Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1761

Cover Renegade Immortal 1

1761. ซุ่มโจมตี

บนแผ่นดินเซียนดารามีอสูรตัวหนึ่งชื่อว่าตาปลา ร่างกายดูเหมือนอสรพิษโคลน ที่ยาวถึงหมื่นฟุต ส่วนปากของมันกินพื้นที่ศีรษะไปมากที่สุด เจ้าอสูรตัวนี้ดูเหมือนได้กลืนกินพื้นดินเข้าไปและดูดซับแก่นแท้ปฐพีเพื่อหล่อเลี้ยงร่างกาย และใช้พลังปราณเพื่อหล่อเลี้ยงวิญญาณ

เจ้าตาปลาที่ยังไม่โตเต็มวัยมักจะอยู่ในน้ำขุ่นและไม่มีวันเผยตัวเองออกมา พอผ่านไปถึงช่วงโตเต็มวัยจะมีขนาดยาวถึงหมื่นฟุต พวกมันยังมุดผ่านตะกอนและ ลงไปยังพื้นดิน จากนั้นแหวกว่ายผ่านใต้ดินไปยังภูเขาใกล้เคียงและหลับอยู่ตรงนั้น

ส่วนมากเจ้าอสูรตาปลาบนแผ่นดินเซียนดารามักจะถูกทางสำนักผนึกเอาไว้เป็นอสูรป้องกัน แต่พวกมันไม่ได้ชื่นชอบเหล่าเซียนเท่าใดนัก เมื่อเข้าไปยังภูเขาจึง ผสานเข้าไป แม้จะทำให้ภูเขามีจิตวิญญาณแต่ไม่นานก็จะกลายเป็นทรายสีเหลือง

เหล่าตาปลาที่ไปขโมยพลังปราณสวรรค์สมควรโดนผนึก ความจริงแล้วส่วนใหญ่ที่ถูกพบเจอบนแผ่นดินเซียนดาราก็จะโดนผนึกทันที

หวังหลินนั่งอยู่บนทะเลทรายบนดาวเคราะห์ดวงนี้ สายลมร้องหวนและมีพายุทรายขนาดใหญ่พัดขึ้นมา พายุปกคลุมทั่วทั้งดาวเคราะห์และทำให้ทุกอย่างมัวหมอง

หวังหลินรู้เรื่องเจ้าตาปลามาจากความทรงจำของวิญญาณดวงที่สาม ราชันย์เทพสีรุ้งนำเจ้าตาปลาที่ยังไม่โตเต็มวัยตัวหนึ่งมายังโลกที่ล้มเหลวสามร้อยใบและตั้งใจจะยกระดับมันที่นี่ไปสักพักแล้วค่อยมารับมัน แต่เขาตายไปเสียก่อนและแตกสลาย ดังนั้นเจ้าตาปลาจึงอยู่ที่นี่

หวังหลินตรวจจับกลิ่นอายอสูรและจุดบนดาวเคราะห์ทะเลทรายดวงนี้ได้ขณะที่กำลังหนี ทำให้เขาตัดสินใจกลับมาอีกครั้ง

หวังหลินคว้าทรายสีเหลืองขนาดเท่ากำมือขึ้นมาและสัมผัสได้ถึงพลังปราณ สัมผัสวิญญาณจึงแผ่กระจายออกไปและค้นพบกลิ่นอายอสูรตัวหนึ่งอยู่ในส่วนลึกของดาวเคราะห์

มีสัญญาณหลายอย่างที่บอกว่าอสูรด้านล่างคล้ายกับเจ้าตาปลา

‘เจ้าตาปลาสามารถเติบโตได้โดยไม่ต้องมีเขตอาคมและอาศัยอยู่ในโลกนี้ได้เป็นเวลานาน…มีโอกาสกลายพันธุ์ ในโลกนี้มีแค่ดาวดวงนี้เท่านั้น หมายความว่า ดาวเคราะห์อื่นได้ถูกเจ้าตาปลาดูดซับไปแล้ว…’

‘เรื่องสุดท้าย…’ หวังหลินถอนสัมผัสวิญญาณ ทุกอย่างเกี่ยวกับดาวเคราะห์ปรากฏขึ้นในใจ

‘ข้าสามารถวางซุ่มโจมตีที่นี่ได้!’ หวังหลินดวงตาส่องสว่างและเป็นประกาย แขนขวาสร้างผนึก เขตอาคมนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นมาก่อตัวเป็นร่มบรรพกาล เผาดินแดน

พอร่มปรากฏขึ้นมา คลื่นความร้อนพวยพุ่งและแผ่กระจายไปยังท้องฟ้า ก้อนเมฆแตกกระเจิงโดยมีร่มขนาดยักษ์ปรากฏอยู่ตรงกลาง หลังจากร่มเปิดขึ้นมา กระโจมผสานเข้ากับด้ามร่ม ราวกับเสาที่เชื่อมต่อเข้ากับฟ้าดิน

หวังหลินมองไปยังร่มที่กำลังเผาไหม้ กัดปลายลิ้นให้พ่นโลหิตออกมา มันลอยเข้าไปยังท้องฟ้าและกำลังเผาไหม้ จากนั้นร่มหายไปอย่างช้าๆและเกิดเสียงดังสนั่น แม้แต่เสาร่มขนาดยักษ์ก็ยังโปร่งใสจนแทบไม่เหลือร่องรอย

ร่มบรรพกาลเผาดินแดนผสานเข้ากับอากาศจนแทบไม่เห็นความแตกต่าง อย่างไรก็ตามใครที่เข้ามาในดาวนี้จะถูกห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิง

นี่คือ การซุ่มโจมตีแรก!

หวังหลินหายใจถี่เล็กน้อย แม้จะมีระดับบ่มเพาะขั้นวิญญาณดับสูญระดับปลาย แต่การใช้วิชานี้นับว่ายากและต้องแสดงพลังของมันเพิ่มอีกมากขึ้น

‘มันควรจะแสดงพลังได้มากขึ้น…’ หวังหลินยกแขนขวาขึ้นมาชี้ใส่ตาซ้าย แก่นแท้เปลวเพลิงในตาซ้ายปรากฏขึ้นมา เปลวเพลิงโหมกระหน่ำ เขาสะบัดแขนขวาส่งทะลเพลิงออกมาจากตาซ้าย ทะเลเพลิงพลันเปลี่ยนกลายเป็นวิหคศักดิ์สิทธิ์ทะยานเข้าสู่ท้องฟ้า

วิหคศักดิ์สิทธิ์ตัวใหญ่มาก ขนหางของมันแผ่ออกไปราวกับนกเพลิง หลังจาก หมุนวนไม่กี่ครั้งมันก็หายไปจากโลกนี้

หวังหลินหลับตาและบ่มเพาะอย่างสงบนิ่งอยู่ชั่วครู่ จากนั้นลืมตาขึ้นมา สร้างผนึกและเริ่มพึมพำ ครู่ต่อมาแสงสีรุ้งระเบิดออกมาจากสองมือ

แสงสีรุ้งนี้ดูเหมือนกับวิชาของเซียนเต๋าสีรุ้ง ตอนนี้พอหวังหลินใช้วิชามันยิ่ง แพรวพราวมากขึ้นและมีแสงปกคลุมทุกส่วนของดาวเคราะห์

“หอกเต๋าสีรุ้ง!” หวังหลินร้องคำรามและอ้าแขนออก ท้องฟ้าสั่นไหว แสงสีรุ้งรวมกันในท้องฟ้าก่อตัวเป็นรูปร่างหอกสีรุ้ง!

หอกแล่งนี้เปล่งกลิ่นอายน่าตกตะลึงและส่งเสียงหึ่ง จากนั้นทะยานเข้าหา หวังหลินและแทงเข้าไปในพื้นดินทางด้านขวา

มันคือ การซุ่มโจมตีแบบที่สอง!

หลังจากใช้วิชาทรงพลังไปสองวิชา หวังหลินดูเหน็ดเหนื่อยแต่ไม่หยุกพัก เขาชี้ไปที่กลางหน้าผาก มีเงาหนึ่งปรากฏขึ้นมา มันค่อยๆ แยกจนกระทั่งร่างดั้งเดิมและ ร่างอวตารของเขาแยกออกจากกัน

ร่างดั้งเดิมมีมรดกบัญชาโบราณได้ทะยานเข้าสู่ท้องฟ้า ยื่นแขนขวาออกไป โลกพลันเปลี่ยนสีสันพร้อมกับปรากฏขวานแยกสวรรค์ ร่างดั้งเดิมหวังหลินคว้าเอาไว้และหายวับไป

การโจมตีเต็มกำลังด้วยมรดกบัญชาโบราณคือ การซุ่มโจมตีแบบที่สาม!

หลังจากสร้างไปแล้วสามการโจมตี หวังหลินมีสีหน้าหมองลง ลมหายใจถี่เร็วขึ้น เขาสงบใจตัวเองด้วยเวลาครึ่งก้านธูปไหม้และลืมตาขึ้นอีกครั้ง สะบัดแขนขวาปรากฏใบเรือหน้าผี

ของชิ้นนี้มาจากแผ่นดินเซียนดาราและเป็นสมบัติทรงพลัง! แม้หวังหลินไม่ได้เข้าใจมันอย่างสมบูรณ์แต่เขาก็ยังใช้มันเพื่อสร้างภาพมายาได้ หวังหลินขบคิดชั่วขณะก่อนจะกัดนิ้วชี้เพื่อหยดโลหิตใส่หน้าผี

โลหิตถูกหน้าผีดูดซับไปอย่างรวดเร็ว เพียงเวลาแค่สามลมหายใจ โลหิตเขาถูก ดูดซับไปกว่าครึ่งจนหวังหลินหน้าซีด

ถึงลมหายใจที่สี่ หน้าผีนั้นหยุดดูดซับโลหิต ดวงตาเปล่งแสงน่ากลัว หวังหลินถือใบเรือขึ้นมาโบกสะบัด ใบหน้าผีลอยออกมาและส่งเสียงคำรามอย่างเงียบงัน ร่างกายขยายออกไปจนห่อหุ้มดาวเคราะห์และหายไป

หลังจากหน้าผีหายไป โลกคล้ายเปลี่ยนแปลงแต่ยากนักที่จะรู้ว่ามีปัญหาอะไร

ภาพมายาของใบเรือหน้าผีนี้คือ การซุ่มโจมตีแบบที่สี่ของหวังหลิน!

หน้าผากหวังหลินเต็มไปด้วยเหงื่อ เขาปาดเหงื่อออกมาและสูดหายใจลึก ชี้แขนขวาไปที่ท้องฟ้าและร้องคำรามดังกึกก้อง เกิดเป็นจุดขนาดเล็กขึ้นมาและขยายเป็นเจ้าอสูรโลกันตร์อย่างรวดเร็ว

ร่างเจ้าอสูรโลกันตร์ไม่ได้ขยายออกไปอย่างสมบูรณ์ มันขนาดเพียงแค่พันฟุตเท่านั้น แต่สายตาเยือกเย็นและโหดเหี้ยมของมันสามารถทำให้ทุกคนจิตใจสั่นไหว

เพียงหวังหลินชี้ไป เจ้าอสูรโลกันตร์หลับตา ร่างกายเริ่มผอมลงจนกลายเป็นหมอกและห่อหุ้มโลกเอาไว้ ทั้งโลกดูเหมือนพร่ามัวอยู่ในสายหมอก

เจ้าอสูรโลกันตร์คือ การซุ่มโจมตีแบบที่ห้าของหวังหลิน!

ร่างอวตารของหวังหลินนั่งอยู่บนทะเลทรายสีเหลือง เขารู้สึกเหนื่อยมาก นี่เป็นครั้งแรกที่ใช้วิชาทั้งหมดนี้ในครั้งเดียว หากในการต่อสู้ปกติ เขาไม่มีวันใช้ทั้งหมดนี้แน่นอน แต่ตอนนี้มันพอเป็นไปได้

‘ยังมีการซุ่มโจมตีที่หก…’ หวังหลินขบคิดเงียบๆ และยกแขนซ้าย โลหิตที่ไหลออกจากปลายนิ้วได้แห้งไปแล้วและเขาเปิดมันอีกครั้ง แล้ววาดโลหิตเป็นวงกลมรอบตัวเอง

พอเป็นวงกลมโลหิต หวังหลินพ่นแกนพลังออกมาใส่จนทำให้มันเต็มไปด้วย กลิ่นคาวเลือดและพลังดั้งเดิมหนาแน่น

ขณะที่กลิ่นคาวเลือดและพลังดั้งเดิมแผ่กระจายออกมา ดาวเคราะห์ทั้งดวง สั่นเทาออกมาจากใจกลางดาวเคราะห์และผสานกับพื้นดิน พื้นทรายบนดาวเคลื่อนไหวราวกับคลื่น

หวังหลินสร้างผนึกขึ้นมา ดวงตาปรากฏเส้นโลหิตจำนวนมากเข้าผสานกับ วงกลมโลหิต เพื่อซ่อนกลิ่นอายจากมัน

ผ่านไปสักพัก การเคลื่อนไหวบนพื้นดินค่อยๆ หายไป หวังหลินจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก

‘เจ้าตาปลาคือ การโจมตีที่หกของข้า!’

แววตาหวังหลินกะพริบเย็นเยียบและมีแสงสีทองวูบวาบ แสงสีทองนี้มีสายโลหิตเทพที่เข้มข้น มันคือ สายโลหิตเทพที่หวังหลินสามารถนำออกมาได้

แขนขวายื่นออกไปเกิดแสงสีทองกะพริบวาบ ปรากฏคันศรลี่กวงและคว้าเอาไว้ หวังหลินมองไปยังท้องฟ้า ผ่านไปสักพักจึงหลับตาและเริ่มจำลองเหตุการณ์ที่ น่าจะเกิดขึ้น

คันศรลี่กวงคือ การซุ่มโจมตีสุดท้าย เป็นการโจมตีแบบที่เจ็ด!

ทั้งเจ็ดการโจมตีกลายเป็นกับดักที่น่าตกตะลึง!

พริบตาเดียวเวลาหนึ่งก้านธูปไหม้ก็ผ่านไป หวังหลินลืมตาขึ้นมาและไม่ลังเลอีก เขาสะบัดแขนซ้ายจนปรากฏก้านธูปสีดำขึ้นเบื้องหน้า

หวังหลินถือเอาไว้ สะบัดแขนเพื่อจุดมัน ควันสีดำลอยขึ้นไปในอากาศราวกับเป็นสัญญาณควัน

ยังไม่จบแค่นี้ หลังจากก้านธูปจุดขึ้นมา หวังหลินจึงโยนออกไปห่างราวๆ สามสิบฟุตบนทรายสีเหลือง เปลวเพลิงวูบวาบและมีควันสีดำหนาแน่นยิ่งขึ้น

หวังหลินยื่นแขนซ้ายออกไปอีกครั้งและดึงซื่อเจียที่ยังหลับตาอยู่ออกมา หวังหลินแทงดัชนีใส่กลางหน้าผากของนางโดยไม่มีความสงสาร นางเผยท่าทีเจ็บปวด หากรวมกับใบหน้างดงามของนาง อาจทำให้ทุกคนจิตใจสั่นไหว

แต่หวังหลินยังมีสายตาเยือกเย็น วินาทีที่ดัชนีร่อนลงกลางหน้าผาก นางพลัน ลืมตาขึ้นมาด้วยความดิ้นรน แขนขวาขยับโดยไม่อาจควบคุมและคว้าไปยังความ ว่างเปล่า หินหยกสื่อสารปรากฏขึ้นในมือ

ซื่อเจียถือหินหยกอย่างดิ้นรนกว่าเดิมแต่นางไม่สามารถควบคุมร่างกายได้ นางส่งข้อความออกไป หินหยกส่องประกายเจิดจ้าก่อนจะแตกสลาย

การซุ่มโจมตีทั้งเจ็ดรูปแบบถูกวางเอาไว้แล้ว เขาล่อด้วยการใช้ก้านธูปและหินหยก ตอนนี้เพียงแค่รอให้เหยื่อมาถึงเพื่อให้เกิดการต่อสู้ครั้งใหญ่บนดาวดวงนี้!

หวังหลินไม่คิดว่าจะสามารถสังหารเซียนเต๋าสีรุ้งหรือผีเฒ่าจางได้ แต่เขาไม่จำเป็นต้องสังหารทั้งสองคนนั้น บางทีแค่ให้สักคนบาดเจ็บสาหัสก็ได้ผลลัพธ์เหมือนกัน อีกทั้งไม่ว่าจะเป็นผีเฒ่าจางหรือเซียนเต๋าสีรุ้ง หากใครสักคนบาดเจ็บสาหัส ก็จะเป็นโอกาสอันดีเยี่ยมแก่อีกฝ่าย!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version