1632. ทัณฑ์สวรรค์ตัวเอง
“ข้าคือเจ้า” ชายหนุ่มผมขาวมองหวังหลินพร้อมกับเผยรอยยิ้มยากจะเข้าใจ
“ไม่จำเป็นต้องแกล้งทำเป็นเรื่องลึกลับ!” หวังหลินพ่นลมหายใจและเคลื่อนร่างดุจอุกกาบาต เขาเมินเฉยชายหนุ่มผมขาว ทะยานร่างผ่านแผ่นดินอันกว้างใหญ่และประหลาดแห่งนี้
ทว่าหลังจากทะยานไปไม่ถึงพันฟุต หวังหลินดวงตาส่องสว่างและหยุดลง มองตรงไปข้างหน้าและสะบัดแขน
ระลอกคลื่นปรากฏขึ้นด้านหน้า เผยให้เห็นม่านพลังคล้ายม่านวารี
ม่านพลังนี้มีพลังเทพอันทรงพลัง มันสลายการโจมตีของหวังหลินและสร้างพลังสะท้อน ระลอกคลื่นที่มองไม่เห็นจึงพุ่งเข้าใส่ร่างหวังหลินจากทุกทิศทาง
“เจ้ามิอาจเข้าไปข้างในได้” ชายหนุ่มผมขาวซึ่งอยู่ในม่านวารี พลันส่ายศีรษะ
“เจ้าอยากรู้ว่าทัณฑ์สวรรค์คืออะไร เจ้าอยากรู้จักต้นกำเนิดของทัณฑ์สวรรค์ จงเอาชนะข้าและเจ้าจะได้รู้ทุกสิ่งทุกอย่าง…ไม่ต้องประหลาดใจที่ข้ารู้ว่าเจ้าคิดอะไร เพราะข้าคือเจ้า” ชายหนุ่มผมขาวก้าวไปข้างหน้า เรือนผมสีขาวสะบัดพลิ้ว
ชายหนุ่มผมขาวยิ้มและเอ่ยขึ้นเบาๆ “ตลอดหลายชั่วอายุคน เจ้าไม่ใช่เซียนฝืนลิขิตฟ้าคนแรกที่บรรลุขั้นที่สาม แต่ไม่มีใครรอดจากทัณฑ์สวรรค์นี้ไปได้…ข้าอยากเห็นว่าเจ้าจะทำได้ตามที่ต้องการหรือไม่”
ชายหนุ่มผมขาวก้าวออกมาจากม่านวารี ยกแขนขวาและชี้ใส่หวังหลิน
“เจ้ากล้าหรือไม่?”
แววตาหวังหลินกะพริบเย็นเยียบ เขาพุ่งเข้าไปหาโดยไม่เสียเวลาหรือพูดจาไร้สาระ ยกแขนขวาขึ้นและเข้าประชิดชายหนุ่มผมขาว
‘ทัณฑ์สวรรค์ตัวเอง…น่าสนใจ’
ชายหนุ่มผมขาวยังคงสงบนิ่ง ก้าวไปหาหวังหลินและยกแขนขวาขึ้นมาเช่นกัน ฉากเหตุการณ์นี้ประหลาดยิ่ง หากคนนอกได้เห็นคงจะตกตะลึง
ทั้งสองคนดูเหมือนกันไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตาหรือเสื้อผ้า ทั้งวิชาก็ยังเหมือนกัน เคลื่อนร่างดุจอุกกาบาตเข้าใส่กัน
พริบตาเดียวทั้งสองก็เข้าประชิด หวังหลินแววตาเผยจิตสังหาร ฝ่ามือขวาปะทะเข้ากับฝ่ามือขวาของชายหนุ่มผมขาว
เสียงดังลั่นสั่นสะเทือนแผ่นดินจนดูราวกับโลกทั้งใบกำลังแตกสลาย เสียงคำรามอึกทึกกึกก้องและคงอยู่ไปสักพัก
หวังหลินและชายหนุ่มผมขาวได้ทำแบบเดียวกัน วินาทีที่ฝ่ามือเข้าสัมผัส ดัชนีงองุ้มในเวลาเดียวกันอีก
พายุทรงพลังปะทุออกมาตรงกลางทั้งสองจนทำให้ทั้งเรือนผมและเสื้อผ้าสะบัดพลิ้ว ตอนนี้แม้กระทั่งสายตาของทั้งคู่ยังเต็มไปด้วยจิตสังหารเหมือนกัน
ราวกับทั้งสองกำลังกำหมัดและแยกแก่นแท้ของอีกฝ่าย ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นใน เสี้ยววินาที
ทั้งสองกำหมัดและดึงไปด้านหลัง ชายหนุ่มผมขาวกระอักโลหิตทันที ร่างกายกระเด็นกลับไปพร้อมกับโลหิตไหลออกมาจากทวารทั้งเก้า อักขระเพลิงปรากฏขึ้นในตาซ้าย อักขระสายฟ้าปรากฏในตาขวา แม้กระทั่งแก่นแท้เวรกรรม ชีวิตและความตาย และจริงเท็จก็ยังลอยออกมาจากทวารเหมือนควัน พวกมันเปลี่ยนกลายเป็นก้อนแห่งความยุ่งเหยิงและถูกกุมอยู่ในมือหวังหลิน
ทางด้านหวังหลินก็กระอักโลหิตเช่นกัน แก่นแท้ของเขาเองก็อยู่ในมืออีกฝ่าย
ทั้งคู่ถอยกลับไปพันฟุต ไม่มีอะไรต่างกันเลย!
ขณะถอยไป ทั้งสองยังคิดเหมือนกันโดยการใช้แก่นแท้ที่แยกออกมาจากอีกฝ่ายเพื่อใช้ประทับเวรกรรม
“ไม่จำเป็นต้องยืนยัน เจ้าคิดเหมือนที่ข้าคิด วิชาของเจ้าคือวิชาของข้า ข้าคือเจ้า! เจ้าต้องการทดสอบวิชาของข้าด้วยวิชาของเจ้า ซึ่งอาจจะใช้กับคนอื่นได้แต่ใช้กับข้ามันไร้ประโยชน์!” ชายหนุ่มผมขาวยิ้มประหลาดใส่หวังหลินและปาดโลหิตออกจาก มุมปาก
“หากเจ้ายังไม่เชื่อข้า ข้าจะช่วยให้เจ้าเชื่อ” ขณะเอ่ยปากจึงพุ่งไปหาหวังหลิน
แขนซ้ายยกขึ้นไปในอากาศโดยมีควันสีขาวล้อมรอบ แขนขวายกขึ้นให้ควันสีดำดุจน้ำหมึกล้อมรอบ ชายหนุ่มผมขาวเข้าประชิดหวังหลินและกดฝ่ามือลง
“ผนึกแห่งชีวิตและความตาย!”
กลิ่นอายแห่งชีวิตและความตายอันทรงพลังได้ปะทุออกมาจากร่างชายหนุ่มผมขาว แขนซ้ายบรรจุชีวิตเป็นดั่งฟ้าดิน แขนขวาบรรจุความตายราวกับควบคุมโชคชะตาของทุกอย่างได้!
แขนซ้ายที่มีควันสีขาวพุ่งเข้าไปใกล้หวังหลิน ควันสีขาวนี้คือพลังแห่งชีวิตซึ่งปกติไม่สามารถทำอันตรายใดได้ แต่หวังหลินกลับรู้ว่ามันคือส่วนหนึ่งของผนึกแห่งชีวิตและความตาย เมื่อเข้าไปในร่างแล้ว ความตายที่จะมาถึงในอีกไม่นานจะทำให้ผนึกสมบูรณ์แบบ
หวังหลินมีสีหน้ามืดมน พ่นลมหายใจเย็นและยกแขนซ้ายขึ้น มันเต็มไปด้วยพลังแห่งชีวิตที่เปลี่ยนกลายเป็นสายหมอก แขนซ้ายแทงทะลุสายหมอกและปะทะเข้ากับแขนซ้ายของอีกฝ่าย
สองแขนสั่นเทาพร้อมกับเกิดเสียงดังปัง พลังชีวิตของทั้งคู่เข้าสู่ร่างกายของอีกฝ่าย ขัดขวางการไหลเวียนภายใน ทั้งคู่กระอักโลหิตแต่ไม่ล่าถอย ทว่ากลับยกแขนขวาขึ้นปะทะกันอีกครั้ง
ก่อนที่ทั้งสองจะกระเด็นถอยไป พลันเกิดเสียงดังสนั่นและกระอักโลหิต ทว่าพอถอยออกมาต่างก็ร้องคำรามในเวลาเดียวกัน
“ผนึกแห่งชีวิตและความตาย!”
“ผนึกแห่งชีวิตและความตาย!”
หวังหลินร่อนลงบนพื้นและถูกผลักกลับไปทีละก้าว ทุกก้าวทำให้พื้นดินสั่นไหวจนถอยไปได้ร้อยก้าวจึงหยุดลงพร้อมกับหน้าซีดเผือด
ร่างกายเขาปั่นป่วนเนื่องจากผนึกแห่งชีวิตและความตายระเบิดออกมา หากไม่ใช่เพราะเขารู้แจ้งแก่นแท้แห่งชีวิตและความตาย เขาคงบาดเจ็บสาหัสไปแล้ว
ชายหนุ่มผมขาวเองก็ล่าถอยไปเช่นกัน ร่างกายกระแทกใส่ม่านวารี เขาทะลุผ่านไปและโผล่ด้านบนรูปปั้นปีศาจโบราณตนหนึ่ง ชายหนุ่มผมขาวกระแทกใส่จนเกิดเป็นรอยแตกร้าวทั่วรูปปั้นทันที
รูปปั้นพังทลายและสลายแรงผลักไป ชายหนุ่มผมขาวมีโลหิตไหลออกจากปาก แต่เขาก็ยังเผยรอยยิ้มประหลาด
“อะไรก็ตาม! จะประทับเวรกรรม ผนึกแห่งชีวิตและความตาย วิชาทั้งหมดที่เจ้ารู้ ข้าเองก็รู้!! เจ้าจะสังหารข้าได้อย่างไร? เจ้าจะสังหารข้าด้วยอะไร?” ชายหนุ่มผมขาวเผยรอยยิ้มกว้างจนเริ่มหัวเราะ
ทั้งสองคนถูกแบ่งออกจากกันด้วยม่านวารี หวังหลินจ้องอีกฝ่ายในม่านพลังด้วยสีหน้ามืดมน เขาหลับตาลง
วินาทีที่เขาหลับตา สีหน้าท่าทางของชายหนุ่มผมขาวก็เปลี่ยนไปและหลับตาลงเช่นเดียวกัน
ทั้งคู่หลับตา เต๋าแห่งจริงเท็จปรากฏขึ้น ยามที่หลับตาทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเรื่องเท็จ เพียงแค่คิด เต๋าแห่งจริงเท็จจึงได้เปลี่ยนไปในทันที
ทั้งสองหลับตาในเวลาเดียวกัน ราวกับทุกอย่างในโลกนี้เป็นภาพมายาไร้ตัวตน ไม่ใช่เพราะโลกนี้เป็นภาพมายาจริงๆ แต่เพราะทั้งคู่มองทะลุมันออกผ่านแก่นแท้
นาทีนั้นหวังหลินลืมตาขึ้นมา ขณะเดียวกันอีกฝ่ายก็ลืมตาขึ้นมาด้วย แววตาทั้งคู่กะพริบเย็นเยียบ เมื่อไหร่ที่ลืมตา ทุกสิ่งทุกอย่างกลายเป็นจริงอีกครั้ง เมื่อเปลี่ยนจากเท็จเป็นจริง ก็จะมองทะลุออกทุกอย่าง
หลังจากลืมตา ทั้งคู่จึงหลับตาอีกครั้ง
วินาทีนั้นหวังหลินสะบัดแขนขวา
“ด้วยเต๋าแห่งจริงเท็จ ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเท็จตราบเท่าจิตใจข้าประสงค์ ฝุ่นกลับเป็นฝุ่น ปฐพีคืนสู่ผืนปฐพี ทุกสิ่งทุกอย่างเลือนหายไป!”
ชายหนุ่มผมขาวสะบัดแขนขวาและทำแบบเดียวกัน
ทั้งคู่ใช้เต๋าแห่งจริงเท็จเพื่อสลายทุกสิ่งอย่าง หากใช้เพียงคนเดียว วิชานี้จะทรงพลังยิ่งยวด แต่ตอนนี้ทั้งคู่กลับทำแบบเดียวกัน ทั้งสองสั่นเทา กระอักโลหิตและกระเด็นถอยหลัง
ทว่าหลังจากถอยไปได้เพียงแค่สามก้าว หวังหลินหยุดชะงักและฟื้นคืนพลังในร่างกาย เขาพุ่งใส่ชายหนุ่มผมขาว
การเคลื่อนไหวของชายหนุ่มผมขาวเหมือนกับหวังหลินและพุ่งเข้าไปหา
ทั้งคู่เข้าใกล้กันเรื่อยๆ มาถึงตรงกลางพื้นที่ด้านนอกม่านพลัง ทั้งคู่ยกแขนขวาขึ้น ชี้ใส่กันและกันแล้วตะโกนออกมา
“วิชายับยั้ง!”
“วิชายับยั้ง!”
หลังจากหวังหลินเอ่ยขึ้นและชี้นิ้ว ดัชนีของชายหนุ่มผมขาวชี้ใส่เขา ทั้งคู่ตัวสั่นเทา
วิชายับยั้งไม่เพียงแค่หยุดร่างกาย ยังรวมถึงวิญญาณดั้งเดิมและทุกสิ่งทุกอย่างก็จะหยุดไปด้วย ซึ่งรวมถึงกาลไหลของเวลา วินาทีนี้ทั้งหวังหลินและชายหนุ่มผมขาวต่างก็แข็งค้างอยู่ที่เดิม!
ภายใต้ผลของวิชายับยั้ง ทั้งคู่หยุดเคลื่อนไหวและตกลงมาจากท้องฟ้า ขณะที่ตกลงมา หวังหลินเกิดข้อสรุปขึ้นในใจ
‘มันน่าจะเป็นแบบนี้…’
ทุกสิ่งทุกอย่างที่หวังหลินทำลงไปตั้งแต่ตอนที่ใช้ประทับเวรกรรมเข้าปะทะนั้น มีแรงจูงใจซ่อนเร้น แต่เขาไม่มีเวลาคิดมาก หากพยายามวิเคราะห์ ศัตรูคงจะจับสังเกตได้