1449. ความลับของแท่นหิน
วิชายับยั้งต้องใช้ในช่วงวินาทีสำคัญและไม่สามารถใช้ได้เร็วเกินไป ไม่เช่นนั้นเป้าหมายคงระมัดระวังเอาไว้และต้องใช้ให้สำเร็จในครั้งเดียว! เช่นนั้นแล้วมันจึงถือเป็นกระบวนท่าสังหารที่ไม่คาดคิด! วิชายับยั้งอยู่กับหวังหลินมามากกว่าพันปีและใช้ในทุกเวลาสำคัญ หลิงตงบาดเจ็บสาหัสและอยู่ปากเหวแห่งความตาย ตอนนี้ร่างเขาสั่นเทาพร้อมกับหมอกสีแดงร้องคำรามและซ่อมแซมช่องโหว่ มันกลืนกินหลิงตงเข้าไปในเวลาเดียวกันด้วย
การใช้พลังเล็กน้อยเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือหลักการต่อสู้ของหวังหลิน หากเขาเอาหินหยกมาก่อนหลิงตงจะบาดเจ็บมากกว่านี้ หลิงตงอาจจะเป็นอิสระได้
วิชายับยั้งก็เช่นเดียวกัน ดังนั้นหวังหลินจึงต่อสู้และทำให้หลิงตงบาดเจ็บถึงขีดจำกัด ในช่วงวินาทีสำคัญเขาจึงเอาหินหยกมาและใช้วิชายับยั้งในตอนสุดท้าย หวังหลินรีบสร้างผนึกให้เขตอาคมร่อนลงบนหมอกแดง เสียงคำรามดังออกมาจากสายหมอกอยู่สักพักก่อนจะค่อยๆเงียบลง
‘ข้าไม่กลัวเขตอาคม แต่จิตวิญญาณเต๋าที่ถูกผนึกข้างในต้องแข็งแกร่งแน่นอน ข้าจะต่อสู้กับมันและมันจะเป็นประโยชน์ต่อข้าที่สุด!’ หวังหลินดวงตาส่องสว่าง นี่คือทั้งหมดของแผนเขา หากหลิงตงไม่บาดเจ็บสาหัส จิตวิญญาณเต๋าอาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาและคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่มันจะได้รับความเสียหาย
อย่างไรก็ตามตอนนี้ช่างเหมาะสมสำหรับแผนการของหวังหลินยิ่งนัก
สายฟ้าในตาขวาของหวังหลินลอยละล่องออกมาพร้อมกับอักขระสายฟ้า มันลอยอยู่เหนือหมอกสีแดง ประกายสายฟ้าตกลงไปก่อเกิดเป็นตาข่าย
เปลวเพลิงพรั่งพรูออกมาจากตาซ้าย ก่อเกิดเป็นทะเลเพลิงเผาไหม้หมอกแดง มันผสานกับสายฟ้าและเข้าปิดล้อม
หลังเสร็จสิ้นทั้งสองนี้ หวังหลินชี้ใส่กลางหน้าผาก ดวงดาวเทพโบราณหมุนติ้ว เตาหลอมจักรพรรดิปรากฏขึ้นมาและล้อมรอบสายหมอกเอาไว้
หวังหลินใช้ฝ่ามือสร้างผนึกและส่งเขตอาคมออกไป จากนั้นเตาหลอมจักรพรรดิเริ่มทำการหลอม หวังหลินมองสายหมอกด้วยแววตาส่องสว่าง เตาหลอมจักรพรรดิคืออาวุธเทพโบราณสายเลือดราชวงศ์ นอกจากมันจะมีพลังป้องกันอันแข็งแกร่งแล้ว มันยังใช้หลอมได้ด้วย ไม่เฉพาะแค่หลอมเม็ดยาหรือสมบัติเท่านั้นแต่ยังหลอมทาสโบราณได้ด้วย! หวังหลินไม่มองไปที่หมอกอีกแต่เดินเข้าหาใบไม้สองใบที่ผนึกกันเอง เพียงแค่สะบัดแขน สองใบไม้ก็ลอยเข้าหาเขา
‘ไม่คิดว่าหลิงตงจะมีใบไม้โบราณอยู่ด้วย…ไม่รู้ว่าเขาไปได้มันมาจากไหน’ หวังหลินแยกใบไม้สองใบออกมา ถืออันที่เคยเป็นของหลิงตง กวาดสัมผัสวิญญาณเข้าไปพร้อมกับพลังเทพโบราณเพื่อปัดเป่าสัมผัสวิญญาณข้างในออกไป นอกจากนี้มันคือสมบัติของเผ่าบัญชาโบราณ คนภายนอกไม่สามารถควบคุมมันได้อย่างแท้จริง
หลังจากทิ้งกลิ่นอายเทพโบราณไว้บนใบไม้ หวังหลินเก็บทั้งสองอย่างระมัดระวัง สมบัตินี้เป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับเขา! ในบางสถานการณ์มันเทียบได้กับวิชาหยุดยั้งเสียอีก! หวังหลินกวาดสายตาออกไปมองแท่นหินสีแดงเข้มขนาดสองพันฟุต พริบตาเดียวเขาก็ปรากฏตัวอยู่บนแท่น
‘ก่อนหน้านี้หลิงตงบอกว่า ‘แท่นระดับสอง’ เขาต้องหมายถึงมันแน่…เพียงแต่ข้าไม่รู้ว่ามันใช้ทำอะไร…’ หวังหลินขมวดคิ้วพลางคุกเข่าลงและเริ่มสำรวจ
ชั่วครู่ต่อมา หวังหลินหรี่ตาแคบและเห็นเบาะแสบางอย่าง
พื้นผิวบนแท่นหินมีเส้นหลายเส้นที่อยู่ใต้โลหิตสีแดงเข้ม หวังหลินมองออกเพียงแค่ชำเลืองสายตามอง พวกมันคือตัวเลขที่ปรากฏขึ้นกลางหน้าผากของเหล่าเซียน ตอนที่ต่อสู้กันบนแท่น แม้จะมีคนตาย ตัวเลขก็ไม่หายไปแต่กลับเปลี่ยนกลายเป็นอักขระและลอยอยู่บนนั้นแทน
ตอนที่เห็นครั้งแรกเขาไม่รู้ถึงความลับ แต่ตอนนี้พอมาตรวจแท่นอย่างละเอียดจึงเข้าใจทุกอย่าง
“อักขระตัวเลขเหล่านั้นสามารถทำให้แท่นหินพัฒนาขึ้นได้…” หวังหลินพึมพำพลางมองลงไป มีอักขระจำนวน 589 แห่งอยู่บนแท่น
ที่นี่มีเซียนตายไปมากกว่าสิบคน แม้พวกเขาจะตายไปแล้วแต่ตัวเลขของแต่ละคนกลับลอยอยู่ตรงนี้
แม้กระทั่งพายุแดงก็ไม่ได้อาจทำลายอักขระได้ นับตั้งแต่ที่หลิงตงและผู้รอบรู้ วัยกลางคนให้ความสนใจสมบัติชิ้นนี้ พวกเขากลับไม่มีเวลาเก็บรวบรวมอักขระ
แววตาหวังหลินกะพริบแสงวูบวาบและสะบัดแขนเสื้อ อักขระเวทย์เหล่านั้นลอยเข้าหาเขา จากนั้นหวังหลินก็วางบนแท่นหินด้านล่างตนเอง
อักขระเวทย์ร่อนลงบนแท่นหินและในไม่นานก็ผสานเข้าด้วยกัน พออักขระตัวที่สิบเอ็ดผสานเข้าไป แท่นหินสั่นไหวอย่างรุนแรง
ฝุ่นผงมากมายโผล่ออกมาจากทุกทิศทางและผสานเข้ากับแท่นหิน แท่นหินดูเหมือนกลายเป็นวงกลมเต็มวง ฝุ่นผงแทงทะลุเข้ามาได้และจากนั้นผสานกับแท่นมากมาย
แท่นหินค่อยๆขยายใหญ่ขึ้นและใหญ่ขึ้น จาก 23,000 ฟุตเป็น 25,000 ฟุต 28,000ฟุต…จนกระทั่งเป็นสามหมื่นฟุตก่อนจะหยุดสั่นไหว สีของมันไม่ใช่สีแดงเข้มอีกแล้วแต่เป็นสีม่วง มันเหมือนแผ่นดินเล็กๆมากกว่า สิ่งที่หวังหลินประหลาดใจไม่ใช่การเติบโตของแท่นแต่กลับเป็นวิธีการได้รับพลังชีวิต เมื่อมันกลายเป็นแท่นขนาด สามหมื่นฟุต กลิ่นอายได้เข้าสู่หวังหลินผ่านฝ่าเท้า ความทรงจำผุดขึ้นในใจเขาและก่อนจะตอบสนองได้ทันมันก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของเขาแล้ว
หวังหลินหลับตา ภาพแผนที่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าทันที แผนที่แห่งนี้ขนาดใหญ่มากแต่ส่วนใหญ่ถูกปกคลุมด้วยหมอกสีดำ มีเพียงสถานที่สามแห่งที่ไม่ถูกหมอกสีดำปกคลุมและสถานที่ทั้งสามคิดเป็นสามในสิบส่วนของแผนที่
หลังจากมองดูอย่างละเอียดหวังหลินจึงพบว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน ที่นี่ถูกเรียกกันว่าดินแดนแห่งเพลิงและอยู่ในสามพื้นที่ที่ถูกเปิดขึ้นในแผนที่ เขายังเห็นเส้นทางที่จะนำไปสู่ส่วนลึกของสุสานโบราณด้วย
ความคิดหวังหลินสั่นเทา หลังจากนั้นสักพักจึงลืมตาขึ้นและตกตะลึง ตอนนี้รอยแยกนับไม่ถ้วนยังคงอยู่ในดินแดนผนึกแห่งนี้ รอยแยกเหล่านี้เสมือนบาดแผลที่ทั้งเปิดและปิด ช่างประหลาดยิ่ง
ดวงตาหรี่แคบและก้าวเท้าออกไปจากแท่นหิน ขณะที่ออกมารอยแยกที่เขาเห็นกลับหายไป พวกมันถูกลบออกไปจากทัศนวิสัย
เมื่อกลับมายังแท่นหิน รอยแยกเหล่านั้นปรากฏขึ้นในดวงตาเขาอีกครั้ง
‘แท่นหินนี้ประหลาด…’ หวังหลินขบคิดเล็กน้อยแต่ก็ไม่อาจคิดถึงเหตุผลได้ เขาคาดเดาว่าในสุสานบัญชาโบราณแห่งนี้ เหล่าแท่นหินคือทุกสิ่งทุกอย่าง ‘แท่นหินควรต้องบรรลุระดับสาม…หากข้าสามารถยกระดับมันได้ บางทีอาจไม่เพียงแค่เผยแผนที่ออกมา แต่ยังได้รับความสามารถอื่น…’ หวังหลินขบคิด ครู่ต่อมาสายตาจึงตกลงบนเตาหลอมจักรพรรดิ
สายฟ้าและเปลวเพลิงสลับไปมาอยู่ในเตาหลอมพร้อมกับสายหมอกถูกหลอมอยู่ด้วย สายหมอกนี้หดลงจากขนาดหมื่นฟุตไปถึงแปดพันฟุตและยังคงหดตัวลงเรื่อยๆ
หวังหลินนั่งลงอยู่นอกเตาหลอมจักรพรรดิ ฝ่ามือสร้างผนึกส่งเขตอาคมทะลุผ่านเตาหลอมเข้าไปร่อนลงใส่หมอกสีแดง
นอกจากเขตอาคมวิญญาณโบราณแล้ว ที่เหลือหวังหลินล้วนเชี่ยวชาญ ขณะที่เขาทำให้เขตอาคมในหมอกสีแดงอ่อนแอลงเรื่อยๆ หมอกสีแดงจึงสลายไปทีละชั้น ผ่านไปสิบห้านาทีจึงเหลือหมอกสีแดงเพียงหนึ่งพันฟุต เผยให้เห็นแท่นหินที่ เทพโบราณกำลังแบกเอาไว้ หวังหลินสะบัดแขนส่งหินหยกสามชิ้นของผู้รอบรู้ออกไป พวกมันตรงเข้าไปในเตาหลอมและเข้าสู่สายหมอกเพื่อทำให้มันหยุดเคลื่อนไหว
หวังหลินดวงตาส่องสว่างและยืนขึ้นทันที แขนขวาเข้าต้านกับเตาหลอมและส่งพลังเทพโบราณพุ่งเข้าไป เหล่าดวงวิญญาณมากมายพุ่งออกมาก่อตัวเป็นฝ่ามือยักษ์หนึ่งคู่ สองฝ่ามือพุ่งเข้าไปในสายหมอกและฉีกกระชากพวกมันอย่างรุนแรง สายหมอกถูกฉีกเปิดออกจนเผยความจริงข้างใน แต่ก่อนที่หวังหลินจะมองได้ชัดกว่านี้ เสียงคำรามสั่นสะเทือนสวรรค์ดังกึกก้องและพุ่งออกมา ดูเหมือนมันจะสามารถตรวจจับหวังหลินได้และพุ่งเข้าหาทิศทางของหวังหลิน
เสียงดังสนั่นกึกก้องคับฟ้า หวังหลินมองจิตวิญญาณเต๋ารูปร่างคล้ายกิเลนด้วยท่าทีสงบนิ่ง มันกระแทกเข้าใส่เตาหลอมจักรพรรดิและกระเด็นกลับไป ร่างกายมีแต่รอยแผลและดูสิ้นหวัง เห็นได้ชัดว่าการต่อสู้ของมันกับหลิงตงเป็นเรื่องยากมาก
อย่างไรก็ตามแววตาดุร้ายของมันไม่ลดน้อยลงเลย ขณะที่มันล่าถอยจึงส่งเสียงคำรามต่อเนื่อง
ด้านข้างมันคือร่างศพที่ชุ่มไปด้วยโลหิต นั่นคือหลิงตง! เตาหลอมจักรพรรดิเป็นของหวังหลิน ดังนั้นจึงไม่มีทางที่หลิงตงจะซ่อนตัวได้ หวังหลินเห็นว่าหลิงตงไม่ตายแต่วิญญาณดั้งเดิมถูกซ่อนไว้และฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว
หวังหลินยกแขนขวาและสร้างผนึกขึ้นมาก่อนจะชี้ไปที่เตาหลอมจักรพรรดิ ภูตผีปรากฏขึ้นมานำเอาจิตวิญญาณเต๋าออกห่างไป ทิ้งไว้แต่เพียงหลิงตงที่กำลังนอนอยู่ตรงนั้น
“ไม่ต้องแกล้งตาย ข้าไม่ได้มีแผนจะฆ่าเจ้า ข้าอยากได้ทาสโบราณขั้นที่สามมากกว่าหลิงตงที่ตายไปแล้วเสียอีก!”
หวังหลินเอ่ยเสียงดังก้อง ดาวเทพโบราณหกดวงหมุนติ้ว พลังเทพโบราณไหลเข้าไปในเตาหลอมและเริ่มกระบวนการหลอมทาสรับใช้อันโหดเหี้ยม