Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1544

Cover Renegade Immortal 1

1544. ออกไป

“ท่านอาจารย์ รับข้าเป็นศิษย์ด้วยเถอะ!”

ชายเสียสติคุกเข่าลงเบื้องหน้าหวังหลินโดยมีเจ้าอสูรโลกันตร์อยู่ใกล้ๆ เขาโขกคำนับต่อไปด้วยสายตานับถือ

“ด้วยคำสาบานต่อบรรพชนเทพ ข้าราชา เหลียนต้าวเฟย เคารพท่านเป็นอาจารย์และจะไม่มีวันคิดทรยศท่านไปชั่วชีวิต” เขายกแขนขวาขึ้นมาตีใส่หน้าผากตนเอง

พลังลึกลับจากในร่างกายเขาพุ่งออกไปเข้าสู่ร่างหวังหลิน

แม้แต่หวังหลินก็ยังตกตะลึง เขาทำให้อีกฝ่ายกลัวเพื่อให้ได้บทร่ายวิชามา ไม่คาดคิดว่าจะเกิดอะไรแบบนี้ขึ้น

“อาจารย์ รีบสอนวิธีฝึกเจ้าอสูรใหญ่ตัวนี้ให้เชื่องเถอะ ข้าอยากเรียนรู้เพื่อที่ว่าเมื่อข้าได้เจออสูรตัวอื่นที่ต้องการกินข้า ข้าแค่พุ่งเข้าไปทำมันให้เชื่อง!” เหลียนต้าวเฟยถึงกับมองหวังหลินด้วยความตื่นเต้น

เขานั่งลงข้างๆ และคิดขึ้น ‘ฮึ่มฮึ่ม ข้าฉลาดนัก ไม่เพียงแต่ข้าจะพบเจอพี่ใหญ่ ผู้เก่งกาจ ข้ายังได้เรียนรู้วิชาอีกด้วย ข้าจัดการได้เยี่ยมจริงๆ หากพี่ใหญ่รู้เข้า คงยกย่องข้าแน่นอน’

หวังหลินลูบเจ้าอสูรโลกันตร์ด้วยท่าทีประหลาด เจ้าอสูรโลกันตร์หายไปอย่าง ไร้ร่องรอย ดาวเคราะห์เงียบสนิท ทิ้งไว้เพียงแค่คนสองคน

หวังหลินมองเหลียนต้าวเฟยและค่อยๆ ยิ้มออกมา

“วิชาฝึกอสูรตัวนับว่ายากเย็นแสนเข็ญ ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลามาสอนเจ้า อาจารย์จำเป็นต้องรู้ว่าเจ้าได้รู้อะไรอีก…”

เหลียนต้าวเฟยกะพริบตา “ข้าไม่รู้อะไรมากนัก พวกนั้นข้าลืมไปหมดแล้ว”

“ในเมื่อเจ้าไม่อยากเล่าให้ข้าฟัง ช่างมันเถอะ” หวังหลินยิ้มและเปลี่ยนหัวข้อ “เจ้าอยากออกไปจากที่นี่หรือไม่?”

เหลียนต้าวเฟยมีสีหน้าตื่นเต้น รีบลุกขึ้นและเอ่ยเสียงดัง “ข้าอยากออกไปตลอด แต่ข้าค้นหาอยู่นานกลับไม่เจอทางออก”

หวังหลินนั่งลงข้างๆ และยิ้มเบาๆ “ข้าสามารถพาเจ้าออกไปข้างนอกได้ แต่ข้าจำเป็นต้องรู้จักวิชาเต๋าที่แข็งแกร่งที่สุดของเจ้า”

“เต๋าล่องหนเก้าเทพ…” ขณะที่เหลียนต้าวเฟยเอ่ยจบ เขารีบหุบปากและส่ายศีรษะ

“ข้าไม่สามารถพูดรายละเอียดที่แน่ชัดเจน มีคำสาบานอยู่ในร่างกายข้า หากข้าพูดออกไปข้าจะเจอบทลงโทษสาหัส” เหลียนต้าวเฟยลดมือลงแต่ไม่ได้วางลงไป เขาบีบจมูกและมองหวังหลิน

ดูไม่เหมือนว่าสิ่งที่เขาพูดจะเป็นความจริงเลย

หวังหลินยิ้มและส่ายศีรษะโดยไม่ถามต่อ เขารู้ว่าโลภมากแต่ไม่ได้จะกดดันเกินไป หวังหลินได้มาจากเหลียนต้าวเฟยมากพอแล้ว

แค่สี่วิชานี้ก็ทำให้หวังหลินต้องใช้เวลามหาศาลเพื่อทำความเข้าใจจนไม่มีเวลาทำอย่างอื่นแล้ว

“ข้าจะพาเจ้าออกไปจากที่นี่ในสามวัน!” หวังหลินขบคิดและหลับตา เขารู้ว่าเวลาเป็นสิ่งสำคัญ หวังหลินต้องได้ผลไม้เต๋าให้มากพอเพื่อต่อกรกับพลังต่อต้านที่เสมือนเป็นกระบี่แขวนอยู่เหนือศีรษะ

เขาจะห้ามปรามพลังต่อต้านในร่างจนถึงจุดที่เขามีพลังพอจะทำงานที่เหลือให้เสร็จสิ้น

“ไม่เอา ข้าเคารพท่านเป็นอาจารย์แล้ว ท่านยังไม่ได้สอนข้าแม้แต่วิชาเดียว ดังนั้นข้าไม่ยอมรับ รีบสอนวิชาให้ข้าสิ หรือเจ้าแค่จะกลั่นแกล้งข้า!” เหลียนต้าวเฟยรีบวิ่งมาข้างหวังหลินจนเห็นหวังหลินหลับตา เขาเริ่มคำรามอีกครั้ง

เสียงคำรามดังขึ้นเรื่อยๆ หลังจากนั้นสักพักดูเหมือนจะเหน็ดเหนื่อย นั่งลงตรงข้ามหวังหลินและเริ่มพูดจาเรื่อยเปื่อย

“ท่านไม่ควรแกล้งข้าแบบนี้ ข้ามอบวิชาให้ท่านหลายวิชาแล้ว ท่านต้องมอบให้ข้าบ้าง อย่างน้อยสักวิชาก็ยังดี! อ๊าก น้องแดง ข้าถูกกลั่นแกล้งไม่ใช่หรือ? ราชาผู้นี้อดทนได้ แต่น้องแดง เจ้าอดทนได้หรือไม่?”

หวังหลินลืมตาขึ้นมาท่ามกลางเสียงพูดจ้อ เขาสะบัดแขนทำให้สายลมสีทองเต็มไปทั่วท้องฟ้า มังกรทองเก้าตัวปรากฏขึ้นมาพ่นสายลมสีม่วงกวาดไปบนพื้นดินทำให้พื้นดินเริ่มถูกแช่แข็ง

“นี่คือวิชา เรียกขานสายลม ข้าจะสอนมันให้เจ้า!”

เหลียนต้าวเฟยมองดูท้องฟ้าด้วยสายตาดูถูก

“อย่ามาหลอกข้า ข้าไม่ได้โง่ ข้าไม่เรียนวิชาง่อยๆ นี่!”

หวังหลินสะบัดแขนให้มังกรเก้าตัวหายไป จากนั้นฝ่ามือสร้างผนึก ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเมฆสีดำ ประกายแสงกะพริบวาบ สายฟ้าดังลั่น ฝนสีทองเริ่มตกลงมาอย่างรวดเร็ว สายฝนทำให้พลังดั้งเดิมในโลกรวมตัวกัน

“ฝนตก…น้องแดง ดูสิฝนกำลังตก…” เหลียนต้าวเฟยตกตะลึงไปชั่วขณะก่อนจะร้องหาว เขาส่ายศีรษะและพึมพำ “ยังมาหลอกข้าอีก? นี่มันวิชาแบบไหน? ข้าไม่เอาวิชานี้!”

หวังหลินใช้เรียกขานสายลม อัญเชิญสายฝน ไสยเวทย์และป่นขุนเขา ทว่า เหลียนต้าวเฟยเพียงแค่ชำเลืองมองและส่ายศีรษะ เขาค่อยๆ โกรธเกรี้ยวและร้องคำรามใส่หวังหลิน

“เจ้าผีเฒ่า เจ้ามันขี้เหนียว ไม่มอบวิชาดีดีให้ข้าสักหน่อยเลยหรือ? เจ้า เจ้า เจ้า เจ้ามันเกินไปแล้ว!!”

หวังหลินจ้องเหลียนต้าวเฟย หลังจากสูดหายใจลึก เขาจึงแสดงวิชาประทับ พลิกสวรรค์ โล่เงาแสงและวิชาเต๋าผสาน

“นี่มันอะไรกัน? เรียกว่าพลิกสวรรค์เชียวหรือ? ข้าไม่เรียน!”

“ปกคลุมร่างในแสง วิชาปาหี่อะไรกัน? ข้าไม่เรียน!”

“วิชาเต๋าผสานก็อ่อนด้อยเกินไป โลหิตของข้าสามารถหลอมได้ทุกอย่าง ข้าไม่เรียน!”

หวังหลินขมวดคิ้วและเอ่ยถาม “เจ้าอยากเรียนอะไรกันแน่?”

เหลียนต้าวเฟยยิ่งโกรธขึ้นไปอีกและร้องไห้ “ข้าไม่ต้องการให้เจ้าสอนข้า ข้าต้องการวิชาที่เจ้าใช้จับเจ้าอสูรนั่น!”

หวังหลินรู้สึกปวดหัว หลังจากคิดอยู่เล็กน้อย แขนขวาสร้างผนึกชี้ออกไป ทั่วทั้งดาวเคราะห์มืดสนิทและเปลี่ยนกลายเป็นทะเลไร้ก้นบึ้ง จากนั้นดวงอาทิตย์ค่อยๆผุดขึ้นมา พลังแห่งแยกราตรีเริ่มปรากฏ!

เหลียนต้าวเฟยดวงตาส่องสว่างแต่ก็หมองหม่นอย่างรวดเร็ว เขาส่ายศีรษะ “นี่ก็ไม่เลว แต่ข้ามีอะไรที่ดีกว่านี้แล้ว…”

ในที่สุดหวังหลินก็รำคาญและสะบัดแขนขวา ความมืดหายไป ปรากฏประตูหินขึ้นมา พลังแห่งกาลเวลาแผ่กระจาย

กาลเวลาหมุนวนผ่านไปหลายหมื่นปีในพริบตา

เหลียนต้าวเฟยมองอยู่สักพักและส่ายศีรษะ

“ประตูหินนี่ไม่ได้ดีเท่าประตูบ้านข้าหรอก ข้าไม่เรียน”

ไม่ว่าหวังหลินอดทนแค่ไหน นี่มันก็เกินไปหน่อย เขาสูดหายใจลึกและเผยวิชาทั้งหมดที่เรียนรู้มาในชีวิตเพื่อให้เหลียนต้าวเฟยเลือก ทว่าจนกระทั่งท้ายที่สุดเขาก็ยังส่ายศีรษะ

หากแค่ส่ายศีรษะอย่างเดียวคงไม่แย่นัก แต่เขายังโกรธหวังหลินมากกว่าเดิม ร้องคำรามใส่หวังหลินหลายครั้ง

“เจ้าเป็นผู้เชี่ยวชาญ ไม่มีทางที่จะรู้แค่วิชาพวกนี้หรอก เจ้าแค่ไม่อยากสอนข้า!”

“พอแล้ว!” หวังหลินขัดเสียงคำรามของเหลียนต้าวเฟยและหัวเราะอย่างโกรธๆ เอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา “นี่คือวิชาสุดท้ายแล้ว หากเจ้าอยากเรียนก็เรียนไป ไม่เช่นนั้นก็ช่างมันเถอะ!” หวังหลินยกแขนขวาขึ้นมาโดยไม่แม้แต่จะสร้างผนึก เขาใช้วิชาแรกที่เคยเรียนรู้มา วิชาแรงโน้มถ่วง

ด้วยระดับบ่มเพาะของเขาการใช้วิชาแรงโน้มถ่วงระดับรวบรวมลมปราณนั้นนับว่าง่ายแสนง่าย พื้นดินสั่นเทา ก้อนหินขนาดใหญ่ลอยเป็นวงกลมในท้องฟ้า

เหลียนต้าวเฟยตกตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นจ้องมองก้อนหินในท้องฟ้า ดวงตา ส่องสว่างและกระโดดขึ้นไปลูบตาตัวเอง จากนั้นเริ่มปรบมือ

“น่าสนุก ฮ่าฮ่า น่าสนุก ข้าจะเรียนวิชานี้! เก่งกาจนัก อาจารย์เป็นคนเก่งกาจจริงๆ ที่มีวิชาน่าเหลือเชื่อเช่นนี้!”

หวังหลินขี้เกียจเกินจะสนใจเหลียนต้าวเฟย เขาหยิบหินหยกออกมา ประทับวิชาแรงโน้มถ่วงใส่เอาไว้ โยนหินหยกให้เหลียนต้าวเฟยและหลับตาบ่มเพาะ

เหลียนต้าวเฟยรับหินหยกมาและตรวจสอบด้วยสัมผัสวิญญาณ เขากระโจนขึ้นไปในอากาศทันทีและเรียนรู้วิชานั้น เขารีบวิ่งออกไปไกลและสะบัดแขน พื้นดินสั่นไหว เศษก้อนหินลอยขึ้นไปในอากาศ

“สนุก สนุกจริงๆ!” เหลียนต้าวเฟยเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและชี้อยู่หลายครั้ง เขาทำให้ก้อนหินหลายสิบก้อนลอยขึ้นไปในอากาศและหมุนอยู่รอบตัวเป็นวงกลมจนตัวเองมึนงง ทว่ายังหัวเราะอย่างตื่นเต้นไม่เคยหยุด

เขารู้สึกว่ามันยังไม่ตื่นเต้นพอ ดังนั้นจึงวิ่งออกไปไกลและทะยานขึ้นไปในอากาศ ชี้ใส่อากาศให้พื้นดินด้านล่างส่งเสียงดังลั่น ก้อนหินจำนวนมากลอยขึ้นไปในอากาศหลายพันก้อน

วันเวลาสามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว หวังหลินลืมตาและค่อยๆ ซ่อนแสงสีทองข้างใน หากไม่สังเกตใกล้ๆ ก็คงมองไม่ออก

หวังหลินมองออกไปไกลและขมวดคิ้ว ส่ายศีรษะด้วยรอยยิ้มขมขื่น

เขาเห็นเหลียนต้าวเฟยกำลังหัวเราะอย่างโกรธๆ ด้านข้างเขามีก้อนหินหลายหมื่นก้อนเหมือนทหาร ตรงข้ามกับเขามีก้อนหินหลายหมื่นก้อนเป็นเสมือนศัตรู

เขาเล่นวางกลุ่มก้อนหินตรงเข้าปะทะกันในอากาศราวกับพวกมันกำลังต่อสู้

“น้องสาว เจ้าจะเชื่อฟังข้าหรือไม่? ข้ามีกองทัพหลายหมื่นคน หากเจ้าไม่ฟัง ข้าโกรธแน่!” หลังส่งเสียงคำราม จึงวิ่งไปฝั่งตรงข้าม ทำท่าทีตุ้งติ้งแบบมีเสน่ห์และเหมือนสตรี

“เจ้าคนทะลึ่ง หากเจ้ากล้านักก็เข้ามา!”

หวังหลินไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี พอเห็นว่าเหลียนต้าวเฟยยังคงเล่นอย่างมีความสุข จึงลุกขึ้นและก้าวไปข้างหน้า

“พอแล้ว ออกไปข้างนอกเจ้าค่อยเล่นอีก!”

เหลียนต้าวเฟยไม่อยากเลิกแต่ก็ติดตามหวังหลินอย่างตื่นเต้น เขายังมองกลับไปราวกับไม่อยากไปไหน สงสัยอยู่ว่าเขาควรจะเอาพวกมันไปดีหรือไม่

หวังหลินเอ่ยขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ “มีข้างนอกอีกเยอะ”

ทั้งสองก้าวเดินห่างออกไปและหายวับไปจากโลกนี้…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version