1569. ดาวซูซาคุ
ท้องฟ้าดวงดารานั้นสงบนิ่งดุจมหาสมุทรสีดำที่กำลังหลับใหลโดยไม่มีสายลม หรือคลื่นอันใด ดวงดาวส่องประกายดุจสายตาของมารดาจนทำให้ใครบางคนรู้สึกคิดถึงบ้าน
พอไม่ได้อยู่ใกล้มาก ดวงตาส่องประกายเหล่านั้นจึงพร่าเลือน สัมผัสแห่งความเศร้าพรั่งพรูออกมาจากหัวใจและกลายเป็นเสียงถอนหายใจ
เหล่าเซียนก็เป็นมนุษย์เช่นกัน…พวกเขามีอารมณ์ความรู้สึกและมีความทรงจำที่ มิอาจละทิ้งได้
“พวกนั้นกลั่นแกล้งข้า การลงโทษก็เบาเกินไป ข้าอยากให้เจ้าเปลี่ยนฉวี่ลี่กั๋วให้เป็นหมูน้อยไปซะ ไม่สิ เป็นใบไม้ดีกว่า ให้ข้าได้เหยียบ ย่ำ ย่ำ ย่ำจนตาย!”
“หลิวจินเปียวก็ด้วย เขากล้าหลอกลวงข้าจริงๆ ฮึ่ม! คนที่หลอกลวงข้าจะต้อง พบเจอกับจุดจบอันเลวร้าย การลงโทษของเจ้าที่เปลี่ยนเขาเป็นทาสรับใช้หนึ่งพันปี ก็เบาเกินไป ข้าควรเปลี่ยนเขาเป็นใบไม้ให้ข้าเหยียบย่ำด้วย ย่ำ ย่ำ ย่ำจนตาย!” เหลียนต้าวเฟยติดตามหวังหลินและพูดจาไม่หยุดจนกลายเป็นเสียงอื้ออึงรอบหู หวังหลิน
พอเห็นว่าหวังหลินกำลังจดจ้องออกไปไกลและไม่สนใจเขาเลย เหลียนต้าวเฟยจึงเริ่มหมุนเป็นวงกลมรอบหวังหลินและร้องคำรามใส่ไปด้วย ราวกับไม่ยอมแพ้จนกว่า หวังหลินจะฟังเขา
หวังหลินก้าวเดินไปข้างหน้าเงียบๆ เข้าใกล้ดาวซูซาคุขึ้นเรื่อยๆ แม้หลับตาเขาก็สามารถค้นหาดาวซูซาคุในดาราจักรฟ้ากระจ่างได้ สิ่งสำคัญตอนนี้คือมีบางสิ่งที่ทำให้วิญญาณเขาเกิดความเศร้า
เสียงพูดจ้อของเหลียนต้าวเฟยยิ่งรุนแรงขึ้นและไม่หยุดเลย เขาไม่ได้รู้สึกเหน็ดเหนื่อยและวนเวียนร้องใส่หวังหลินต่อไป
“เปลี่ยนพวกมันเป็นใบไม้ ข้าจะเหยียบย่ำ ย่ำ ย่ำ!”
“พอแล้ว!” หลังจากเหลียนต้าวเฟยหมุนรอบเขาเป็นพันรอบ หวังหลินจึงถูกขัดจังหวะ ยกแขนขวาขึ้นมาทำให้เหลียนต้าวเฟยหยุดลงเบื้องหน้า
หวังหลินมองเหลียนต้าวเฟยและเอ่ยปาก “เงียบก่อน”
เหลียนต้าวเฟยถูกหวังหลินจับไว้ จ้องมองหวังหลินพลางร้องคำราม “เปลี่ยนพวกมันเป็นใบไม้!”
หวังหลินขมวดคิ้ว
“ข้าไม่สน เจ้าต้องเปลี่ยนพวกมันเป็นใบไม้ เป็นใบไม้ เป็นใบไม้!!” เหลียนต้าวเฟยไม่สนใจและคร่ำครวญต่อไป เขาเหมือนเด็กที่อยากได้ของเล่น
หวังหลินเอ่ยน้ำเสียงสงบนิ่ง “จริงๆแล้วเจ้ามองแผนการหลอกของพวกนั้นออกนานแล้ว…”
“อุ๊บ…ข้า…ข้าไม่เห็นมองออก” เหลียนต้าวเฟยตกตะลึงไปชั่วขณะ ดวงตาเปลี่ยนไปและส่ายศีรษะเหมือนเด็ก
หวังหลินมองเหลียนต้าวเฟยอย่างล้ำลึก คลายแขนออกและเดินไปข้างหน้า
“โลหิตที่เจ้ามอบฉวี่ลี่กั๋วและหลิวจินเปียวนั้นไร้ประโยชน์ โลหิตทั้งหมดนั้นถึงแม้จะโดนหลอมไปก็เทียบกับโลหิตจริงครึ่งหยดของเจ้าไม่ได้!”
“พวกนั้นโกงเจ้าและเจ้าก็โกงพวกเขาด้วย เจ้ายังอยากเล่นกลหลอกเด็กแบบนี้กับข้าหรือ? ข้าหวังหลิน ลงโทษไปแล้ว การลงโทษนั้นถือว่าสาสม อย่ากล่าวถึงอีก” หวังหลินหันออกมาจากเหลียนต้าวเฟย คำพูดของเขาดังกึกก้อง
เหลียนต้าวเฟยกะพริบตา ใบหน้าแดงขึ้นและหัวเราะคิกคัก ครู่ต่อมาจึงเอ่ย “ราชาผู้ชาญฉลาดคนนี้จะถูกพวกนั้นหลอกได้อย่างไร…แต่ฉวี่ลี่กั๋วและหลิวจินเปียว ก็มีความสามารถในการหลอกลวงข้าได้จริงๆ ฮึ่ม พวกมันร้ายเกินไป ดีที่ข้า เข้าใจความล้ำค่าของโลหิต ตอนนั้น….”
เหลียนต้าวเฟยพึมพำต่อไป จากนั้นเห็นหวังหลินเดินออกไปแล้วจึงได้รีบตาม เสียงเขาค่อยๆ เบาลง หลังจากตามหวังหลินไปสักพักจึงมองด้วยความสงสัย เป็นอีกครั้งที่เขาสัมผัสความรู้สึกจากหวังหลินได้เหมือนตอนที่ทั้งสองออกมาจาก อสูรโลกันตร์
หวังหลินเงียบตลอดทางและไม่เอ่ยอะไรสักคำ ไม่นานนักดาวเคราะห์ที่เต็มไปด้วยพลังปราณล้นเหลือจนเปล่งเป็นรัศมีได้ กำลังปรากฏเบื้องหน้าพวกเขา!
ดาวเคราะห์ดวงนี้ไม่ได้ใหญ่มาก มันถือว่าเป็นดาวเล็กๆ ด้วยซ้ำ ทว่าเมื่อหวังหลินเห็นดาวดวงนี้ ร่างกายสั่นเทาและหยุดลง
เขามองดูดาวเคราะห์เงียบๆ มองบ้านเกิดที่สลักไว้ในใจเขา ไม่นานใบหน้าคนจำนวนมากมายผุดขึ้นมาต่อสายตา ผู้คนที่เขาคุ้นเคยบนดาวซูซาคุ
หวังหลินยิ่งมีใบหน้าโศกเศร้ามากขึ้น
หลายสิ่งอยู่เหมือนเดิม มีแต่ผู้คนที่เปลี่ยนไปคือประโยคที่เคยใช้อธิบายกาลเวลาได้ แต่สำหรับหวังหลินแล้ว แม้สิ่งที่คงอยู่เหล่านี้ดูเหมือนจะเปลี่ยนไป…
เขาจ้องมองดาวซูซาคุอย่างตะลึงงัน มีค่ายกลทรงพลังล้อมรอบดาวจนครอบคลุมพื้นที่ใกล้เคียง มันเปิดใช้งานอยู่ตลอดเวลากลายเป็นระลอกคลื่นกระจายผ่าน ดาราจักร
หวังหลินจำได้ว่าค่ายกลนี้ยังไม่มีตอนที่เขาจากมา
จากมุมมองของเขา ค่ายกลนี้สร้างขึ้นใหม่และติดตั้งไว้ไม่กี่สิบปี หลังจากผ่านไปสักพักหวังหลินจึงถอนหายใจและเดินไปข้างหน้าช้าๆ เหลียนต้าวเฟยติดตาม หวังหลิน มองดาวซูซาคุด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ขณะที่ทั้งสองผ่านเข้ามา ลำแสงหลายเส้นลอยเข้ามาที่ดาวซูซาคุ ทั้งหมดมีอยู่ สี่คนเป็นสามบุรุษ หนึ่งสตรี ด้านอายุมีผู้เยาว์สามคนและหนึ่งคนชรา แต่ละคนเต็มไปด้วยความเคารพราวกับกำลังเดินทางแสวงบุญ พวกเขาลอยผ่านหวังหลินและ เหลียนต้าวเฟยเข้าไปหาค่ายกลรอบดาวซูซาคุ
เมื่อลำแสงสี่สายเข้าใกล้ค่ายกล ชายชราจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงภูมิใจ “ที่นี่คือดาวซูซาคุ บ้านเกิดของจ้าวดินแดนปิดผนึก!”
“หลังจากเข้าไปในดาวซูซาคุ จงจำไว้ว่าห้ามสร้างปัญหา ที่นี่คือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของดาราจักรฟ้ากระจ่าง หรือกระทั่งในดินแดนชั้นใน! เซียนเฒ่าจำนวนมากอาศัยอยู่ที่นี่เพื่อปกป้องดาวให้กับจ้าวดินแดนปิดผนึก!” ชายชรามองเซียนผู้เยาว์ทั้งสามคนด้านหลังและพยักหน้ากันอย่างรวดเร็ว ใบหน้าแต่ละคนมองดาวซูซาคุพลางเผยความเคารพยิ่งขึ้น
หวังหลินค่อยๆ มาถึงด้านนอกค่ายกลรอบดาวซูซาคุ เขาอยู่ห่างจากเซียนทั้งสี่หลายพันฟุต ขณะที่มองดาวซูซาคุจึงมีอารมณ์ความรู้สึกหลากหลาย
เหลียนต้าวเฟยอยู่โดดเดี่ยวมานานระหว่างทางและอดไม่ได้ที่จะคิดถึงฉวี่ลี่กั๋วและหลิวจินเปียว เขาลอบบ่นอยู่ในใจ
‘จริงๆ แล้วสหายทั้งสองคนนั้นก็ไม่ได้แย่กับข้านะ…’ ขณะพึมพำจึงหันสายตาไปเจอเซียนสี่คนห่างออกไปไกล ดวงตาพลันส่องสว่าง
“ฮ่าฮ่า สาวน้อยทั้งสาม บอกราชาผู้นี้เถิดว่าเจ้าชื่ออะไร ข้าจะตบรางวัลให้!” เหลียนต้าวเฟยดวงตาส่องสว่างและสะบัดแขน เขาเริ่มเรียกหาเซียนสี่คนนั้น
พอเขาเอ่ยปากขึ้นมา เซียนสี่คนตกตะลึงไปชั่วขณะ เซียนสตรีถึงกับมองกลับมาโดยไม่รู้ตัว
เหลียนต้าวเฟยร้องคำรามอย่างตื่นเต้น “เจ้ามองกลับมาหาอะไร? ข้าไม่ได้พูดถึงเจ้า ข้ากำลังพูดถึงสาวน้อยสามคนด้านหลังเจ้า เหล่าสาวน้อย พวกเจ้าชื่ออะไร…”
หลังจากเอ่ยขึ้นมา นอกจากชายชราแล้ว สีหน้าเซียนบุรุษผู้เยาว์สองคนถึงกับเปลี่ยนไป เขาจ้องมองเหลียนต้าวเฟยและกำลังจะเอ่ยปาก ทว่าชายชราขมวดคิ้วและยกมือขึ้นหยุดศิษย์ทั้งสอง เขาไม่ได้มองเหลียนต้าวเฟยแต่เป็นมองหวังหลินที่กำลังมองดาวซูซาคุด้วยสายตาคิดถึง
“สหายเซียน ข้าคิดว่าเจ้าเองก็มาแสวงบุญที่บ้านเกิดของจ้าวดินแดนปิดผนึก บ้านเกิดของจ้าวดินแดนปิดผนึกนั้นเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ข้าหวังว่าเจ้าจะยับยั้งสหายของเจ้าบ้างและไม่ทำให้เกิดปัญหา” หลังจากชายชราเอ่ยจบ เขาไม่มองหวังหลินอีก แต่กลับสะบัดแขนเสื้อ เขาและศิษย์ทั้งสามคนก้าวเดินไปหาค่ายกล
ศิษย์สามคนจ้องมองเหลียนต้าวเฟยอย่างดุร้าย โดยเฉพาะชายหนุ่มสองคนที่โกรธเกรี้ยวยิ่ง
เหลียนต้าวเฟยเม้มปากและเผยท่าทีไม่พอใจ “หากเจ้าไม่อยากพูดก็อย่าพูด ทำไมถึงจ้องข้าแบบนั้น…ข้าแค่ถามชื่อเอง”
หวังหลินตบไหล่เหลียนต้าวเฟยด้วยสีหน้าปกติ เขาไม่ได้ตรงเข้าสู่ดาวซูซาคุแต่เข้าผ่านค่ายกล
ในเมื่อเขากำลังกลับบ้าน เขาจะผ่านประตูหน้า ทำไมถึงต้องหลีกเลี่ยงมันเล่า?
ชายชรานำหน้าศิษย์ทั้งสามคนเข้าสู่ค่ายกลด้านหน้า ขณะนั้นมีสองคนปรากฏขึ้นมา พวกเขาเป็นชายชราแต่เป็นร่างเงา ดวงตาเปล่งประกายดุจสายฟ้าพลางมองทุกคนที่เข้าไปในค่ายกลอย่างสงบนิ่ง
“ข้านามว่าต้าวเต้อแห่งดาวหมิงเม่ยในดาราจักรอัญเชิญนที ข้านำศิษย์ทั้งสามของข้ามาที่นี่เพื่อแสวงบุญ ข้าหวังว่าองครักษ์ศักดิ์สิทธิ์จะปล่อยเราเข้าไปได้” ชายชรามีสีหน้าเคร่งเครียดพลางคำนับฝ่ามือให้กับร่างเงาสองคน
หนึ่งในร่างเงากล่าวขึ้น “ดาวซูซาคุเปิดต้อนรับเซียนทุกคนแห่งดินแดนชั้นใน เจ้ารู้กฎแล้วใช่หรือไม่?”
“เรารู้ เรามิอาจนำสิ่งใดไปจากดาวซูซาคุได้ เรามิอาจทำลายสิ่งใดบนดาวซูซาคุได้ เราสามารถพำนักอยู่บนดาวซูซาคุได้สามวันเท่านั้น!” ชายชราพยักหน้า
หลังได้ยินเช่นนี้ ร่างเงาสองคนจึงสร้างผนึกและสะบัดแขน แสงค่ายกลแผ่กระจายปรากฏเป็นบันไดทะลุก้อนเมฆขึ้นด้านหน้า บันไดนั้นเชื่อมต่อกับดาวซูซาคุ
ชายชราคำนับฝ่ามือและนำพาศิษย์สามคนไปยังบันได ทั้งสี่คนเดินลงบันไดอย่างช้าๆ
หวังหลินพาเหลียนต้าวเฟยและก้าวลงบนบันไดอย่างสงบนิ่ง พวกเขาเองก็เดินเข้าหาดาวซูซาคุเช่นกัน
ร่างเงาทั้งสองคนไม่ได้ห้ามแต่จ้องมองหวังหลินและเหลียนต้าวเฟยอย่างเยือกเย็น หลังจากทั้งสองหายไป หนึ่งในร่างเงาขมวดคิ้ว
“ข้ารู้สึกว่าคนผู้นั้นดูคุ้นๆ ราวกับข้าเคยเจอเขาที่ไหนสักแห่งมาก่อน…”
“เอ๋ เจ้าก็รู้สึกเหมือนกัน? ข้าเองก็รู้สึกเช่นนั้น แต่ข้าจำไม่ได้ว่าเคยเห็นเซียนชุดขาว ที่ไหนมาก่อน”
ทั้งสองคนขบคิดเล็กน้อยก่อนจะส่ายศีรษะและหายตัวไป ค่ายกลรอบดาวซูซาคุค่อยๆ สงบนิ่งจนกระทั่งแสงเลือนหาย
ดาวซูซาคุปรากฏเบื้องหน้าหวังหลินขณะที่เขาเดินลงบันได สุดทางบันไดเชื่อมต่อกับภูเขาที่สูงที่สุดบนดาวซูซาคุ ราวกับเป็นบันไดสู่สวรรค์!