Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1463

Cover Renegade Immortal 1

1463. โกง

หวังหลินจ้องมองสายหมอกเบื้องหน้าด้วยสายตาเคร่งขรึม หมอกค่อยๆหายไปและเด็กสาวก็หายไปด้วย

“น่าสนใจ…” หวังหลินพึมพำกับตัวเอง จากนั้นมองอักขระตัวเลขที่เขาชิงมาจากนาง เขาวางอักขระตัวเลขไว้ด้านข้างและให้แท่นหินทะยานต่อไป ผ่านไปสักพักหวังหลินนำวิญญาณมารอีกดวงออกมาและบดขยี้เพื่อให้ได้พลังมารโบราณ จากนั้นนำ พลังปีศาจโบราณออกมาจากน้ำเต้าและผสานกับพลังเทพโบราณของเขา เลื่อนฝ่ามือไปเหนือหน้าผากของตนเอง

เกิดเสียงดังปัง ใบหน้าหวังหลินสั่นสะท้าน พลังดั้งเดิมโคจรอย่างรวดเร็วจนใบหน้าซีดเซียวแต่ดวงตากลับส่องสว่าง ตอนนี้พลังสามอย่างได้ก่อเกิดวังวนขึ้นกลางหน้าผากและมีความเจ็บปวดแหลมคมราวกับกำลังทิ่มแทงใส่เขาไปทั่วร่าง

ชั่วขณะต่อมาความเจ็บปวดรุนแรงก็หายไปและมีอักขระตัวเลขปรากฏขึ้นกลางหน้าผาก!

วินาทีนั้นสายหมอกรอบๆเขาก็พรั่งพรูและร้องคำรามอย่างบ้าคลั่ง ราวกับมันต้องการกลืนกินหวังหลินและแท่นหินขนาดหกหมื่นฟุต

ราวกับการกระทำของหวังหลินเป็นการก่อกวนกฎของสถานที่แห่งนี้! มันกำลังกำจัดเขาเหมือนเด็กสาวจากเผ่าทำลายผนึก!

ขณะที่หมอกพุ่งเข้ามา หวังหลินปาดมือขวาผ่านหน้าผากและดึงอักขระออกโดยไม่ลังเล

หลังจากนำอักขระออกมา ใบหน้าซีดเผือดมากขึ้นและลมหายใจปั่นป่วน

เขาพลันมองขึ้นไปจ้องสายหมอก สังเกตการเคลื่อนไหวของมันและเตรียมการรับมือ

อย่างไรก็ตามเมื่อหวังหลินนำอักขระออกไป สายหมอกรอบด้านสงบนิ่งลงและค่อยๆล่าถอย

ผ่านไปสักพักหวังหลินหัวเราะดังกึกก้อง เขามองอักขระตัวเลขในมือและมั่นใจเป็นอย่างยิ่ง!

เขาสามารถอยู่ในสุสานบัญชาโบราณได้โดยไม่ต้องมีอักขระเพราะเขาคือเทพโบราณ อย่างไรก็ตามอักขระนี้สามารถสร้างขึ้นมาได้และมันจำเป็นต้องใช้การผสานพลังของสามเผ่าบัญชาโบราณ!

เพราะเป็นแบบนี้หลังจากดึงอักขระออกมาจึงไม่ถูกทำให้หายไปเหมือนเด็กสาวจากเผ่าทำลายผนึกเพราะเขาไม่ควรมี!

‘อักขระนี้เป็นสิ่งที่สุสานบัญชาโบราณมอบให้คนที่ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของสามเผ่าสามารถอยู่ที่นี่ได้ในระยะเวลาสั้นๆ!’

‘ที่นี่คือสุสานบัญชาโบราณ ดังนั้นจึงมีแค่สามเผ่าบัญชาโบราณที่สามารถเข้ามาได้ คนอื่นจำเป็นต้องมีอักขระเพื่อเข้ามา! เมื่ออักขระหายไปจะถูกลบล้างออกจากสุสาน!’

‘เหตุผลที่คนของเผ่าบัญชาโบราณไม่ต้องมีอักขระแต่แท่นหินจำเป็นต้องใช้อักขระเพื่อยกระดับ นั่นก็เป็นการให้สมาชิกเผ่าบัญชาโบราณสังหารคนนอกและ ชิงอักขระมา…คนนอกไม่ใช่ผู้สืบทอดและพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของบททดสอบ! ข้าเป็นผู้สืบทอดและหากต้าเสินอยู่ที่นี่ เขาก็เป็นผู้สืบทอดด้วย!’

‘อย่างไรก็ตาม ต้าเสินนั้นโอหังยิ่งและมีความคิดบ้าคลั่ง ดังนั้นอาจจะไม่คิดถึงเรื่องนี้…’ หวังหลินมองดูอักขระในมือและวางไว้บนแท่น มันผสานเข้ากับแท่นอย่างรวดเร็ว

‘การฆ่าคนอื่นเพื่อให้ได้อักขระไม่ใช่เพียงวิธีเดียว ข้าไม่สามารถเทียบกับเซียนเฒ่าเหล่านั้นได้และข้าไม่มีเวลามากพอ แต่ข้ามีวิธีอื่น!’

หวังหลินยิ้มพลางผสานพลังของสามเผ่าอีกครั้งเพื่อทำให้เกิดพลังลึกลับนั้น เขากดมันลงกับหน้าผากโดยไม่ลังเลและเมื่อเกิดอักขระขึ้นเขาจึงรีบถอนมันออกมา

หนึ่ง, สอง, สิบ, สามสิบชิ้น… พริบตาเดียวอักขระตัวเลขเกือบร้อยชิ้นก็ถูก หวังหลินสร้างขึ้นมาโดยใช้ร่างกายตนเอง เขาผสานมันเข้ากับแท่นหินด้านล่างทันที

เนื่องด้วยการกระทำเช่นนี้ หมอกรอบตัวเขาจึงร้องคำรามอย่างรุนแรงยิ่ง อย่างไรก็ตามหวังหลินควบคุมมันได้ดีมากและไม่ยอมปล่อยให้พวกมันเข้ามาใกล้

ด้วยวิธีการโกงเช่นนี้หวังหลินจึงสร้างผนึกขึ้นมาหลายร้อยชิ้นและผสานพวกมันเข้ากับแท่นหิน

หลังจากดูดซับอักขระเวทย์จากแท่นของโจวจินแห่งเผ่าหมาป่าสวรรค์ แท่นของหวังหลินจึงเกินระดับหกไปมากแล้ว ตอนนี้หวังหลินใช้วิธีโกงจนเพิ่มอักขระเวทย์เข้าไปอีก แท่นของเขาจึงถึงความต้องการในระดับเจ็ด!

แท่นหินข้างใต้หวังหลินเริ่มเติบโตจนเกิดเสียงดังสนั่นกึกก้อง ละอองฝุ่นมากมายรวมตัวกันจากทุกทิศทางภายในสายหมอกและแท่นขนาดหกหมื่นฟุตก็เริ่มเติบโต

63,000 ฟุต 67,00 ฟุต…จนกระทั่ง 70,000 ฟุต!

แท่นระดับเจ็ด!

แท่นขนาดเจ็ดหมื่นฟุตช่างน่าตกตะลึงยิ่ง ราวกับเป็นแคว้นขนาดเล็กที่ปรากฏขึ้นในสายหมอก ขณะที่มันเคลื่อนตัวไปจึงสร้างสายลมทรงพลังจนสายหมอกไม่กล้าเข้าใกล้

แสงสีทองระเบิดออกมาจากแท่นทำให้สายหมอกต้องล่าถอยยิ่งกว่าเดิม หมอกบางส่วนถอยช้าเกินไปจึงถูกแสงสีทองตีเข้าใส่ มันสลายไปราวกับถูกทำ ให้ระเหย

พื้นที่อีกส่วนปรากฏขึ้นในใจหวังหลิน! อย่างไรก็ตามสิ่งที่เขาเพ่งสมาธิไม่ใช่แผนที่แต่กลับเป็นเสียงที่ปรากฏขึ้นในหัวเป็นครั้งที่สาม!

“…ตำหนักปฐพีมีไว้สำหรับวิญญาณ ข้าสังหารขุนนางเทพไปสามตนและจองจำวิญญาณพวกมันไว้ที่นั่น เดิมทีข้ามีแผนจะหลอมพวกมันเป็นร่างอวตารของข้า แต่คนที่เข้ามาทีหลังสามารถเอาไปได้ อย่างไรก็ตามทั้งสามวิญญาณนี้ต่างทรงพลังยิ่ง หากเจ้าไม่มั่นใจก็อย่าปลดปล่อยมันออกมา…”

“วิญญาณทั้งสามดวงต่างก็เป็นคนโหดเหี้ยม…”

น้ำเสียงหายไป ความคิดหวังหลินสั่นเทาและในที่สุดก็เข้าใจว่าตำหนักปฐพีที่กล่าวถึงครั้งแรกคืออะไร! เขายังได้เบาะแสบางอย่างเกี่ยวกับกระบี่เหรินไฮ่อีกด้วย

วินาทีที่แท่นของหวังหลินบรรลุระดับเจ็ด จอมมารเก้าสวรรค์ซึ่งอยู่ในแผนที่แห่งที่แปดและเพิ่งจะบรรลุระดับเจ็ดด้วยพลันยืนขึ้น ลืมตาและมองไปด้านหลัง

‘มันเป็นใครกัน? บรรลุระดับเจ็ดได้อย่างไร? มีทั้งหมดหกคนที่บรรลุระดับห้าและมีหนึ่งคนที่ถูกมันดูดซับทำให้เพิ่มไปถึงระดับหก แล้วมันไปบรรลุระดับเจ็ดในช่วงเวลาสั้นๆได้อย่างไร…’ จอมมารเก้าสวรรค์ถึงกับมืดมนและตะลึงงัน

‘ข้าใช้ร่างอวตารหลายตนสังหารผู้คนในพื้นที่ชั้นนอกเพื่อให้ได้อักขระเวทย์ใส่แท่นของตนเอง ข้าเดาว่ามันต้องใช้วิธีคล้ายๆกัน…ระดับเจ็ด…ข้าไม่ถือว่าคู่ควร แท่นของข้าจะบรรลุระดับแปดได้อีกไม่นาน ข้าอยากจะเห็นว่าของใครกันจะเร็วกว่า!’ จอมมารเก้าสวรรค์นั่งลงอีกครั้ง

แท่นหินอีกแห่งหนึ่งในแผนที่แห่งที่แปด แทนที่จะอยู่ในสายหมอกมันกลับลอยอยู่ด้านบนหมอกและกำลังจะบรรลุระดับเจ็ดในอีกไม่นาน สตรีชุดขาวกำลังนั่งอยู่ บนแท่น นางขมวดคิ้วและตะลึง

นางเองก็รับรู้ถึงเหตุการณ์ประหลาดที่คิดถึงเหตุผลไม่ออก

‘เขาเป็นใคร…ข้ามีวิชาลับจึงสามารถดูดซับอักขระเวทย์ที่กระจัดกระจายในสุสานบัญชาโบราณเพื่อยกระดับแท่นของข้าได้ เขาทำได้อย่างไร…เขาเป็นใครกัน…’ ขณะที่นางลูบหน้าผาก แท่นหินด้านล่างตนเองก็สั่นเทา มันดูดซับอักขระเวทย์มากพอจนบรรลุระดับเจ็ด!

การเปลี่ยนแปลงนี้ขัดจังหวะความคิดของนางทันที

ทางด้านแผนที่แห่งที่เก้ามีอากาศไหลเวียนผ่านจำนวนมากจนบังคับให้ต้าเสินต้องชะลอตัวลง เขาก้าวไปข้างหน้าด้วยท่าทางดุดัน

“สุสานบัญชาโบราณบัดซบ บัญชาโบราณบัดซบทำให้การสืบทอดได้ยากขนาดนี้ บัญชาโบราณเย่โม่ ข้าเป็นหนึ่งในสมาชิกเผ่าของท่าน หากท่านไม่มอบมันให้ข้า แล้วท่านจะมอบมันให้ใคร…”

บนแท่นหินระดับหนึ่งด้านข้างต้าเสิน สตรีงดงามมีท่าทีเคร่งเครียด นางไม่ทำหยอกเล่นอีกแล้วและมองไปด้านหลัง

‘โผล่ขึ้นอีกคนแล้ว…อย่างไรเสียมันก็ยังไกลจากแผนที่แห่งที่เก้า ข้าอยู่แผนที่แห่งที่เก้าโดยมีต้าเสินนำทางมาแล้ว ข้าจึงมาได้เร็วกว่าพวกเขา…คนอื่นอาจจะไม่สามารถเข้าสู่ตำหนักปฐพีได้ แต่ข้าทำได้! อีกทั้งเย่โม่ก็ไม่ได้พูดความจริงตลอดเวลา นอกจากขุนนางเทพทั้งสามพวกนั้นแล้วยังมีอย่างอื่นอีก…เป็นสิ่งที่แม้กระทั่งเขาก็อยากได้…’ แววตานางเกิดความโลภขึ้น

ไม่มีใครนึกออกว่าหวังหลินใช้วิธีอะไรถึงเพิ่มระดับแท่นของตนเองได้ หวังหลินทำไปโดยไม่หยุดพัก ใช้วิธีนี้เพื่อสร้างอักขระเวทย์ขึ้นทีละชิ้น

อักขระเวทย์ผสานเข้ากับแท่นระดับเจ็ดอย่างต่อเนื่องจนเข้าใกล้ระดับแปดอย่างรวดเร็ว

ตอนนี้หวังหลินเชี่ยวชาญไปแล้ว เพียงแค่สะบัดแขนก็สร้างอักขระเวทย์ขึ้นมาและลบมันออกจากหน้าผากได้ทันที จากนั้นวางไว้บนแท่น ขณะที่เวลาผ่านไปแค่ไม่ กี่ชั่วโมง จำนวนอักขระเวทย์บนแท่นได้เพิ่มจนน่ากลัว

ข้างในขวดวิญญาณมารโบราณมีวิญญาณมากพอให้ใช้อย่างล้นเหลือ หวังหลินสามารถสร้างพลังเทพโบราณได้มากพอเช่นกัน อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้มีพลัง ปีศาจโบราณมากนักและมีเหลืออยู่ในน้ำเต้าไม่เยอะ

โชคดีที่หวังหลินมีสมบัติปีศาจโบราณหลายชิ้นหลังจากมาที่นี่ การแยกพลัง ปีศาจโบราณออกมาได้เขาเพียงต้องทำลายสมบัติพวกนั้น

แค่นี้ก็มากพอในการรักษาความเร็วการเพิ่มระดับขึ้นโดยสร้างอักขระเวทย์ได้

หลังจากผ่านไปหลายชั่วโมง สมบัติปีศาจโบราณชิ้นสุดท้ายของหวังหลิน ก็พังทลาย เขาแยกพลังปีศาจโบราณออกมาและผสานเข้ากับเทพโบราณและ มารโบราณ สร้างอักขระเวทย์ขึ้นอีกชิ้นและวางไว้บนแท่น คราวนี้มีแสงสีทองกะพริบและแท่นขยายขึ้นอีกครั้ง!

สายหมอกรอบๆด้านล่าถอยอย่างบ้าคลั่ง ทะเลหมอกทั้งหมดปั่นป่วนขึ้นมา แท่นข้างใต้หวังหลินขยายออกและเพิ่มเป็นแปดหมื่นฟุตทันที!

แท่นระดับแปด แท่นระดับแปดแห่งแรกท่ามกลางทุกคนที่นี่!

เมื่อแท่นระดับแปดปรากฏ ทะเลหมอกปั่นป่วนอย่างรุนแรงและถูกผลักออกไป เสียงดังสนั่นออกมาจากทะเลหมอกที่ปั่นป่วนและมันแพร่กระจายสู่พื้นที่ทั้งหมดในแผนที่

ตอนนี้เซียนทั้งหมดในสุสานบัญชาโบราณต่างสัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงอันรุนแรงในสายหมอกรอบตัว!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version