1481. เมื่อวานและวันนี้จะมีเมฆกับฝน
เม็ดฝนตกลงมากระทบบนก้อนหิน ทว่ามันตกเร็วไปเล็กน้อยและไม่เป็นระเบียบ แทนที่จะให้ความสุข มันกลับฟังดูน่ารำคาญ
โชคดีที่มีสายลมพัดปลิวสายฝนออกไปจึงทำให้ความน่ารำคาญเบาบางลงไม่มากก็น้อย เสียงสายฝนอันยิ่งใหญ่จึงสะท้อนออกมา
ชายชุดขาวปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางสายลมและสายฝน เขามองดูชายชราบนแท่นหินอย่างตื่นเต้น
เขาไม่ได้หยุดสายฝนที่รดลงบนเสื้อผ้าและไม่ได้ตั้งใจหยุดฝนเหมือนตอนที่ทำระหว่างการรู้แจ้ง หวังหลินเพียงแค่ยืนเงียบๆในสายฝน
เขายอมให้สายฝนชะโลมเสื้อผ้า ส่งเศษเสี้ยวแห่งความหนาวเย็นเข้าร่างกาย เรือนผมสีขาวเปียกชุ่มแต่หวังหลินดูไม่เหมือนคนที่ตกอยู่ในสภาพย่ำแย่ ทุกอย่างเป็นธรรมชาติ ราวกับหวังหลินเป็นภูเขา ใบหญ้าและต้นไม้
หวังหลินยิ้มให้กับชายชราบนแท่นหิน
“อาจารย์!!” ชายชราลุกขึ้นและคุกเข่าอย่างตื่นเต้น สายฝนไหลลงมาย้อมใบหน้าและผสมกับน้ำตา
ผ่านมาแปดร้อยปีแล้วตั้งแต่ที่หวังหลินมาที่ดาวฉิงหลิง ซึ่งเป็นที่ที่เขามาค้นหาความรู้แจ้งและพบกับศิษย์ที่รับไว้เมื่อตอนนั้น
เซี่ยฉิงเพียงแค่ผ่านเข้ามาในชีวิตของหวังหลิน แต่เป็นเพราะเขาจึงทำให้เขตแดนของหวังหลินสามารถบรรลุความสมบูรณ์ได้
เป็นผลให้เกิดเวรกรรมระหว่างทั้งสองและหวังหลินจึงรับเซี่ยฉิงเป็นศิษย์
แม้แต่หวังหลินก็ไม่คิดว่าศิษย์คนที่เขารับมาด้วยผลแห่งเวรกรรมจะมานั่งบน ดาวฉิงหลินเป็นเวลาแปดร้อยปี
เซี่ยฉิงรู้แจ้งเขตแดนที่หวังหลินทิ้งไว้ให้เขาในเวลาแปดร้อยปี ด้วยสติปัญญา อันชาญฉลาดของผู้รอบรู้ ระดับบ่มเพาะของเขาจึงเพิ่มพูนขึ้นอย่างก้าวกระโดดและ ไร้ขอบเขต!
อย่างไรก็ตามเซี่ยฉิงไม่เคยบ่มเพาะวิชาหรือวิถีการฝึกเซียนอันใด เส้นทางแห่งการฝึกฝนของเขาจึงแตกต่างจากเซียนคนอื่นๆอย่างสิ้นเชิง แม้กระทั่งหวังหลิน!
หวังหลินบ่มเพาะการผสานเต๋าและเหล่าวิชาเซียน เขาใช้วิชาเซียนเพื่อค่อยๆเข้าใจสุดยอดเต๋าและเขตแดน
เซี่ยฉิงไม่สนใจวิชาอันใดเลยและบ่มเพาะเขตแดนเท่านั้น!
ตอนนี้ร่างกายของเซี่ยฉิงนับว่าอ่อนแอยิ่ง อ่อนแอจนแค่กระบี่เหินเล่มเดียวก็ฆ่าเขาได้แล้ว ร่างกายดุจตะเกียงน้ำมันที่แห้งผาก แต่เขาก็เต็มไปด้วยพลังชีวิต ดังนั้นจึงยังมีชีวิตอยู่!
แม้ว่าร่างกายจะบอบบาง ความรู้แจ้งแปดร้อยปีทำให้ระดับความเข้าใจของเซี่ยฉิง บรรลุเกินกว่าสิ่งที่เซียนธรรมดาคนใดจะเข้าใจ!
หากแข่งขันกันในด้านเขตแดน แม้กระทั่งเซียนขั้นส่องสวรรค์ก็ไม่สามารถเทียบกับเซี่ยฉิงได้! เขตแดนของเขาบรรลุระดับชำระสวรรค์และไปเจอกับกฎแล้ว!
วิถีการบ่มเพาะนี้ไม่มีอยู่ในโลก มันคล้ายกับวิธีที่เหล่าเทพโบราณบ่มเพาะร่างกายตนเอง แต่เซี่ยฉิงบ่มเพาะเขตแดนของตัวเองเท่านั้น!
ในร่างกายไม่มีวิญญาณดั้งเดิมหรือวิญญาณแรกกำเนิด เขาไม่มีวิญญาณที่เซียนควรจะมี ดังนั้นวิญญาณเขาจึงเต็มไปด้วยพลังชีวิต!
แม้กระทั่งเซี่ยฉิงก็ไม่รู้เหตุผล เขาไม่รู้วิธีการฝึกเซียนอันใดและทำความเข้าใจสิ่งที่หวังหลินมอบให้อย่างเงียบๆเป็นเวลาแปดร้อยปี
‘บ่มเพาะวิญญาณ…’ หวังหลินมองเซี่ยฉิงและขบคิด
หวังหลินมองสายฝนที่ตกลงมาจากท้องฟ้า สายฝนกระทบใบหน้าจนหนาวเย็นเล็กน้อย เขาเอ่ยขึ้น “เซียนอมตะเสาะหาวิถีการเป็นอมตะและมีชีวิตอยู่ตลอดกาล…เซียนแห่งความจริงบ่มเพาะเพื่อค้นหาความจริง…เซียนเต๋าเสาะหาเต๋าของตนเอง…และเซียนวิญญาณจะหลอมวิญญาณของตัวเองเพื่อเรียนรู้โลกนั้นเป็นอาจารย์!”
ขณะที่เซี่ยฉิงคุกเข่าอยู่บนพื้นหิน ดวงตาเต็มไปด้วยความสับสนและไม่รู้ความ สายฝนตกลงมารุนแรงขึ้น เสื้อผ้าเปียกชุ่มติดหนึบอยู่บนร่างทำให้เขารู้สึกไม่สบายตัว เซี่ยฉิงยังคงงุนงงพลางยกแขนขวาขึ้นมาอย่างเหม่อลอยและเกิดเป็นวิชาที่คิดค้นขึ้นมาเอง
ขณะที่แขนขวาสร้างผนึก โลกสั่นสะเทือน สายฝนที่ตกลงมาจากท้องฟ้าดูเหมือนจะเปลี่ยนทิศทางและตกไปด้านข้าง
หวังหลินส่ายศีรษะและเอ่ยกระซิบ “เจ้ายังไม่ได้ละทิ้งวิชาทั้งหมด…”
“เซี่ยฉิง มองดูภูเขาลูกนี้สิ มันไม่เคยหยุดฝนให้ตกลงมา…มองดูแม่น้ำและมหาสมุทรสิ พวกมันปฏิเสธสายฝนหรือ…มองดูต้นไม้และอย่างอื่นสิ นอกจากมนุษย์เช่นเราแล้ว มีสิ่งอื่นหรือไม่ที่หยุดสายฝนไม่ให้ตกลงบนร่างกายตัวเอง?”
“ในเมื่อเจ้าเป็นเซียนวิญญาณ ทำไมเจ้ายังหวงแหนกายหยาบนั้นเล่า? จงกลับสู่ต้นกำเนิด มีน้อยคนนักที่จะสามารถเข้าใจมันได้อย่างแท้จริง…แม้กระทั่งอาจารย์ก็ยังคิดว่าได้เข้าใจคำทั้งสี่นี่แล้ว…แต่หลังจากหลายสิ่งหลายอย่างผ่านไปและข้าได้กลับมาสู่ดาราจักรทุกชั้นฟ้าที่ได้เข้าใจไปแล้ว…การกลับสู่ต้นกำเนิดจะทำให้ตัวเองกลาย เป็นหนึ่งกับต้นไม้ ภูเขาและแม่น้ำ เป็นอิสระจากข้อจำกัดและกลายเป็นหนึ่งเดียว กับโลก…นั่นคือความจริงของการกลับสู่ต้นกำเนิด!”
ร่างเซี่ยฉิงสั่นเทาและเข้าใจบางอย่างได้เลือนลาง
หวังหลินโบกแขนขวา วิชาเล็กๆของเซี่ยฉิงสลายไป เมื่อไร้วิชานั้น สายฝนก็ตกลงมาอีกครั้ง
“หากเจ้าเห็นว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของโลกนี้ หากเจ้ากลายเป็นฟ้าดิน เมื่อนั้นสายฝนนี้คือโลหิตเจ้า ทำไมถึงหยุดมัน…สายลม สายฝน หิมะ สายฟ้าและธรรมชาติทั้งหมด เจ้าคือพวกมัน พวกมันคือเจ้า พวกมันขัดขวางเจ้าได้อย่างไร…กว่าแปดร้อยปี เจ้ายังมองไม่ออกถึงการรู้แจ้งที่ข้ามอบให้…เมื่อเจ้าสามารถละทิ้งร่างเนื้อได้ จงละทิ้งวิชาทั้งหมดและกลายเป็นวิญญาณเต๋า เจ้าค่อยออกมาตามหาข้า…”
หวังหลินมองดูเซี่ยฉิงที่กำลังขบคิด แขนขวายื่นออกไปในอากาศ ท้องฟ้าเปลี่ยนสีสันและก้อนเมฆกระจัดกระจาย สายฝนที่ปกคลุมผืนดาวไปครึ่งดวงดูเหมือนยินดีและรวมกันมาจากทุกทิศทาง
พริบตาเดียวสายฝนนับไม่ถ้วนรวมกันดุจมหาสมุทรและผสานกลายเป็นกระบี่สายฝนเล่มยักษ์สูงมากกว่าแสนฟุต!
เพียงแค่สะบัดแขน กระบี่สายฝนก็ตกลงมาจากท้องฟ้าและแทงเข้าไปในยอดเขาจนด้านปลายเสียบเข้าไปถึงสามในสิบส่วน ด้านที่เหลือราวๆหกถึงเจ็ดหมื่นฟุตยังคงอยู่ด้านนอกและมองเห็นกระบี่สายฝนเล่มนี้จากไกลๆ!
อำนาจทรงพลังโผล่ออกมาจากกระบี่สายฝนและห่อหุ้มโลกเอาไว้มันแพร่กระจายออกจากดาวเคราะห์ฉิงหลิงและเข้าไปในอวกาศ!
นาทีที่กระบี่สายฝนก่อรูปร่าง หวังหลินยื่นแขนขวาเข้าสัมผัสกลางหน้าผาก พลัง เทพโบราณโผล่ออกมาจากดาวเทพโบราณและลอยเข้าไปในกระบี่สายฝน จากนั้นแก่นแท้สายฟ้าและแก่นแท้เพลิงลอยออกจากดวงตาและเข้าไปในกระบี่สายฝน!
กระบี่สายฝนธรรมดาในตอนนี้บรรจุสองแก่นแท้และกลิ่นอายต่อสู้อันเก่าแก่ของหวังหลินเอาไว้ กลิ่นอายนี้ไม่ได้แพร่กระจายออกไปไกลแต่มากพอจะสั่นสะเทือนทั้งดาราจักรโบราณ!
“ด้วยกระบี่เล่มนี้อยู่ที่นี่ มีน้อยคนนักจะกล้ามาล่วงเกินดาวดวงนี้!” หวังหลินเอ่ยเสียงสงบนิ่งแต่เต็มไปด้วยน้ำเสียงที่มิอาจโต้แย้งได้ แม้กระทั่งเหล่าเซียนขั้นวิญญาณดับสูญก็คงต้องลังเลเมื่อสัมผัสกลิ่นอายจากกระบี่เล่มนี้ได้ ถือว่าไม่คุ้มค่านักที่จะต้องต่อสู้กับคนที่มีสองแก่นแท้สมบูรณ์เพียงเพื่อดาวดวงเดียว…อีกทั้งยังมีแรงกดดันจาก บัญชาโบราณที่มากพอจะทำให้ทุกคนตกตะลึง!
“กระบี่เล่มนี้ เมื่อเจ้ารู้แจ้งมันอย่างสมบูรณ์ มันจะเป็นของขวัญที่อาจารย์มอบให้!”
หวังหลินมองเซี่ยฉิงอีกครั้ง จากนั้นหันตัวกลับและออกไปจากภูเขา ร่างกายค่อยๆพร่าเลือนและหายวับไปไกล
เซี่ยฉิงมองทิศทางที่หวังหลินหายไปอย่างเงียบๆ จากนั้นคุกเข่าและโขกคำนับสามครั้ง
อดีตและปัจจุบันมีก้อนเมฆและสายฝน สหายเฒ่าล่องลอยออกไป มีสายฝน มีเด็กคุกเข่า…มีหนี้บุญคุณ
บนดาวเคราะห์ฉิงหลิง เผ่าอมตะที่ถูกเลือกได้จากไปนานแล้ว พวกเขาจากไปอย่างไร้ร่องรอย ราวกับไม่เคยมาที่นี่เลย
ด้านหวังหลินถึงคราวจากมา
เขาต้องไปสถานที่ทั้งสี่แห่งและทำสี่อย่างในดาราจักรทุกชั้นฟ้า! ตอนนี้เขาไป ที่แรกไปแล้วและทำงานแรกเสร็จสิ้น ขณะที่เดินล่องผ่านดวงดาวส่องสว่าง ดวงตาหวังหลินค่อยๆเย็นเยียบและเต็มไปด้วยจิตสังหาร
‘บรรพชนตระกูลเซี่ยง…ถึงเวลาจัดการเรื่องอดีตแล้ว…’ หวังหลินสะบัดแขนเสื้อและพุ่งหาดาวเคราะห์ของตระกูลเซี่ยงซึ่งเป็นจุดที่เขาสูญเสียพลังชีวิตไปเกือบหมด!
หลายชั่วโมงหลังจากที่หวังหลินออกมา กลุ่มเซียนนับสิบคนกำลังทะยานเข้าหาดาวเคราะห์ฉิงหลิง พวกเขามีผู้นำเป็นชายวัยกลางคนที่มีชุดคลุมสายฟ้า!
พวกเขาคือคนจากอารามเทพอัสนี ถูกสั่งให้หาดาวเคราะห์ที่เหมาะสมต่อความต้องการของบรรพชนเพื่อสร้างเป็นค่ายกลเจ็ดดาวหายนะในตำนาน!
ฉิงหลิงพบเจอสิ่งที่ต้องการ หลังจากได้รับคำสั่งให้เคลื่อนย้ายดาวเคราะห์ พวกเขาจึงเตรียมพร้อมจะมาเคลื่อนย้ายมัน! ทว่าเมื่อเข้าไปใกล้ดาวเคราะห์ฉิงหลิงในระยะสามสิบล้านลี้ ต่างก็รู้สึกถึงพลังปราณกระบี่มหึมา
ปราณกระบี่นี้แข็งแกร่งมากพอจะทำลายอวกาศที่มันอยู่ ชายวัยกลางคนด้านหน้าถูกปราณกระบี่กระแทกใส่จึงมีสีหน้าเหยเก เขากระอักโลหิตและกระเด็นกลับไป
เซียนหลายคนด้านหลังต่างก็กระอักโลหิตเช่นกัน แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและล่าถอยทันที
ขณะที่พวกเขาสัมผัสถึงความน่ากลัวของปราณกระบี่บนดาวฉิงหลิง อากาศบิดเบือนขึ้นบนตำแหน่งที่เซี่ยฉิงฝึกฝนและมีคนผู้หนึ่งเดินออกมา
เขาคือชายชราสวมเสื้อคลุมเต๋า คือปรมาจารย์ลั่วฟู่!
เขาไม่ต้องการเผชิญหน้าหวังหลินตรงๆ เมื่อสัมผัสปราณกระบี่เล่มนี้ได้จึงมาที่นี่อย่างเงียบๆหลังจากหวังหลินออกไป เขาลอยตัวอยู่ในอากาศ ขมวดคิ้วและขบคิด จากนั้นจึงชี้ใส่กระบี่สายฝนเล่มยักษ์ที่แทงเข้าไปในภูเขา
เมื่อปรมาจารย์ลั่วฟู่สัมผัสกระบี่สายฝน ทว่ากลับไร้สิ้นเสียง แต่ร่างกายสั่นเทาและมองขึ้นไปด้วยสายตาหวาดกลัว
‘กลิ่นอายนี้!! คล้ายกับเทพโบราณแต่ก็แตกต่างอย่างสิ้นเชิง กลิ่นอายนี้ทำให้ ข้าขนลุก! อีกทั้งยัง…ในกระบี่เล่มนี้…ยังมีสองแก่นแท้!!!’