1598. พบเจอ
ขณะที่เขาใกล้ตาย พลันนึกถึงประโยคที่บัณฑิตไร้ชื่อพูดขึ้นมาเมื่อหลายร้อยปีก่อน คำพูดเหล่านั้นดูเหมือนเต็มไปทั่วความคิดเขาจนกระทั่งถึงจุดจบของชีวิตและกลายเป็นหนึ่งในวิญญาณหลักของธงวิญญาณ
สัมผัสวิญญาณของเขาแผ่กระจายออกมาเป็นครั้งสุดท้ายและแผ่กระจายข้ามสำนักหลอมวิญญาณ เขาเห็นชายคนหนึ่งผู้เหาะเหินมาจากสถานที่ห่างไกลและผสมปนไปกับศิษย์สำนักหลอมวิญญาณ คนผู้นั้นดูธรรมดามาก
พอเขาเห็นในนาทีนั้น สัมผัสวิญญาณของเนี่ยนเทียนจึงสั่นเทาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เขาตกตะลึงเมื่อพบว่า คนผู้นี้คือบัณฑิตที่เขาตั้งคำถามเมื่อหลายร้อยปีก่อน!!
สัมผัสวิญญาณของเขาแตกสลายไปด้วยความงุนงงและเจอการคาดเดาอันน่าเหลือเชื่อ วิญญาณของเขากลายเป็นส่วนหนึ่งของธงวิญญาณ…
หวังหลินถูกส่งกลับไปที่เมืองในแคว้นจ้าวและยืนอยู่ข้างๆ ต้นไม้ด้านนอกสนามสอบ ต้าฝูยังคงหลับอยู่ที่นั่น ทุกอย่างที่เกิดขึ้นราวกับฝันไป
‘เวรกรรม…ข้าเข้าใจขึ้นเล็กน้อย…’ หวังหลินมองท้องฟ้าและเห็นวิหคสีขาวอีกครั้ง เจ้าวิหคหมุนวนในท้องฟ้าก่อนจะค่อยๆ หายไปในก้อนเมฆ
หลังจากปลุกต้าฝู ทั้งสองก็กลับไปที่โรงเตี๊ยม แสงจันทราสาดส่องจากท้องฟ้าและทอดเงาให้ยืดยาวออกไป
ผลการทดสอบจะถูกประกาศในอีกไม่กี่วัน เหล่าบัณฑิตทั้งหมดรอคอยวันนั้นจะมาถึงอย่างกระวนกระวาย เหล่าคนที่ติดอันดับจะได้รับโอกาสในการสอบรอบต่อไป
โอกาสนี้คือการไปที่เมืองซูเพื่อสิทธิการทดสอบที่นั่นและได้โอกาสในการทะยานสู่สวรรค์ เมื่อได้รับตำแหน่งผู้ถูกเลือก พวกเขาจะได้รับโอกาสไปเมืองหลวงของแคว้นจ้าวเพื่อฟันฝ่าในครั้งสุดท้าย!
หากมีพรสวรรค์มากพอก็จะได้รับการชื่นชมจากหัวหน้าบัณฑิตซู ซึ่งจะกลายเป็นคนมีชื่อเสียงทันที หากกลายเป็นศิษย์ของซูต้าว ความรุ่งโรจน์ที่ได้รับถือว่าเกินจินตนาการถึง!
นี่คือความปรารถนาของบัณฑิตในแคว้นจ้าวเกือบทั้งหมด
ทั้งแคว้นมีคนน้อยกว่าห้าสิบคนที่มีโอกาสไปที่เมืองซู แม้ชื่อของหวังหลินจะไม่ได้อยู่ในรายชื่อบนๆ เขาก็อยู่ในกลุ่มห้าสิบคนนี้
ตอนที่หวังหลินเห็นชื่อตัวเอง เขาไม่ได้รู้สึกตื่นเต้น เขามองไปที่อันดับอย่างสงบนิ่งและจากไปด้วยคำชื่นชมและตื่นเต้นของต้าฝู เขาไปที่ห้องโถงของเมืองเพื่อยืนยันตัวตนและได้รับการรับรองให้สอบรอบถัดไปทั้งยังได้รับเงินรางวัลจากราชสำนักด้วย
สิ่งที่ทำให้ต้าฝูตื่นเต้นไม่ใช่หวังหลินติดอันดับแต่กลับเป็นเงิน
ประสบการณ์ในช่วงไม่ถึงเดือนนี้ได้เปลี่ยนหวังหลินโดยไม่รู้ตัว ความฝันพวกนั้นยังมีอยู่ทุกคืนและเขาก็เริ่มคุ้นชินแล้ว
ความคิดจิตใจของเขาเปลี่ยนไป เขาไม่รู้สึกหลง ไม่รู้สึกงุนงงหรือกังวลเรื่องสอบล้มเหลวอีกแล้ว
สิ่งที่น่าจะได้ก็ยังได้ สิ่งที่น่าจะหายไปก็ยังหายไป
ไม่มีสิ่งใดคุ้มค่าไปกว่ากัน มีเพียงหัวใจที่เหมือนเดิม จิตใจที่สงบนิ่งดังน้ำในบ่อ ราวกับมองภูเขาเป็นภูเขา จากนั้นก็เห็นภูเขาไม่ใช่ภูเขา และกลับมาเห็นภูเขาเป็นภูเขาอีกครั้ง ในชั่วเวลาสั้นๆ นี้ แม้แต่หวังหลินก็ไม่รู้ว่าเขาเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหน
กลิ่นอายของมหาบัณฑิตค่อยๆ ฟูมฟักขึ้นบนร่างกาย ท่ามกลางเหล่าบัณฑิต นับไม่ถ้วน แผ่นหลังยืดตรงและดวงตาสงบนิ่งทอดมองออกไปดุจไข่มุก
ดุจเซียนที่มองอย่างเย็นเยียบไปที่สหายเซียน!
‘ชีวิตเหมือนฝันไป ข้าไม่อยากตื่นจากฝันนี้เลย’ มีบัณฑิตหลายคนชื่นชมและรู้สึกหดหู่ตอนที่หวังหลินออกไปจากเมืองพร้อมกับต้าฝู
แค่เหมือนตอนที่เขามาและจากไปเงียบๆ
ต้าฝูติดตามหวังหลินและคำนวณเงินต่อไป เขามักจะพึมพำและเผยสีหน้าเจ็บปวดออกมาเป็นครั้งราว
ณ ประตูเมือง หวังหลินหยุดลง ส่งสายตาไปบนร้านสุราที่ห่างออกไปไม่ไกล “ต้าฝู ไปซื้อสุรา!” เขาพลันอยากดื่มขึ้นมาแม้จะคิดว่าเพิ่งเมาหนักไปเพียงแค่สองแก้วก่อนหน้านี้
“มีเงินอยู่นิดเดียว เจ้าอยากดื่มสุราอีก?!” ต้าฝูกลอกตาพลางคว้าเสื้อผ้าตรงรอบหน้าอกและส่ายศีรษะ
“เงินนี่นับเป็นอะไรได้? เหรียญทองหลายพันหายไปได้ก็จะกลับมาเสมอ รีบไป ซื้อสุรา!” หวังหลินยิ้มและผลักไสต้าฝู
ต้าฝูดิ้นรนและถอนหายใจยาว เขามาถึงร้านสุราอย่างไม่ยินยอมและเริ่มต่อรองจนหาทางทำให้หวังหลินประหลาดใจ แม้กระทั่งเล่นสกปรกก็ยังมี ท้ายที่สุดคนขาย ก็ยิ้มแห้งๆและขายสุราสองเหยือกด้วยราคาที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน’
อย่างไรก็ตามต้าฝูก็ยังรู้สึกเจ็บปวดหัวใจอยู่ดีตอนที่ต้องนำเงินออกมาและเริ่มพึมพำ
“ของข้า ของข้า มันเป็นของข้านะ!”
หวังหลินหัวเราะและนำขวดสุรามมา เขาดื่มไปอึกใหญ่ให้น้ำสุราย้อยมุมปาก ต้าฝูรีบติดตามไปด้วยท่าทีขมขื่น
ตอนนี้เป็นเวลาบ่าย ทั้งสองเดินออกไปไกลลับตา กลิ่นอายเศร้าและโดดเดี่ยวรอบตัวหวังหลินได้เลือนหายไปอย่างมหาศาล แทนที่ด้วยความโล่งอก
“นายน้อย เราจะไปที่ไหน?” เสียงต้าฝูดังออกมาไกล
“เมืองซู ข้าได้ยินว่าสุราดอกบัวมีรสเลิศยิ่งนัก เพียงแต่ต้องรอคนไปที่นั่น” หวังหลินดื่มไปอีกจิบ เขาแกะมัดผมด้านหลังและปล่อยมันยาวพร้อมกับหัวเราะ
เมืองซูอยู่ห่างจากเมืองหลวงของแคว้นจ้าวเป็นระยะทางสองร้อยห้าสิบลี้ เมืองแห่งนี้กว้างขวางและมีแม่น้ำไหลผ่าน เมืองซูเป็นเมืองแห่งสายน้ำ
เมืองซูมีชื่อเสียงเพราะซูต้าว ทั้งยังเป็นสถานที่รวบรวมผู้มีพรสวรรค์และไม่ขาดแคลนสาวงาม
มีเรือล่องผ่านแม่น้ำอยู่เสมอ เสียงร้องเพลงและการเต้นระบำเกิดขึ้นทุกคืนทุกวันทำให้มีชีวิตชีวายิ่ง มีนักกวี นักเต้นแสนสวยและเสียงพิณดังไปทั้งเมืองซู
ร้านสุราทั้งหมดที่ขายสุราดอกบัวล้วนขึ้นชื่อต่อเหล่าบัณฑิต กล่าวได้ว่าทางราชการมักจะส่งคนมาซื้อสุราดอกบัวจากเมืองซูอยู่เป็นประจำ
ซูต้าวผู้เป็นหัวหน้าบัณฑิตต่างก็หลงใหลในรสสุรามาก่อนและมักจะดื่มมันไปพลางทำความเข้าใจในชีวิตไป พอเขามีชื่อเสียง สุราดอกบัวก็ยิ่งโด่งดังไปอีก
การเดินทางสองเดือนผ่านไปในพริบตา หวังหลินและต้าฝูกำลังนั่งอยู่ในรถม้าระหว่างทางไปเมืองซู หวังหลินดื่มสุราระหว่างเดินทางและมองไปด้านนอก บางครั้งเขาก็หัวเราะหลังจากเมาได้ที่
“นายน้อย อย่าดื่มอีกเลย สุราทั้งหมดที่เจ้าดื่มไปช่างน่ากลัว มันแค่สองเดือนเท่านั้น สองเดือน! ดูสิว่าเจ้าดื่มไปแล้วแค่ไหน? เงินแทบทั้งหมดใช้ไปกับการดื่มทั้งสิ้น!” ต้าฝูร้องไห้ ส่งเสียงออกมาอย่างเจ็บปวด
“หากเจ้าดื่มต่อไป แม้เราจะไปถึงเมืองซู เราก็คงไม่มีเงินสักเหรียญเข้าพักในโรงเตี๊ยม ใครบอกให้เจ้าดื่ม ใครบอกให้เจ้าดื่มมากขนาดนี้?” เสียงบ่นของต้าฝูดังบ่อยขึ้นในช่วงสองเดือนมานี้
อย่างไรก็ตามไม่เพียงแต่จะไม่ทำให้หวังหลินรู้สึกรำคาญ เขายังรู้สึกคุ้นเคยไปด้วย
“ไม่เป็นไร เจ้าคือคนติดตามและเป็นคนดูแล หากไม่มีเงินเหลือ เจ้าก็แค่ออกไปหาเงิน” หวังหลินหัวเราะพลางหยอกล้อกับต้าฝู เขาดื่มสุราและมองต้าฝูที่มีสีหน้า ขมขื่น
ขณะที่ต้าฝูพูดจ้อต่อไป พลบค่ำได้มาเยือน ดวงอาทิตย์เปล่งแสงสีแดง รถม้าโยกเยกไปมาและตอนนี้พวกเขาได้เข้าไปใกล้เมืองซูแล้ว
เมืองซูใหญ่มากและดูเหมือนเป็นเมืองแห่งอำนาจ ทว่านี่เป็นเพียงลักษณะภายนอกเท่านั้น ข้างในเต็มไปด้วยสายน้ำที่มีลมพัดและเปล่งความรู้สึกงดงาม
หลังจากจ่ายเงินค่ารถม้า ต้าฝูจึงมองเงินที่เหลืออยู่น้อยนิดในมือและแทบจะร้องไห้ เงินส่วนใหญ่ที่ทั้งสองใช้ไปบนถนนคือจ่ายค่าสุราให้ลงไปในท้องหวังหลิน
ความอดทนต่อสุราของหวังหลินเพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัว เขาไม่ใช่คนที่ดื่มเพียงแค่สองแก้วแล้วก็เมาอีกต่อไปแล้ว
หลังจากลงรถม้า หวังหลินจัดแจงเสื้อผ้า เขาดูสง่างามด้วยชุดคลุมสีขาวและ ผมยาวไม่เป็นระเบียบ ขณะที่ถือขวดสุราในมือ กลิ่นอายบัณฑิตรอบตัวเขาได้หายไปและถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกของความอิสระ
เขาเดินไปบนถนนของเมืองซู เขาเห็นคนหลายคนเดินไปบนถนน กว่าครึ่งเป็นบัณฑิตและมีสาวแต่งตัวงดงามหลายคนด้วย
แม้รูปร่างหน้าตาของหวังหลินจะดูธรรมดา แต่สภาวะอารมณ์ตอนนี้พิเศษยิ่ง ขณะเดินไปบนถนนจึงทำให้คนสนใจจำนวนมาก สาวงามหลายคนจ้องตามาที่ หวังหลินตรงๆ หวังหลินสงบนิ่งเหมือนเคยและเดินต่อไปข้างหน้า
ต้าฝูติดตามเขาไป ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมาเขามีสีหน้าขมขื่นบ่อยครั้ง ตอนนี้ก็เหมือนกันและถอนหายใจต่อไป
จนพลบค่ำในเมืองซู แสงจันทราค่อยๆ ปรากฏ ขณะที่เรือล่องไปบนแม่น้ำ เสียงเพลงเบาสบายดังขึ้นมา หวังหลินยืนอยู่บนสะพานและมองดูเรือบนแม่น้ำที่มีเสียงพิณดังเต็มสองหู
“นายน้อย ท่านกำลังรออะไร?” ต้าฝูชะโงกไปมองสตรีที่กำลังเต้นอยู่บนเรือ เขากลืนน้ำลายและแววตาเปล่งประกาย
หวังหลินพึมพำด้วยท่าทีสงบนิ่ง “รอคนผู้หนึ่งจากความฝันข้า เขาจะมามอบสุราให้ข้าหนึ่งไห หากเขาแสดงตัวจะเป็นการยืนยันการคาดเดาของข้า”
ต้าฝูมองขวดสุราเปล่าในมือหวังหลินและเอ่ยอย่างใส่ใจ “เราจะรออยู่ตรงนี้หรือ? บางทีเราควรจะหาโรงเตี๊ยมถูกๆ ก่อน…” เขากลัวว่าหวังหลินจะให้เขาไปซื้อสุรา อีกครั้ง
หวังหลินส่ายศีรษะและเผยรอยยิ้มที่ไม่ใช่รอยยิ้ม มองไปที่ต้าฝูและพูดอย่างสบายๆ
“ข้าจำได้ว่ามีเงินอยู่เยอะมาก โดยเฉพาะเงินที่เราได้จากการสอบ…”
“ใช่หรือ? อุ๊บ…ลืมไป…” ต้าฝูกะพริบตาปริบๆ และเผยท่าทีอึดอัด
“นำเงินที่เจ้าซ่อนออกมาไปซื้อสุราดอกบัวและไปเช่าเรือ เราจะอาศัยอยู่ที่นั่น สักสองสามวัน” หวังหลินสะบัดแขนเสื้อด้วยรอยยิ้มและไม่มองต้าฝูอีก
สายลมพัดผ่านทำให้ระลอกคลื่นบนผิวแม่น้ำร่อนลงใส่ร่างหวังหลิน สายลมพัดเบาและไม่หนาวเย็น มันแฝงความอบอุ่นและเสียงพิณที่กำลังเล่นเพลง
หวังหลินพึมพำ “เจ้าจะมาหรือไม่…”