1760. เจ้าเล่ห์
บางทีตอนนี้อาจมีโลกที่ล้มเหลวเหลืออยู่ไม่ถึงสามร้อยใบ เพราะหลังจากที่ผ่านไปนานหลายปี บางส่วนถูกทำลายไปตามกาลเวลา บางส่วนก็อาจสลายไปนานแล้ว
ตอนนี้ในโลกแห่งหนึ่ง ปรากฏวังวนขึ้นและมีลำแสงพุ่งออกไปไม่รอให้วังวนปรากฏอย่างสมบูรณ์ ร่างในแสงเป็นคนชุดขาวและนั่นคือหวังหลิน
หลังจากก้าวออกมาจากวังวน เขาหันกลับมายกแขนขวาขึ้น ปรากฏแขนของ เย่โม่และฉีกกระชากอวกาศด้านหลัง
อวกาศถูกฉีกเปิดออกและแบ่งวังวนออกเป็นครึ่งส่วนจนทำให้มันพังทลาย
หวังหลินก้าวเข้าไปในรอยแยกที่สร้างขึ้นจากวิชาผ่าสวรรค์และหายไปในพริบตา
หลังจากหายไป เสียงพ่นลมหายใจเย็นดังออกมาจากความว่างเปล่า เซียนเต๋าสีรุ้งก้าวออกมาจากวังวนที่พังทลาย
ดวงตาเต็มไปด้วยความเย็นเยียบและมืดมนยิ่ง หากหวังหลินไม่ได้ตอบสนองรวดเร็วพอและทำลายวังวนช้าลงกว่านี้ เขาคงไม่สามารถจากไปง่ายๆ และถูก เซียนเต๋าสีรุ้งจับได้แล้ว
การไล่ล่าดำเนินต่อไป หวังหลินใช้วิชาหลายอย่างเพื่อเดินทางข้ามผ่านโลกแต่ละใบ เซียนเต๋าสีรุ้งตามมาด้านหลังอย่างกระชั้นชิด หากหวังหลินพลาดเพียงครั้งเดียวคงโดนจับได้แน่นอน
ขณะที่ทะยานผ่านโลกไปหลายรอบ ทำให้คนที่เหลือในโลกสามร้อยใบเกิดความสนใจ สัมผัสวิญญาณแต่ละคนจึงรวมกันติดตามเซียนเต๋าสีรุ้งไป
‘ข้าต้องสลัดเขาให้เร็ว ไม่เช่นนั้นหากทะยานไปโลกใบอื่นจะทำให้เกิดความสนใจมากขึ้น เมื่อเจอผีเฒ่าจางและทั้งสองไล่ล่าข้า การสลัดทิ้งไปคงยากยิ่ง!’ หวังหลินปรากฏตัวออกมาจากวังวนและเข้าสู่โลกอีกใบ
ขณะที่กำลังจะหนี สีหน้าพลันเปลี่ยนไป โลกนี้แตกต่างจากโลกใบอื่น มันมีกลิ่นอายน่าตกตะลึงปรากฏขึ้นและหายไป กลิ่นอายนี้เป็นของอสูรดุร้าย
เหตุผลที่มันโผล่ขึ้นมาและหายไปราวกับมันกำลังหลับใหล
หวังหลินดวงตาส่องสว่างขึ้นมา ราวกับสายฟ้าแล่นผ่านในใจ เขาไม่ได้พักอยู่ที่นี่แต่จำเอาไว้และรีบจากไป เซียนเต๋าสีรุ้งดูมืดมนพลางสัมผัสกลิ่นอายของอสูรได้เช่นกัน กลิ่นอายนี้ย้ำเตือนเขาและคิดว่าหวังหลินคงไปปลุกมันเพื่อหวังจะหลบหนี แต่หวังหลินไม่ได้ทำแบบนั้น
เซียนเต๋าสีรุ้งไม่อาจคิดมากเกินไป เขาก้าวเข้าไปในวังวนและไล่ตามหลังหวังหลิน
หวังหลินเดินทางรวดเร็วมาก แม้จะผ่านโลกไปแล้วหลายสิบใบแต่เขาก็ไปยังทิศทางเดียว ดาราจักรดวงดาวเสมือนกระจกหลายใบและหวังหลินก็แค่เดินผ่านเข้าไปและเดินผ่านออกมา แม้แต่ละครั้งจะไปยังโลกที่แตกต่างกัน แต่ตำแหน่ง ไม่เปลี่ยนแปลง!
ขณะที่ท่องทะยานผ่านโลกไปด้วยแรงของตัวเอง แม้ม่านพลังจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ยังแสดงอาการพังทลาย
หวังหลินเข้าใจโลกที่ล้มเหลวทั้งสามร้อยเป็นอย่างดี เหตุผลที่ยังอยู่มาได้นานขนาดนี้เป็นเพราะมีดอกไม้สีเหลือง โลกทั้งสามร้อยใบดูดซับสารอาหารจากดอกไม้จนสามารถอยู่ได้ชั่วนิรันดร์
ดอกไม้นี้คือสมบัติของราชันย์เทพสีรุ้งที่ได้มาบนแผ่นดินเซียนดารา มันไม่มีพลังโจมตีแต่มีพลังชีวิตอันน่าอัศจรรย์ เขาใช้มันเพื่อฟื้นพลังจนลดเวลาที่ต้องใช้ไปถึงครึ่งเดียว
ถ้าไม่ใช่เพราะเหลียนต้าวเฟยปรากฏตัวขึ้นฉับพลันเกินไป ราชันย์เทพสีรุ้งคงไม่จบลงในสภาวะย่ำแย่ขนาดนี้
เซียนเต๋าสีรุ้งไม่ได้มีความทรงจำอะไรและไม่รู้เรื่องนี้ แม้แต่สี่ขุนพลและนางสนมก็ไม่รู้อะไรมากนัก พวกเขารู้เพียงแค่เรื่องโลกที่ล้มเหลวทั้งสามร้อยใบเท่านั้น
ขณะที่หวังหลินเดินทางต่อไป ม่านพลังระหว่างโลกก็เริ่มไม่มั่นคงและเกิดเสียงดังสนั่น ทุกครั้งที่เขาเคลื่อนจากโลกหนึ่งไปยังอีกโลกหนึ่ง จะเกิดเสียงดังสนั่นดุจสวรรค์ทลาย
การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เซียนเต๋าสีรุ้งให้ความสนใจ ดวงตาหรี่แคบและเยาะเย้ย
‘เจ้ากล้าใช้กลหลอกเด็กแบบนี้กับข้าหรือ? หวังหลิน เจ้าอยากให้ม่านพลังทลายเพื่อขัดขวางการไล่ล่าของข้าและใช้พลังของมันทำให้ข้าบาดเจ็บ!’
‘นี่เป็นความคิดที่ดี แต่ในมื่อข้ามองทะลุออก มันไม่มีโอกาสสำเร็จ’ เซียนเต๋าสีรุ้งดวงตาส่องสว่างและเป็นประกาย ตอนนี้เริ่มมีพลังเสริมขึ้นระหว่างม่านพลัง
การใช้ระดับบ่มเพาะเสริมสร้างม่านพลังจะเกิดผลลัพธ์เป็นอย่างดี แต่สีหน้าท่าทางเขามืดมนและลอบเสริมพลังมันอย่างลึกลับ ดังนั้นจึงเกิดเพียงแค่แสงสีรุ้งกะพริบวาบเท่านั้น
‘เจ้าเด็กนี่เป็นคนเจ้าเล่ห์ หากเขารู้ว่าข้ามองแผนออก มันจะเปลี่ยนแผนและอาจเกิดปัญหาได้ ข้าจะให้คิดว่ามันกำลังทำงานอยู่และพอคิดว่าทำสำเร็จ ข้าก็จะจับตัวได้!’ เซียนเต๋าสีรุ้งยิ้มออกมาและไล่ตามไป
ขณะที่สองคนไล่ล่า มหาชั้นฟ้าซวนลั่วยังคงสังเกตการณ์ทั้งหมด เขาคิดว่าจะช่วยหวังหลินเพื่อแก้ปัญหาแต่ความคิดนี้ปรากฏขึ้นครู่เดียวก่อนจะหายไป
‘เพื่อการทดสอบแล้ว เจ้าเด็กคนนี้จำเป็นต้องพึ่งพาตัวเอง หากเขาสามารถสังเกตตัวตนของข้าได้ ข้าจะช่วยเขา นี่คือการทดสอบครั้งสุดท้าย!’
‘หวังหลิน อย่าทำให้ข้าผิดหวัง’ ซวนลั่วขบคิด เขาเห็นหวังหลินและการกระทำของเซียนเต๋าสีรุ้ง หลังจากขบคิดเล็กน้อยจึงมองความคิดแต่ละคนออก
‘หากม่านในโลกนี้พังทลาย เขาก็จะหนีไปได้ แต่ตอนนี้แผนของเขาถูกมองออก จะปรับเปลี่ยนอย่างไร…’ ซวนลั่วตามไปอย่างช้าๆ
หวังหลินทะยานผ่านไปแต่ละโลก เขารู้ว่าม่านพลังกำลังเสียหาย ดวงตาเปล่งประกายและหายวับเข้าไปวังวน นำใบเรือหน้าผีออกมาโดยไม่มีใครสังเกต
พริบตาเดียวใบเรือหน้าผีปกคลุมร่างกาย เมื่อปรากฏตัวขึ้นใบเรือก็หายไปแล้ว ทั้งหมดนี้หวังหลินทำไปโดยไม่มีใครสังเกต
เซียนเต๋าสีรุ้งเพ่งสมาธิทั้งหมดไปยังม่านพลังที่กำลังเสียหาย เขาเชื่อว่ามอง หวังหลินออกและหวังหลินหนีไม่พ้นแน่!
การไล่ล่าของเซียนเต๋าสีรุ้งแทบเป็นเส้นทางเดียวกับหวังหลิน
หลังเสริมพลังให้กับม่าน เวลาก็ผ่านไปหนึ่งก้านธูปไหม้ หวังหลินก้าวออกจาก วังวนและเข้าสู่อีกหนึ่งดาราจักร นี่เป็นครั้งแรกที่เขาไม่ได้เข้าสู่โลกอื่นในทันที
หวังหลินทะยานไปไกลมากกว่าแสนฟุตและขดตัวลง แสงส่องประกายและค่อยๆ บิดเบือน วินาทีต่อมามีภาพมายาปรากฏขึ้นรอบหวังหลิน เขาหายไปและถูกแทนที่ด้วยดาวเคราะห์ที่ดูธรรมดา
ขณะที่เขาเปลี่ยนตัวเองเป็นดาวเคราะห์ แสงสีรุ้งเต็มไปทั่ววังวนที่เขาออกมา เซียนเต๋าสีรุ้งพุ่งกลับไปในวังวนทันที
มหาชั้นฟ้าซวนลั่วเห็นเหตุการณ์นี้จึงหรี่ตาแคบ มองหวังหลินที่กลายร่างเป็น ดาวเคราะห์อย่างลึกซึ้งและเกิดสายตาแฝงความตกตะลึง
‘ความคิดเจ้าเล่ห์ขนาดนี้…เด็กนี่…มันคือมังกรในหมู่มนุษย์!’ ซวนลั่วขบคิดเงียบๆ ดวงตาเผยความภูมิใจที่ไม่เคยแสดงที่ไหนมาก่อน
หลังจากเซียนเต๋าสีรุ้งจากไป มีอีกหลายคนตามมาและรีบจากไป แม้จะจากไปแล้วดาวเคราะห์ที่หวังหลินเปลี่ยนร่างก็ยังไม่เปลี่ยนไปไหน
หลังจากนั้นไม่นานผีเฒ่าจางก็ปรากฏตัวขึ้นตรงจุดที่วังวนหายไป ร่างกายเขาไม่ได้เปล่งกลิ่นอายอันใดราวกับเป็นคนตาย เขาเผยท่าทีเยาะเย้ยพลางก้าวไปข้างหน้าและหายตัวไปจากโลกนี้
จนกระทั่งดาวที่หวังหลินเปลี่ยนร่างได้เกิดการขยับและหายไปกลายเป็นหวังหลิน เขามองจุดที่ทุกคนหายไป สีหน้าท่าทางยังคงเดิม วังวนปรากฏขึ้นด้านหลังและ ก้าวเข้าไป
หวังหลินพุ่งไปยังทิศตรงข้ามที่ทุกคนหายไป และเพราะเขาระมัดระวังมากจึงไม่มีใครรู้ว่าเขาไปไหน หลังจากผ่านโลกไปสี่ใบ หวังหลินจึงหยุดลงในโลกที่ห้า
ที่นี่คือสถานที่ที่เขาผ่านไปก่อนหน้านี้เพราะมีกลิ่นอายของอสูรดุร้ายเขาก้าวทะยานอย่างระมัดระวัง หวังหลินมาถึงดาวเคราะห์แห่งหนึ่งในโลกนี้ มันเป็น ดาวเคราะห์ที่มีแต่ทะเลทราย ไม่มีภูเขาหรือแอ่งน้ำ มีเพียงทรายสีเหลืองอยู่ทุกแห่ง
หวังหลินนั่งอยู่ที่นี่และถอนหายใจยาว สายตาเผยจิตสังหาร!
‘ตอนนี้ถึงเวลาตอบโต้ครั้งแรกของข้าแล้ว…แม้จะต้องใช้ไปหนึ่งชีวิต ข้าจะให้คนที่ไล่ล่าข้าได้รับบทเรียนที่ไม่มีวันลืม!’
‘อีกสักพักก่อนที่เซียนเต๋าสีรุ้งจะสังเกตความผิดปกติได้ มีเวลามากพอให้ข้าวางการซุ่มโจมตี!’ หวังหลินสร้างผนึกและวางใส่พื้นดินด้านข้าง
หวังหลินเป็นคนฉลาดและหาคนชิงไหวพริบกับเขาได้ยากมาก จังหวะที่เขาเข้ามาในโลกที่ล้มเหลวสามร้อยใบ หวังหลินคิดถึงแผนการหนีจากคนไล่ล่าไว้แล้ว ท้ายที่สุดเขาก็คิดถึงแผนซ้อนแผนนี้ขึ้นมาได้!
ม่านพลังที่เชื่อมต่อแต่ละโลกคือแผนแรก หวังหลินคาดการณ์ได้ว่าแผนแรกไม่สามารถหลอกลวงเซียนเต๋าสีรุ้งหรือผีเฒ่าจางได้ และเขาต้องการให้พวกนั้นดูออก
เมื่อพวกนั้นดูออกก็จะตกลงไปในแผนที่สองโดยไม่รู้ตัว พอคิดว่ามองแผน ของหวังหลินออกก็จะสบายใจ และการไล่ล่าจะเกิดขึ้นเป็นวังวน หวังหลินยังใช้ ใบเรือหน้าผีเพื่อวางเอาไว้ให้เป็นภาพมายา
จุดประสงค์หลักไม่ใช่การพังทลายม่านหรือสร้างภาพมายา แต่หวังหลินได้ทำให้ตายใจไปมากกว่าร้อยครั้ง ทำให้คนมีแนวโน้มจะติดตามและไล่ล่าเขาโดยไม่รู้ตัว…
และนี่จึงเป็นเงื่อนไขในการเข้าไปในภาพลวงตา!