Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1572

Cover Renegade Immortal 1

1572. อดีตก็เหมือนกับควัน

หวังหลินดูเหมือนไม่สังเกตถึงการมาของชายชรา เขาสัมผัสกับหลุมศพและคุกเข่าเบื้องหน้า หลุมศพเย็นมากและระเบิดความหนาวเย็นออกมาจากมือ แต่มันกลับเปลี่ยนไปเป็นความอบอุ่นในจิตใจ

น้ำตาไหลรินจากสองแก้มและหล่นลงบนหลุมศพ ส่งความชุ่มชื้นเข้าไปในหลุมและตกลงใส่ครอบครัว

ความหนาวเย็นจากมือ ความอบอุ่นในจิตใจและหยาดน้ำตาที่ไหลรินลงบนหลุมศพได้ทำให้หวังหลินและหลุมศพของครอบครัวผสานกันเป็นหนึ่ง

การผสมผสานได้เปล่งอารมณ์ที่มิอาจเอ่ยอันใดออกมาได้

ชายชราในท้องฟ้าตกอยู่ในความงุนงง ความคิดสั่นคลอนจากสายฟ้านับไม่ถ้วนที่ระเบิดอยู่ภายใน ร่างกายสั่นเทาและคาดเดาได้อย่างยิ่งในใจ การคาดเดานี้ทำให้สายตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

คนเดียวที่มีคุณสมบัติพอจะคุกเข่าเบื้องหน้าหลุมศพนี้ ร้องไห้แบบนี้และเรียกขาน “ท่านพ่อ” และ “ท่านแม่” นั่นคือ จ้าวดินแดนปิดผนึก!

แสงอ่อนโยนและเบาบางปลดปล่อยออกมาจากร่างหวังหลินและห่อหุ้มป้ายหลุมศพ ขณะที่เขาคุกเข่าอยู่ตรงนี้ หยาดน้ำตาไหลรินอย่างต่อเนื่อง เขามองชื่อท่านพ่อท่านแม่บนป้ายหลุมด้วยท่าทางโศกเศร้า

ทว่าตอนที่ชายชรามองเข้ามา เขาสูดหายใจ เขาไม่รู้ว่าตนเองกำลังเห็นภาพหลอนอยู่หรือไม่ แต่เงาของสตรีผู้หนึ่งปรากฏด้านซ้ายของหวังหลิน

ร่างนี้ดูเบาบางอย่างมาก ราวกับสามารถสูญสลายไปได้เพียงแค่สายลมพัดอ่อนๆ นางมีผมยาวแต่ไม่สามารถมองเห็นรูปร่างได้ชัดเจน ทว่าร่างกายของนางปลดปล่อยความเศร้าออกมาแบบเดียวกัน

นางยืนอย่างเงียบๆ ข้างหวังหลิน มองไปที่หลุมศพและคุกเข่าลงเช่นเดียวกัน

มองไกลๆ จะเห็นเป็นเงาของหญิงสาวและหวังหลินคล้ายสามีภรรยากำลังให้ความเคารพต่อหลุมศพของครอบครัว

พริบตาเดียงเงาอีกร่างปรากฏขึ้นด้านขวาของหวังหลิน เป็นร่างของชายหนุ่มอายุราวๆ ยี่สิบปีดูหน้าตาคล้ายหวังหลินเป็นอย่างยิ่ง ขณะเดียวกันนั้นมีเงาที่สี่ปรากฏขึ้นมาแต่เป็นสตรี

เขามองหลุมศพด้วยความเศร้าและคุกเข่าลงเช่นเดียวกัน

ราวกับครอบครัวกำลังแสดงความเคารพ ขณะที่หัวใจกำลังอบอุ่น ความขมขื่นเกินคำอธิบายได้แพร่กระจายอยู่ในความคิดของชายชรา

วินาทีนั้นเสียงหอนดังกึกก้องทั่วท้องฟ้า เหลียนต้าวเฟยเข้ามาใกล้พลางหัวเราะไปด้วย ศิษย์อีกสามคนของชายชราไล่ตามมากระชั้นชิด

ทุกคนมาถึงเบื้องหน้าบ้านเก่าๆ แห่งนี้ทันที

ศิษย์สามคนของชายชราเข้ามาใกล้พลางร้องตะโกน แต่อาจารย์ของตนเข้ามาจับไว้ไปข้างๆ เขาจ้องมองและสั่งให้หยุด พวกเขาก้มศีรษะลงและมองหวังหลินที่กำลังคุกเข่าอยู่หน้าหลุมศพ

เหลียนต้าวเฟยวิ่งมาไกลๆ แต่เมื่อมองกลับไปไม่เห็นคนไล่ตามจึงเกาศีรษะ เขาร่อนลงในบ้านเก่าๆ และเห็นหวังหลินคุกเข่าห่างออกไปไม่ไกล จึงวนอยู่รอบ หวังหลินสองสามครั้งและเห็นร่างสามคนข้างหวังหลินอย่างเลือนลาง

หวังหลินทำเป็นหูหนวกกับทั้งหมดนี้ เขานั่งอยู่เงียบๆ สัมผัสป้ายหลุมศพ

นาทีนี้ท้องฟ้ามืดครึ้ม ขณะที่ดวงตะวันค่อยๆ หายไป ค่ายกลรอบแคว้นจ้าวกะพริบรุนแรง พอเห็นว่ามีคนเข้ามาในค่ายกลรอบแคว้นจ้าว เซียนทรงพลังทั้งหมดที่ตั้งถิ่นฐานอยู่บนดาวซูซาคุต่างก็พุ่งเข้ามา ลำแสงมากกว่าสิบสายเข้ามาในค่ายกลและเห็นหวังหลินได้ทันที

ลำแสงลอยข้ามผ่านท้องฟ้าอันมืดมนและมีเซียนจำนวนมากปรากฏขึ้นมา พวกเขาจ้องมองหวังหลินที่กำลังคุกเข่าเบื้องหน้าหลุมศพ

บางส่วนเป็นเซียนของดาวซูซาคุที่เคยเห็นหวังหลินมาก่อน ดังนั้นพอพวกเขาเห็นหวังหลินกำลังคุกเข่า จึงจดจำได้ทันที!

“จ้าวดินแดนปิดผนึก!!!”

“หวังหลิน!!”

เสียงอุทานดังออกมาจากปากเหล่าเซียนที่จำหวังหลินได้ ซึ่งทำให้ความปั่นป่วนดุจพายุถาโถมเข้ามา แต่ละคนเต็มไปด้วยความตกตะลึงและแววตาไม่เชื่ออยู่ในนั้น

ศิษย์สามคนของชายชราถึงกับอ้าปากค้าง พวกเขาไม่เคยคิดว่าคนที่มากับ ชายเสียสติ คนที่พวกเขาเรียกว่า “คนไร้มารยาท” จะเป็นจ้าวดินแดนปิดผนึก!

นาทีนั้นความคิดแต่ละคนขาวโพลน พวกเขาลืมแม้กระทั่งวิธีคิดและยืนอยู่ในอาการมึนงง

ไกลออกไป ท้องฟ้าส่องสว่าง ก้อนเมฆสีแดงพุ่งเข้ามา พริบตานั้นมันก็เข้ามาใกล้และมีคนผู้หนึ่งก้าวออกมา เขาเป็นชายชราสวมชุดสีแดง ใบหน้าซีดเซียวแต่เปล่งสัมผัสแห่งบารมีไร้ความโกรธเกรี้ยว

มองเห็นเค้าโครงใบหน้าของโจวหวู่ไท่อยู่บนนั้น

ชายชราผู้นี้คือ จ้าวผู้ปกครองดาวซูซาคุ โจวหวู่ไท่!

เขามองหวังหลินที่กำลังคุกเข่าและมีสีหน้าท่าทางโศกเศร้า ตนเองยืนอยู่เงียบๆ สักพักแล้วจึงกล่าวหนึ่งประโยคต่อหน้าเซียนทุกคน

“ท่านได้…กลับมา…”

หวังหลินไม่ได้เงยศีรษะขึ้น เขามองหลุมฝังศพต่อไป ชั่วขณะต่อมาจึงเอ่ยขึ้น

“ข้ากลับมาแล้ว…”

โจวหวู่ไท่แก่ชรา ร่างกายส่งสัมผัสบ่งบอกอายุ เพียงก้าวเดียวก็มาถึงด้านข้าง หวังหลินและโค้งคำนับให้กับหลุมฝังศพ

“พวกท่านทั้งหมดขอเวลาให้เราอยู่เงียบๆ สักพัก” โจวหวู่ไท่มองขึ้นไปหา คนด้านบน แม้ว่าจะมีเซียนที่มีระดับบ่มเพาะสูงกว่าอยู่จำนวนมาก แต่โจวหวู่ไท่คือจ้าวผู้ปกครองดาวซูซาคุ ตำแหน่งของเขาเป็นเกียรติอย่างสูงและคำพูดก็มีผลกระทบยิ่งกว่าการแสดงระดับบ่มเพาะเสียอีก

เหล่าเซียนมากกว่าสิบคนจึงระงับอาการตื่นเต้น โค้งคำนับให้หวังหลินกับหลุมศพก่อนจะจากไปด้วยความเคารพ

เซียนหลายคนไม่ได้มาจากดาวซูซาคุ พวกเขามาจากที่อื่นและอาสาคุ้มครองดาวซูซาคุเพื่อแสดงความเคารพต่อท่านจ้าวดินแดนปิดผนึก

ชายชราเองก็จากไปพร้อมกับศิษย์สามคนที่ยังตกตะลึงไม่หาย

พริบตาเดียวมีเพียงหวังหลิน โจวหวู่ไท่และเหลียนต้าวเฟยที่อยู่ในบ้านหลังเก่า ครู่ต่อมาเหลียนต้าวเฟยรู้สึกว่ามันน่าเบื่อจึงได้เดินออกมา เอาหลังพิงผนัง หลับตาและเริ่มหลับ

โจวหวู่ไท่ขบคิดเงียบๆ และจึงนั่งข้างๆ หวังหลิน เขาสะบัดแขนขวานำสุราออกมาสองขวดและวางลงไป มองหลุมฝังศพและถามเบาๆ “ท่านวางแผนจะอยู่นานแค่ไหน?”

หวังหลินยกมือที่กำลังสัมผัสป้ายหลุมขึ้นมาและค่อยๆ นั่งบนพื้น ร่างเงาสามคนรอบๆ ตัวเขาค่อยๆ หายไป

“ไม่นานเกินไป…” หวังหลินหยิบสุราขึ้นมาจิบ

“นี่คือ…” สุรามีรสชาติที่เขาคุ้นเคย ราวกับย้อนวันวานไปเมื่อพันปีก่อน

โจวหวู่ไท่กล่าวเสียงเบา “นี่คือสุราของตระกูลเซิ่ง ข้าเก็บไว้เยอะเพื่อดื่มกับท่านอีกครั้ง”

โจวหวู่ไท่หยิบขวดขึ้นมาจิบ มองไปยังท้องฟ้า “ข้ารับเด็กจากตระกูลเซิ่งมาเป็นศิษย์…หากเขารู้ว่าท่านกลับมา เขาคงมีความสุขเป็นแน่”

หวังหลินขบคิดเงียบๆ ลูกของเซิ่งหนิวปรากฏขึ้นในใจ เด็กคนนั้นเป็นคนมีพรสวรรค์

หวังหลินมองไปที่หลุมฝังศพของท่านพ่อท่านแม่ “ขอบคุณ”

“มีอะไรต้องขอบคุณ? ตำแหน่งจ้าวผู้ปกครองดาวซูซาคุของข้านี้ท่านก็มอบให้ ข้ายังไม่สามารถหยุดพวกเขาไม่ให้เข้ามายังดาวซูซาคุได้เลย หลังจากท่านกลายเป็น จ้าวดินแดนปิดผนึกก็มีคนจำนวนมากมาที่นี่ พวกเขามาด้วยเจตนาที่ดีเพื่อหวังจะทำให้สถานที่แห่งนี้เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ข้ารักษาไว้ได้แค่แคว้นจ้าวแห่งนี้เท่านั้น…” โจวหวู่ไท่กล่าวอย่างขมขื่นและดื่มไปอึกใหญ่

“ข้ารู้ว่าท่านเป็นคนที่ชอบคิดถึง บางทีการเปลี่ยนที่นี่ไปมากเกินไปอาจจะทำให้ท่านรู้สึกเหินห่าง” โจวหวู่ไท่ถอนหายใจ

หวังหลินไม่ได้พูดและดื่มไปทั้งขวด จากนั้นโจวหวู่ไท่นำขวดสุราออกมาอีก สองสามขวดและวางไว้ด้านหน้าหวังหลิน

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง แสงจันทราทอดลงมาบนพื้นดิน เปล่งความหนาวเย็นอ่อนๆ

สองคนนั่งอยู่ใต้แสงจันทราและดื่มสุราไปยกใหญ่ พวกเขานั่งอยู่ในบ้านเก่าของหวังหลินและพูดคุยกันถึงอดีต

“หยุนเซว่จื่อแห่งเผ่ารอยสักสิ้นอายุขัยไปแล้ว ข้าเป็นคนฝังเขา…ก่อนเขาตาย เขาเอ่ยแต่ชื่อท่าน…”

“สำนักเมฆาฟ้าตอนนี้เป็นหนึ่งในเก้ายอดสำนัก แต่ผู้คนหน้าเก่าๆ ทั้งหมดจากไปแล้ว ดาวซูซาคุในวันนี้แม้แต่ข้ายังรู้สึกไม่คุ้นชินกับมัน…”

“คนตั้งแต่ครั้งนั้นเหลือในวันนี้ไม่มากนัก…” โจวหวู่ไท่ดื่มสุรา แววตาหวนนึกถึงอดีต

“ท่านยังจำโจวซื่อจงแห่งแคว้นฮัวเฝินได้หรือไม่? ข้ามารู้ทีหลังว่าท่านรู้จักนาง นางออกไปพร้อมกับมารดานามเฟิ่งหลวน เมื่อหลายปีก่อน ข้าได้ยินมาว่าทั้งสองไปเข้าสำนักแห่งหนึ่งในดาราจักรอัญเชิญนที…”

“คู่ฝึกเต๋าของโจวซื่อจงได้ตายไปในการรบครั้งใหญ่เมื่อหลายปีก่อน…”

หวังหลินฟังสิ่งที่โจวหวู่ไท่เล่ามาและดื่มสุราเงียบๆ หมดลงไปอีกหนึ่งขวด

“หวังหลิน ความจริงข้าอิจฉาท่าน…” แสงจันทรารุนแรงยิ่งขึ้น ดวงจันทร์ห้อยอยู่สูงในท้องฟ้า โจวหวู่ไท่ดูเหมือนดื่มไปเล็กน้อย บางทีร่างกายของเขาไม่ได้เมา แต่เป็นวิญญาณเองที่เมา

“ท่านกล้าเดินออกไปจากดาวซูซาคุและกล้าต่อสู้ดิ้นรนเอาเป็นเอาตาย…ข้าคงไม่กล้า ข้าทำได้แค่คุ้มกันที่นี่เท่านั้น…” สีหน้าของโจวหวู่ไท่เต็มไปด้วยความขมขื่น

“ข้าคุ้มกันมามากกว่าพันปี…ข้าไม่เคยลืมร่างท่านตอนที่ท่านจากดาวซูซาคุไปหลังจากมอบตำแหน่งจ้าวผู้ปกครองดาวซูซาคุให้ข้า ตอนนั้นข้าได้แต่อิจฉาท่าน แต่ไม่รุนแรงเท่าวันนี้…”

“จำศิษย์คนนั้นของข้าได้หรือไม่…” โจวหวู่ไท่ดื่มไปอึกใหญ่ แววตาผุดความเศร้า

“เขาตายไปเมื่อหลายปีก่อน เขาเป็นส่วนหนึ่งของเขตแดนข้า…ข้าสัญญากับเขาว่าข้าจะอยู่กับเขาไปจนตาย…ข้าฝังเขาบนดาวซูซาคุ ทุกครั้งที่ข้าต้องการออกไปจากดาวซูซาคุ ข้าจะไปหาเขาและดื่มเงียบๆ ข้างหน้าหลุมศพ” โจวหวู่ไท่ก้มศีรษะ

“ศิษย์ของข้ารักบ้านตัวเองจริงๆ เขาไม่อยากทิ้งบ้านเกิด…”

หวังหลินไม่เอ่ยออกมาสักคำ เขาดื่มสุราของตระกูลเซิ่งไปพร้อมกับโจวหวู่ไท่จนดวงจันทราลาลับ จนฟ้ากลายเป็นสีขาวและดวงอาทิตย์เริ่มทอแสง

“หวังหลิน ผีเสื้อสีแดงอาจจะไม่ได้ตาย!” โจวหวู่ไท่ผู้ที่วิญญาณเมาได้ที่แล้ว กล่าวคำพูดนี้ขึ้นมาในเวลารุ่งสาง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version