Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1456

Cover Renegade Immortal 1

1456. โอกาสสังหารสามครั้ง

แขนยักษ์ร่วงลงเข้าสู่สายหมอกอย่างรวดเร็วจนเกิดเป็นสายลมร้องหวนทะลุผ่าน เข้าไป อย่างไรก็ตามเสียงนั้นก็ถูกหมอกดูดซับและไม่ดังกระจายออกไป ด้าน ท่อนแขนก็ไม่ได้ลงไปเป็นเส้นตรงแต่เป็นเส้นโค้ง…

ร่างหวังหลินส่วนใต้หน้าอกถูกฝ่ามือคว้าเอาไว้และเกิดความเจ็บปวดแล่นไปทั่วร่าง อย่างไรก็ตามแขนนั้นไม่ได้พลังเพิ่มมากขึ้น มันแค่ต้องการรั้งหวังหลินไว้เท่านั้น

เฒ่าพิษเดียวดายครอบครองร่างอวตารของปรมาจารย์เต๋าเมียวหยินและระงับวิญญาณข้างใน เขานั่งลงบนฝ่ามือด้วยท่าทีมืดมน

แท่นหินทั้งสามแห่งถูกแขนดึงลงมาด้วยเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าทั้งสามแท่นเป็นของหวังหลิน เฒ่าพิษเดียวดายและปรมาจารย์เต๋าเมียวหยิน! บนแท่นเกิดความเสียหายแต่ท่อนแขนก็ไม่ได้ต้องการบดขยี้พวกมัน

เฒ่าพิษเดียวดายเกิดแววตากะพริบเย็นเยียบ จากนั้นยกแขนขวาขึ้นและสร้างผนึก ควันพิษสีดำรวบรวมขึ้นมา เขาพ่นลมหายใจเย็นและกำลังจะกดลงบนฝ่ามือยักษ์ แต่กระนั้นหวังหลินเอ่ยขึ้นก่อน

“ผู้อาวุโส โปรดรอก่อน!”

เฒ่าพิษเดียวดายขมวดคิ้ว เขาพยายามเงยศีรษะขึ้นมา หวังหลินกล่าวต่อ

“ผู้อาวุโสเพิ่งครอบครองร่างอวตารของปรมาจารย์เต๋าเมียวหยินได้สำเร็จและ ไม่คุ้นชินกับร่างกายดีนัก ความคิดของท่านจึงขุ่นมัว…แขนประหลาดนี่ไม่ได้มุ่งหน้าลงไปตรงๆ…” หวังหลินเอ่ยขึ้น เสียงดังออกมาจากร่างและรีบหดกลับไปเท่าคนปกติ

เมื่อร่างกายหดลงจึงตกลงไป เขาทำให้ห้านิ้วหุบเข้ามาจนเกิดเสียงดังสนั่น

หวังหลินร่อนลงในฝ่ามือ ดวงตาเผยแสงลี้ลับ ใช้มือขวาลูบกลางหน้าผากเบาๆ

เฒ่าพิษเดียวดายไม่ใช่เซียนธรรมดา หลังจากหวังหลินเอ่ยกระตุ้นเตือนจึงสังเกตความแตกต่าง แขนนี้ไม่ได้ลงไปตรงๆ มันเอียงไปข้างๆ

“หากผู้อาวุโสไปกระตุ้นแขนประหลาดนี่ มันคงหุบเข้าทันที ถึงตอนนั้นข้ากลัวว่าเราจะหนีได้ยากนัก…” หวังหลินก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว แขนขวาที่ลูบกลางหน้าผากค่อยๆหย่อนลง ระหว่างกระบวนการนั้นเขาก็ถอยไปมากขึ้น

“เจ้าหมายความว่าอะไร?” ใบหน้าเฒ่าพิษเดียวดายเกิดการบิดเบือน ใบหน้า น่าเกลียดจากร่างดั้งเดิมเริ่มผุดขึ้นบนร่างอวตารของปรมาจารย์เต๋าเมียวหยิน

แขนยักษ์ข้างนี้ไม่ได้ปิดลงสนิท ทิ้งพื้นที่ขนาดใหญ่เปิดออกมา หวังหลินถอยห่างจากเฒ่าพิษเดียวดายไปหมื่นฟุตและเก็บแท่นของเขาและปรมาจารย์เต๋าเมียวหยินไป แม้ใบหน้าจะซีดเผือดแต่ดวงตาเปล่งประกายเจิดจ้า

หวังหลินค่อยๆเอ่ยขึ้น “ผู้น้อยสังเกตวิถีการเดินทางของแขนยักษ์และพอจะเดาอะไรได้บางอย่าง หากเดาผิดเราสามารถร่วมมือกันหาทางทะลวงให้เป็นอิสระก็คงไม่สายเกินไป…อย่างไรก็ตามหากข้าเดาถูก การปรากฏของแขนนี้อาจจะไม่ใช่เรื่องแย่สำหรับเรา!”

หวังหลินยกแขนขึ้นและเอ่ยกล่าว “หากมันต้องการจับเราสองคนจริงๆ แขนนี้คงพุ่งไปตรงๆแล้ว!”

“แต่เห็นได้ชัดว่าตอนนี้มันเอียง นั่นหมายความว่า…” หวังหลินเลื่อนแขนขวาจนถึงองศาหนึ่ง จากนั้นแขนขวาก็กระตุก มีแสงโลหิตโผล่ออกมาจากร่าง

“แบบนี้!”

ดวงตาเฒ่าพิษเดียวดายถึงกับหรี่แคบ เขาไม่ได้ป้องกันไม่ให้หวังหลินเอาแท่นหินของปรมาจารย์เต๋าเมียวหยินไป เขาสะบัดแขนขวาและเก็บแท่นของตัวเอง ขบคิดเล็กน้อยและเกิดแววตาเข้าใจ จากนั้นชำเลืองไปที่หวังหลิน

“เจ้าฉลาดกว่านกเฒ่านั่น!”

“ไม่ถึงกับฉลาดหรอก มันแค่การคาดเดา” หวังหลินส่ายศีรษะ

ขณะทั้งสองพูดคุยกัน แขนยักษ์ที่เอนเอียงไปพลันสั่นเทาราวกับหยุดลง เสียงหอนหยุดลงไปด้วยและกลายเป็นความเงียบ!

หวังหลินสีหน้าเคร่งเครียดและเพ่งสมาธิ เขาเหมือนคันธนู รอดูว่าสิ่งที่เดานั้นถูกต้องหรือไม่!

เห็นได้ชัดว่าเฒ่าพิษเดียวดายถูกการคาดเดาของหวังหลินโน้มน้าว เขาเพ่งสมาธิตัวเองไปชั่วขณะ!

ทันใดนั้นเกิดเสียงโหยหวนดังกึกก้องอย่างรุนแรง แขนยักษ์หยุดลงชั่วขณะและจากนั้นเกิดเสียงคำรามออกมาจากส่วนลึกของทะเลหมอก พอเกิดเสียงคำราม แขนก็เริ่มเคลื่อนไหว!

ราวกับแขนยักษ์กำลังถือก้อนหินเอาไว้ หลังจากมันเอียงมือ มันก็โยนก้อนหินไปข้างหน้า! พลังรุนแรงโผล่ออกมาจากฝ่ามือและโยนทั้งหวังหลินและเฒ่าพิษเดียวดายออกไป!

ความรุนแรงของการโยนนี้มิอาจอธิบายออกมาได้ มันรวดเร็วมากจนให้ความรู้สึกว่าสายหมอกเป็นเสมือนคมมีดร่อนลงใส่ร่างหวังหลินและเฒ่าพิษเดียวดาย

หวังหลินและเฒ่าพิษเดียวดายถูกโยนเหมือนหินเข้าสู่ส่วนลึกของสุสานโบราณ!

พลังรุนแรงจากแขนผลักทั้งสองคนไปข้างหน้า พวกเขาเคลื่อนไปด้วยความเร็วเกินกว่าเซียนขั้นที่สาม

ความเร็วนี้รวดเร็วเกินไป หากหวังหลินไม่มีร่างเทพโบราณคงถูกสายหมอกบดขยี้ไปแล้ว! แม้สายหมอกจะไม่แหลมคม แต่ด้วยระดับความเร็วขนาดนี้สายหมอกคงกลายเป็นของแข็งที่สุดในโลก!

เสียงดังปะทุออกมาจากร่างกายและมีโลหิตสำรอกออกมา ทว่าร่างเขาทะลวงผ่านสายหมอกในพริบตาและถูกโยนเข้าไปในส่วนลึกของสุสานโบราณ อย่างไรก็ตามหวังหลินได้เตรียมการเอาไว้แล้ว เมื่อแขนโยนเขาไปจึงเหมือนลูกธนูที่พุ่งออกจากแล่ง พลังดั้งเดิมของเขาก่อตัวเป็นม่านป้องกันหลายชั้นและมีโล่เงาแสงปรากฏขึ้นรอบๆ

เมื่อเขาถูกโยนออกไป หวังหลินเสมือนกระโจนออกจากฝ่ามืออย่างรุนแรง เขายืมพลังการโยนนี้และใช้พลังของตัวเองเพื่อทะยานให้เร็วกว่าเฒ่าพิษเดียวดาย! หวังหลินผ่านเฒ่าพิษไปและหายวับเข้าไปในหมอกก่อนเป็นคนแรก

ถ้าไม่ใช่เพราะหวังหลินเรียนรู้กฎแห่งความแข็งแกร่งมาจากเต่าดำ เขาคงไม่กล้าทำเช่นนี้ หากเขาไม่สามารถควบคุมพลังสะท้อนได้ มันคงทำลายร่างเขา!

แม้เฒ่าพิษเดียวดายจะบาดเจ็บ หวังหลินก็บาดเจ็บเช่นกัน เขาไม่สามารถมอง คนผู้นี้ออกได้ดังนั้นจึงใช้โอกาสนี้จากไป นี่คือตัวเลือกที่ดีที่สุด

ความจริงแล้วถ้าไม่ใช่เพราะเฒ่าพิษเดียวดายเป็นคนเจ้าเล่ห์และกำลังจะโจมตีฝ่ามือ หวังหลินคงไม่เผยสิ่งที่ตนเองคาดเดา เขาคงเดาว่าเฒ่าพิษเดียวดายมองออกแล้วและแกล้งทำเป็นโจมตี!

หวังหลินไม่มีเวลาวิเคราะห์อย่างละเอียด หนีไปง่ายๆเสียดีกว่า!

เฒ่าพิษเดียวดายนั้นรวดเร็วยิ่ง เขาทะยานราวกับดาวตกออกไป พอเห็นว่าหวังหลินทะยานจากด้านหลังได้เร็วกว่าเขา ดวงตาพลันส่องสว่าง แขนขวาที่สร้างผนึกขึ้นไว้แล้วค่อยๆเลื่อนลง

“มันเป็นคนระมัดระวังตัวมากและเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก…ก่อนหน้านี้ข้าอยากสังหารมันไปสามรอบแต่มันก็คลี่คลายสถานการณ์ได้หมด…ข้าตั้งใจยืมช่วงที่เราถูกโยนไปเพื่อวางพิษใส่ แต่มันก็มองข้าออกและยืมพลังเพื่อหลบหนี!” เฒ่าพิษเดียวดายสีหน้ามืดมนและหายวับเข้าไปในหมอก

หวังหลินทะยานอย่างรวดเร็วโดยมีสายหมอกพุ่งใส่หน้า โล่เงาแสงรอบตัวพังทลายและเกิดขึ้นใหม่อย่างต่อเนื่อง ม่านเขตอาคมที่เขาวางเอาไว้สูญสลายทีละชั้น พลังการโยนก่อนหน้านี้คงอยู่ได้ครึ่งชั่วโมงก่อนจะสูญสลายไป

หลังจากความเร็วตกลง สายหมอกก็ไม่สามารถทำให้เขาบาดเจ็บอีก หวังหลินปาดโลหิตออกจากมุมปาก มองกลับไปดูด้วยแววตาเย็นเยียบ

หลังจากขบคิดเล็กน้อย หวังหลินหันกลับมาและหยิบเอาแท่นหินขึ้นมา หลังจากนั่งลงไปเขาก็นำแท่นหินของปรมาจารย์เต๋าเมียวหยินออกมาด้วย จากนั้นแขนขวากระแทกลงใส่แท่นหินของปรมาจารย์เต๋าเมียวหยินทำให้อักขระเวทย์ทั้งหมดลอยออกมา เพียงแค่สะบัดแขนเหล่าอักขระเวทย์พวกนั้นก็ร่อนลงใส่แท่นของเขา

แท่นหินของหวังหลินกะพริบรุนแรง มันเริ่มขยายจากสามหมื่นฟุตจนกลายเป็นสี่หมื่นฟุต!

มันกลายเป็นสีดำสนิท! ราวกับกำลังผสานเข้ากับสายหมอก!

แท่นระดับสี่!

หวังหลินไม่หยุดแค่นั้น ยื่นแขนขวาออกไปทำให้อักขระเวทย์หลายร้อยชิ้นปรากฏขึ้น อักขระเวทย์เหล่านี้เป็นของเซียนที่ตายในดินแดนผนึก หวังหลินจัดการริบพวกมันมาตอนที่ไม่มีใครสังเกต

หลังจากนำออกมาเขาก็ผสานเข้ากับแท่นระดับสี่ เกิดเป็นเสียงดังลั่นและ ขยายขึ้นอีกครั้ง พริบตาเดียวมันก็มีขนาดห้าหมื่นฟุต!

มองไกลๆแท่นหินขนาดห้าหมื่นฟุตนี้ช่างใหญ่โตและน่าตกตะลึงยิ่ง!

แท่นหินของปรมาจารย์เต๋าเมียวหยินนั้นแทบจะเลื่อนเป็นระดับสี่แล้ว การเพิ่มอักขระของหวังหลินและเหล่าเซียนเกือบร้อยคนเข้าไปด้วยมันจึงกลายเป็นระดับห้า!

หวังหลินนั่งอยู่บนแท่นหิน รู้สึกว่าสิ่งที่คล้ายสัมผัสวิญญาณผุดออกมาจากแท่นเข้าสู่จิตใจของเขา หวังหลินมีประสบการณ์อยู่แล้วดังนั้นจึงไม่ประหลาดใจ หลังจากสังเกตมันอย่างละเอียดทำให้เห็นอีกสองพื้นที่เปิดขึ้นในจิตใจ

ห้าแผนที่เชื่อมต่อเข้าด้วยกัน พื้นที่สีดำหลุดออกไปเกือบครึ่งสุสาน!

หลังจากหวังหลินพบว่าตนเองอยู่ที่ไหน ดวงตาจึงหรี่เล็กลง!

‘ข้ามาถึงที่นี่ได้จริงๆ!!’

หลังจากถูกแขนโยนออกไปชั่วเวลาสั้นๆแค่ครึ่งชั่วโมง หวังหลินได้ข้ามผ่านไปสามแผนที่ เขากระทั่งทะลุผ่านแผนที่ที่สี่และมาถึงขอบของแผนที่แห่งที่ห้า!

ที่นี่คือพื้นที่ชั้นในของสุสานโบราณ!

ห่างจากหวังหลินไม่ไกลคือแผนที่รูปร่างใบไม้ซึ่งทำเครื่องหมายว่าเป็นป่า… หวังหลินคุ้นเคยกับป่าแห่งนี้ เพราะเป็นที่ที่ทันหลางได้รับใบไม้โบราณ!

ทั้งยังเป็นที่ที่ทันหลางเห็นรูปปั้นที่ทำให้ร่างศพเงินต้องกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวด้วย!

รูปปั้นเจ็ดสี!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version