1764. หายนะสีรุ้ง
ทรายสีเหลืองตกลงมาดุจสายฝนและก่อตัวเป็นม่าน ขณะเดียวกันมีเสียงคำรามดังออกมาจากใต้ดินพร้อมกับพุ่งทะยานขึ้น ทั่วดาวเคราะห์เริ่มสั่นเทา ทรายสีเหลืองเบื้องหน้าหวังหลินเริ่มหดตัวลง เสียงคำรามดังชัดยิ่งขึ้น พริบตาเดียวอสูรคล้ายอสรพิษพุ่งออกมาจากพื้นดิน!
เจ้าอสูรยักษ์ตัวนี้ครอบคลุมพื้นดินและมีขนาดถึงแสนฟุตคล้ายหนอนดินตัวยักษ์ ส่วนที่โผล่ออกมาคือปากของมัน มองไกลๆ ราวกับปากได้ครอบคลุมใบหน้าเกือบทั้งหมด มันอ้าปากและพุ่งเข้าใส่เซียนเต๋าสีรุ้ง
ดวงตาเจ้าอสูรยังคงหลับอยู่ราวกับปิดอย่างถาวร หากมันมีหนวดมากมายรอบร่างกายคงเหมือนอสรพิษพิฆาตจันทร์ ทว่าตอนนี้มันดูแตกต่างคนละแบบ
เจ้าอสูรเข้าประชิดเซียนเต๋าสีรุ้งในพริบตา ขณะที่กำลังจะกลืนกิน เขาพลันสร้างผนึกและตบใส่เจ้าอสูร
ฝ่ามือสีรุ้งตีใส่ศีรษะมันและส่งเสียงดังสนั่น เจ้าอสูรร้องคำรามดุดันและกระเด็นไปหนึ่งพันฟุต ทว่าศีรษะบิดเบี้ยวและงอตัวลง หยุดยั้งตัวเองไว้ก่อนจะสูดอากาศอีกครั้ง!
เซียนเต๋าสีรุ้งถึงกับร่างสั่นเทา แสงสีรุ้งจำนวนมากถูกดึงออกไปจากร่างกายและโดนเจ้าอสูรตัวนี้ดูดซับ!
เซียนเต๋าสีรุ้งมีสีหน้าเปลี่ยนไป ท่าทีของสามขุนพลก็เปลี่ยนแปลงด้วย การปรากฏตัวและกลิ่นอายของอสูรตัวนี้นับว่าทรงพลังและก่อให้เกิดคลื่นรุนแรงในใจ พอสามขุนพลและราชันย์เห็นจึงจดจำได้ทันที!
‘ตาปลา!! นี่…นี่มันเจ้าตาปลาจริงๆ!’
‘ข้าสังเกตได้แล้วว่าที่นี่มีอสูรดุร้าย แต่กลับเป็นตาปลาจริงๆ…เจ้าตาปลาที่เติบโตโดยไม่มีเขตอาคมอันใด…ตอนนี้ผ่านมานานหลายพันหลายหมื่นปี…’ ราชันย์สูดหายใจลึกและมองเจ้าตาปลาด้วยท่าทีเคร่งเครียด
‘แผ่นดินเซียนดารามีอสูรตัวหนึ่งชื่อว่าตาปลา…ตั้งแต่ถือกำเนิดจนกระทั่งตาย มันไม่เคยลืมตา! แต่ในตำนานบอกว่าเมื่อดวงตาของมันเปิดออก โลกจะเปลี่ยนสีสัน!’ ขุนพลเต่าดำมองเจ้าตาปลาและคิดถึงข่าวลือหลายอย่าง
เจ้าตาปลาเคลื่อนไหวและพุ่งใส่เซียนเต๋าสีรุ้ง มันอาฆาตแค้นและฝ่ามือของอีกฝ่ายก็ทำให้มันเจ็บปวดมหาศาล จึงพุ่งออกไปกลืนกินอีกครั้ง
ร่างของมันใหญ่มาก ส่วนที่โผล่ออกมาจากพื้นเป็นเพียงแค่ส่วนเล็กๆ เท่านั้น ซึ่งพอพุ่งเข้าหาจึงปกคลุมท้องฟ้ากลายเป็นเงาขนาดใหญ่
เซียนเต๋าสีรุ้งผุดแววตาสังหารขึ้นมา ยกแขนขวา สร้างผนึกพลางชี้ใส่ท้องฟ้า
“ดึงขุนเขา!” เซียนเต๋าสีรุ้งร้องคำรามและสะบัดแขน แขนสีรุ้งขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นในท้องฟ้าที่มืดมนและพุ่งเข้าหาเจ้าตาปลา
พริบตาเดียวแขนยักษ์ก็คว้ามันได้ เซียนเต๋าสีรุ้งร้องคำรามอีกครั้งและแขนก็ดึงขึ้นมา
พื้นดินสั่นไหว ร่างเจ้าตาปลากว่าแสนฟุตถูกดึงออกมาจากดาวเคราะห์พร้อมกับดิ้นพล่าน หลังจากถูกดึง มันปัดป่ายไปบนพื้นอย่างรุนแรง ดาวเคราะห์สั่นสะเทือนราวกับกำลังแตกสลาย!
ร่างขนาดยักษ์ของเจ้าตาปลาร่อนลงบนพื้น โลหิตสีม่วงจำนวนมากสาดกระจายและปนเข้ากับทรายสีเหลือง
เสียงร้องโหยหวนดังออกมาจากเจ้าตาปลา มันดิ้นรนพยายามลืมตาขึ้น แต่ท้ายที่สุดก็ไม่สามารถลืมตาได้ ราวกับมีพลังที่มองไม่เห็นป้องกันไม่ให้ลืมตาเอาไว้!
อย่างไรก็ตามเสียงกรีดร้องโหยหวนได้ทำให้ดาวเคราะห์สั่นสะเทือนรุนแรงยิ่งขึ้น ขณะที่เซียนเต๋าสีรุ้งหันไปหาหวังหลินถึงกับสีหน้าเปลี่ยนไปมหาศาล
ดาวเคราะห์สั่นสะเทือน เสียงดังสนั่นกึกก้อง บนทะเลทรายอีกแปดแห่งบน ดาวเคราะห์มีเสียงคำราม ทรายสีเหลืองจากแปดทะเลทรายพลันพองตัวราวกับภูเขา ทั้งหมดพุ่งเข้ามาที่นี่
ภูเขาขนาดใหญ่แปดแห่งก่อตัวเป็นเส้นตรงเข้ามาใกล้ที่นี่ด้วยความเร็วสูงสุด พริบตาเดียวแปดภูเขาก็มาถึง ทรายสีเหลืองพังทลายจนกลายเป็นร่างเงาขนาดยักษ์แปดตัว!
พวกมันไม่ใช่ภูเขาแต่เป็นเหล่าตาปลาทั้งแปดตัวที่มีขนาดยาวถึงแสนฟุต!
ดาวดวงนี้ไม่ได้มีตาปลาเพียงแค่ตัวเดียว แต่มีถึงเก้าตัว!!
นอกจากตัวแรกที่บาดเจ็บสาหัส อีกแปดตัวโผล่ออกมาจากแต่ละที่ของ ดาวเคราะห์และล้อมรอบเซียนเต๋าสีรุ้ง พวกมันอ้าปากและพุ่งเข้าใส่ทันที
พื้นดินสั่นสะเทือน ทรายสีเหลืองแตกกระจาย หวังหลินยังคงนั่งอยู่ที่เดิมและ เก็บวิญญาณดวงที่สามกลับไป แขนขวายังประคองคันศรลี่กวงราวกับเป็นรูปปั้น สงบนิ่งไร้การเคลื่อนไหว
เขากำลังรอคอยโอกาสโจมตี การโจมตีนี้จะทำให้สวรรค์สั่นสะเทือนและทำให้เทพปิศาจต้องร่ำร้อง!
ตอนนี้โอกาสนั้นเพิ่มมากขึ้นแล้ว เมื่อเหล่าตาปลาทั้งแปดพุ่งใส่เซียนเต๋าสีรุ้ง หวังหลินพลันยืนขึ้น แขนขวายกคันศร แขนซ้ายรั้งสาย พริบตาเดียวเขารั้งจนสุดราวกับพระจันทร์เต็มดวง!
เกาทัณฑ์ปรากฏบนสายคันศรทันทีที่รั้งจนสุด ปลายศรชี้ไปที่เซียนเต๋าสีรุ้งและ มีกลิ่นอายทำลายล้างแผ่กระจายออกมา
หวังหลินปลดปล่อยแขนซ้ายไปโดยไม่ลังเล สายคันศรดีดผึงกระแทกเกาทัณฑ์พุ่งทะยานเข้าหาเซียนเต๋าสีรุ้ง!
เมื่อเกาทัณฑ์พุ่งออกไป โลกพลันเปลี่ยนสีสัน ก้อนเมฆแตกกระจาย พื้นดินสั่นเทา ท้องฟ้ามืดมน จิตสังหารเหนือจินตนาการพุ่งออกไปพร้อมกับเกาทัณฑ์ ฉีกกระชากท้องฟ้า โลกใบนี้และทุกสิ่งที่กีดขวางทั้งหมดเข้าสู่เป้าหมายที่เซียนเต๋าสีรุ้ง!
ราชันย์ถึงกับหน้าซีดเผือดและรีบล่าถอย เขาถูกเกาทัณฑ์นี้สังหารไปแล้วถึงสองครั้ง ความเจ็บปวดสลักลึกลงกลางใจ!
สามขุนพลเต็มไปด้วยสายตาหวาดกลัว พวกเขาสัมผัสได้ถึงพลังอำนาจของเกาทัณฑ์นี้ได้มาก่อน ตอนนี้พอได้เห็นอีกครั้ง หนังศีรษะจึงชาด้าน!
หวังหลินยิงเกาทัณฑ์ออกไปในจังหวะอันชาญฉลาดยิ่ง ขณะที่เหล่าตาปลา ทั้งแปดตัวกระโจนใส่ เซียนเต๋าสีรุ้งมีท่าทีเปลี่ยนไปและหรี่ตาแคบ เขาส่งเสียงคำรามพลางใช้ฝ่ามือสร้างผนึกและให้แสงสีรุ้งห่อหุ้มร่างกาย
นาทีนั้นที่ตาปลาทั้งแปดเข้าใกล้ เสียงดังสนั่นกึกก้อง เกาทัณฑ์ลี่กวงของหวังหลินแทงใส่แสงสีรุ้งและร่อนลงบนร่างของเซียนเต๋าสีรุ้ง
ดาราจักรเกิดเสียงดังสนั่นทันที ดวงดาวพังทลายและมีเศษหินนับไม่ถ้วนลอยออกไปทุกทิศทาง
หวังหลินล่าถอย โลหิตไหลจากมุมปากแต่ยังถือคันศรอยู่ในมือ
สามขุนพลถูกระลอกเกาทัณฑ์โจมตีใส่และกระอักโลหิต ถอยห่างจากดาวเคราะห์ด้วยความตื่นตระหนก
ทว่าในวินาทีนั้น เสียงคำรามโกรธเกรี้ยวดังสนั่น ตาปลาทั้งแปดเต็มไปด้วยโลหิตสีม่วงและถูกผลักกลับไปมากกว่าหมื่นฟุต แสงสีรุ้งรอบร่างเซียนเต๋าสีรุ้งได้บิดเบือนและหมองหม่นทันที
เซียนเต๋าสีรุ้งข้างในเผยออกมา หน้าอกชุ่มไปด้วยโลหิต เกาทัณฑ์แทงใส่หน้าอกแต่เซียนเต๋าสีรุ้งจับปลายเกาทัณฑ์เอาไว้จนไม่สามารถแทงทะลุผ่านไปและทำลายร่างของเขาได้
เซียนเต๋าสีรุ้งหน้าซีดแต่สีหน้าดุดัน เขาดึงเกาทัณฑ์ออกมาจากหน้าอกอย่างรุนแรงจนโลหิตสาดกระจาย รวมกับใบหน้าอันดุร้ายของเขาแล้วช่างเป็นฉากที่น่าตื่นตะลึง!
ทว่าในขณะที่เขาดึงเกาทัณฑ์ออกมา เหล่าตาปลาทั้งแปดได้ส่งเสียงคำรามสั่นสะเทือนสวรรค์ ร่างกายแต่ละตัวมีโลหิตสาด ดวงตาแง้มเปิดได้เล็กน้อย!
แสงสีดำแผ่กระจาย ตาปลาทั้งแปดพุ่งใส่เซียนเต๋าสีรุ้งด้วยความโกรธเกรี้ยว คราวนี้ร่างกายปกคลุมด้วยแสงสีดำจากดวงตาจนทำให้พวกมันทรงพลังยิงกว่าเดิม!
หวังหลินถือคันศรในมือซ้าย ดวงตามีแสงสีทองเจือจาง เขารั้งสายคันศรรอบที่สองโดยไม่ลังเล เกาทัณฑ์ในมือเซียนเต๋าสีรุ้งหายไปและปรากฏในคันศรของหวังหลิน!
หวังหลินมองเซียนเต๋าสีรุ้งด้วยจิตสังหารเต็มเปี่ยม มือขวาปล่อยลง เกาทัณฑ์ดอกที่สองพุ่งทะยานออกไปดุจลำแสง!
เหล่าคนจากดาวเบญจธาตุซึ่งมีชายชราชื่อหม่าเป็นผู้นำกำลังลอยอยู่ไกลๆ โดยไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้อันบ้าคลั่งนี้ วินาทีที่เขาเห็นหวังหลินรั้งคันศรได้สองครั้งและสัมผัสถึงพลังอันแข็งแกร่ง สีหน้าแต่ละคนถึงกับเปลี่ยนไป
ชายชราชื่อหม่าหรี่ตาแคบลง ใบหน้าเต็มไปด้วยความกลัว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นหวังหลินใช้คันศรลี่กวง ดังนั้นจึงรู้สึกตกตะลึงอย่างรุนแรง
‘คันศรลี่กวงอยู่ในมือเขาจริงๆ! พอเห็นตอนนี้แล้ว คราวที่เขาไปดาวเบญจธาตุ นอกจากพึ่งพาเต๋าแห่งสวรรค์ เขายังมีไพ่ตายอีกใบคือคันศรนี้…’
หยุนเย่เฟิงมีท่าทีสงบนิ่งแต่เกิดคลื่นรุนแรงขึ้นในใจ เขากำหมัดเพื่อระงับอาการตื่นตระหนก รู้สึกโชคดีที่ไม่ไปบังคับให้หวังหลินนำคันศรนี้ออกมา เพียงดอกเดียวเขาก็ไม่มั่นใจแล้วว่าจะต้านทานได้!