1602. เจ้ากล้า!
ต้อนรับเหล่าบัณฑิตของทั้งโลกเป็นเวลาสิบปี!
ข่าวครั้งนี้แพร่กระจายออกไปจากเมืองซูและแผ่ขยายไปทุกช่องทางอย่างรวดเร็ว ตอนที่ผู้คนที่ตั้งคำถามกับหวังหลินได้ยินเช่นนี้ ทั้งหมดต่างก็ตกตะลึง
ซูต้าวเคยสั่งสอนอยู่ครั้งหนึ่ง แต่นั่นเพียงแค่หนึ่งปีเท่านั้น
อย่างไรก็ตามหวังหลินกล้าพูดว่า “สิบปี” เรื่องแบบนี้ไม่ถือว่าอวดรู้แต่เป็นการหยิ่งผยองเป็นอย่างยิ่ง! การให้บรรยายเช่นแบบนี้เสมือนเป็นการท้าประลองในโลกยุทธภพ เป็นการต้อนรับทุกคนมาต่อสู้ในตลอดสิบปี
เรื่องราวนี้แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว หลังจากเกิดความสงบในช่วงสั้นๆ จึงเกิดการตอบสนองอย่างรุนแรง เหล่าบัณฑิตมากหน้าหลายตาและผู้คนที่ตั้งคำถามต่อ หวังหลินที่ได้รับการช่วยเหลืออย่างลับๆ จากจักรพรรดิของแคว้นจ้าวต่างก็มุ่งหน้ามาที่เมืองซูพร้อมด้วยคนที่คิดว่าตนเองมีคุณสมบัติพอ
ในโรงเตี๊ยมบนถนนหลวงห่างออกไปห้าร้อยลี้มีคนอยู่จำนวนมากมาย เหล่าบัณฑิตและผู้คนกำลังพูดถึงเรื่องการอบรมสั่งสอนของหวังหลิน
“เจ้าได้ยินเรื่องศิษย์ของซูต้าวนามว่าหวังหลินได้ประกาศว่าจะสั่งสอนเป็นเวลาสิบปีหรือไม่? สิบปี! ทั้งโลกตกตะลึง คนที่คลางแคลงสงสัยทั้งหมดต่างก็มุ่งหน้ามาที่นี่”
“ฮี่ฮี่ แทบทุกคนรู้เรื่องนี้ดี ข้าบอกได้ว่าหวังหลินผู้นี้เป็นคนมีพรสวรรค์ แต่เขาไม่เหมาะกับตำแหน่งมหาบัณฑิตของแคว้นจ้าวหรอก”
“ข้าไม่คิดเช่นนั้น ในเมื่อเขากล้าบอกว่าสิบปี นั่นหมายความว่าเขามั่นใจในตัวเอง ข้าได้ยินมาว่ามีบัณฑิตหลายสิบคนไปหาเขาเมื่อไม่กี่วันก่อนและต่างก็กลับมาด้วยความล้มเหลว”
เสียงพ่นลมหายใจเย็นดังออกมาจากโต๊ะข้างๆ ใกล้หน้าต่าง มีคนสี่คนนั่งอยู่ที่นี่ หนึ่งคนเป็นชายชราและอีกสามคนยังเป็นวัยเยาว์ ชายชราดื่มชาพร้อมกับฟังไปด้วย เขาดูสงบนิ่งแต่ในสายตาซ่อนความดูถูกเอาไว้
“คนที่แค่ผ่านการสอบแรกถึงกับกล้าให้การสั่งสอน! ท่านไม่ควรยอมรับเขาเมื่อตอนนั้น! ตำแหน่งมหาบัณฑิตควรจะเป็นของข้า ซูยี่!”
เรื่องคล้ายกันนี้เกิดขึ้นไปทั่วแคว้นจ้าว ยิ่งอยู่ใกล้เมืองซูก็ยิ่งเกิดเหตุการณ์แบบนี้ได้ทั่วไป
ณ เมืองซู ประตูสู่คฤหาสน์ซูถูกเปิดตลอดทั้งวัน มันไม่ปิดเป็นเวลาสิบปี
หวังหลินนั่งอยู่ในลานกว้าง ดื่มสุราดอกบัวพลางมองเหล่าบัณฑิตเบื้องหน้านับร้อยคน สี่เดือนมาแล้วที่เขาประกาศว่าจะสั่งสอน มีคนมาที่คฤหาสน์รวมๆ แล้วมากกว่าพันคน
วันนี้มีคนมาอีกหนึ่งร้อยทำให้เต็มไปทั่วลาน บางคนยืนอยู่นอกประตู และกระทั่งไกลออกไปมีรถม้านับไม่ถ้วนที่มีชายชรานั่งอยู่ข้างใน
ยิ่งเวลาผ่านไปยิ่งมีบัณฑิตเข้ามาที่แคว้นจ้าวมากขึ้นและมุ่งหน้ามาที่เมืองซู
“ข้าชื่อตงหยุน ข้าเป็นผู้เข้าสอบรุ่นเดียวกับท่าน ตอนนี้ข้ารับราชการในวังและมีคำถามที่อยากจะให้ท่านช่วยตอบ” ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งยืนขึ้นมาจากพื้น เขายืนตรงพลางเปล่งกลิ่นอายแห่งความภาคภูมิ
“ข้าไม่เข้าใจความหมายของการเปลี่ยนแปลงในสี่ฤดู ข้าหวังว่าท่านจะบอกข้าได้” ชายวัยกลางคนมองหวังหลินและคำนับฝ่ามือเล็กน้อย
“เจ้ากำเนิดขึ้นในฤดูใบไม้ผลิ เติบโตขึ้นในฤดูร้อน แก่ชราในฤดูใบไม้ร่วง และ ตายในฤดูหนาว เจ้าถามข้าเรื่องฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว แต่ในสายตาข้า เจ้ากำลังแก่และตายจากความเจ็บป่วย!” หวังหลินดื่มสุราไปหนึ่งอึก
ชายวัยกลางคนตกตะลึงกับคำตอบของหวังหลินและถามด้วยความงุนงง “เช่นนั้นทำไมถึงมีคนแก่ชราและตายจากความเจ็บป่วย?”
หวังหลินกล่าวตอบอย่างสบายๆ “เพราะเจ้ายังมีชีวิต”
ชายวัยกลางคนตกตะลึงอยู่สักพัก แต่ในสายตายังคงสับสน เขาไม่เข้าใจ
“ตอนที่เจ้าตาย เจ้าจะคิดถึงเรื่องราวตั้งแต่เกิดจนถึงตาย กระบวนการนี้ไม่สามารถหลุดพ้นจากสี่ฤดูนี้ไปได้ ส่งแขก!” หวังหลินสะบัดแขนเสื้อให้คนรับให้มาถึง คนรับใช้นำพาบัณฑิตวัยกลางคนที่ยังคงตะลึงงันคล้ายจะเข้าใจบางอย่างให้ออกไป
“ข้าอยากจะถามท่านสักอย่าง ข้าเป็นบัณฑิตที่มีพรสวรรค์อันยิ่งใหญ่ ตอนที่ข้าพบเจอผู้คนในบ้านเกิดของข้า ไม่มีใครสามารถเอาชนะข้าได้ แต่ทำไมอีกสามสิบปีถึงมีคนที่สำเร็จขณะที่ข้าไม่มีอะไรเลย?” ชายชราผู้เต็มไปด้วยความสงสัยได้คำนับฝ่ามือมาให้หวังหลิน
“แคว้นจ้าวมีภูเขาที่ทั้งยอดสูงและเตี้ย ภูเขาสูงอาจจะไม่ได้สูงจริงๆ และภูเขาเตี้ยอาจจะมีสายวิญญาณอยู่ด้วย เจ้าแค่เพียงเทียบความสูงของภูเขา ทำไมถึงไม่เห็น พวกมันเป็นภูเขาแทนเล่า? ส่งแขก!”
ผู้คนรอบด้านตกอยู่ในความวุ่นวาย เหล่าบัณฑิตนับไม่ถ้วนตกตะลึงและเริ่มคิด
ชายหนุ่มผู้หนึ่งไม่สามารถแย่งเข้าไปในลานได้ เขาจึงร้องตะโกนออกมา “ข้าอยากถามท่านว่าทำไมถึงมีฝนตกในโลกนี้ และฝนคือสิ่งใด?”
“เป็นคำถามที่ดี!” หวังหลินยืนขึ้นและปีนขึ้นบันไดไปด้วยขวดสุราในมือ จนกระทั่งขึ้นไปถึงยอด มองผู้คนด้านล่างที่มีคำถามเกี่ยวกับเขา ตอนนี้มีผู้คนอยู่ที่นี่จำนวนมาก และพอมองออกไปไกลเขายิ่งเห็นผู้คนกำลังเข้ามา
ทั้งเมืองดูเหมือนกำลังเคลื่อนไหว บัณฑิตแทบทั้งหมดในเมืองข้างๆ นั้นได้ถามคำถามเขาไปแล้ววันนี้ สายตาของหวังหลินตกลงบนเหลาอาหารร้านหนึ่งไกลๆ เขามองเห็นชายวัยกลางคนที่กำลังนั่งอยู่ในร้านนั้น
คนผู้นี้สวมชุดคลุมราคาแพงและเปล่งสัมผัสแห่งอำนาจไร้ความโกรธเกรี้ยว เขามีคนคุ้มกันด้านหลังหลายคนและมองไปที่คฤหาสน์ซูอย่างเย็นชา สายตาจับจ้องไปที่หวังหลินที่กำลังยืนอยู่บนขั้นบันไดสูงๆ
พอมองหวังหลิน แววตาของชายวัยกลางคนจึงมืดมัว เขามองหวังหลินจึงรู้สึกเหมือนกำลังมองซูต้าวในอดีต
ด้านข้างเขาเป็นผู้เยาว์สองคนสวมชุดคลุมเต๋า ทั้งสองคนหลับตาและมีท่าทีสงบนิ่ง
“ซูต้าวตาย เขาก็จะตายไปเช่นกัน แคว้นจ้าวไม่จำเป็นต้องมีมหาบัณฑิต! อย่างไรเสียเขาไม่สามารถตายด้วยน้ำมือคนทั่วไปแบบเรา ข้าสงสัยว่าท่านเซียนสองคนจะช่วยเราได้หรือไม่ ข้าจะตอบสนองความต้องการของท่านให้ดีที่สุด”
หนึ่งในชายหนุ่มคนนั้นเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีโอหัง “แค่คนธรรมดา เจ้าอยากให้เขาตาย เช่นนั้นเขาก็จะตาย”
หวังหลินดื่มสุราไปหนึ่งอีกและเผยท่าทีเรียบง่าย เขามองชายหนุ่มผู้ตั้งคำถาม
“ข้าได้ยินบางอย่างในความฝันของข้า ข้าจะมอบมันให้กับเจ้าก็แล้วกัน สายฝนถือกำเนิดในท้องฟ้าและตกตายบนพื้นปฐพี กระบวนการที่อยู่ตรงกลางคือชีวิต!”
ขณะที่เขาพูดออกไป ความโกลาหลยิ่งทวีคูณ แม้กระทั่งคนด้านนอกก็ยังได้ยิน ชายชราส่วนใหญ่ในรถม้าด้านนอกถึงกับคล้อยตาม มีส่วนน้อยที่ลุกขึ้นเงียบๆ คำนับฝ่ามือให้หวังหลินก่อนจะเรียกคนรับใช้ให้จากไป
เพียงแค่ประโยคนี้ประโยคเดียวก็ทำให้พวกเขารู้ว่าตำแหน่งมหาบัณฑิตไม่ใช่เรื่องเหลวไหล!
“ข้าได้ยินว่าท่านติดตามซูต้าวมากกว่าสิบปีและเป็นคนที่มีความรอบรู้กว้างขวาง ข้าอยากจะถามว่า ทำไมถึงมีเหล่าเซียนในโลกนี้และทำไมเราถึงเป็นแค่มดแมลง ต่อหน้าพวกเขา?” เสียงชราหนึ่งดังออกมาจากลาน คนรอบๆ เคลื่อนตัวออกให้ ชายชราคนหนึ่งก้าวเดินออกมาข้างหน้า
เห็นได้ชัดว่าชายชราคนนี้มีชื่อเสียงมากมาย หวังหลินไม่รู้จักเขาแต่หลายคนที่นี่รู้จัก ทั้งหมดต่างก็เคารพเขากันทั้งนั้น
“เหล่าเซียนมีพลังอำนาจ และพลังก็ผสมผสานเข้ากับจิตใจของแต่ละคน ทำให้จิตใจเพิ่มพูนขึ้นไร้ขีดจำกัดจนมองเห็นคนธรรมดาเป็นแค่มดแมลง แต่หากท่าน เปิดความคิดให้เข้าใจโลกและเข้าใจความจริง ท่านก็จะเห็นเหล่าเซียนเป็นเซียนที่ ไร้ความกลัว แต่หากท่านมองเหล่าเซียนราวกับพวกเขาเป็นมดแมลงบ้างเล่า?” หวังหลินดื่มสุราและเริ่มหัวเราะ
ร่างกายของชายชราสั่นเทา หลังจากพึมพำไปชั่วขณะ เขาโค้งให้กับหวังหลินและจากไปโดยมีคนรับใช้ช่วยเหลือ
ขณะที่บัณฑิตตั้งคำถาม หวังหลินดื่มสุราดอกบัวไปเรื่อยๆ และหัวเราะไปตอบคำถามไป เหล่าบัณฑิตคำนับฝ่ามือให้เขามากขึ้นเรื่อยๆ บางคนมองหวังหลินด้วยความเคารพอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
แม้จะมีคนจำนวนมากจากไป แต่มีคนอีกมากมายเข้ามาหา
“ท่านคิดเช่นไรเรื่องที่มีคำเก่าแก่บอกว่า ‘คำพูดโบราณมีก้อนเมฆ’ เอ่อร์เกินได้ยินตั้งแต่เริ่มเพลง…” ก่อนที่บัณฑิตจะกล่าวจบ หวังหลินขัดเขาขึ้นเสียก่อน
“ข้าลืมเรื่องคำเก่าแก่ไปแล้วและเข้าใจความจริงแท้ของโลกด้วยความคิดของตัวเอง ข้าไม่สนเรื่องแบบนั้น อย่าถามอีก!”
“ท่าน บัณฑิตซูได้ค้นหาความหมายของเวรกรรมมาตลอดทั้งชีวิต และเป็นสิ่งที่เหล่าบัณฑิตค้นคว้าไปหลายพันปีแต่ก็ไม่มีใครรู้ ข้าอยากจะถามว่าท่านเข้าใจมันหรือไม่และท่านสามารถอธิบายให้ข้าเข้าใจได้ด้วยจะยิ่งดี!”
“เวรกรรมก็คือ เวรกรรม ไม่จำเป็นต้องเข้าใจมัน มันรับรู้ด้วยประสบการณ์เท่านั้น ไม่มีสิ่งใดต้องอธิบาย หากเจ้าเข้าใจก็จะเข้าใจ หากเจ้าไม่เข้าใจก็จะไม่เข้าใจ ข้ายืนอธิบายอยู่ที่นี่สิบปีเจ้าก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี!” หวังหลินมองขึ้นไปตอนที่ดื่มสุราหมดและโยนขวดไปข้างๆ
“ต้าฝู นำสุรามาอีก!”
แทนที่จะปวดใจ ต้าฝูรู้สึกภูมิใจมาก เขารีบนำสุราออกมายื่นให้หวังหลิน
“ข้าอยากถามบัณฑิตหวัง ก่อนหน้านี้ท่านพูดว่าหากเปิดความคิดออกไป ไม่จำเป็นต้องกลัวเซียนและสามารถมองเซียนเป็นดั่งมดแมลง เช่นนั้นท่านทำได้หรือไม่?” คนพูดเป็นชายชราท่าทีมืดมน เขาจ้องหวังหลินมาจากภายในฝูงชนและเอ่ยเสียงแหบพร่าดังกึกก้อง
หวังหลินรู้จักคนผู้นี้ เขาคือศิษย์คนแรกของซูต้าว นามว่าซูยี่ ผู้มีชื่อเสียงอยู่แล้วในราชสำนัก
“ทำไมข้าจะทำไม่ได้?” หวังหลินดื่มและหัวเราะ
ไม่นานนักที่เขาพูดแบบนั้น หนึ่งในชายหนุ่มสองคนที่นั่งอยู่ถัดกับชายวัยกลางคนในเหลาอาหาร หนุ่มคนที่เอ่ยขึ้นก่อนหน้านี้พลันลืมตาขึ้นมา ร่างกายกะพริบวูบวาบ เปลี่ยนตัวเองเป็นลำแสงพุ่งใส่หวังหลิน
“เจ้ามดแมลงโอหัง ไม่เคารพเหล่าเซียนนั่นหมายถึงความตาย!” น้ำเสียงมืดหม่นเต็มไปด้วยอำนาจบารมีกึกก้อง สีหน้าเหล่าบัณฑิตทั้งหมดด้านล่างเปลี่ยนไปและคุกเข่าด้วยความหวาดกลัว
“เซียน!”
“เป็นเซียนจริงๆ!”
“หวังหลินไม่เคารพเหล่าเซียน ตอนนี้เซียนจึงมาที่นี่เพื่อลงโทษเขา เขาสมควรได้รับมันแล้ว!”
ลำแสงเข้ามาใกล้ แสงกระบี่เย็นวาบ ชายหนุ่มในชุดคลุมถือกระบี่ด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม เขามองไปรอบๆ และจากนั้นเข้าประชิดหวังหลินในทันที
วินาทีที่ชายหนุ่มชุดเต๋าเข้ามาใกล้ หวังหลินร้องคำรามไร้ความหวาดกลัว
“เจ้ากล้า?!” หลังเอ่ยเช่นนั้น กลิ่นอายทรงพลังระเบิดออกมาจากร่างและเผยแรงกดดันที่มองไม่เห็นปกคลุมทั้งโลก สรวงสวรรค์สั่นสะเทือน ประกายสายฟ้าและ แสงไฟนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นมา ก่อนหน้านี้โลกสงบนิ่ง แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปในพริบตา!
การเปลี่ยนแปลงฉับพลันนี้ทำให้สีหน้าเหล่าบัณฑิตที่คุกเข่าทั้งหมดต้องเปลี่ยนไป ซึ่งทำให้สีหน้าท่าทางของชายวัยกลางคนในเหลาอาหารถึงกับหน้าซีดในทันที
“เป็นไปไม่ได้!!” ชายหนุ่มชุดเต๋าอีกคนพลันลืมตาขึ้น แววตาหวาดกลัวและ ไม่เชื่อสายตาตัวเอง