1570. ใบไม้ร่วง
หวังหลินยืนอยู่บนบันไดพลางมองดาวซูซาคุเบื้องล่าง ดาวดวงนี้กลายเป็นดาวที่เขาไม่คุ้นเคย ภูเขาและแม่น้ำเปลี่ยนไปไม่เหมือนที่เคยเป็นในอดีต
พื้นดินปกคลุมไปด้วยใบหญ้า สายลมพัดผ่าน กลิ่นหอมชวนละมุนเต็มไปทั่วอากาศ
“น่าสนใจ ที่นี่ดูน่าสนุก ดูภูเขาสิ ฮ่าฮ่า มันไม่ได้ดีเยี่ยมมากมาย ทั้งยังดูแข็งไปด้วยซ้ำ แต่กลับทำให้ข้ารู้สึกดี” เหลียนต้าวเฟยปรบมือและหัวเราะ
คนทั้งสี่เดิมทีมีสีหน้าเคร่งขรึมพร้อมกับโค้งตัวหารูปปั้นหินเบื้องหน้า หลังจากได้ยินเสียงของเหลียนต้าวเฟย ศิษย์สามคนทั้งหมดต่างก็มองกลับมาด้วยสายตาดุดันและมีแววตาดูถูก
ภูเขาลูกนี้เชื่อมต่อกับบันได ยอดภูเขาแห่งนี้สูงที่สุดบนดาวซูซาคุและมีวิชา ทรงพลังที่ใช้ปรับรูปทรงของมันให้เป็นรูปปั้นขนาดใหญ่ เป็นเซียนที่ใช้มือซ้าย สร้างผนึก มือขวาถือขวานยักษ์หันหน้ามองบนท้องฟ้า ปลดปล่อยแรงกดดันที่มองไม่เห็นจนราวกับรูปปั้นกำลังต่อสู้กับสรวงสวรรค์!
ขั้นบันไดเชื่อมต่อจนถึงปลายเท้าของรูปปั้น ทำให้เซียนทุกคนที่มาบนดาวซูซาคุจะเห็นรูปปั้นนี้ในทันที ยามที่พวกเขาลงมา เนื่องด้วยความแตกต่างด้านความสูงจึงเกิดแรงกดดันจากรูปปั้นรุนแรงยิ่งขึ้น ราวกับพวกเขากำลังเคารพบูชารูปปั้นที่พวกเขาลงมาเช่นกัน
และรูปปั้นนี้คือรูปปั้นของหวังหลิน!
นี่คือหวังหลินในช่วงสงครามรอบแรกที่ดาราจักรทะเลเมฆา!
ทว่าใบหน้าของรูปปั้นกลับพร่ามัวจนคนอื่นมิอาจคาดเดาได้ว่าเป็นเช่นไร
“นี่คือรูปปั้นของจ้าวดินแดนปิดผนึกในการรบรอบแรกที่ทะเลเมฆา เป็นช่วงหลังจากที่ท่านได้สังหารบรรพชนเผ่านกกระจอกเพลิงและหนานจ้าว เขายืนอยู่เบื้องหน้ากองทัพเซียนของดินแดนชั้นนอกหลายหมื่นคน ไม่มีใครกล้าย่างกรายเข้ามาแม้แต่ครึ่งก้าว!” คำพูดของชายชราส่งเสียงดังกึกก้องทำให้ศิษย์ของเขาสามคนถึงกับหันกลับมาและให้ความเคารพ
“หลังจากการรบครั้งแรก ชื่อเสียงของจ้าวดินแดนปิดผนึกจึงโด่งดังในดินแดนชั้นใน ผู้คนค้นพบว่าเขามาจากดาวซูซาคุ เหล่าเซียนของดินแดนชั้นในจึงรวมตัวกันภายใต้การนำของผู้อาวุโสทรงพลังหลายคนและผู้ปกครองดาวซูซาคุนามว่าโจวหวู่ไท่ พวกเขาได้ทำให้ยอดเขาที่สูงที่สุดแห่งนี้กลายเป็นรูปปั้นของจ้าวดินแดนปิดผนึก” น้ำเสียงของชายชราดังกึกก้อง
หวังหลินมองดูรูปปั้นอย่างเงียบๆ และส่ายศีรษะเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจ เขาจำได้ว่าภูเขาแห่งนี้เป็นของแคว้นซูซาคุและเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่ตอนนี้มันกลับเปลี่ยนไปแล้ว
มันไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงที่หวังหลินอยากเห็น เขาก้าวไปข้างหน้าและพา เหลียนต้าวเฟยไป จนกระทั่งไปไกลลับสายตา ชายหนุ่มในกลุ่มศิษย์สามคนจึงกล่าวเยาะเย้ย
“คนไร้สามัญสำนึกนั่นไม่ควรมาที่บ้านเกิดของท่านจ้าวดินแดนปิดผนึก!”
ศิษย์อีกสองคนด้านข้างเขาพยักหน้าตาม ชำเลืองมองทิศทางที่หวังหลินและเหลียนต้าวเฟยจากไป
“สองคนนั้นช่างหยาบคายและจะต้องถูกลงโทษแน่ ข้าแทบรอไม่ไหวที่จะเห็นพวกมันถูกขับไล่ออกจากดาวซูซาคุแล้ว”
หวังหลินค่อยๆ ก้าวเดินผ่านท้องฟ้าและมองพื้นดินเบื้องล่าง พื้นดินให้ความรู้สึกไม่คุ้นเคยจนเขาโดดเดี่ยวยิ่งขึ้น ทุกอย่างแปลกตาไปหมด อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงนี้แค่ทำให้เขารู้สึกอ้างว้างและไม่อยู่กับที่
‘เปลี่ยนมากเกินไป…ไม่มีความรู้สึกของบ้านเลย…’ หวังหลินขบคิดและค้นหาร่องรอยที่คุ้นเคยอย่างเหน็ดเหนื่อย ทว่าเมื่อเขามองไปที่พื้นดิน กลับมิอาจมองเห็น
แคว้นเซียนหลายแห่งบนดาวซูซาคุได้เปลี่ยนไป ตอนนี้ดาวซูซาคุมีเพียงแค่แคว้นเดียว แม้กระทั่งสำนักจำนวนมากก็หายไปและกลายเป็นยอดสำนักทั้งเก้าบนดาวซูซาคุ
ยอดสำนักทั้งเก้าเหล่านี้ครอบครองเกือบทั่วทั้งดาว
ขณะที่หวังหลินเดินทางไป เขาได้เห็นสำนักหลอมวิญญาณด้วย ความทรงจำเกี่ยวกับตุ้นเทียนยังคงอยู่ แต่สำนักหลอมวิญญาณไม่เหมือนเดิม
ภูเขาหายไปและเปลี่ยนเป็นทะเลสาบ มีตำหนักหลายแห่งรอบๆ ทะเลสาบ เปล่งคลื่นพลังปราณแต่มันกลับเป็นอีกสำนัก
ซือถูหนานตื่นขึ้นที่นี่ คำพูดกดดันเหล่านั้นยังคงดังกึกก้องในหูหวังหลิน แต่เขา มิอาจหากลิ่นอายคุ้นเคยอันใดเจอ
สำนักมารยักษ์ในอดีตปรากฏขึ้นในสายตาหวังหลินและเปลี่ยนไปเช่นกัน พื้นที่ที่เคยเป็นสำนักมารยักษ์กลับกลายเป็นทุ่งหญ้า มีคนธรรมดาเดินทางเร่ร่อนอยู่บน ทุ่งหญ้าแห่งนี้จำนวนมาก สวมเสื้อผ้าเรียบง่ายและเปลือยท่อนบนเป็นบางคน พวกเขาเดินไปท่ามกลางฝูงแกะพร้อมทั้งส่งเสียงร้องเพลงไปด้วย
มีสุนัขจำนวนหนึ่งส่งเสียงเห่าไล่ฝูงแกะอย่างตื่นเต้น เสียงสุนัขเห่าผสมผสานกับเสียงร้องจนให้ความรู้สึกรื่นรมย์
‘ที่นี่…ก็เปลี่ยนไปเช่นกัน…’ หวังหลินรู้สึกเศร้าและค่อยๆ เดินทางไป เหลียนต้าวเฟยติดตามหวังหลินและเงียบลง เขารู้สึกถึงความโดดเดี่ยวมาจาก หวังหลินและตัวเองก็รู้สึกคิดถึงบ้านไปด้วย
หลังจากนั้นสักพัก แคว้นเฉว่ยี่จึงปรากฏเบื้องหน้าหวังหลิน พื้นดินที่มีแต่หิมะกลับไม่มีอยู่อีกแล้ว
หิมะละลายนานมากแล้ว สถานที่แห่งนี้กลายเป็นป่าทึบและแตกต่างจากในอดีตอย่างสิ้นเชิง แม้แต่เมืองยังถูกเปลี่ยนกลายเป็นซากปรักหักพัง
สิ่งที่ถูกฝังไปด้วยคือเมืองอันพิเศษที่ใช้อายุขัยของหวังหลินเกือบร้อยปีสร้างขึ้นมา เด็กนามเซิ่งหนิวเติบโตขึ้นที่นั่น
พอมองป่าเบื้องล่าง จิตใจหวังหลินรู้สึกย่ำแย่ เป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก เขารู้สึกว่านี่ไม่ใช่บ้านเขาอีกต่อไปแล้ว…
หวังหลินไม่คุ้นตากับสิ่งใดเลยบนดาวซูซาคุ
เมื่อไร้สัมผัสความคุ้นเคย เขาจึงมีแต่ความทรงจำเท่านั้น ราวกับนักเดินทางที่จากไปนาน ท้ายที่สุดกลับมาบ้านและพบแต่เพียงว่าทุกอย่างได้เปลี่ยนไปจนถึงจุดที่ทำให้เขาอยากร้องไห้ ทำให้เขาเสียใจ จนถึงจุดที่เขามิอาจหาเส้นทาง…กลับบ้าน
หวังหลินเคยกลับมาดาวซูซาคุก่อนหน้านี้และเห็นการเปลี่ยนแปลง แต่มันไม่มากเท่าตอนนี้ เขาไม่อาจปรับตัวได้เลย เขาไม่กล้าแพร่กระจายสัมผัสวิญญาณออกไปทั่ว ทั้งดาวในคราเดียว เพื่อจะได้เห็นแคว้นจ้าวและสุสานของพ่อแม่…
เขากลัวว่าจะหากไม่เจอกลิ่นอายคุ้นเคยนี้ต่อไป กลัวว่าจะมีแต่ความทรงจำเท่านั้นแต่กลับไม่มีบ้านเหลืออยู่
เขากลัวพอๆ กับการมองหาถ้ำในทะเลปีศาจที่ซึ่งเคยอาศัยอยู่กับลี่มู่หวาน เขากลัวว่าหากค้นไปดูหุบเขาที่ทำให้เขาอบอุ่นหัวใจ เขากลัวว่าสิ่งเหล่านั้นจะหายไปเช่นกัน
พอมองป่าด้านล่าง หวังหลินก้าวเดินเข้าไปอย่างเงียบๆ ราวกับหาอะไรบางอย่าง ท้ายที่สุดเขาก็ดึงใบไม้ข้างหน้ามาและเห็นซากปรักหักพังของเมืองแห่งหนึ่ง
สัตว์ตัวเล็กตัวน้อยกำลังเคลื่อนไหวอยู่ในสิ่งก่อสร้างอันทรุดโทรมในเมือง พอหวังหลินมาถึง เหล่าสัตว์เล็กๆ หวาดกลัวและกระจายกันหนีไป
หวังหลินเดินอยู่ภายในซากเมืองและมองหาบางอย่าง เขารู้สึกถึงความคุ้นเคยเล็กน้อยจนแทบจะจับสัมผัสไม่ได้ อย่างไรก็ตามวินาทีต่อมาสัมผัสนั้นก็เบาบางตอนที่เขามองหลุมยักษ์หนึ่งด้านหน้า มันเป็นหลุมที่ฝังความรู้สึกอันคุ้นเคยของเขาเอาไว้และเป็นถนนที่เขาเคยอาศัย
หลังจากตกตะลึงอยู่สักพัก หวังหลินถอนหายใจและจากไป
เขาไปที่ทะเลปีศาจ ซึ่งทะเลปีศาจไม่มีอยู่อีกแล้ว ตอนนั้นแม้หมอกจะหายไปแต่ยังมีแอ่งขนาดใหญ่เหลืออยู่ ตอนนี้กลับมีคนเติมแอ่งน้ำเหล่านั้นและเป็นหนึ่งในเก้ายอดสำนัก
ถ้ำที่เขาเคยอาศัยกับลี่มู่หวานได้หายไปตามธรรมชาติ หวังหลินมองจากบนท้องฟ้าและรู้สึกเหมือนโดนทุบเข้าที่หัวใจ เขาอยากไปดูถ้ำ ไปดูร่างของเจ้ามังกรยักษ์ ไปดูสถานที่ที่ลี่มู่หวานใส่จิตใจและวิญญาณของนางลงไปเพื่อสร้างหินหยกก้อนนั้นขึ้นมา
เขาหันกลับด้วยความเศร้า
หวังหลินไม่รู้ตัวว่ามาถึงหุบเขาที่เขาอยู่กับลี่มู่หวานจนกระทั่งนางแก่ชราและเป็นที่ที่เขารู้สึกอบอุ่น ทั้งยังเป็นที่ที่โจวลี่เติบโตขึ้นมาด้วย
อย่างไรก็ตามแม้แต่สถานที่แห่งนี้ยังแบนราบและเปลี่ยนกลายเป็นทะเลชั้นใน มันสวยงามแต่หวังหลินกลับเจ็บปวด…
‘ที่นี่ก็หายไปด้วย…’
หลายอย่างที่เปลี่ยนไปบนดาวซูซาคุได้สร้างสิ่งสวยงามขึ้นมา แต่มันก็แค่ผิวเผินเท่านั้น มันไม่ใช่ดาวซูซาคุที่หวังหลินต้องการ!
คนอื่นๆ รู้กันแค่ว่าที่นี่คือบ้านเกิดของจ้าวดินแดนปิดผนึกและต้องการเปลี่ยนสถานที่แห่งนี้ให้กลายเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ทว่าพวกเขาไม่เข้าใจว่าสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้กลวงโบ๋ มันใช่สิ่งที่หวังหลินต้องการจริงๆ หรือ…
ทั้งหมดเป็นเพียงฝุ่นผงกลบหน้า หวังหลินไม่ใช่คนที่สนใจเรื่องชื่อเสียงและเกียรติยศส่วนตัว เขาเป็นแค่คนธรรมดา และก็เคยเป็นเซียนระดับล่างเช่นกัน
เขาต้องการเพียงแค่บ้านเท่านั้น บ้านเกิดที่เขาสามารถนึกถึงอดีตได้อย่างสงบใจ เขาต้องการเพียงร่องรอยความคุ้นเคยที่ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นหลังจากผ่านช่วงเวลาการฝึกเซียนอันโหดเหี้ยมมากกว่าสองพันปี เพียงแค่ร่องรอยแห่งความอบอุ่นเท่านั้น…
ทว่าความอบอุ่นกลับกลายเป็นความหรูหราใหญ่โต เขาต้องการค้นหาความอบอุ่น แต่ระหว่างทางกลับไม่พบสิ่งใดเลย
หวังหลินหันตัวกลับ มองเหลียนต้าวเฟยผู้กำลังงุนงง พร้อมกระซิบออกมา “ทำไมถึงเป็นแบบนี้…”
เหลียนต้าวเฟยยิ้มแห้ง
หวังหลินขบคิดเงียบๆ และมองดูท้องฟ้า หลังผ่านไปสักพักจึงถอนหายใจและก้าวไปข้างหน้า เขาจากไปพร้อมกับเหลียนต้าวเฟยเพื่อหาสถานที่ที่เขาหวาดกลัวที่สุด บ้านของเขาจริงๆ แคว้นจ้าว!
หวังหลินมองแคว้นจ้าวจากเบื้องบน สายตากลับพร่ามัว
“ที่นี่ไม่ได้เปลี่ยน…”
เขาเป็นจ้าวดินแดนปิดผนึก แต่ในขณะนี้เขาเป็นเพียงคนที่กลับมายังบ้านเกิด เขาเป็นชายชราที่กำลังมองหาร่องรอยในอดีต…
ด้านล่างเขาคือแคว้นจ้าว ด้านชายชราและลูกศิษย์สามคนมาถึงที่นี่แล้ว
“ที่นี่คือแคว้นที่จ้าวดินแดนปิดผนึกเติบโตขึ้น…” เสียงชราค่อยๆ ดังกึกก้อง…