคัญว่าเจ้าจะมาจากดินแดนชั้นในหรือไม่! หากเจ้าออกไปจากที่นี่ ข้าไม่สามารถปกป้องเจ้าได้ แต่หากเจ้าอยู่ที่นี่ ข้าอยากเห็นว่าจะมีใครกล้าทำร้ายเจ้า!”
“จำไว้ว่า เผ่าวิหคศักดิ์สิทธิ์ต้องโหดเหี้ยมและอำมหิต เราต้องโหดเหี้ยมเพื่อที่เราจะได้มีที่ตั้งหลักในความปั่นป่วน มีเพียงการทำเช่นนี้เท่านั้นถึงจะทำให้ผู้คนหวาดกลัวมากกว่าคิดจะทำร้ายเจ้า!”
“นี่คือเหตุผลว่าทำไมแทนที่เราจะซ่อนตัวแต่กลับแสดงพลังอำนาจออกมา! ปรมาจารย์ซือโม่นั่นคือเป้าหมายการแสดงพลังอำนาจของเจ้า มันคือเซียนขั้นที่สามแล้วอย่างไรเล่า? ใช้มันเพื่อแสดงอำนาจของเจ้าซะ!”
คำพูดของชายชราช่างโหดเหี้ยมและเผด็จการ หวังหลินขบคิดเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า แววตากะพริบเย็นเยียบ
เมื่อเห็นสีหน้าหวังหลิน ชายชราพอใจเป็นอย่างยิ่ง เขามองทะเลสาบและขบคิดเล็กน้อย “ดื่มโลหิตมังกรนี้สำหรับการทดสอบ เจ้าไม่สามารถบ่มเพาะวิธีการฝึกฝนของข้าได้ แต่ในเมื่อเจ้าเจอข้า ข้าควรจะมอบอะไรให้เจ้าสักอย่าง…มาดูกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าผ่านวิชาลับของเผ่า!”
เมื่อชายชราเอ่ยคำว่า “วิชาลับ” สีหน้าท่าทางจึงแปลกประหลาดยิ่ง
“เมื่อเจ้าเป็นคนของเผ่า การบอกเจ้าไม่ใช่ปัญหา เผ่าวิหคศักดิ์สิทธิ์ไม่เคยมีวิชาใดที่เรียกว่าวิชาลับ ‘วิชาลับ’ พวกนี้ความจริงขโมยมาจากเผ่ามังกรฟ้า พยัคฆ์ขาวและเต่าดำตอนที่บรรพชนยังอยู่!”
“หลังจากได้มันมา เขาเรียกมันว่าวิชาลับของเผ่า!”
“ท่ามกลางสามเผ่าพันธุ์ เต่าดำนั้นแข็งแกร่งที่สุด ข้าได้ตรวจสอบร่างเจ้าก่อนหน้านี้แล้วและพบว่าเจ้าได้กลายเป็นเทพโบราณ พลังอำนาจของเทพโบราณจะทำให้วิชานี้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น!”
“วิชานี้ไม่ใช่วิชาแต่เป็นวิถีการใช้พลัง จงสังเกตมันให้ดี!” ชายชรากล่าวจบ เขาก้าวเดินไปที่ทะเลสาบ ยกแขนขึ้นมาและสะบัดใส่ทะเลสาบ!
ฝ่ามือเขาทำให้น้ำยุบลงไป แต่ขณะที่เกิดการยุบ ฝ่ามือของชายชรากระแทกลงใส่ผิวน้ำทันที
…………………………………