Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1418

Cover Renegade Immortal 1

1418. ทำได้เช่นกัน!

หวังหลินขมวดคิ้ว คำพูดของวิหครุ่นแรกดังกึกก้องในใจทำให้เขาเงียบลง

“ห้าทลายดัชนีคือกระบวนการรวบรวมพลังงานเพื่อทะลวงขั้น มีเพียงการ บ่มเพาะจนถึงขีดจำกัดของขั้นที่สองเท่านั้นถึงจะทำให้เจ้าหยิบยืมพลังอำนาจของแก่นแท้เพื่อทะลวงประตูดับสูญได้ในคราเดียว!”

“การบ่มเพาะของเจ้าปั่นป่วนเกินไป อันดับแรกร่างเจ้าคือเทพโบราณ ข้าไม่คิดว่าคนของเผ่าวิหคศักดิ์สิทธิ์ข้าจะกลายเป็นเทพโบราณไปได้!” ในสายตาของวิหค รุ่นแรกมีแสงประหลาดพลางมองกระบี่โลหิตเบื้องหน้า

“ข้าไม่รู้เรื่องการบ่มเพาะของเทพโบราณมากนัก แต่ในยุคข้าพลังอำนาจของเหล่าเทพโบราณนั้นสั่นสะเทือนสวรรค์ ตอนนั้นแม้ ‘เย่โม่’ แห่งเผ่าบัญชาโบราณจะไม่แข็งแกร่งเท่าราชันย์สวรรค์โบราณ ราชันย์ยังหวาดกลัวเขาเลย…”

“บัญชาโบราณ?” หวังหลินตกตะลึงพลางมองวิหครุ่นแรกไปด้วย

“เนื่องด้วยสัญญาของข้าเมื่อตอนนั้น ข้าไม่สามารถบอกเจ้าได้มากกว่านี้ ดังนั้นอย่าถามข้าอีก หากเจ้ามีโอกาส เจ้าจะเจอคำตอบที่สูญหายไปในกาลเวลา” ท่าทีของรุ่นแรกดูเหมือนหดหู่ลง

“หากเจ้าแค่บ่มเพาะร่างเทพโบราณและใช้พลังอำนาจของเจ้าเป็นเต๋า มันก็คงเปิดประตูดับสูญได้ง่ายขึ้น…แต่แก่นแท้ที่มีอยู่ในร่างเจ้า มันเป็นห้าแก่นแท้!!”

“ดังนั้น หากเจ้าต้องการเข้าสู่ขั้นที่สาม มันจะยากยิ่งกว่าเดิม ยิ่งเจ้ามีแก่นแท้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งยากขึ้นเท่านั้น เว้นแต่เจ้าจะยกเลิกแก่นแท้และเข้าสู่ขั้นที่สามในฐานะเทพโบราณ หรือเจ้าจะยกเลิกร่างเทพโบราณและใช้สี่แก่นแท้เข้าสู่ขั้นที่สามด้วยแก่นแท้ที่สมบูรณ์หนึ่งอย่าง!”

หวังหลินขบคิดเงียบๆ

“ขั้นที่สามจำเป็นต้องใช้แก่นแท้ที่สมบูรณ์หนึ่งอย่าง เมื่อนั้นด้วยการใช้เพลิงนรกานต์ช่วยเหลือและกลืนกินจิตวิญญาณเต๋าถึงจะมีโอกาสเข้าสู่ขั้นที่สาม แต่ข้าไม่เจอกลิ่นอายเพลิงนรกานต์จากเจ้าเลย”

“เจ้าเดินบนเส้นทางที่ยากยิ่ง ช่างแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากรุ่นที่สองและสี่ ดังนั้นข้าจึงไม่สามารถช่วยเจ้าได้…อย่างไรก็ตามตอนนี้เจ้ามีตัวเลือกและข้าอยากให้เจ้าคิดอย่างถี่ถ้วน”

หวังหลินเอ่ยขึ้นอย่างสงบนิ่ง “ตัวเลือกอะไร?”

“ละทิ้งร่างเทพโบราณ ละทิ้งแก่นแท้สายฟ้าที่ดูเหมือนจะสมบูรณ์แต่ก็ยังมีข้อบกพร่องและละทิ้งแก่นแท้ทั้งหมดของเจ้าให้เหลือเพียงแก่นแท้เพลิง…อยู่ใน บททดสอบสวรรค์ จากนั้นข้าจะช่วยเจ้าบรรลุขั้นที่สามภายในร้อยปี!”

“ตั้งแต่นั้นต่อไปเจ้าจะมีแค่หนึ่งแก่นแท้ เพลิงแห่งวิหคศักดิ์สิทธิ์! เมื่อเจ้าบรรลุขั้นที่สาม ข้าจะสอนเพลิงไร้ขอบเขตวิหคศักดิ์สิทธิ์ให้เจ้า! เจ้าจะบ่มเพาะอย่างสงบที่นี่พร้อมกับวิหครุ่นสองและสี่ รอจนกว่าข้าจะทะลวงผนึกได้สำเร็จ จากนั้นข้าจะพา เจ้าทั้งสาม…ออกไปจากที่นี่!” วิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นแรกเอ่ยอย่างช้าๆ

“ออกไปจากที่นี่?” หวังหลินดวงตาส่องสว่าง รู้สึกเหมือนมีความหมายบางอย่างซ่อนอยู่ในคำพูดนี้

“ออกไปจากที่นี่!” วิหคศักดิ์สิทธิ์เผยดวงตาหวนรำลึกพลางเอ่ยขึ้นเบาๆ “กลับไปสู่โลกที่ข้าจากมา…”

ความคิดหวังหลินสั่นเทาและกำลังจะเอ่ย

“อย่าถาม ข้าบอกไม่ได้ หากข้าพูดออกไปข้าจะตาย! พวกมันต้องการต่อสู้ พวกมันต้องการขโมยแต่ข้าเหนื่อย ข้าไม่อยากเข้าร่วม ข้าแค่ต้องการ…กลับบ้าน” วิหครุ่นแรกเอ่ยเสียงเหน็ดเหนื่อย

“ข้าจะให้เวลาเจ้าคิด ข้าหวังว่าเจ้าจะพิจารณาอย่างถี่ถ้วน…” วิหคศักดิ์สิทธิ์ รุ่นแรกถอนหายใจ

ลมหายใจหวังหลินไม่สม่ำเสมอเล็กน้อยและดิ้นรน คำพูดของวิหคศักดิ์สิทธิ์ รุ่นแรกช่างเย้ายวนยิ่งกว่าข้อเสนอของปรมาจารย์เต๋าความฝัน!

ปรมาจารย์เต๋าความฝันไม่ใช่คนของเผ่าวิหคศักดิ์สิทธิ์ ในใจหวังหลินเอนเอียงมาทางวิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นแรก

หวังหลินลังเลและถามขึ้น “หากข้าละทิ้งร่างเทพโบราณและแก่นแท้อื่นๆ เมื่อข้าบรรลุขั้นที่สาม ข้าสามารถกลับมาบ่มเพาะแก่นแท้ได้ไหม?”

“เจ้าทำได้แน่ เหล่าเซียนขั้นที่สามบ่มเพาะแก่นแท้เช่นกันและยิ่งมีแก่นแท้มากขึ้นก็ยิ่งมีความเข้าใจลึกล้ำ การบ่มเพาะก็เพิ่มขึ้นด้วย แต่แก่นแท้ใหม่จะไม่มีวันบรรลุความสมบูรณ์ที่แท้จริงและจะหยุดที่ขั้นสาม เส้นทางนี้ไม่มีอันตรายสำหรับเจ้า เป็นเส้นทางที่สงบสุขที่จะทำให้เจ้ารักษาความหลงใหลเอาไว้ได้ ข้าเองก็เผชิญกับเพลิงแห่งความหลงใหลและรู้ว่ามันสำคัญกับคนเช่นเราแค่ไหน…” วิหคศักดิ์สิทธิ์ รุ่นแรกมองหวังหลินราวกับมองดูตัวเองและถอนหายใจ

ความคิดหวังหลินสั่นเทา ลมหายใจไม่มั่นคง เบื้องหน้าเขาเป็นตัวเลือกที่เริ่มเอนเอียง มีเสียงที่เต็มไปด้วยความอ่อนเพลียจากสองพันปีอยู่ในใจ ด้วยโอกาสชีวิตอันเงียบสงบ มีเสียงแฝงความตื่นเต้นที่กระซิบเขาอย่างต่อเนื่อง

“พักอยู่นี่…”

“พักอยู่ที่นี่…เจ้าไม่ต้องเจอกับการนองเลือด เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องชีวิตและความตาย…”

“พักอยู่ที่นี่…บรรลุขั้นที่สามในร้อยปี…แม้จะล้มเลิกแก่นแท้ทั้งหมดและร่าง เทพโบราณ หลังบรรลุขั้นที่สามไปยังสามารถบ่มเพาะใหม่ได้…แม้จะไม่อาจสมบูรณ์แบบแต่การบรรลุขั้นที่สามถือว่าคุ้มค่า ถึงมันจะไม่สามารถก้าวหน้าได้อีกเลยก็ตาม!”

“พักอยู่ที่นี่…เจ้าไม่เหนื่อยกับการบ่มเพาะในเวลาสองพันปีหรืออย่างไร? เดินบนเส้นทางแห่งชีวิตและความตายซ้ำแล้วซ้ำเล่า เจ้ายังไม่กลัวใช่หรือไม่…พักอยู่ที่นี่ พักอยู่ที่นี่…”

การดิ้นรนของหวังหลินรุนแรงขึ้น ลมหายใจกระชั้นชิด ช่วงระยะเวลาสั้นๆนี้เหมือนนานเป็นพันปี หลังจากผ่านไปสักพักหวังหลินจึงมองวิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นแรก เอ่ยน้ำเสียงแหบเล็กน้อย “บรรพชนพาไปได้แค่เราสามคนหรือ? ข้านำคนไปเพิ่ม ได้ไหม? ผู้น้อยมีสหายที่ไม่สามารถทิ้งไว้เบื้องหลังได้…”

วิหครุ่นแรกขบคิด ชั่วขณะต่อมาจึงเอ่ยเสียงดังกึกก้อง

“การพาพวกเจ้าไปสามคนคือขีดจำกัดของข้าแล้ว…ช่างมันเถอะ เมื่อวันที่จะไปมาถึง ข้าให้เจ้าได้เพิ่มอีกหนึ่งที่! หากมีคนมากขึ้น ข้ากลัวว่าจะไม่สามารถกลับไปได้”

“หนึ่งที่…” ภาพลี่มู่หวานปรากฏในสายตาหวังหลิน…จากนั้นซือถูหนาน ฉิงชุ่ยและโจวลี่…หลี่เฉียนเหมยก็ผุดขึ้นมา…ร่างหลายคนที่เขาเจอมาตลอดสองพันปีได้ทำให้หวังหลินเกิดการตัดสินใจ

“ตอนนี้เจ้าจงบอกข้า ว่าเจ้าเลือกอะไร?” คำพูดของวิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นแรกดังเข้า สู่จิตใจหวังหลิน

คลื่นมหาศาลก่อเกิดในใจหวังหลิน ตัวเลือกนี้ทำให้เขาดิ้นรนและลังเล…ชั่วขณะต่อมาหวังหลินยื่นมือออกไปเปิดรอยแยกมิติเก็บของ โลงศพหนึ่งค่อยๆลอยออกมา ลี่มู่หวานกำลังหลับใหลอยู่ในโลงศพอย่างสงบนิ่ง

“ผู้อาวุโสชุบชีวิตนางได้หรือไม่?” หวังหลินมองขึ้นด้วยสายตาแดงก่ำ การตัดสินใจเลือกนี้เป็นเสมือนการต่อสู้อันโหดร้ายสำหรับเขา!

เสียงถอนหายใจยาวดังกึกก้องพร้อมกับคำพูดของวิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นแรก

“ข้าเห็นโลงศพตอนที่เจ้าเปิดมิติเก็บของก่อนหน้านี้แล้ว นางต้องเป็นความหลงใหลของเจ้า…โลงศพถูกสร้างขึ้นด้วยผู้เยาว์ ข้าไม่เคยเห็นมันมาก่อนแต่ข้าสัมผัสผลลัพธ์ของโลงศพนี้ได้…อายุขัยของนางสิ้นสุด วิญญาณแรกกำเนิดได้รับบาดเจ็บและนางก็ตาย…จากนั้นเจ้าเก็บวิญญาณของนางไว้ในโลงศพเพื่อสร้างกายเนื้อ แต่วิญญาณของนางแตกสลายไปแล้ว…”

ร่างหวังหลินสั่นเทาพลางจ้องมองลี่มู่หวานในโลงศพ

“โลงศพนี้ประหลาดยิ่ง มันทำให้วิญญาณที่แตกสลายไปแล้วหยุดลงชั่วขณะ หากเจ้าหาวิธีที่ถูกต้องในการควบคุมได้ เจ้าก็จะสามารถค้นหาเศษวิญญาณที่แตกสลายของนางได้ทีละชิ้น…แต่ถึงแม้เจ้าจะหาเศษวิญญาณของนางเจอทั้งหมด ข้าก็ไม่สามารถชุบชีวิตนางได้…”

จิตใจหวังหลินเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง สายตามืดหม่น จ้องมองโลงศพราวกับจิตใจได้ขาดสะบั้น เกิดความเจ็บปวดไปทั่วร่างกาย

วิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นแรกขบคิดเล็กน้อย “อย่างไรตาม ข้าไม่สามารถทำได้แต่ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นทำไม่ได้ ในบ้านเกิดข้ามีสามคนที่สามารถซ่อมแซมวิญญาณนางและชุบชีวิตขึ้นมาได้! เพียงแต่…ทั้งสามคนนั้นมีสถานะสูงส่งยิ่ง ข้าไม่สามารถให้ พวกเขาช่วยได้…แต่เจ้าสบายใจได้ ข้าจะทำให้ดีที่สุด…”

หวังหลินไม่ได้มองขึ้นไป เขาค่อยๆถอนสายตาจากโลงศพ แขนขวาสัมผัสเข้ากับฝาโลงและเก็บกลับไปในมิติเก็บของ

“บรรพชนสามคนที่พูดถึงช่างไกลตัวจากผู้น้อยนัก สามคนที่ทำได้ขอเดาว่าเนื่องจากระดับบ่มเพาะลึกล้ำเกินหยั่งถึง…” หวังหลินยกแขนขึ้นมาและมองดูรูปปั้นของวิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นแรก แม้สายตายังคงแดงก่ำแต่ไม่มีความดิ้นรนอะไรอีกแล้ว มันเต็มไปด้วยความชัดเจนและมุ่งมั่น

“ผู้น้อยก็ต้องการมีชีวิตที่สงบสุขเช่นกัน ข้าเหนื่อยต่อสถานการณ์ความเป็นความตายและแผนการในโลกแห่งเซียนเต็มทีแล้ว ข้าอยากอยู่ที่นี่จนแก่ แม้นั่นจะหมายถึงระดับบ่มเพาะหยุดอยู่ที่ขั้นสาม แล้วอย่างไรเล่า?”

ดวงตาหวังหลินเจิดจ้าและกล่าวต่อไป “เพียงแต่ผู้น้อยไม่สามารถทำได้… การขอให้คนอื่นช่วยเป็นเรื่องที่ไว้ใจไม่ได้ ข้าไม่ชอบให้คนอื่นควบคุมชะตาของข้า… ข้าอาจจะดีไม่พอที่จะขอให้คนอื่นช่วย ในเมื่อพวกเขาสามารถบ่มเพาะได้ถึงระดับนั้น ข้าหวังหลิน ก็สามารถทำได้เช่นกัน!”

“…ข้าสามารถทำได้เช่นกัน!” แม้คำพูดนี้จะไม่ดัง แต่หลังจากกล่าวออกไปราวกับพลังที่มิอาจอธิบายได้พรั่งพรูเข้าไปในร่างหวังหลินทำให้เขาเกิดแรงกดดันน่าตกตะลึง

คำพูดนี้ดูเหมือนดังกึกก้องอยู่ในโลก แม้กระทั่งวิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นแรกยังหรี่ตาแคบ

“ข้าไม่สามารถละทิ้งร่างเทพโบราณไปได้! ข้าไม่สามารถละทิ้งแก่นแท้อีกสี่อย่างของข้าไปได้ แม้เส้นทางนี้จะยากเย็นแสนเข็ญ ข้าต้องเดินต่อไป! ข้าไม่อาจยอมให้การบ่มเพาะของข้าต้องหยุด…” หวังหลินโค้งต่อวิหคศักดิ์สิทธิ์รุ่นแรกก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปในอากาศ

“ผู้น้อยขอยกย่องความเมตตาอันดีของบรรพชน…ไม่ว่าจะเป็นห้าทะลวงสวรรค์หรือห้าทลายดัชนี ทั้งหมดคือสิ่งที่เหล่าเซียนจำเป็นต้องเข้าใจในฐานะสิ่งจำเป็นต่อการทะลวงประตูดับสูญ…เช่นนั้นทำไมผู้น้อยถึงไม่หาเส้นทางของตัวเอง วิธีที่พิเศษสำหรับข้า! บรรพชนกล่าวว่าข้าจำเป็นต้องมีห้าดัชนีเพื่อปกคลุมท้องฟ้า แต่ผู้น้อยไม่ต้องการทะลวงผ่านห้าทะลวงสวรรค์!”

“ร่างเทพโบราณของข้าคือฝ่ามือ แก่นแท้ทั้งห้าของข้าคือนิ้วมือ! ห้าทะลวงสวรรค์ ห้าทลายดัชนี ห้าแก่นแท้ พวกมันมีชื่อเรียกต่างกันแต่ความหมายล้วนเหมือนกัน!”

“ข้าทำหนึ่งแก่นแท้สมบูรณ์ไปแล้วนั่นหมายถึงทะลวงสวรรค์แรก เมื่อห้าแก่นแท้ของข้าสมบูรณ์ ข้าจะเป็นเหมือนเซียนขั้นทะลวงสวรรค์ระดับที่ห้า ข้าจะทะลวง เปิดประตูดับสูญและสร้างเส้นทางของตัวเอง!”

………………………………………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version