1654. ลูกสาวของฉิงชุ่ย
‘เขาจะไม่ตายง่ายเช่นนั้น…อนาคตที่ข้าพยากรณ์เอาไว้จะเป็นจริง…หรือเท็จ…’ ยิ่งเวลาผ่านไปหยุนลั่วเริ่มกังวลรุนแรงขึ้น
นางไม่มีวันลืมฉากเหตุการณ์ในอดีต ในระหว่างการพยากรณ์ของนาง ได้เห็นแผ่นหลังของร่างที่เข้าทำลายดาราจักรโบราณ
ตอนนี้นางทำได้แค่ระงับความกังวลไว้ในใจ ยกมือเนียนละเอียดดุจหินหยกขึ้นมาและพุ่งไปข้างหน้าพร้อมเซียนรอบด้าน
กองทัพดินแดนชั้นนอกโจมตีมาจากแปดทิศทางเหมือนคมกระบี่แปดเล่มพุ่งใส่ค่ายกลดาวเคราะห์
เสียงดังสนั่นกึกก้องคับฟ้า ไม่นานหลังจากนั้นคลื่นกระแทกมหึมาแผ่กระจาย เหล่าเซียนขั้นแก่นแท้ดับสูญที่กำลังสังเกตการณ์พลันสะบัดแขนเพื่อสลายคลื่นกระแทกเพื่อไม่ให้ไปกระทบกับเซียนฝั่งตัวเองที่กำลังโจมตี
มู่ปิงเหมยยืนอยู่บนดาวเคราะห์ดวงหนึ่งร่วมกับเซียนสำนักเทพเจ้าหลายพันคนรายล้อม ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ในฐานะจ้าวสำนักเทพเจ้า มู่ปิงเหมยใช้เสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์และส่วนคำพูดของหวังหลินเพื่อรวมสำนักเทพเจ้าให้เป็นหนึ่ง จากนั้นสำนักเทพเจ้าก็ฟังคำพูดของนางมาเสมอ ใช้พลังเต็มที่เข้าต่อสู้ในสนามรบของ ทะเลเมฆา จากนั้นกลับมาอัญเชิญนที กลับมาฟ้ากระจ่างและจบที่การต่อสู้ที่นี่
พวกเขาประสบกับความตายและอาการบาดเจ็บมากมาย นางเองก็เกือบตายไปสองครั้ง แต่ก็ยังมีคนของสำนักเทพเจ้าเหลืออยู่หลายพันคน
“จ้าวสำนัก โปรดไปที่กลางแท่น เราจะคุ้มกันที่นี่ให้!” ด้านข้างมู่ปิงเหมยเป็น ชายชราผมขาวมองนางด้วยสายตาโศกเศร้าและคำนับฝ่ามือให้
เซียนสำนักเทพเจ้ารอบด้านมองมาที่มู่ปิงเหมย ทั้งหมดคำนับฝ่ามือและเอ่ยคำพูดเดียวกัน!
“ท่านจ้าวสำนัก โปรดไปที่กลางแท่น เราจะคุ้มกันที่นี่ให้!”
มู่ปิงเหมยมีแววตาสงบนิ่ง นางไม่หันไปมองสมาชิกสำนักเทพเจ้าที่ติดตามนางมาตลอดการรบหลายครั้ง นางมองไปบนท้องฟ้าที่มีเซียนดินแดนชั้นนอกหลายหมื่นคนที่กำลังโจมตีใส่ค่ายกล
คั่นกลางระหว่างนางและเซียนดินแดนชั้นนอกคือม่านแสงจากค่ายกลดวงดาว ซึ่งพวกดินแดนชั้นนอกกำลังกระหน่ำโจมตี เมื่อม่านแสงพังทลาย ดาวเคราะห์เซียนจะพังพินาศไปด้วย
ท่ามกลางเซียนดินแดนชั้นนอกกลุ่มนั้นมีชายหนุ่มสวมชุดสีเขียวผู้หนึ่ง เขาดูหล่อเหลาแต่มีกลิ่นอายชั่วร้าย เขามีภูติผีเป็นสตรีสุดสวยนับไม่ถ้วนที่สร้างขึ้นจากวิชาเซียน พวกนั้นส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนและเข้าโจมตีม่านแสง
ชายหนุ่มส่งสายตาทะลุม่านแสงเข้าไปเจอมู่ปิงเหมยและยิ้มออกมา
“คนสวย ไม่ต้องกังวล อีกไม่นานม่านแสงนี้ก็จะแตก ข้าได้ยินว่าเจ้าคือสตรีของ จ้าวดินแดนปิดผนึกที่ตายไปแล้ว ข้าสนใจเป็นคู่บ่มเพาะกับเจ้ายิ่งกว่าสตรีคนอื่นเสียอีก” น้ำเสียงค่อยๆ ดังออกมาจากนอกม่านแสง แม้แต่เซียนหลายหมื่นคนที่กำลังโจมตียังไม่สามารถหยุดเสียงดังกึกก้องนี้ได้
ชายหนุ่มผู้นี้เป็นหนึ่งในเจ็ดเซียนขั้นที่สามที่มีระดับต่ำกว่าเซียนขั้นแก่นแท้ดับสูญ!
เขายกแขนขวาขึ้นมาชี้ใส่มู่ปิงเหมยข้างในดาวเคราะห์
“เจ้าเป็นของข้า!”
มู่ปิงเหมยมีสายตาสงบนิ่ง แววตาเย็นเยียบ ชายหนุ่มคนนี้มีนามว่าต้าวเฟยชาน เป็นหัวหน้าเผ่าต้าวเฟย ซึ่งเก่งด้านการบ่มเพาะเป็นคู่ นิสัยของเขาโหดเหี้ยมและ มีเซียนสำนักเทพเจ้าตายไปเพราะเขาจำนวนมาก
ต้าวเฟยซานไม่เพียงชื่นชอบสตรีแต่ยังชื่นชอบบุรุษรูปหล่อเสียด้วย มู่ปิงเหมยเผชิญกับวิกฤติความเป็นความตายสองครั้ง หนึ่งในนั้นคือการถูกต้าวเฟยซานไล่ล่า ถ้าไม่เพราะฉิงชุ่ยช่วยเหลือ นางคงหนีความอัปยศครั้งนั้นได้ยากยิ่ง
“จ้าวสำนัก!! ข้าขอร้องให้ท่านเข้าไปในกลางแท่น! ข้าไม่เชื่อว่าจ้าวดินแดนปิดผนึกจะตายไปแล้ว หากมีสิ่งใดเกิดขึ้นกับท่านและจ้าวดินแดนปิดผนึกกลับมา เรา…” เสียงนี้ดังออกมาจากชายชราผมขาวด้านข้างมู่ปิงเหมย น้ำเสียงกำลังกระวนกระวาย
“ข้าคือจ้าวสำนักเทพเจ้า!” มู่ปิงเหมยเอ่ยเสียงเบา คำพูดเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น!
อีกทิศทางหนึ่ง สตรีชุดชมพูผู้เคยพูดว่า “ท่านไม่รู้จักข้า” กำลังยืนอยู่บนดาวเคราะห์เซียน เบื้องหลังนางคือเซียนจากพันธมิตรเซียนที่มาจากดาราจักรฟ้ากระจ่าง แม้พันธมิตรเซียนจะล่มสลายไปนานแล้ว แต่ก็มีเซียนหลงเหลืออยู่หลายคน ทว่าขณะที่การรบดำเนินต่อไปจึงเหลือไม่ถึงสามพันคน
เหล่าเซียนสามพันคนทั้งหมดมาจากดาราจักรฟ้ากระจ่าง แม้จะเหน็ดเหนื่อยแต่ก็ต้องยืนสู้ต่อไป พวกเขายืนอยู่เบื้องหลังสตรีชุดชมพู เตรียมพร้อมที่จะตาย!
เบื้องบนที่อยู่นอกม่านแสงค่ายกลดาวเคราะห์ เซียนดินแดนชั้นนอกหลายหมื่นคนกำลังกระหน่ำโจมตีอย่างบ้าคลั่ง ในกลุ่มนี้มีชายวัยกลางคนเปลือยท่อนบนอยู่หนึ่งคน เขามีท่าทีดุดันพร้อมกับโจมตีด้วยสายลมและสายฟ้า สายลมและสายฟ้ามากมายกำลังโจมตีใส่ค่ายกลดาวเคราะห์อย่างไม่หยุดยั้ง
การโจมตีของเขาคนเดียวเทียบได้กับเซียนหลายหมื่นคน!
คนผู้นี้ก็เป็นหนึ่งในเจ็ดเซียนขั้นที่สามเช่นเดียวกัน! ร่างกายใหญ่ดุจภูเขา ส่งเสียงร้องคำรามโจมตีพร้อมกับเซียนหลายหมื่นคน เขายิ้มและโจมตีม่านแสงไปจนทำให้เกิดการบิดเบือนและไม่มั่นคง
‘ทุกอย่างกำลังถึงจุดจบ…เราทำดีที่สุดแล้ว…’ สตรีชุดชมพูซ่อนความอ่อนเพลียส่วนลึกเอาไว้ ร่างกายของนางดูอ่อนแอมากราวกับหากมีลมพัดนางคงแตกสลายไปได้ นางถอนสายตาออกมาจากท้องฟ้าและมองไปยังเหล่าสหายเซียนจากดาราจักร ฟ้ากระจ่าง
นางต้องการพูดอะไรบางอย่าง แต่คำพูดก็ถูกขัดด้วยเสียงดังลั่นไกลๆ
ดาวเคราะห์ห่างออกไปแตกสลาย เซียนหลายพันคนบนดาวเคราะห์ตายไปเพราะชายชราชุดสีฟ้าผู้หนึ่งสะบัดแขน อีกดาวเคราะห์จึงถูกทำลาย
ค่ายกลนี้เดิมทีสร้างขึ้นจากดาวเคราะห์ 999 ดวง แต่ละดวงจะสร้างม่านแสงขึ้น ม่านทั้ง 999 ชั้นจะรวมเข้าด้วยกันกลายเป็นพลังสะท้อนอันทรงพลัง
อย่างไรก็ตามขณะที่ดาวเคราะห์ถูกทำลายไป ม่านแต่ละชั้นจึงสลายไปด้วย พลังอำนาจของค่ายกลจึงถูกลดทอนอย่างรวดเร็ว
สตรีชุดชมพูหันศีรษะกลับมาและเอ่ยพึมพำเบาๆ “เกิดขึ้นเป็นเซียนดินแดนชั้นในและตายในฐานะวิญญาณของดินแดนชั้นใน…เพียงแต่ในใจข้าไม่ยินยอม…ข้ายังไม่ได้บอกเขาเลยว่าข้าเป็นใคร…”
เซียนนับหมื่นของดินแดนชั้นนอกกำลังโจมตีทางส่วนทิศตะวันตกของค่ายกล ดาวเคราะห์ ม่านแสงใกล้จะแตกสลาย บนดาวเคราะห์นั้นซื่อจื่อหงกัดริมฝีปากพร้อมกับเซียนดาราจักรทุกชั้นฟ้าคนอื่นๆ จางกงเล่ยและเฉินกงฮู่ก็อยู่ที่นี่ด้วย
ปรมาจารย์จงเฉินก็เป็นหนึ่งในนั้น
พวกเขาคือเซียนดาราจักรทุกชั้นฟ้าทั้งหมดและรู้สึกไร้ทางสู้กับเซียนหลายหมื่นคนด้านนอก กำลังเฝ้าดูม่านแสงถูกทำลายไปทีละเล็กทีละน้อย พวกเขากำลังรอให้ม่านแสงแตกสลายก่อนจะระเบิดพลังชีวิตสุดท้ายของตัวเอง
“เมื่อม่านแสงพังทลาย เราจะระเบิดตัวเอง พวกเจ้าทั้งหมดพร้อมหรือไม่…” ปรมาจารย์จงเฉินเอ่ยน้ำเสียงต่ำ
พวกเขาไม่ใช่กลุ่มแรกที่เลือกทำลายตัวเอง ดาวเคราะห์เซียนเกือบทั้งหมดที่นี่ต่างก็เลือกทำลายตัวเองเมื่อม่านแสงถูกทำลาย
ห่างออกไปไกลมีเสียงดังสนั่นกึกก้องเกิดขึ้น ดาวเคราะห์อีกดวงพังทลายหลังจากม่านแสงถูกทำลาย
เสียงหัวเราะแหลมดังออกมาจากค่ายกลดาวเคราะห์ ลำแสงสีเขียวลอยออกมาจากกองทัพดินแดนชั้นนอก วินาทีนั้นเสียงหัวเราะหนึ่งดังออกมาจากกลุ่มเซียน ขั้นแก่นแท้ดับสูญ ชายชราผู้นั้นเป็นคนที่มีส่วนร่วมในการโจมตีหวังหลินด้วย แสงสีเขียว
แสงสีเขียวหายไปเล็กน้อยและถอยร่นกลับมา อีกด้านหนึ่งชายชราถอยไปพันฟุต ดวงตาเปล่งประกายแต่ยังคงยิ้ม ฝ่ามือสร้างผนึกให้หมอกทมิฬเต็มไปทั่วบริเวณ
“เจ้าทรงพลัง จักรพรรดิฉิงหลินแห่งแดนสวรรค์พิรุณ เจ้าคู่ควรแล้วที่เป็นศิษย์ของจ้าวดินแดนปิดผนึกคนก่อน! แต่เห็นได้ชัดว่าระดับบ่มเพาะของเจ้าไม่ทรงพลังเท่ากับข้า และเจ้าก็ไม่สามารถหยิบยืมพลังของเพลิงนรกานต์ได้ด้วย!”
แสงสีเขียวแตกกระจายเผยเป็นร่างของฉิงหลิน ใบหน้าขาวซีดและบาดเจ็บสาหัส เขาพักได้เพียงเล็กน้อยก่อนจะออกมาต่อสู้กับเซียนขั้นที่สามของดินแดนชั้นนอก!
ตั้งแต่ที่เริ่มมีการโอบล้อม เขาก็เป็นแบบนี้เสียแล้ว!
ขณะที่ฉิงหลินปรากฏตัว กลิ่นอายเย็นเยียบโผล่ออกมาจากค่ายกลดาวเคราะห์ สตรีสวมชุดสีม่วงเดินออกมา ท่าทีของนางนุ่มนวลแต่แววตากลับเต็มไปด้วยจิตสังหาร นางมาจากดาราจักรอัญเชิญนที นางคือจ้าวผู้ปกครองอัญเชิญนที
เมื่อนางก้าวออกมา หนึ่งในเซียนขั้นแก่นแท้ดับสูญที่กำลังเฝ้าดูจึงเริ่มหัวเราะ สตรีผู้ทำลายอวัยวะภายในของหวังหลินพลันทะยานเข้าหาสตรีชุดม่วง
ลึกเข้าไปภายในค่ายกลดาวเคราะห์ มีแท่นหนึ่งที่ห่อหุ้มอยู่ในสายหมอก ฉิงชุ่ยกำลังนั่งอยู่ในนั้น ร่างกายบดบังด้วยสายหมอก ร่างเขาสั่นเทา สีหน้าท่าทางบิดเบี้ยวเนื่องจากกำลังอดทนกับความเจ็บปวดมหาศาล
ควันสีดำเจ็ดสายห้อมล้อมทวารทั้งเก้า ควันสีดำเสมือนอสรพิษดุร้าย ไม่ว่าฉิงชุ่ยจะดิ้นรนแค่ไหนเขาก็ไม่สามารถบังคับมันให้ออกไปได้
ปรมาจารย์หงซานกำลังนั่งอยู่ด้านหลังเขา ดัชนีร่อนใส่แผ่นหลังของฉิงชุ่ยอย่างต่อเนื่อง เขากำลังช่วยฉิงชุ่ยบังคับควันสีดำนี้ออกมา
“ปรมาจารย์หงซาน ไม่ต้องห่วงข้า!” ฉิงชุ่ยลืมตากึ่งหลับกึ่งตื่น มีจุดสีดำเจ็ดแห่งที่กำลังหมุนอยู่จางๆ
“หากข้าไม่ช่วยเจ้า เจ้าจะตายภายในครึ่งชั่วยาม!” ปรมาจารย์หงซานมีหน้าผากเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ แขนขวาสะบัด ปรากฏแสงสีดำขึ้นในอากาศ หุ่นเชิดพุ่งออกมาอยู่หลังฉิงชุ่ย
ฉิงชุ่ยกัดฟันแน่นและร้องคำราม แก่นแท้สังหารระเบิดและชนเข้ากับดัชนีของปรมาจารย์หงซาน ร่างกายสั่นเทาและกระอักโลหิตจำนวนมาก จากนั้นเขาหันหน้ากลับมาร้องคำราม
“ไม่ต้องห่วงข้า!”
ปรมาจารย์หงซานมองฉิงชุ่ยด้วยแววตาเศร้าโศก จากนั้นลุกขึ้นยืนและก้าวออกไปนอกแท่น เสียงดังสนั่นกึกก้องขึ้นมา หญิงชราขั้นแก่นแท้ดับสูญจากดินแดนชั้นนอกถึงกับเหยียดยิ้ม
ฉิงชุ่ยหอบหายใจหนักบนแท่นพร้อมกับโลหิตสีดำไหลจากมุมปาก ภาพทัศนวิสัยเริ่มพร่าเลือน เขาพยายามเงยหน้าขึ้นไปมองดาวเคราะห์หนึ่งห่างออกไป ดาวเคราะห์นั้นคือ ดวงที่สตรีชุดชมพูอยู่
‘เป็นนางหรือไม่…น่าจะเป็นนาง…’ แววตาฉิงชุ่ยเกิดความอ่อนโยน เขารับรู้เมื่อหลายปีก่อนแต่ไม่ได้พิสูจน์
วินาทีนั้นม่านแสงรอบดาวเคราะห์เซียนที่สตรีชุดม่วงอยู่พลันแตกหักเนื่องจากชายร่างกำยำกำลังใช้สายลมและสายฟ้าเข้ากระหน่ำ ชายร่างกำยำหัวเราะและพุ่งเข้าไปพร้อมเซียนหลายหมื่นคน