Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1695

Cover Renegade Immortal 1

1695. สามวิญญาณ เจ็ดชิ้นส่วน

“ข้าไม่ได้เห็นการต่อสู้นั้นด้วยตัวเอง ทุกอย่างมาจากความทรงจำของน้องสาวข้า เหลียนต้าวเฟยทรงพลังยิ่ง เขาต่อสู้กับสี่ขุนพลและเหล่าศิษย์หลายคนของสำนักเจ็ดเต๋าด้วยมือเพียงข้างเดียว”

“ด้วยความแข็งแกร่งอันเหนือล้ำ เขาทำให้ศัตรูบาดเจ็บสาหัสทั้งหมด นั่นเป็นเวลาที่น้องสาวของข้าและนางสนมคนอื่นทำการกบฏและโจมตีร่วมกับเหลียนต้าวเฟย”

“ในช่วงโกลาหลที่สุดนั้น เหลียนต้าวเฟยทะยานผ่านทุกคนและพุ่งเข้าหาตำแหน่งที่สีรุ้งปิดด่านบ่มเพาะอยู่ เขาบังคับให้สีรุ้งออกมาต่อสู้ด้วย”

การต่อสู้ครั้งนั้นรุนแรงเหลือเกิน สีรุ้งบาดเจ็บสาหัสอยู่แล้ว ดังนั้นจึงมิอาจเป็นคู่ต่อกร เขาอัญเชิญเต๋าสวรรค์เก็บไว้ในโลกถ้ำ และใช้มันกลืนกินความสามารถเพื่อเผชิญหน้ากับเหลียนต้าวเฟย

ท้ายที่สุดเหลียนต้าวเฟยก็บาดเจ็บสาหัสและถูกเต๋าสวรรค์กลืนกิน ทิ้งเขาไว้ที่ไหนไม่มีใครรู้ แต่เนื่องจากเขามีร่างเทพอมตะ เขาจึงไม่ตาย จึงควรยังอยู่ในโลกถ้ำแห่งนี้

“แต่ทว่าเต๋าแห่งสวรรค์ก็บาดเจ็บสาหัสและตายไปเช่นกัน หยดโลหิตนับไม่ถ้วนของมันกระจายไปในโลกและเลือนหายไป แต่ความจริงแล้วการที่มีสิ่งมีชีวิตถือกำเนิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในโลกนี้นั่นหมายความว่าเต๋าสวรรค์ไม่ตาย!”

“ร่างของสีรุ้งแตกสลายและแบ่งวิญญาณหลักออกมาสามดวง หนึ่งในนั้นมีวิชาและเต๋าทั้งหมดของเขา ซึ่งคือเขาที่อยู่นอกเรือในตอนนี้”

“อีกหนึ่งมีแก่นแท้และการรู้แจ้ง มันหนีไปได้หลังจากการต่อสู้ครั้งใหญ่และคงอยู่ในดินแดนชั้นใน”

“วิญญาณดวงสุดท้ายมีความทรงจำทั้งหมดของสีรุ้ง รวมถึงวิธีการอัญเชิญเต๋าสวรรค์และตำแหน่งที่ซ่อนความลับที่ได้มาจากชิ้นส่วนนั้น”

“วิญญาณดวงสุดท้ายไม่มีแก่นแท้หรือวิชาใด แม้แต่ตอนนี้ก็ไม่มีใครรู้ว่ามันอยู่ไหน เขาอาจจะเป็นเซียน อาจเป็นคนธรรมดา อาจเป็นอสูรดุร้ายสักตัว… ผ่านการเวียนว่ายตายเกิดนับไม่ถ้วน บางทีเขาอาจจะลืมไปแล้วว่าตัวเองเป็นใคร ความทรงจำยังคงหลับใหล”

“วิญญาณที่สืบทอดวิชาทั้งหมดมาคือเซียนเต๋าสีรุ้งด้านนอก เขาคือคนที่ทรงพลังที่สุดและบังคับให้นางสนมหลายคนร่วมมือกับเขา กระทั่งนำคนรับใช้ของเหลียนต้าวเฟยมาอยู่ใต้อำนาจก่อนจะตั้งถิ่นฐานในดินแดนชั้นนอก เขาค้นหาวิญญาณดวงที่สามมาตลอด…”

“เขาค่อยๆ ได้รับเจตจำนงของตัวเอง เมื่อค้นหาวิญญาณดวงที่สามเจอและกลืนกินมัน จากนั้นกลืนกินวิญญาณดวงที่สองที่สืบทอดแก่นแท้ เขาจะกลายเป็นเจ็ดสีคนใหม่!”

“เช่นเดียวกันนี้ วิญญาณดวงที่สองในดินแดนชั้นในก็กำลังค้นหาวิญญาณดวงที่สาม ไม่ว่าคนไหนได้วิญญาณดวงที่สามมาก่อนก็จะได้เปรียบ!”

“เพราะวิญญาณดวงที่สามมีความทรงจำ การกลืนกินและผสานกันโดยไม่มีวิญญาณดวงที่สามจึงเป็นไปไม่ได้ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเซียนเต๋าสีรุ้งและวิญญาณดวงที่สองยังไม่กลืนกินกันจนถึงตอนนี้”

“ไม่เพียงแค่ทั้งสองคนนี้ แต่เศษชิ้นส่วนอื่นๆ ที่แตกกระจายไปตอนที่สีรุ้งแตกสลายก็ไม่สามารถกลืนกินกันและกันได้”

“ตอนที่สีรุ้งตาย นอกจากสามวิญญาณหลักแล้วยังมีเจ็ดชิ้นส่วน เจ็ดชิ้นส่วนนี้เปลี่ยนแปลงตัวตนไปนับครั้งไม่ถ้วนจากการเกิดใหม่ ทว่าวิญญาณแต่ละตนยังเป็นของสีรุ้ง!”

“เซียนเต๋าสีรุ้งและวิญญาณดวงที่สองไม่สนใจกันอย่างสิ้นเชิง แม้จะหากันเจอแต่ก็กลืนกินกันไม่ได้ ดังนั้นจึงปล่อยให้บ่มเพาะด้วยตัวเอง เมื่อหาวิญญาณดวงที่สามเจอและกลืนกินอีกฝ่าย เศษชิ้นส่วนทั้งเจ็ดที่เหลือจะกลับคืนมาและก่อเกิดราชันย์เทพสีรุ้งขึ้นอย่างสมบูรณ์!”

“นี่คือความลับทั้งหมดของโลกถ้ำแห่งนี้!”

คลื่นขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้นในใจหวังหลิน ก่อนหน้านี้เขาทำเป็นสงบนิ่งได้ตอนที่นางพูดเรื่องแผ่นดินเซียนดารา แต่หลังจากได้ยินทุกอย่างแล้วเขาจึงเริ่มสูดหายใจลึก ล่าถอยไปหลายก้าว สีหน้าท่าทางเปลี่ยนไป

ในที่สุดเขาก็รู้ว่าคนที่สามคืออะไร!

ในที่สุดเขาก็รู้ว่าทำไมเซียนเต๋าสีรุ้งถึงแตกต่างจากรูปปั้นที่เขาได้มา!

ในที่สุดก็รู้ว่าสตรีชุดเงินในมิติเก็บของหมายความว่าอะไรตอนที่นางพูดว่าไม่ได้เปิดประตู ประตูนั้นเสมือนประตูเข้าไปในถ้ำ

ไม่ใช่ว่ามีคนเปิดประตู แต่สตรีตรงหน้าเขาคนนี้เป็นคนบอกเหลียนต้าวเฟยให้เปิดประตู!

อาจจะมีเรื่องอื่นที่ไม่ลงตัว แต่หวังหลินไม่ได้เห็นมันด้วยตัวเอง ดังนั้นจึงสร้างภาพในจินตนาการจากสิ่งที่นางพูดเอาไว้

บางทีความจริงอาจจะแตกต่างกันเล็กน้อย แต่นี่อาจเป็นความจริงของสิ่งที่เกิดขึ้น!

‘สามวิญญาณ เจ็ดชิ้นส่วน… ดังนั้นแสดงว่ามีสามวิญญาณและอีกเจ็ดเศษเสี้ยว! ราชันย์บอกว่าผีเฒ่าจางควรจะตายไปแล้วตอนที่เจอกันในทะเลเมฆา การที่ราชันย์ตกตะลึงดูเหมือนไม่ใช่เรื่องโกหก!’

‘แม้แต่เขาก็ไม่รู้… เรื่องในดินแดนเจ็ดสีของดาราจักรฟ้ากระจ่าง ตอนที่ข้าเข้าไปช่วยฉิงชุ่ย เซียนเต๋าสีรุ้งปรากฏขึ้นมา ดูเหมือนจะชื่นชมผีเฒ่าจาง…’

‘เขาบอกว่าผีเฒ่าจางแตกต่าง… หรือว่าผีเฒ่าจางคือวิญญาณดวงที่สอง?’

‘มีเหตุผลนี้เท่านั้นที่เขาจะมีคุณสมบัติพอเผชิญหน้ากับเซียนเต๋าสีรุ้ง! หรือพูดอีกอย่างว่ามีวิญญาณอีกดวงอยู่ในผีเฒ่าจาง และนั่นคือวิญญาณดวงที่สอง!’

‘ต้องเป็นแบบนี้แน่ สงครามระหว่างดินแดนชั้นนอกและดินแดนชั้นใน ดำเนินไปเนื่องมาจากผีเฒ่าจางและเซียนเต๋าสีรุ้ง พวกเขาพยายามค้นหาวิญญาณดวงที่สามจากการเข่นฆ่าสังหาร!’

‘แล้วใครเล่าเป็นวิญญาณดวงที่สาม!?’ หวังหลินความคิดสั่นเทา ข่าวนี้เปิดม่านหมอกในใจหวังหลินทั้งหมด ทำให้เขาได้เห็นความจริง!

‘มีเจ็ดเศษเสี้ยวด้วย… ตอนที่อยู่ในดินแดนเจ็ดสีในดาราจักรฟ้ากระจ่าง ข้าสังเกตเห็นว่าเซียนเต๋าสีรุ้งมองไปที่ฉิงชุ่ยราวกับกำลังมองตัวเอง ตอนนั้นข้าพบว่ามันแปลกประหลาดแต่ข้าไม่เข้าใจคำตอบ แต่ตอนนี้คำตอบนั้นชัดเจนแล้ว!’

‘ศิษย์พี่ฉิงชุ่ยคือหนึ่งในเจ็ดเศษเสี้ยววิญญาณของราชันย์เทพสีรุ้ง!! ไม่สงสัยเลยว่าชีวิตเขาช่างน่าอนาถใจ ไม่สงสัยเลยว่าเขาจะได้แก่นแท้สังหารมา… ไม่สงสัยเลยว่าเขากลายเป็นเซียนทรงพลังเพียงก้าวเข้าสู่ขั้นที่สามในเวลาไม่นาน!’

‘ท่ามกลางทั้งเจ็ดคน คนเดียวที่ข้ารู้จักคือฉิงชุ่ย ส่วนอีกหกคน พวกเขาเป็นใคร… ข้า… ข้าด้วยหรือไม่’ หวังหลินขบคิดเงียบๆ แววตาเย็นเยียบขึ้น

“เป้าหมายของข้าคือการสังหารสีรุ้ง มีเพียงการสังหารเขาเท่านั้นข้าจึงจะขจัดความเกลียดชังออกไปได้ เป้าหมายของเรานั้นเหมือนกัน เป็นชัยชนะของเราทั้งคู่!”

“ข้าสามารถขอให้อาจารย์ต้อนรับเจ้าเข้าสู่แผ่นดินเซียนดาราเพื่อลดทอนบทลงโทษได้ ข้าไม่ต้องการสำนักเจ็ดเต๋า เมื่อสีรุ้งตาย ทุกอย่างเป็นของเจ้า!”

“ส่วนคนอื่นในโลกถ้ำ พวกเขาไม่สามารถจากไปที่นี่ได้เพราะไม่สามารถรอดชีวิตจากบทลงโทษได้แน่นอน แม้แต่อาจารย์ข้าก็ไม่สามารถช่วยเรื่องนี้ได้”

“แต่ข้ายังมีอีกวิธี แม้จะไม่สามารถเข้าแผ่นดินเซียนดาราได้ตามปกติ แต่ก็ยังสามารถมาเกิดใหม่ที่นี่ได้ ด้วยวิธีการเกิดใหม่นี้ วิญญาณของพวกเขาสามารถติดตามเจ้ามาที่แผ่นดินเซียนดาราได้ เมื่อความทรงจำของแต่ละคนตื่นขึ้น เจ้าก็จะสามารถตามหาได้”

“นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่ข้าคิดออก!”

หวังหลินขบคิดเงียบๆ อยู่พักใหญ่ เขามองนางพร้อมกับคิดไปด้วย

“แม้เราจะร่วมมือกัน ด้วยพลังอำนาจของเซียนเต๋าสีรุ้งและผีเฒ่าจาง เราไม่ใช่คู่ต่อกร เราจะสังหารได้อย่างไร?”

หลังจากได้ยินคำพูดของหวังหลิน นางจึงหัวเราะ กล่าวได้ว่านางงดงามและมีเสน่ห์ยิ่ง เมื่อหัวเราะจึงเสมือนดอกไม้กำลังเบ่งบานและทำให้หัวใจเต้นระรัวได้แน่นอน

“ข้ามีสองวิธีในการสังหารสีรุ้ง!”

“เป็นเพราะมีผนึกนับไม่ถ้วนและการทำลายล้างทิ้งไว้บนถ้ำระหว่างสงครามครั้งใหญ่ ข้าจึงไม่สามารถมาด้วยตัวเอง ข้าสามารถยืมร่างน้องสาวและรวบรวมวิญญาณดั้งเดิมของข้ามาที่นี่ได้เล็กน้อยเท่านั้น”

“แต่หากเจ้าสามารถล่อลวงเซียนเต๋าสีรุ้งหรือวิญญาณดวงที่สองมาสู่แกนกลางของถ้ำซึ่งมีประตูอยู่ ข้าสามารถรวบรวมวิญญาณดั้งเดิมได้มากขึ้น จากนั้นข้าจะสามารถสังหารเขาด้วยพลังความแข็งแกร่งของข้าเอง! นั่นคือวิธีแรก”

“วิธีนี้ไม่สมบูรณ์แบบแต่ข้ายังมีวิธีที่สอง กุญแจสำคัญคือวิญญาณดวงที่สาม ข้าจะสอนวิชาหนึ่งให้เจ้า หากเจ้าสามารถค้นหาวิญญาณดวงที่สามเจอ เจ้าสามารถใช้วิชานี้กลืนกินมันและลบล้างตัวตนของมันได้สมบูรณ์”

“ตั้งแต่นั้นเจ้าจะกลายเป็นวิญญาณดวงที่สาม ข้าจะช่วยเจ้ากลืนกินเซียนเต๋าสีรุ้งและวิญญาณดวงที่สอง เจ้าจะดูดซับเศษเสี้ยวที่เหลือเจ็ดส่วน และจากนั้นเจ้าจะกลายเป็นสีรุ้ง!”

“น้องสาวข้าและข้าสามารถอยู่กับเจ้าได้ นางเป็นนางสนมของเจ้าและข้าเป็นคนรักของเจ้าได้ จากนั้นทุกอย่างจะกลับคืนสู่วิถีดั้งเดิมของมัน”

“หากเจ้ามีสตรีอื่น นางสามารถเป็นนางสนมเจ้าได้เช่นกัน แม้แต่บนแผ่นดินเซียนดารา หากเจ้าชื่นชอบสตรีคนใด ข้าสามารถจับพวกนางมาให้เจ้าและเราร่วมฝึกฝนด้วยกันได้”

“สีรุ้งเองก็ชอบแบบนั้น ข้าช่วยเขาจับเซียนสตรีจำนวนมาก นอกจากน้องสาวข้าแล้ว ข้าช่วยเขาจนได้นางสนมมาถึงแปดคน…”

“ด้วยการช่วยเหลือของอาจารย์ข้า เมื่อเราบ่มเพาะร่วมกัน วิญญาณของเราจะผสานกันและทำให้ระดับบ่มเพาะเพิ่มขึ้น ด้วยสมบัติที่เจ้าได้มาจากชิ้นส่วนของแดนเทพบรรพกาล เราสามารถปกครองดินแดนบนแผ่นดินเซียนดาราได้อย่างอิสระ มันดียิ่งกว่าติดอยู่ในโลกถ้ำนี้เสียอีก!” นางยิ้ม คำพูดของนางส่งหาหวังหลินช้าๆ

หวังหลินสงบจิตใจและมองนาง ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาคิดถึงบางอย่างที่เคยเผชิญเมื่อนานมาแล้ว

เรื่องนั้นทิ้งความรู้สึกลึกล้ำไว้กับหวังหลิน แม้จะผ่านมามากกว่าพันปีเขาก็ยังไม่ลืม

ในดินแดนวิญญาณปีศาจตอนนั้น หวังหลินเจอกับลูกสาวของราชันย์ บรรพชนศักดิ์สิทธิ์ของเผ่ารอยสัก นางน่าเวทนาเป็นอย่างยิ่ง ดวงตาถลนและทั่วร่างถูกกดทับในถ้ำของฉิงหลิน ความเกลียดชังของนางมีมากมายมหาศาลเกินบรรยาย

ความเกลียดชังที่นางมีต่อฉิงหลินนั้นคล้ายกับสตรีตรงหน้าเขา คำพูดของนางช่างน่าโศกเศร้ายิ่งนัก หวังหลินแทบเชื่อนางทั้งหมด แต่ท้ายที่สุดเขาก็ได้ยินว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉิงหลินจากปากเขา และนั่นทำให้เขาสับสน

เขาไม่รู้ว่าเรื่องนี้ใครเป็นคนถูก

“เราค่อยพูดเรื่องนี้กันทีหลัง ตอนนี้สิ่งสำคัญคือการหลีกเลี่ยงเซียนเต๋าสีรุ้งด้านนอกนั่น!” เมื่อหวังหลินได้ยินคำนี้ เขาเหยียดยิ้มในใจ อย่างไรก็ตามเขาเป็นคนฉลาดและไม่ปฏิเสธนางในทันที เพราะการร่วมมือกันสังหารราชันย์เทพสีรุ้งก็เป็นประโยชน์ต่อทุกคน

“เรื่องนี้ไม่ยาก เมื่อเราแลกเปลี่ยนสัจจะโลหิตว่าจะร่วมมือกัน เมื่อนั้นข้าจะควบคุมเรือนี้ส่งเจ้าออกไปอย่างปลอดภัย” นางยิ้ม

“สัจจะโลหิต?” หวังหลินหรี่ตาและเข้าใจทันที นางนำเขามาที่นี่และพูดความลับพวกนั้นออกมา เห็นได้ชัดว่ามีนัยยะแฝงอันลึกซึ้ง

“เรื่องนี้ไม่ได้เร่งด่วน แท่นพิธีที่ท่านพูดถึงตอนนั้นอยู่ที่ไหน?”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version