1696. สลับแขกเป็นเจ้าบ้าน
เมื่อฟ่านชานเมิ่งได้ยินคำพูดของหวังหลิน ดวงตาเปล่งประกาย นางเผยรอยยิ้มออกมา แต่ขณะที่กำลังจะเอ่ยปาก เรือสั่นสะเทือนรุนแรง
แรงสั่นสะเทือนออกมาจากด้านนอกราวกับเจอสายลมรุนแรงจนเรือต้องสั่นเทา เสียงดังสนั่นเข้ามาข้างใน เรือถูกดันกลับไปหลายร้อยลี้
การเปลี่ยนแปลงฉับพลันนี้ทำให้ฟ่านชานเมิ่งถึงกับเปลี่ยนสีหน้า นางมองออกไปด้านนอกเรือ
หวังหลินกระโจนขึ้นไปลอยอยู่บนดาดฟ้าเรือ สายตามองออกไปด้านนอกพลางเปล่งประกาย
ด้านนอกเรือวิญญาณปีศาจ เซียนเต๋าสีรุ้งสะบัดแขนอย่างต่อเนื่อง ก่อเกิดสายลมขึ้นจำนวนมาก สายลมปะทะเข้ากับม่านทรงพลังรอบตัวเรือจนแตกสลายไปหลายชั้น ไม่นานจึงเกิดรูโหว่เล็กๆ
“ยังดีอยู่ เขาไม่สามารถทะลวงเข้ามาได้ในเวลาไม่กี่วันหรอก!” ฟ่านชานเมิ่งพ่นลมหายใจ พลางถอนสายตาออกมาจากด้านนอก นางมองหวังหลินและเริ่มพูดอีกครั้ง
“แท่นที่เจ้าพูดถึงเป็นแท่นที่น้องสาวข้าได้รับโดยบังเอิญ มันมีพลังบัญชาโบราณอยู่ข้างใน แต่นางไม่สามารถทำลายด้วยระดับบ่มเพาะของตัวเอง และไม่มีเหตุจำเป็นต้องทำลาย แต่กระนั้นมันต่างกับเจ้า”
“หากเจ้าสามารถทำลายม่านป้องกันบนแท่นและได้รับมรดกมา ระดับบ่มเพาะของเจ้าจะเพิ่มพูนขึ้นมหาศาล แท่นนี้อยู่ในส่วนลึกที่สุดของเรือวิญญาณปีศาจ เจ้าจะไปตอนนี้เลยหรือไม่? แต่เจ้ามีเวลาแค่สามวันเท่านั้น ในสามวันนี้ข้าสามารถควบคุมเรือและพาหนีจากเซียนเต๋าสีรุ้งได้ แต่อย่างมากก็ได้แค่สามวัน”
‘สามวัน…นั่นไม่พอ’ หวังหลินขมวดคิ้ว ยามนี้เรือสั่นสะเทือนอีกครั้ง ราวกับเซียนเต๋าสีรุ้งเริ่มโจมตีด้วยวิชาที่รุนแรงกว่าเดิม เรือจึงเหมือนกำลังแตกเป็นเสี่ยงๆ
หวังหลินไม่ได้เผยสิ่งที่ตัวเองคิดพลางเอ่ยขึ้น “ในเมื่อไม่รีบกล่าวสัจจะโลหิต ข้าสนใจเรือวิญญาณปีศาจของท่านมาก สามวันน่าจะมากพอให้ข้าได้ศึกษา”
“เจ้าต้องการศึกษาเขตอาคมบนเรือนี้หรือ?” ฟ่านชานเมิ่งตกตะลึง ไม่ว่าจะเป็นนางหรือน้องสาว ทั้งสองไม่รู้ถึงพรสวรรค์ด้านเขตอาคมของหวังหลิน ตอนที่นางได้ยินคำพูดของหวังหลินจึงเผยท่าทีประหลาดใจ ผ่านไปสักพักถึงเอ่ยขึ้น
“เรือวิญญาณปีศาจลำนี้คือสมบัติของสำนักมหาวิญญาณของข้า แม้มันจะไม่ได้มีระดับสูง มันก็ยังเป็นสมบัติระดับกลาง ช่างมันเถอะ แม้แต่ข้าก็ไม่เข้าใจมันอย่างถ่องแท้”
“สหายเซียนหวัง ข้าแนะนำให้เจ้าใช้เวลาสามวันนี้เพื่อลองเข้าไปในแท่น หากเจ้าสามารถดูดซับพลังข้างในได้ ระดับบ่มเพาะของเจ้าจะเพิ่มพูนขึ้นแน่นอน” ฟ่านชานเมิ่งเอ่ยคำพูดอย่างอ่อนโยนแต่มีความหมายอย่างเห็นได้ชัด นางไม่คิดว่าหวังหลินจะมีคุณสมบัติพอที่จะศึกษาเรือลำนี้ กระทั่งคิดว่าคำพูดของหวังหลินช่างไร้สาระเกินไป
‘เด็กคนนี้เป็นแค่เซียนตัวเล็กๆ ในโลกถ้ำ กลับอยากศึกษาสมบัติของสำนักมหาวิญญาณเชียวหรือ? ช่างน่าขันเสียจริง! เขาประเมินตัวเองสูงเกินไป!’
“โอ้? หรือว่าสหายเซียนกลัวว่าข้าจะยึดเรือลำนี้ไปเมื่อข้าเข้าใจเขตอาคม?” หวังหลินเผยรอยยิ้มที่ไม่ใช่รอยยิ้มไปทางฟ่านชานเมิ่ง
เขารู้ดีว่านางคิดอะไร ในชีวิตเขาสามารถมองทะลุคนอื่นได้อย่างชัดเจนเว้นแต่เทียนหยุน
เห็นได้ชัดว่าสองสาวพี่น้องรู้จักเซียนเต๋าเจ็ดสีดี เพื่อให้อีกฝ่ายไล่ตามมา หลังจากชะลอให้เซียนเต๋าเจ็ดสีไล่ทันมาเล็กน้อย ทั้งสองจึงใช้เขาเพื่อล่อหวังหลินมาที่เรือวิญญาณปีศาจลำนี้
เรือลำนี้เป็นภัยคุกคามอย่างลับๆ และเซียนเต๋าสีรุ้งเป็นภัยคุกคามอย่างเปิดเผย แม้ไม่ได้คุกคามอย่างตรงๆ แต่มันมีประสิทธิภาพมากกว่าแบบอื่น
ในสถานการณ์นี้ ดูเหมือนหวังหลินต้องฟังคำแนะนำและแลกสัจจะโลหิตเท่านั้น ราวกับไม่มีทางอื่นให้เลือก เป็นผลให้หวังหลินตกอยู่ในสถานการณ์ที่ทำอะไรไม่ได้เพราะมีอีกฝั่งกำลังถือไพ่เหนือกว่า
ความจริงแล้วหวังหลินก็คิดเช่นนั้นจริงๆ สองสาวพี่น้องมีแผนการใหญ่ บางทีหากเป็นคนอื่นนอกจากหวังหลินคงฟังคำสั่งเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายในตอนนี้
อย่างไรก็ตามด้วยสติปัญญาของหวังหลิน เขาจึงไม่เชื่อคำพูดของทั้งสองง่ายๆ เขายังเลือกเข้าไปควบคุมในมือตัวเอง เป็นนายเหนือชีวิตตัวเองเสียดีกว่า
ตอนนี้เรือวิญญาณปีศาจถูกสองพี่น้องควบคุมอย่างสมบูรณ์ แม้หวังหลินจะไปยังแท่นพิธี ทุกอย่างก็ตกอยู่ในการควบคุม กล่าวเกินจริงไปเล็กน้อย หวังหลินรู้สึกว่าไม่มีความปลอดภัยเลยขณะที่อยู่ในสมบัติของคนอื่น
เช่นนั้นหวังหลินจะยอมง่ายๆ ได้อย่างไร? เขาเป็นคนเจ้าเล่ห์เจ้าแผนการ คำพูดของเขามีความหมายซ่อนอยู่!
หากเขาสามารถเข้าใจเรือวิญญาณปีศาจและควบคุมมันได้จริงๆ ไม่เพียงแต่ปัญหาเรื่องเซียนเต๋าสีรุ้งจะถูกแก้ไข เขายังสามารถหนีออกจากกับดักที่สองสาวพี่น้องวางเอาไว้ได้อีกด้วย
สีหน้าของฟ่านชานเมิ่งตกตะลึงไปชั่วครู่ แต่ไม่นานก็เป็นปกติ นางเผยรอยยิ้มและเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยน
“สหายเซียนหวังช่างเป็นคนตลกขบขัน ในเมื่อเจ้ามั่นใจก็ลองศึกษาเรือลำนี้ได้เลย ข้าจะไปรออยู่อีกฝั่ง” แม้นางจะพูดเช่นนี้แต่กลับเยาะเย้ยในใจ นางไม่เชื่อว่าหวังหลินมีคุณสมบัติพอ
“สหายเซียนดูเศร้าซึมเล็กน้อย แต่ท่านสบายใจได้ แม้ข้าจะเข้าใจเขตอาคมทั้งหมดและควบคุมมันได้ ข้าจะไม่เก็บมันไว้ ข้าจะคืนมันให้ท่าน” หวังหลินเอ่ยขึ้นพลางประคองรอยยิ้มที่ไม่ใช่รอยยิ้มไปด้วย
ฟ่านชานเมิ่งมองหวังหลินอย่างสงบนิ่งและยิ้มออกมา “สหายเซียนมั่นใจขนาดนั้น? นั่นก็ดีแล้ว หากเจ้ามั่นใจว่าสามารถเข้าใจเขตอาคมบนเรือลำนี้ได้ ข้าไม่มีปัญหาหรอกที่จะยกเรือให้เจ้า!”
“แต่หากเจ้าทำไม่ได้ ก็อย่าเสียเวลาอีกเลย เรามาแลกเปลี่ยนสัจจะโลหิตและข้าจะส่งเจ้าไปที่ปลอดภัย”
“ไม่มีปัญหา ขอข้าลองดูก่อน หากข้าทำไม่สำเร็จ ข้าจะล้มเลิกไปเอง” หวังหลินกำลังรอจังหวะนี้ เขาดูสงบนิ่งและไม่หันไปมองฟ่านชานเมิ่ง พลันนั่งลงส่งสัมผัสวิญญาณออกไปและเริ่มศึกษาดาดฟ้าเรือ
ในสายตาของฟ่านชานเมิ่งมีสัมผัสความเย็นเยียบซ่อนอยู่ นางต้องได้สัจจะโลหิตของหวังหลินมา จากนั้นนางสามารถขอให้อาจารย์ช่วยด้วยเพื่อใช้วิชาประหลาดที่สามารถเปลี่ยนหวังหลินให้เป็นหุ่นเชิด เขาจะกลายเป็นชิ้นส่วนสำคัญในการสังหารราชันย์เทพสีรุ้ง
‘แม้เขาจะระมัดระวังมาก ข้าไม่เชื่อว่าเขาจะสามารถควบคุมเรือวิญญาณปีศาจได้ เขาอาจจะพอเข้าใจเขตอาคมอยู่บ้าง แต่ก็แค่นั้น เป็นแค่มดแมลงในโลกถ้ำ มดแบบเขาจะมาเข้าใจเขตอาคมจากแผ่นดินเซียนดาราได้อย่างไร?’
‘เรื่องนี้ช่างน่าขันยิ่งนัก ข้าอยากเห็นว่าเสียจริงว่าจะศึกษาพวกมันอย่างไร หลังจากล้มเหลวไปแล้วหากยังไม่ยอมมอบสัจจะโลหิตให้ข้า ข้ายังมีทางอื่นที่จะจัดการกับเขา!’ ในแววตายังซ่อนความเย็นเยียบแต่บนใบหน้ากลับมองหวังหลินด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
ขณะที่หวังหลินแผ่กระจายสัมผัสวิญญาณ ดาวเทพโบราณกลางหน้าผากปรากฏออกมาก่อตัวเป็นวังวน ดาวมารและดาวปีศาจในตาซ้ายและตาขวาปรากฏออกมาเช่นเดียวกัน พลังของสามเผ่าโบราณผสานกันก่อตัวเป็นพลังบัญชาโบราณ ร่างเงาบัญชาโบราณปรากฏขึ้นรอบหวังหลินในทันที
ร่างเงาบัญชาโบราณนี้ห่อหุ้มหวังหลินและนั่งอยู่ด้วย หากมองไกลๆ ช่างเป็นภาพที่น่าตกตะลึง
ขนาดของร่างเงาบัญชาโบราณเปลี่ยนไป ร่างที่ล้อมรอบหวังหลินอยู่ในตอนนี้มีขนาดไม่กี่ร้อยฟุตเท่านั้น แต่มันยังดูเหมือนภูเขาย่อมๆ และปกป้องหวังหลินอย่างสมบูรณ์
ฉากเหตุการณ์นี้ทำให้ฟ่านชานเมิ่งถึงกับขมวดคิ้ว
‘เขาระมัดระวังตัวเกินไปหน่อย…’
เพียงพลังบัญชาโบราณปกป้องทั้งร่างหวังหลินจึงทำให้เขาผ่อนคลาย สัมผัสวิญญาณยืดยาวเข้าไปในดาดฟ้าเรืออย่างสงบนิ่ง พลังต่อต้านโผล่ออกมาเพื่อป้องกันไม่ให้สัมผัสวิญญาณไปได้ไกลกว่านี้
พลังที่มองไม่เห็นนี้ถูกสร้างขึ้นจากเขตอาคมของดาดฟ้าเรือ มันยอมให้หวังหลินมองมาจากด้านนอกแต่ไม่ยอมให้เห็นโครงสร้างภายในได้
ฟ่านชานเมิ่งเยาะเย้ยในใจ เรือวิญญาณปีศาจลำนี้คือสมบัติของสำนักมหาวิญญาณ ดังนั้นนางจึงเข้าใจมันดี
‘หากไม่เข้าใจเขตอาคมอย่างลึกซึ้ง แค่พลังต่อต้านก็มากพอที่จะ…’ ขณะที่นางกำลังคิดอยู่ในใจ นางจ้องหวังหลินอย่างตกตะลึง
หวังหลินสะบัดแขนอยู่ในร่างเงาบัญชาโบราณ พริบตาเดียวมีประทับฝ่ามือนับสิบ นับร้อย นับพัน…จนเกือบล้านขึ้นเบื้องหน้า
ประทับฝ่ามือเขตอาคมเหล่านี้ทับซ้อนกันและไหลออกมาอย่างน่ากลัว พริบตาเดียวประทับฝ่ามือนับล้านผสานกันเป็นหนึ่ง ฝ่ามือของหวังหลินตีเข้าใส่ดาดฟ้าเรือ
การตีครั้งนี้ทำให้ดาดฟ้าสั่นเทา กระทั่งตัวเรือก็สั่นสะเทือนอยู่สองสามครั้ง ระลอกคลื่นแผ่กระจายออกมาจากฝ่ามือหวังหลินและกวาดผ่านฟ่านชานเมิ่งไป แผ่กระจายออกไปเกือบสามในสิบส่วนของดาดฟ้า
หลังจากระลอกคลื่นแผ่ออก ดาดฟ้าเรือแตกต่างออกไปในสายตาหวังหลิน ราวกับม่านที่ปกคลุมต้นตอของมันถูกถอนออก เรือลำนี้ไม่ได้มีดาดฟ้าเลย มันถูกสร้างขึ้นจากเขตอาคมที่ควบแน่นเข้าด้วยกัน
เขตอาคมทั้งหมดแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงและทับซ้อนเข้าด้วยกัน เปล่งแสงดูน่ากลัว
‘เขาทะลวงการป้องกันของเขตอาคมบนดาดฟ้าไปแล้ว!! ไม่เพียงแค่รู้เขตอาคมเล็กน้อยเสียแล้ว แต่ความเชี่ยวชาญด้านเขตอาคมกลับสูงลิ่ว…’ ฟ่านชานเมิ่งสูดหายใจลึก สายตาที่มองหวังหลินพลันเปลี่ยนไป
‘มิน่าเล่าเขาถึงมั่นใจขนาดนั้น แต่เชี่ยวชาญเขตอาคมแล้วอย่างไร? เขตอาคมที่มีอยู่ในโลกถ้ำแห่งนี้ก็แค่ส่วนหนึ่งที่มีอยู่ในแผ่นดินเซียนดารา เพียงแค่เวลาสามวัน เขาไม่มีวันควบคุมมันได้ทั้งหมด!’ ฟ่านชานเมิ่งขบคิดเงียบๆ และเยาะเย้ย
หวังหลินมีท่าทีสงบนิ่งและชี้ใส่เขตอาคมหนึ่ง แววตากะพริบถี่รัวแล้วเริ่มการสรุป
‘ดาดฟ้าเป็นแค่ชั้นนอกของตัวเรือ แต่มันยังมีเขตอาคมอีกหลายหมื่นแบบ เวลาสามวันค่อนข้างเฉียดฉิวไปหน่อย…’