Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1540

Cover Renegade Immortal 1

1540. วิชา

พริบตาเดียวเวลาได้ผ่านไปสามวัน ในช่วงสามวันนี้หวังหลินให้ดาวมารโบราณหกดวงช่วยต่อสู้กับพลังต่อต้าน

ดาวมารโบราณหกดวงค่อยๆ กลายเป็นสีทองและถูกซ่อนอยู่ใต้สายฟ้าทอง คนภายนอกมองเห็นได้ยากยิ่ง

พลังต่อต้านอันรุนแรงในร่างกายค่อยๆ ถูกข่มเอาไว้ ทำให้ความรุนแรงค่อยๆชะลอตัวลง

อย่างไรก็ตามวิธีนี้ทำได้แค่ชะลออันตรายและไม่ได้แก้ไขปัญหาตรงจุด พลังต่อต้านเสมือนเงาที่ปกคลุมไปทั่วจิตใจหวังหลิน

หวังหลินลืมตา สีหน้าท่าทางมืดมน เขาไม่ได้มองชายเสียสติแต่เป็นมองท้องฟ้า

‘ข้าจำได้ว่าหลังจากได้รับคันศรของลี่กวง อสูรโลกันตร์ปรากฏขึ้นมาและพ่นพายุ สีทองไป ข้าส่งคำสั่งให้อสูรโลกันตร์กลืนกินข้าไป…ดังนั้นตอนนี้ข้าควรจะอยู่ในโลกภายในอสูรโลกันตร์…หากข้าต้องการออกไปจากที่นี่มันก็คงง่ายดาย…’ ขณะที่ขบคิด ชายเสียสติเห็นหวังหลินตื่นขึ้นมา พลันเริ่มชี้ใส่หวังหลินและร้องตะโกน

“บอกข้ามาว่าใครสอนร่างเทพอมตะให้เจ้า ข้าอยากเห็นว่าไอ้หน้าไหนกล้าทำแบบนี้!” ชายเสียสติเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว

หวังหลินตกตะลึงไปชั่วครู่และมองชายเสียสติ ขณะนั้นเขานึกย้อนไปยังทุกอย่างที่เห็นอย่างละเอียด เขามั่นใจว่าคนผู้นี้เป็นคนเสียสติจริงๆ และยังความจำสั้นอีกด้วย

เขามีต้นกำเนิดอันยิ่งใหญ่ เรียกขานตัวเองว่า “ราชา” คำพูดคำจาช่างน่าตกตะลึง…เขาเป็นใครกัน…

พอเห็นสายตาของหวังหลิน สีหน้าท่าทางยิ่งตื่นเต้น ดูเหมือนลืมว่าโกรธไปและเผยรอยยิ้มซุกซน “อาา สาวน้อย ยิ้มให้ข้าหรือ ข้าจะมอบรางวัลให้ ข้าจะให้รางวัลเจ้าแน่นอน”

หวังหลินขมวดคิ้ว สีหน้าท่าทางไม่แยแสและไม่สนใจเขา สะบัดแขนและปรากฏคันศรขึ้นมา

อย่างไรก็ตามสายของมันขาดไปแล้วทำให้มันไม่มั่นคง เขามองดูคันศรด้วยสายตาซับซ้อน หวังหลินถอนหายใจและเริ่มขบคิด

‘ข้าจะจัดการกับปัญหาเรื่องพลังต่อต้านด้วยวิธีอะไร…’

หลังจากเห็นหวังหลินไม่สนใจ ชายเสียสติพ่นลมหายใจเย็นและพึมพำ “หากเจ้าไม่ยิ้มก็อย่ายิ้ม ข้าไม่ตบรางวัลให้หรอก โลหิตของข้าล้ำค่ามาก ข้าไม่มอบให้เจ้าสักหยด ไม่แม้แต่หยดเดียว!”

แม้จะพูดแบบนั้นแต่กรอกตาและเผยรอยยิ้มภูมิใจ เขายิ้มให้หวังหลินและเอ่ยขึ้น “ช่างมัน ช่างมันเถอะ ข้าเป็นคนใจกว้าง ในเมื่อเจ้าอาย เจ้าค่อยยิ้มทีหลังก็ได้ ดังนั้นสาวน้อย บอกชื่อเจ้าให้ราชาผู้นี้ได้ฟังเถิด ข้าจะตบรางวัลให้!”

“เจ้าไม่แม้แต่จะเอ่ยชื่อ!? เจ้ากำลังจะทำให้ข้าโกรธจนตาย เจ้า เจ้า เจ้า…อย่างน้อยเจ้าบอกชื่อแซ่ก็ยังดี!”

“เจ้ายังไม่พูดอีกใช่ไหม?! ดี ข้าชอบสาวน้อยดื้นรั้นเช่นเจ้า ยิ่งเจ้าเป็นแบบนี้ ยิ่งทำให้ข้าตื่นเต้น…”

ชายเสียสติหัวเราะและเริ่มพูดอีกครั้ง เขาเริ่มเดินไปรอบๆ หวังหลิน

หวังหลินค่อยๆ เอือมระอา เขามองชายเสียสติและโพล่งขึ้น “หนวกหู!”

ชายเสียสติถึงกับตะลึงและเบิกตากว้าง จ้องมองหวังหลินและร้องคำราม “ไม่มีใครกล้าพูดกับราชาแบบนี้ เจ้ามัน…”

หวังหลินกะพริบแววตาเย็นเยียบและสะบัดแขนขวา สายลมสีทองปรากฏขึ้นมา ชายเสียสติกรีดร้องโหยหวนและถูกพัดออกไปไกล

ในที่สุดก็เงียบสงบเสียที…

หวังหลินลดมือลงและเริ่มคิดอีกครั้ง

ทว่าเขาประเมินความมุ่งมั่นของชายเสียสติต่ำเกินไป เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะรีบวิ่งกลับมาและส่งเสียงคำรามดังอยู่ไกลๆ เขาเร็วมากและมาถึงด้านหน้าหวังหลินในพริบตา ร้องคำรามและกำลังจะเอ่ย

“เจ้า…”

หวังหลินสะบัดแขนปรากฏพายุขึ้นอีกครั้ง ชายเสียสติกรีดร้องและถูกพัดออกไปอีกครา

หนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง…จนกระทั่งประมาณเจ็ดถึงแปดครั้ง ชายเสียสติรีบวิ่งกลับมาเสมอและร้องคำรามราวกับต้องการพูดให้จบประโยค…

อย่างไรก็ตามเขาไม่เคยมีโอกาสนั้นและถูกพัดออกไปทุกครั้งที่กลับมา เสียงกรีดร้องโหยหวนดังชัดเจนอยู่บนดาวเคราะห์รกร้าง

จนกระทั่งครั้งที่สิบห้า แววตาหวังหลินเย็นเยียบยิ่งขึ้น เขาได้ยินเสียงยินดีอยู่ในเสียงกรีดร้องของชายเสียสติ…หลังจากชายเสียสติกลับมา หวังหลินไม่ได้สะบัดแขนแต่รอให้อีกฝ่ายกล่าวจบ

“ช่างน่าตื่นเต้น!!” ชายเสียสติเต็มไปด้วยความตื่นเต้น หลังจากคำรามใส่หวังหลิน เขาหลับตาทันที เขาดูมึนเมาราวกับรออะไรบางอย่าง

หลังจากนั้นสักพักใบหน้าเกิดความสงสัยและลืมตามองหวังหลิน หวังหลินเองก็มองเขาด้วย แววตาเย็นเยียบของหวังหลินยิ่งมากขึ้นไปอีก

“บิน บิน บิน…” ชายเสียสติกะพริบตา กระโดดขึ้นไปอ้าแขนออกกางบิน พอเห็นว่าหวังหลินไม่ตอบสนอง จึงเริ่มรำคาญและมองหวังหลิน หลังกระโดดไปไม่ กี่ครั้งจึงได้กล่าวด้วยความโกรธ “ข้ากำลังเล่นอย่างมีความสุข ตอนนี้เจ้าทำได้ดีขึ้น!”

หวังหลินรู้สึกเหมือนกำลังพังทลาย เขากัดฟันแน่นแต่ไม่ได้สะบัดแขน หวังหลินยืนขึ้นและตรงเข้าเตะใส่ก้นอีกฝ่ายแทน ใช้พลังไปเจ็ดในสิบส่วนที่สามารถใช้ได้โดยไม่ให้พลังต่อต้านผุดขึ้นมา!

พลังแค่นี้มากพอจะต่อสู้กับเซียนขั้นสวรรค์ดับสูญระดับกลางได้แล้ว

สายลมทรงพลังผ่านไป แรงเตะของหวังหลินร่อนใส่ชายเสียสติ อีกฝ่ายกรีดร้องด้วยความตื่นเต้นพร้อมกับร่างกายถูกเตะขึ้นไปในอากาศ เขายืดแขนออก ร่างกายล่องลอยออกไปไกลเป็นวงโค้งสวยงาม

นาทีต่อมา ชายเสียสติวิ่งกลับเป็นครั้งที่สิบเจ็ด ความตื่นเต้นเพิ่มขึ้นถึงขีดสุด เขาไม่พูดออกมาแต่ร้องคำรามใส่หวังหลิน จากนั้นหันกลับมาทันที เขายกก้นขึ้น หลับตาและอ้าแขน

หวังหลินกำหมัด สูดหายใจลึกและสงบนิ่งลง

“เจ้าชอบร้องคำราม? ดี” หวังหลินยกแขนยื่นออกไปเปิดมิติเก็บของและ นำวานรทมิฬตัวใหญ่ออกมา

วานรทมิฬตัวนี้เป็นตัวเดียวกับที่หวังหลินพบบนแผ่นดินในทะเลเมฆา มันอ่อนแอแต่ชอบร้องคำราม

เมื่อเจ้าวานรทมิฬปรากฏ มันร้องคำราม สองแขนตีใส่หน้าอกเป็นเสียงกลองดังสนั่น

ชายเสียสติถึงกับตกตะลึงและหันกลับมามองวานรทมิฬ เขาดูตื่นเต้นตอนที่เจ้าวานรทมิฬมาถึงด้านหน้าและร้องคำราม ตนเองเรียนรู้จากวานรและตีใส่หน้าอกด้วย

วานรทมิฬเต็มไปด้วยแววตาสงสัยพลางจ้องมองคนข้างหน้ามัน มันรู้สึกว่าคนผู้นี้กำลังกลั่นแกล้ง แม้จะเปล่งกลิ่นอายน่ากลัว แต่ต้องขอบคุณอำนาจของหวังหลิน ความหวาดกลัวนั้นได้หายไปและถูกแทนที่ด้วยความโกรธจนมันเริ่มคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว

เช่นนั้นหนึ่งคนหนึ่งวานรจึงเผชิญหน้ากันและร้องคำรามใส่กัน ทั้งคู่ต้องการชิงชัยอีกฝ่าย เสียงคำรามจึงรุนแรงยิ่งกว่าเดิม

หวังหลินถอนหายใจด้วยความโล่งอกและไม่ใส่ใจชายเสียสติอีก เขาหลับตาและขบคิดถึงวิธีการจัดการพลังต่อต้าน ค่อยๆคิดถึงความเป็นไปได้หลายอย่าง

‘ห้าแก่นแท้ที่ยากที่สุดของข้าคือ ชีวิตและความตาย เวรกรรมและจริงเท็จ…หากทั้งสามนี้สมบูรณ์ ข้าจะสามารถควบคุมพลังต่อต้านนี้ได้…’

‘ข้าสามารถใช้แก่นแท้แห่งชีวิตและความตายเพื่อตัดทอนพลังต่อต้านให้เป็นชีวิตและความตาย…’

‘จากนั้นข้าสามารถใช้แก่นแท้เวรกรรมเพื่อสร้างโลกและทำให้พลังต่อต้านชีวิตและความตายก่อเกิดเป็นวัฏจักร…’

‘ท้ายที่สุดข้าสามารถใช้แก่นแท้จริงเท็จเพื่อหลอกพลังต่อต้านเหมือนเต๋าแห่ง การหลอกลวง เพื่อให้พลังเทพและพลังบัญชาโบราณสามารถผสานกันเป็นหนึ่งได้อย่างสมบูรณ์’ หวังหลินดวงตาส่องสว่างขึ้นขณะคิดถึงรายละเอียดและมีแววตามุ่งมั่น

‘หากเกิดเรื่องทั้งหมดนั้น ห้าแก่นแท้สมบูรณ์ของข้าจะทำให้นิ้วทั้งห้าครบถ้วน แล้วข้าก็จะสามารถเปิดประตูดับสูญกลายเป็นเซียนขั้นที่สามที่แท้จริงได้! จากนั้นข้าจะแข็งแกร่งแค่ไหน…’ หวังหลินกำหมัด

‘ชีวิตและความตาย เวรกรรม และจริงเท็จ…ข้าจะสามารถทำให้สามแก่นแท้นี้สมบูรณ์ได้อย่างไร? จากการวิเคราะห์ของข้าก่อนหน้านี้ ข้าขาดแคลนสิ่งที่สามารถเพิ่มโอกาสของข้า!’

‘ผลไม้เต๋า ข้าจำเป็นต้องได้ผลไม้เต๋าอีก ยิ่งมากยิ่งดี!’

ขณะที่คิดไปด้วย เสียงคำรามค่อยๆเบาลง วานรทมิฬดูเหมือนจะไม่สามารถร้องคำรามได้อีกต่อไป เสียงของมันค่อยๆ แหบลง มันมองคนบ้าด้วยสายตาหวาดกลัว

มันถอยไปหลายก้าว วานรทมิฬไม่กล้าร้องคำรามอีกและมองหวังหลินอย่างอ้อนวอน

คนเสียสติยิ่งภูมิใจมากขึ้นแม้ตนเองเหนื่อยก็ตาม เสียงเขาเองก็แหบพร่าเช่นกัน ใบหน้าตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น ตีหน้าอกตัวเองด้วยรอยยิ้มกว้าง “ข้าร้องคำรามใส่พี่ใหญ่ตั้งแต่ข้าเป็นเด็กแล้ว น้องเล็กมักจะกลัวเสียงคำรามข้าเสมอ ทุกคนบนแผ่นดิน เทพอมตะต่างรู้ว่าเสียงของข้าดังที่สุดและงดงามที่สุด! เจ้าลิงน้อย เจ้ากล้าคำรามใส่ราชาผู้นี้ได้อย่างไร?”

“มา มา มา หลังจากเราประชันเสียงคำรามจบลง เรามาประชันวิชากัน ดูกันว่าวิชาของราชาผู้นี้จะงดงามแค่ไหน!” ชายเสียสติยื่นมือขึ้นไปในท้องฟ้า จากนั้นมีแสงในท้องฟ้ากะพริบวาบ ฝ่ามือยักษ์ปรากฏขึ้นในท้องฟ้า เปล่งแรงกดดันทรงพลัง ประทับฝ่ามือมองเห็นได้ชัดเจนและตกลงมาจากฟากฟ้า

ประทับวิญญาณสงคราม!! หวังหลินดวงตาส่องสว่าง สีหน้าท่าทางเปลี่ยนไป เขาจำได้แล้วว่าตอนที่ตนเองไม่สามารถขยับไปไหนได้ ชายเสียสติผู้นี้ได้ใช้วิชาหลายอย่างใส่เขา แต่ละวิชาถือเป็นเอกลักษณ์อย่างยิ่ง!

พอเห็นประทับวิญญาณสงครามกำลังลงมา หวังหลินจึงเคลื่อนไหว!

นี่คือโอกาสครั้งใหญ่อีกอย่างที่ชายเสียสติผู้นี้มอบให้เขานอกจากสายโลหิตเทพ!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version