Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1403

Cover Renegade Immortal 1

1403. ก้าวเข้าสู่พลังแห่งเต๋าที่คู่ควร

เสียงดังสนั่น ทะเลสาบโหมกระหน่ำ ชั้นน้ำแตกสลายกลายเป็นหยดโลหิตมากมายนับไม่ถ้วน จากนั้นชั้นน้ำพังทลายไปอีกชั้นและดำเนินเช่นนี้ไปอย่างต่อเนื่อง พริบตาเดียวชั้นน้ำในทะเลสาบหายไปกลายเป็นไอน้ำและลอยขึ้นสู่อากาศ

ระดับน้ำในทะเลสาบหายไปสิบฟุตทันที

ฉากเหตุการณ์ธรรมดายิ่งและดูไม่มีอะไรพิเศษเลย หากเป็นวิชาเซียน แม้แต่การเปลี่ยนทั้งทะเลสาบกลายเป็นควันก็คงเป็นเรื่องง่ายๆ

แม้แต่หวังหลินก็มีหลายสิบวิธีในการส่งการระเบิดที่ทรงพลังยิ่งกว่านี้

“ธรรมดามาก ไม่ใช่หรือ?” ชายชรามองหวังหลินด้วยรอยยิ้มลึกล้ำ

หวังหลินจ้องมองผิวทะเลสาบด้วยสายตาส่องสว่าง นึกย้อนถึงสิ่งที่เพิ่งเห็นไป เริ่มขบคิดพลางจ้องมองทะเลสาบ

พอเห็นหวังหลินเช่นนี้ ชายชราดูมีความสุขยิ่งขึ้นและไม่รบกวนหวังหลิน เขาอยากเห็นว่าความเข้าใจของหวังหลินจะดีแค่ไหนและไม่ว่าหวังหลินจะเข้าใจอะไรนั่นหมายถึงความหมายเบื้องหลังเคล็ดวิชานี้

‘ตอนที่ข้าเรียนรู้มาจากบรรพชน ข้าไม่สามารถเข้าใจความหมายเบื้องหลังด้วยตัวเอง แม้กระทั่งเจ้าเด็กวิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นที่สี่ยังไม่สามารถเข้าใจถึงแก่น เขาคว้าได้แค่ชายขอบเท่านั้น จนกระทั่งบรรพชนอธิบายเราถึงรู้ความหมายที่แท้จริงของมัน มาดูกันว่ารุ่นที่หกจะเห็นอะไร’

‘อย่างไรก็ตามพรสวรรค์ของเจ้าเด็กคนนี้เทียบไม่ได้กับรุ่นที่สี่ ระดับบ่มเพาะของเขาในปัจจุบันควรจะเรียกว่าได้มาจากความโชคดีทั้งหมด หรือบางทีเจ้ารุ่นที่สี่เคยพูดถึงไปแล้วสักครั้ง’

‘ไม่เช่นนั้นคงไม่มีทางที่เขาจะบรรลุระดับบ่มเพาะอันน่าหวาดกลัวจนถึงชายขอบเพลิงไร้ลักษณ์ในเวลาสองพันปีได้ แม้กระทั่งบรรพชนก็ไม่สามารถทำได้ด้วยอายุเท่านี้’ จากนั้นชายชราพลันคิดถึงเรื่องห้าแก่นแท้ของหวังหลินและหยุดชะงักไป

‘บางที…บางทีเจ้าเด็กนี่อาจจะมองมันออก?’ ชายชรามองหวังหลินอย่างมืดมนเล็กน้อย

หวังหลินขมวดคิ้ว ฉากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ฉายซ้ำในความคิด ฝ่ามือของ ชายชราดูธรรมดาและทำให้ทะเลสาบสั่นไหวเท่านั้น หยดน้ำที่ลอยขึ้นไปและปะทะกับหยดอื่นๆหลายครั้งก่อนจะเปลี่ยนเป็นไอน้ำ

ทว่าด้วยคำพูดของชายชรา วิชานี้จึงมีความลึกซึ้งที่แท้จริงอยู่ด้วย…ขณะขบคิด หวังหลินก้าวไปที่ทะเลสาบและก้มศีรษะลง ค่อยๆกดมือลงต้านกับผิวทะเลสาบ เขาไม่ได้ใช้วิชาอันใด แค่สัมผัสน้ำเหมือนคนธรรมดา

เมื่อฝ่ามือกดลงเข้าหาผิวทะเลสาบ หวังหลินรู้สึกถึงแรงสะท้อน แรงสะท้อนนี้อ่อนแอยิ่งจนแทบไม่รู้สึก เหมือนมันควรจะเป็นเช่นนั้น

แม้ผิวน้ำจะอ่อนนุ่มยิ่ง มันยังยอมให้ใบไม้ลอยได้ เมื่อฝ่ามือเขากดต้านเข้าใส่ จึงสัมผัสถึงแรงสะท้อนได้เป็นธรรมดา ในอดีตเรื่องนี้ไม่ได้ทำให้หวังหลินสนใจ เขาคงไม่พิจารณาว่าทำไมมันถึงเป็นแบบนี้

แต่ตอนนี้เมื่อปรากฏแรงสะท้อนขึ้นมา หวังหลินหรี่สายตา

ระลอกคลื่นผุดขึ้นมาและแพร่กระจายออกไปจากฝ่ามือเขา ทะเลสาบเป็นเหมือนหัวใจและมีระลอกคลื่นเกิดขึ้นในใจเขา

หวังหลินแตกต่างจากคนอื่น เขาเป็นเทพโบราณ ไม่ได้มีวิชามากมายอะไรแต่มีร่างกายที่ทรงพลังยิ่งยวด หนึ่งกำปั้นมากพอจะทำลายล้างดาวเคราะห์เซียน นี่คือ แก่นแท้พลังของเทพโบราณ!

ด้วยเหตุนี้เองความเข้าใจด้านพลังของหวังหลินจึงแตกต่างมหาศาลจากเซียน คนอื่นที่พึ่งพาวิชาหรือสมบัติ

‘ตอนเด็กข้ากำลังอ่านหนังสือ ข้าได้ยินเสียงหยดน้ำเจาะเข้าไปในก้อนหิน น้ำอาจจะดูนุ่มนวลแต่ความจริงมันทนทานยิ่ง เมื่อมันตกใส่ก้อนหินจึงทนต่อ พลังสะท้อน หยดน้ำมากมายสร้างพลังสะท้อนจนทำให้น้ำเจาะทะลุก้อนหินไปได้!’

‘หากเทพโบราณอยู่ในตำแหน่งเดียวกับก้อนหิน ด้วยกาลเวลาอันยาวนานคงโดนหยดน้ำเจาะทะลุเข้าไป!’ แววตาหวังหลินเกิดความเข้าใจและมองไปทางชายชรา

ชายชราเผยท่าทีเคร่งเครียดทั้งยังแฝงความตกตะลึง ไม่คาดคิดว่าหวังหลินจะคว้าชายขอบของวิชานี้ด้วยตัวเอง!

‘พรสวรรค์ของเด็กคนนี้ไม่สามารถเทียบกับวิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นที่สี่ได้ ความแตกต่างเป็นเหมือนฟ้าดิน ความเข้าใจน่ากลัวเกินไป เขาสามารถใช้ความเข้าใจของตัวเองเพื่อเติมเต็มการขาดพรสวรรค์จนบรรลุระดับเดียวกับความเข้าใจวิชาลับเหมือนรุ่นที่สี่! ไม่สงสัยเลยว่าทำไมเขาถึงมีห้าแก่นแท้ ดูเหมือนมันไม่ใช่เหตุบังเอิญ…’ ชายชราสูดหายใจลึกมองดูหวังหลินด้วยความชื่นชม เขากำลังจะเอ่ยปากเพื่ออธิบายที่เหลือ ในสายตาเขานั้นหวังหลินถึงขีดจำกัดแล้วและไม่สามารถเข้าใจได้ลึกซึ้งกว่านี้ได้

อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะพูดออกมาได้ ดวงตาหวังหลินส่องสว่างและค่อยๆเอ่ยขึ้นมา “นี่เป็นเพียงเรื่องรองเท่านั้น…”

ชายชราตกตะลึง

“น้ำมีความเหนียวแน่นและนุ่มนวล หลังจากก่อเกิดทะเลสาบมันจึงมีพลังสะท้อนด้วย…ยิ่งฝ่ามือข้ามีพลังมากเท่าไหร่ยิ่งมีพลังสะท้อนรุนแรงมากเท่านั้น! พลังสะท้อนที่ปรากฏขึ้นตอนที่ข้าโยนกำปั้นลงไปไม่ได้อ่อนแอไปกว่ากำปั้นเองเลย!”

“เป็นผลให้พลังสองรูปแบบมาเจอกันและเกิดเป็นการปะทะที่ทรงพลัง ตอนที่ฝ่ามือของผู้อาวุโสตกลงใส่บนน้ำ หยดน้ำชนกันหลายครั้งทำให้ส่วนหนึ่งของทะเลสาบสลายตัว!”

“การสลายตัวนั้นคือการเปลี่ยนสถานะจากน้ำไปสู่ไอน้ำโดยตรง! แม้จะดูธรรมดาแต่กลับมีพลังสั่นสะเทือนสวรรค์!”

“มีอำนาจพอจะเปลี่ยนแปลงสภาวะของสิ่งมีชีวิต!” ดวงตาเริ่มเจิดจ้าและความคิดชัดเจนขึ้น ความคิดหลายอย่างไหลเข้าไปในจิตใจและฉายซ้ำสิ่งที่ชายชราทำลงไปเป็นหมื่นครั้ง

“ซึ่งมันควรจะเป็นเช่นนั้น ฝ่ามือของผู้อาวุโสใส่กฎนั้นลงไปด้วย หนึ่งกำปั้นสามารถทำให้ดวงดาวแตกสลาย แม้ยังมีพลังสะท้อนอยู่ แต่เวลาที่พลังสะท้อนปรากฏขึ้นมา ดาวเคราะห์เซียนคงถูกทำลายไปแล้ว”

“อย่างไรก็ตาม น้ำนั้นต่างกัน ความทนทานของน้ำไม่อาจประเมินค่าได้ หลังจากน้ำรวมกันได้มากพอจะมีพลังต้านทานอันน่าตะลึง หากกำปั้นเดียวกันร่อนลงในทะเล พลังสะท้อนคงมากพอทำให้คนผู้นั้นพังทลาย!”

ชายชราจ้องมองหวังหลินด้วยแววตาเบิกกว้าง ความกลัวเหมือนตอนที่เห็นห้าแก่นแท้ของหวังหลินปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง

‘ความเข้าใจแห่งสวรรรค์เช่นนี้เป็นสิ่งที่ข้าไม่เคยพบไม่เคยเห็นมาก่อน ความเข้าใจนั้นทรงพลังยิ่งกว่าพรสวรรค์อันใดในโลก! ไม่ใช่ความบังเอิญแล้วที่เจ้าเด็กคนนี้จะมีห้าแก่นแท้!’ ชายชราสูดหายใจลึก สายตาที่มองหวังหลินนั้นประหลาดยิ่งกว่าเดิม

ตอนนี้เขายังไม่รู้ว่าเมื่อหวังหลินเรียนรู้เขตอาคมวิญญาณโบราณ เขาจะมีโอกาสบรรลุจุดสูงสุดของเขตอาคม บรรลุขอบเขตดับสูญและได้แก่นแท้ดับสูญมา!

แน่นอนว่าโอกาสนี้ต่ำมากแต่มันก็ยังมีโอกาส

“สิ่งที่ผู้อาวุโสพยายามสอนผู้น้อยคือวิธีการใช้พลังสะท้อนนี้ ดังนั้นเมื่อข้าโยนกำปั้นออกไป ข้าสามารถหยิบยืมพลังสะท้อนเข้าสังหารศัตรูได้ พลังของข้าจะเพิ่มขึ้นมหาศาล! มันยังสามารถเปลี่ยนสภาวะของวัตถุได้อีก แม้จะไม่ใช่วิชาแต่วิธีนี้ถือว่าเป็นวิชา! ผู้อาวุโสต้องการให้ผู้น้อยเรียนรู้สิ่งนี้ใช่หรือไม่?” หวังหลินเผยดวงตาเป็นประกายวูบวาบอย่างเป็นสุข การต่อสู้ธรรมดาระหว่างเซียนคงไม่เกี่ยวกับกำปั้นหรือเตะต่อย แต่หวังหลินเป็นเทพโบราณ ดังนั้นมันจึงคล้ายกับเป็นวิชาให้เขา!

ในความทรงจำเทพโบราณของหวังหลินไม่มีวิธีการใช้พลังเช่นนี้ บทเรียนจากวิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นที่สองมีความหมายต่อหวังหลินมากมาย!

ตอนที่คิดเรื่องการต่อสู้ของตัวเองกับต้าเสิน เห็นได้ชัดว่าต้าเสินแข็งแกร่งกว่ามาก ในการต่อสู้กันคราวนั้นเป็นเหมือนเด็กต่อสู้กับผู้ใหญ่!

คงไม่กล่าวเกินไปว่าเขารู้แต่เพียงวิธีการต่อสู้โดยใช้พลังล้วนๆของเทพโบราณเท่านั้น

วิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นสองถึงกับกลืนน้ำลายและถอนหายใจอยู่ในใจ เขามีชีวิตมานานและเป็นถึงเซียนเฒ่า ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะวางตัวแบบไหน เขาค่อยๆเอ่ยขึ้นมา “เยี่ยม ทุกสิ่งที่เจ้าพูดมาความจริงนั้นเรียบง่าย นั่นคือสิ่งที่ข้าต้องการบอกเจ้า”

แม้จะกล่าวเช่นนั้นแต่กลับคิดขึ้นในใจ ‘บัดซบ ข้าไม่สามารถให้เจ้าเด็กนี่มอง ข้าออก หากมันรู้ว่าตอนนั้นข้าเองก็ไม่เข้าใจ ข้าคงเสียหน้าหมด…หากข้ารู้แบบนี้ข้าคงมอบวิชาลับของพยัคฆ์ขาวและมังกรฟ้าไปแล้ว สิ่งพวกนั้นมนุษย์บ่มเพาะไปคงไม่มีค่าอะไร ด้วยระดับความเข้าใจของเจ้าสัตว์ประหลาดน้อยนี่ควรจะเรียนรู้พวกนั้นได้’

ชายชรารีบกระแอมแห้งๆเพื่อเปลี่ยนหัวข้อ เบิกตากว้างและกล่าวขึ้น “ดี ตอนนี้เจ้าได้เรียนรู้วิชาลับแล้ว ตามข้าไปที่การทดสอบ เมื่อเจ้าผ่านการทดสอบก็ไปใช้ปรมาจารย์ซือโม่เพื่อแสดงอำนาจได้เลย!”

หลังกล่าวเช่นนั้นพลันเขาสะบัดแขนเสื้อ ทั้งคู่เปลี่ยนกลายเป็นเพลิงไร้ลักษณ์ก่อนจะทะยานสู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ

หวังหลินมองดูเพลิงไร้ลักษณ์อย่างละเอียดและลอบตกตะลึง

‘นี่มันเพลิงไร้ลักษณ์ใช่หรือไม่…ไม่มีความร้อนเลยแต่มันให้ภาพลวงว่าวิญญาณข้ากำลังเผาไหม้!’

ด้วยระดับบ่มเพาะของวิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นสอง เขาพาหวังหลินมาอยู่เหนือสนามต่อสู้ในเขตทิศตะวันตกเฉียงเหนือได้ทันที ตอนนี้มีเซียนสองคนกำลังสู้กันอยู่เพื่อตำแหน่งผู้อาวุโส

รอบๆสนามมีเซียนสังเกตการณ์นับหมื่นคนและมีหลายคนที่เซียนไม่กล้าเข้าใกล้

หนึ่งในจุดเหล่านั้นคือตำแหน่งที่มีปรมาจารย์ซือโม่และยอดปรมาจารย์หยุนลั่วอยู่!

อีกตำแหน่งเป็นคู่พ่อและลูกสาวที่ปกคลุมร่างด้วยแสงสีฟ้า

อีกที่มีอยู่คนเดียว เขาสวมชุดสีเขียวดูเหมือนชายหนุ่ม นอนอยู่บนก้อนเมฆอย่างเกียจคร้าน มองดูสองคนที่กำลังต่อสู้กันด้านล่าง พลันหาวออกมาพลางนำลูกท้อออกมากัดไปหนึ่งคำ

ส่วนตำแหน่งสุดท้ายเป็นกิ้งก่ายักษ์ม้วนตัว มันลอยอยู่ในอากาศ ลำตัวสีดำดูดุร้าย บนหลังมีชายชราสวมหนังสัตว์นั่งอยู่

ใบหน้าชายชราเต็มไปด้วยหลุมและตุ่มลุกลาม หูแต่ละข้างสวมตุ้มหูขนาดเท่ากำปั้น ตรงปากมีเข็มสีแดงสี่เล่มแทงทะลุผ่านราวกับเย็บปากเอาไว้!

วินาทีนั้นสีหน้าคนเหล่านี้พลันเปลี่ยนไปและมองขึ้นมาด้านบนกันหมด!

……………………………………

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version