Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1643

Cover Renegade Immortal 1

1643. หากเจ้าขี่หลังเสือ มันก็ลงยากแล้ว

หวังหลินก้าวเท้าเข้าประชิด เสียงคำรามของศีรษะบัญชาโบราณได้แผ่กระจายออกไปจนพื้นดินพังทลายอีกครั้ง ก้อนเมฆแตกสลาย เสียงคำรามนี้กลายเป็นเสียงที่รุนแรงที่สุดในโลกนี้

คลื่นเสียงคำรามพุ่งทะลุผ่านหวังหลินไปสู่พยัคฆ์ขาวตัวใหญ่ยักษ์

พอคลื่นเสียงกระแทกใส่ พยัคฆ์ขาวเกิดการบิดเบือนและเผยสัญญาณพังทลาย มันประคองไว้ได้แต่ก็ถอยร่นเร็วขึ้น

แม้พยัคฆ์ขาวจะมีอำนาจบารมีมหาศาลแค่ไหน มันก็ยังด้อยกว่าหวังหลิน หวังหลินยกแขนขวาขึ้นมาชี้ไปข้างหน้า ศีรษะโบราณด้านหลังพุ่งทะลุผ่านร่างเขาไปและไล่ตามพยัคฆ์ขาว

มองไกลๆ ช่างเป็นฉากที่ทำให้ความคิดสั่นสะเทือนได้จริงๆ ท้องฟ้าที่กำลังพังทลายดูราวกับแบ่งออกเป็นสอง ครึ่งหนึ่งคือศีรษะบัญชาโบราณ และอีกครึ่งคือพยัคฆ์ขาว

หนึ่งร่างใหญ่ยักษ์ล่าถอย ขณะที่อีกหนึ่งทะยานเข้าหา ระยะห่างระหว่างทั้งสองสั้นลง ศีรษะโบราณเข้าประชิดใส่พยัคฆ์ขาวเพื่อคิดจะกลืนกิน

ศีรษะโบราณกับพยัคฆ์ขาวเข้าปะทะกันจนเกิดเป็นคลื่นกระแทกกระจายเป็นวงกว้าง พื้นดินแตกสลาย แม้แต่รูปปั้นบางส่วนด้านหลังสี่รูปปั้นยักษ์ก็เกิดการระเบิดไปด้วย

คลื่นกระแทกดูเหมือนกำลังทำลายทั้งแดนสวรรค์โบราณ

ด้วยพลังคลื่นกระแทก ร่างกายของพยัคฆ์ขาวจึงพังทลายและเปลี่ยนกลายเป็นละอองแสง ชายชราผมขาวกระอักโลหิตคำโต ร่างกายปลิวว่อนเข้ากระแทกใส่รูปปั้นที่เขาเคยฟื้นฟูตัวเองข้างใน

เสียงแตกร้าวดังสนั่น รอยแตกแผ่กระจายไปทั่วรูปปั้นจนดูเหมือนพังทลายได้ทุกเมื่อ

หวังหลินล่าถอยจากแรงกระแทกนี้เช่นกัน ใบหน้าซีดขาวเล็กน้อย ทว่าสายตาเย็นเยียบยิ่งกว่าเดิม

นี่คือเจตนาต่อสู้ที่รุนแรงที่สุดของหวังหลินโดยไม่ได้ใช้คันศรของลี่กวง! เขาไม่ได้ต่อสู้กับเซียนหรือคนจากดินแดนชั้นนอก เขากำลังต่อสู้กับหนึ่งในสี่ขุนพลที่อยู่ใต้อำนาจราชันย์เทพ ขุนพลพยัคฆ์ขาว!

ขุนพลพยัคฆ์ขาวมีชีวิตมายาวนาน เขาไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของดินแดนชั้นในหรือดินแดนชั้นนอก เขามาจากแผ่นดินเซียนดารา เขาคือเทพ เป็นเทพจริงๆ!

สายโลหิตของเขามีพลังเทพ ซึ่งทำให้เขารู้สึกเหนือกว่าหวังหลิน!

ถ้าไม่ใช่เพราะเขาบาดเจ็บสาหัสเมื่อครั้งสงครามและยังไม่ฟื้นฟูเต็มที่ หวังหลินคงต่อสู้ได้ยากยิ่งกว่านี้ ทว่าในการต่อสู้แลกชีวิต ไม่มีความเสมอภาค ชีวิตก็คือชีวิต ความตายก็คือความตาย!

ขณะที่หวังหลินล่าถอย ศีรษะโบราณและเหล่าเงาสามเผ่าพันธุ์โบราณจึงถอยกลับมาด้วย พวกเงาแตกสลายและเหลือเพียงศีรษะโบราณเท่านั้น มันปกคลุมเหนือท้องฟ้าแต่มันกำลังพร่ามัว

หวังหลินอยู่ในระดับขั้นวิญญาณดับสูญระดับกลาง แต่ด้วยร่างเทพโบราณและวิชาที่มีจึงสามารถต่อสู้กับเซียนขั้นแก่นแท้ดับสูญระดับต้นได้ แม้ระดับบ่มเพาะของอีกฝ่ายจะเหนือกว่าระดับต้นไปอีก เขาก็ยังสามารถเอาคันศรของลี่กวงออกมาได้ พลังของหนึ่งเกาทัณฑ์นั้นมากพอสั่นสะเทือนโลกใบนี้ได้ทีเดียว!

ร่างชายชราพยัคฆ์ขาวถูกกระแทกเข้าไปในรูปปั้น ถึงจะสีหน้าท่าทางดุดันแต่ แววตาหวาดกลัวฝังลึก อย่างไรเสียความหวาดกลัวนี้ก็ไม่มากพอให้ต้องยอมแพ้

เขาคือขุนพลพยัคฆ์ขาว มาจากแผ่นดินเซียนดารา หนึ่งในสี่ขุนพลภายใต้อำนาจราชันย์เทพสีรุ้ง!

เขาพบเจอการรบมานับครั้งไม่ถ้วน รู้เห็นการเปลี่ยนแปลงในโลกแห่งถ้ำ เขามีความเย่อหยิ่งและไม่ยอมให้มดแมลงชั้นต่ำเอาชนะเขาได้

แม้เจ้ามดแมลงชั้นต่ำนี้จะทำให้เขารู้สึกหวาดกลัว เขาก็ระงับความหวาดกลัวนั้นเอาไว้

“เต๋าพยัคฆ์ขาวทิศประจิม ด้วยอำนาจเจ็ดดาราแห่งสวรรค์ มรดกพยัคฆ์ขาวของข้าจงควบแน่นพลังทั้งหมดเพื่อสร้างสุดยอดวิชาแห่งเผ่าพยัคฆ์ขาว!”

“ผนึกคนผู้นี้ แสดงให้มันเห็นว่าเมื่อเจ้าขี่บนหลังเสือ มันก็ลงยากแล้ว” ชายชราพยัคฆ์ขาวร้องคำราม จากนั้นประทับฝ่ามือใส่รูปปั้น ทะยานออกมาและสร้างผนึก อีกครั้ง ดวงตาเปล่งแสงเจิดจ้าและชี้มาที่หวังหลิน

ละอองแสงนับไม่ถ้วนจากพยัคฆ์ขาวปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง พวกมันรวมเข้าหาหวังหลินด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ

พริบตาเดียวแสงสีขาวจึงก่อเกิดเป็นพยัคฆ์ขาวอยู่ข้างใต้หวังหลิน มองไกลๆ ราวกับหวังหลินกำลังยืนอยู่บนพยัคฆ์

แรงกดดันทรงพลังแผ่กระจายออกมาจากพยัคฆ์ขาว พื้นที่ว่างรอบหวังหลินดูเหมือนโดนผนึก แรงกดดันรุนแรงจนเกิดเป็นผนึกอันแข็งแกร่ง

ผนึกนี้กำลังเข้าบังคับหวังหลิน มันมองไม่เห็นแต่หวังหลินสัมผัสได้ชัดเจน สีหน้าท่าทางจริงจังขึ้นทันที ผนึกรอบตัวเขาทำให้รู้สึกเหมือนตกอยู่ในบึงโคลน ทั้งยังหายใจหนักหน่วง

ร่างหวังหลินส่งเสียงปะทุ พลังผนึกจากพยัคฆ์ขาวด้านล่างกำลังป้องกันไม่ให้เขาออกไปไหนได้ ขณะที่เวลาผ่านไปเรื่อยๆ แรงกดดันจากผนึกก็เพิ่มขึ้นราวกับมีมือขนาดยักษ์กำลังจับหวังหลินลงไป ร่างเขาลงไปใกล้เจ้าพยัคฆ์ขาวมากขึ้นจนยืนอยู่บนหลังมันและไม่สามารถขยับได้เลยแม้แต่นิ้วเดียว

พยัคฆ์ขาวร้องคำราม เส้นขนทั้งหมดบนร่างตั้งชูชัน ขนของมันคมกริบราวกับใบมีดและส่องแสงสีขาวแพรวพราวออกมา เหล่าอักขระนับไม่ถ้วนกะพริบอยู่บนร่างมันด้วย

อักขระเหล่านี้เสมือนผนึก เจ้าพยัคฆ์ขาวจึงกลายเป็นผนึกที่มีชีวิต ขณะที่อักขระโผล่ออกมามากขึ้น ร่างเจ้าพยัคฆ์ขาวจึงเปลี่ยนกลายเป็นวังวนยักษ์สีขาว

ข้างในวังวนมีอักขระมากมายและส่งเกิดเสียงดังสนั่น หากดูอย่างละเอียดมันไม่ใช่วังวนเลย มันคือเจ้าพยัคฆ์ขาวที่กำลังวิ่งเป็นวงกลมด้านล่างหวังหลินอย่างรวดเร็วจนดูเหมือนเป็นวังวน

วังวนมีพลังดึงดูดรุนแรงและมีพลังผนึกกดทับลงไป หวังหลินจึงไม่สามารถก้าวออกไปด้านนอกได้ ราวกับมนุษย์กำลังขี่หลังเสือ และไม่สามารถลงไปจากหลังมันได้เลย

นี่คือวิชาของขุนพลพยัคฆ์ขาว หากขี่หลังเสือ ก็ลงได้ยากแล้ว มันคือวิชาและ เป็นผนึกด้วย!

“จิตวิญญาณพยัคฆ์ขาว นำวิญญาณของมันมาและจองจำไว้ใต้ถ้ำ จองจำไว้ใต้ภูเขาเจ็ดเต๋าแห่งแผ่นดินเซียนดารา!” ชายชราพยัคฆ์ขาวสะบัดแขนและส่งเสียงคำรามรุนแรง

ขณะที่เอ่ยเสียงดังลั่น เจ้าพยัคฆ์ร้องคำรามออกมาจากวังวน พยัคฆ์ดุร้ายขนาดหลายร้อยฟุตโผล่ออกมา

เจ้าพยัคฆ์ขาวตัวนี้คือจิตวิญญาณพยัคฆ์ขาว ราวกับเป็นวิญญาณดั้งเดิมของเซียน!

พอพุ่งออกมาจากวังวน มันบิดเบี้ยวไปเรื่อยๆ พลังอำนาจรุนแรงขึ้นพร้อมกับพุ่งไปใส่หวังหลิน มันไม่ได้กลืนกินหวังหลินตรงๆ แต่พัวพันราวกับอสรพิษ มันอ้าปากเข้าหาศีรษะหวังหลินและกำลังจะดึงหวังหลินเข้าไปในวังวนด้านล่าง

หากหวังหลินถูกดึงลงไป เขาคงจะถูกจองจำไว้ในส่วนที่ต่ำที่สุดของถ้ำจนกว่าจะตาย!

หวังหลินไม่เคยเห็นวิชานี้ของชายชราพยัคฆ์ขาวมาก่อน มันเป็นวิชาที่ไม่ได้อยู่ในโลกนี้ มันมาจากแผ่นดินเซียนดารา หวังหลินมีสีหน้ามืดมน ขณะที่ปากเจ้าพยัคฆ์ขาวกำลังปิด หวังหลินยกแขนซ้ายและกดเข้าใส่ปากมัน

“เป็นวิชาที่ดี! วันนี้ข้าจะไม่ลงจากเสือ ในเมื่อเจ้าอยากจองจำข้า เช่นนั้นมาดูกันว่าเจ้าพยัคฆ์จะบังคับข้าหรือข้าจะบังคับมัน!” หวังหลินดวงตาส่องสว่างแต่ไม่ได้ใช้วิชาอันใด เขาเพียงแค่หลับตาและเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง กลิ่นอายพลันเปลี่ยนไป กลิ่นอายของมหาบัณฑิตแผ่กระจายออกมาจากร่างกาย

นาทีนี้เขาไม่ใช่เซียนแต่เป็นมหาบัณฑิต! เขาคือมหาบัณฑิตผู้รู้แจ้งความจริงเกี่ยวกับสวรรค์และเรียนรู้ว่าโลกนี้เป็นเพียงแค่ถ้ำ

ด้วยกลิ่นอายมหาบัณฑิตนี้ หวังหลินจึงไม่กลัวสิ่งใด แววตาสงบนิ่งแต่เปล่ง พลังแข็งแกร่ง เขาหันศีรษะไปมองจิตวิญญาณพยัคฆ์ กลิ่นอายของเข้าพุ่งเข้าโจมตี จิตวิญญาณพยัคฆ์ในทันที

จิตวิญญาณพยัคฆ์ตัวนี้ไม่ใช่อสูรเทพที่สร้างขึ้นจากวิชา แต่เป็นพยัคฆ์ธรรมดา

“เจ้ากล้ากลืนกินข้างั้นหรือ?” หวังหลินเอ่ยปากช้าๆ และจากนั้นลืมตาขึ้นมาจ้องมองจิตวิญญาณพยัคฆ์ ปลดปล่อยแรงกดดันไร้ความโกรธเกรี้ยว เขามีกลิ่นอายของมหาบัณฑิตผู้ที่ไม่กลัวแม้แต่สวรรค์ เช่นนั้นเขาจะกลัวพยัคฆ์น้อยนี้ได้อย่างไร?

จิตวิญญาณพยัคฆ์ที่โอบรัดเขาถึงกับสั่นเทา แววตาเกิดความหวาดกลัว กระแสความคิดที่มิอาจควบคุมได้หลายอย่างพุ่งผ่านเข้าไปในจิตใจของมัน ราวกับมันได้ผ่านการเกิดใหม่หลายครั้ง มันเห็นบรรพชนพยัคฆ์ขาวของมันกำลังคุกเข่าและเทิดทูนสวรรค์บนแผ่นดินเซียนดารา

มันไม่รู้ว่าความคิดแบบนี้ผุดขึ้นมาในใจได้อย่างไร แต่มันรู้สึกหวาดกลัวออกมาจากวิญญาณ!

เพียงแค่หวังหลินเอ่ยปาก ดูราวกับเขาเปลี่ยนกลายเป็นสวรรค์และบังคับกดขี่ จิตวิญญาณพยัคฆ์ แรงกดดันนี้มีความรู้แจ้งทั้งหมดของหวังหลิน สามแก่นแท้นามธรรมและอำนาจไร้ขอบเขต!

จิตวิญญาณพยัคฆ์ถึงกับสะอึกและปล่อยร่างหวังหลินไป จากนั้นมันถอยร่นและก้มศีรษะให้หวังหลิน ชายชราพยัคฆ์ขาวถึงกับมองด้วยสายตาไม่เชื่อ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version