Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1763

Cover Renegade Immortal 1

1763. ซุ่มโจมตี!

“ปิดลงแปดในสิบส่วน!!” ขีดจำกัดของหวังหลินคือแปดในสิบส่วน เมื่อเอ่ยขึ้นมาสีหน้าจึงซีดเผือด พลังชีวิตในร่างกายถูกดึงออกอย่างรวดเร็ว ใบหน้าแก่ขึ้นอย่างมาก

ขณะเดียวกันร่มพลันหุบลง เสียงกรีดร้องโหยหวนดังกึกก้อง ไม่รู้ว่าคนตายไปแล้วกี่คน

จิตใจของทั้งสามขุนพลสั่นเทา โลหิตกระจายออกจากมุมปาก แต่ละคนใช้ระดับบ่มเพาะสูงสุดเพื่อต้านทานพลังของเปลวเพลิง พยายามใช้ความเร็วสูงที่สุดเพื่อพุ่งออกไปจากทะเลเพลิงแห่งนี้

เซียนเต๋าสีรุ้งและผีเฒ่าจางนั้นมีท่าทางมืดมนทั้งคู่ กระทั่งต้องใช้ความพยายามส่วนหนึ่งเข้าต่อต้านเปลวเพลิง ถึงแม้ระดับบ่มเพาะของทั้งสองจะสูงส่งแต่ร่างกายไม่ได้เหมือนเหล่าบัญชาโบราณ

เซียนเต๋าสีรุ้งสืบทอดวิชาของราชันย์เทพสีรุ้ง ซึ่งรวมถึงร่มบรรพกาลเผาดินแดนนี้เช่นกัน แม้จะแตกต่างจากที่หวังหลินกำลังใช้อยู่ แต่ไม่มีใครที่นี่รู้ดีไปกว่าเขา ตอนนี้เขาพลันร้องคำรามและพุ่งออกไปจากทะเลเพลิง พุ่งตรงหาหวังหลินด้วยจิตสังหารเต็มเปี่ยม!

หวังหลินกะพริบแววตาเย็นเยียบ หลังจากหุบร่มไปถึงแปดในสิบส่วน จึงรู้ว่า ถึงขีดจำกัดและไม่สามารถหุบไปทั้งหมดได้ อย่างไรก็ตามหวังหลินรู้ผลลัพธ์ของ ร่มบรรพกาลเผาดินแดนเป็นอย่างดี!

ขณะที่เซียนเต๋าสีรุ้งพุ่งออกไป หวังหลินสะบัดแขนซ้าย!

โลกและพื้นดินสั่นสะเทือนโดยมีแสงสีรุ้งโผล่ออกมารอบหวังหลิน แสงสีรุ่งพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้าและเชื่อมต่อกับแสงสีรุ้งรอบตัวเซียนเต๋าสีรุ้งซึ่งพุ่งออกมาจากทะเลเพลิงเป็นคนแรก แสงสีรุ้งนี้ยังเชื่อมต่อกับฟ้าดินอีกด้วย

หอกสีรุ้งแล่งหนึ่งพุ่งออกมาจากพื้นดินด้านข้างหวังหลิน ราวกับมังกรที่พุ่งไปทิ่มแทงใส่เซียนเต๋าสีรุ้ง!

การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นฉับพลัน พริบตาที่เซียนเต๋าสีรุ้งก้าวออกมาจากทะเลเพลิง เขาพลันหรี่ตาแคบ สะบัดแขนเสื้อและมีดอกบัวที่สูญเสียกลีบไปสองกลีบ ดอกบัวห่อหุ้มเซียนเต๋าสีรุ้งพลางหุบกลีบเข้าไปเหมือนตอนที่ป้องกันดาบของหวังหลิน

อย่างไรก็ตามดอกบัวของเซียนเต๋าสีรุ้งไม่สามารถหยุดยั้งหอกสีรุ้งของหวังหลินได้ มันเหมือนกับวิชาร่มบรรพกาลเผาดินแดน ทั้งสองวิชานี้ไม่ได้มาจากโลกถ้ำ หากสามารถแสดงความแข็งแกร่งของวิชาออกมาได้ นั่นถือว่าทรงพลังยิ่งยวด!

หอกพุ่งเข้าใกล้ดอกบัวในพริบตา เมื่อปะทะกัน กลีบดอกบัวพังทลายไปทีละกลีบ ยิ่งเศษแตกกระจายมากขึ้น ดอกบัวก็ยิ่งแตกสลายไปด้วย

เซียนเต๋าสีรุ้งเผยสีหน้าออกมาอย่างมืดมน เขาสะบัดแขนขวาปรากฏหอกสีรุ้ง อันเป็นเอกลักษณ์และปะทะใส่หอกของหวังหลิน

ตึงตัง ตึงตัง ตึงตัง ตึงตัง!

เสียงดังสนั่นกึกก้องไปทั่ว การปะทะกันของหอกทั้งสองเล่มได้ก่อเกิดคลื่นกระแทกรุนแรง วินาทีนั้นการซุ่มโจมตีแบบที่สามของหวังหลินได้ปรากฏขึ้นมา!

ขณะที่แรงกระแทกกระจายออกไป ร่างดั้งเดิมของหวังหลินปรากฏตัวขึ้น ดวงดาวกลางหน้าผากและดาวในดวงตาทั้งสองข้างพลันหมุนติ้วจนเกิดเป็นวังวน ร่างเงาบัญชาโบราณปรากฏขึ้นด้านหลัง ร่างดั้งเดิมของเขาขยายออกไปจนกระทั่ง สูงหมื่นฟุตและผสานกับร่างเงา เขายกขวานแยกสวรรค์ขึ้นมาสับลงไปทันที

ด้วยการฟันครั้งนี้ ขวานแยกสวรรค์ลอยเข้าหาเซียนเต๋าสีรุ้ง ซึ่งเป็นจังหวะที่ ผีเฒ่าจางเดินออกมาด้วย

ผีเฒ่าจางดวงตาส่องสว่างและเต็มไปด้วยความโลภ ขณะที่ร่างดั้งเดิมของหวังหลินกวัดแกว่งขวาน เขาพุ่งทะยานเข้าหาวิญญาณดวงที่สามเบื้องหน้าหวังหลิน!

อย่างไรก็ตามหวังหลินตั้งการซุ่มโจมตีไว้เจ็ดรูปบบ เช่นนั้นจะปล่อยให้ผีเฒ่าจางได้ทำตามที่ตัวเองต้องการได้อย่างไร? แม้หวังหลินจะเทียบระดับบ่มเพาะกับผีเฒ่าจางไม่ได้ แต่เขาได้เตรียมการซุ่มโจมตีเอาไว้แล้ว พอผีเฒ่าจางอยู่ในระยะพันฟุต หวังหลินสร้างผนึกด้วยแขนซ้ายและชี้ออกไป

“ซุ่มโจมตีแบบที่สี่ ใบเรือโลหิตหน้าผี!!”

ผีเฒ่าจางหยุดชะงักในทันใดและเกิดแววตางุนงงขึ้นมา เสียงดังสนั่นหวั่นไหวพร้อมกับหมอกสีโลหิตปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเขา หมอกเปลี่ยนกลายเป็นใบหน้าผีสีแดงและกลืนกินผีเฒ่าจางเข้าไป

ภาพมายานี้สามารถกักขังได้แม้กระทั่งเซียนเต๋าสีรุ้ง ดังนั้นผีเฒ่าจางจึงไม่สามารถหลบเลี่ยงได้เลย พอผีเฒ่าจางถูกใบหน้าผีกลืนกิน เขาจึงนั่งลงทันที สีหน้าท่าทางเปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่อง

ขณะเดียวกันขวานของหวังหลินเข้าไปใกล้เซียนเต๋าสีรุ้ง เสียงขวานแล่นผ่านอากาศจนดังสนั่น หวังหลินรู้ว่ากระบวนท่านี้ไม่สามารถทำให้เซียนเต๋าสีรุ้งบาดเจ็บได้ ดังนั้นเขาจึงยอมทำลายอาวุธเสียเอง!

ขวานแยกสวรรค์แตกกระจายเป็นชิ้นๆ พลังทำลายล้างพุ่งออกมาทันที ขณะที่ร่างดั้งเดิมของหวังหลินแตกสลายและมีโลหิตสาดกระจายไปทั่วทุกที่ แต่ด้วย ร่างอมตะบัญชาโบราณ ร่างกายจึงฟื้นคืนอย่างรวดเร็วพลางล่าถอยไปหาร่างอวตาร พอร่างทับซ้อนกันจึงฟื้นคืนอย่างสมบูรณ์

อย่างไรก็ตามยังมีโลหิตไหลทะลักออกจากปากหวังหลินและย้อมบนเสื้อสีขาว เป็นภาพที่น่าตื่นตกใจ

ทางด้านเซียนเต๋าสีรุ้ง เรือนผมยุ่งเหยิง ดวงตาเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง เขาก้าวเข้าหาหวังหลิน ขณะเดียวกันสามขุนพลและราชันย์ได้พุ่งออกมาจากทะเลเพลิง แต่หลังจากพุ่งออกมาก็หยุดชะงัก สายตาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ!

หลายคนไม่เคยคิดว่าจะได้มาเห็นฉากเหตุการณ์นี้ ผีเฒ่าจางถูกหมอกสีแดงล้อมรอบและนั่งลง ใบหน้าบิดเบี้ยวห่างจากหวังหลินไปพันฟุต

เซียนเต๋าสีรุ้งเรือนผมยุ่งเหยิง ดูเหมือนตกอยู่ในสภาพย่ำแย่และบ้าคลั่ง

พวกเขาไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน และพอคาดเดาถึงผลลัพธ์ จิตใจแต่ละคนจึงเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ราชันย์เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ เนื่องจากรู้ว่าทั้งสองคนนั้นทรงพลังแค่ไหน พวกเขากลับมาจบลงในสภาพย่ำแย่ขนาดนี้เบื้องหน้าหวังหลิน แค่นี้ก็ทำให้จิตใจสั่นเทาได้แล้ว

ขุนพลมังกรฟ้าอ้าปากค้าง มองหวังหลินด้วยความหวาดกลัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เรื่องแบบนี้พอเข้าใจยิ่งเกิดความตกตะลึง

ขุนพลเต่าดำถึงกับหน้าซีดและมองไปรอบๆ เขาจำได้ว่าหวังหลินมีเต๋าแห่งสวรรค์และเกิดความกลัวขึ้นจับใจ กระทั่งรู้สึกเสียใจที่มาที่นี่ด้วย!

ขุนพลวิหคศักดิ์สิทธิ์รู้สึกว่าเรื่องนี้มันซับซ้อนเกินอธิบาย ยากยิ่งที่จะระงับอาการตกตะลึงในใจได้

ซึ่งรวมถึงนางสนมลำดับหกอีกด้วย นางแทบหนีออกไปจากทะเลเพลิงไม่รอดและได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้มาเห็นฉากเหตุการณ์อันน่าสะพรึง จึงรู้สึกหวาดกลัว หวังหลินอย่างยิ่ง

อย่างไรก็ตามความจริงแล้วหวังหลินใช้การซุ่มโจมตีไปแล้วห้าในเจ็ดอย่างและ เขาก็บาดเจ็บ ทั้งร่างอวตารและร่างดั้งเดิมได้รับบาดเจ็บสาหัส ถ้าไม่ใช่เพราะควบคุมลมหายใจเอาไว้ เขาคงฟุบลงอย่างไร้สติไปแล้ว

หวังหลินมาที่นี่ก่อนและวางกับดักเอาไว้แต่ก็ยังบาดเจ็บจนตกอยู่ในสภาวะนี้ นี่แสดงให้เห็นว่าเซียนเต๋าสีรุ้งทรงพลังแค่ไหน!

จิตสังหารของเซียนเต๋าสีรุ้งที่มีต่อหวังหลินพวยพุ่งถึงขีดสุด ตอนนี้เขารีบเข้าประชิดและยกแขนขวา ไม่ได้จะคว้าวิญญาณดวงที่สามแต่จะสังหารหวังหลิน!

หวังหลินหน้าซีด ดวงตาสงบนิ่ง ขณะที่เซียนเต๋าสีรุ้งเข้าใกล้ หวังหลินยังคงถือ คันศรลี่กวงอยู่ในแขนขวาและชี้เป้าไปที่เซียนเต๋าสีรุ้งทางด้านซ้าย

“เต๋าแห่งสวรรค์ กลืนกินโลก!!” วินาทีนั้นโลกสั่นสะเทือนและปรากฏรอยแยกขนาดยักษ์ขึ้นเบื้องหน้าเซียนเต๋าสีรุ้ง มองไกลๆ ดูราวกับรอยแยกนี้คล้ายกับ ปากขนาดยักษ์!

เจ้าอสูรโลกันตร์ปรากฏตัวขึ้นมาและพลันลืมตาเผยความเยือกเย็นและโหดเหี้ยมภายใน พอเซียนเต๋าสีรุ้งเข้ามาประชิด มันจึงกลืนกิน!

เมื่ออสูรโลกันตร์อ้าปากขึ้นแล้วเพื่อจะกลืนกินชีวิตทั้งหมด เหล่าศิษย์สำนักเจ็ดเต๋าพยายามดิ้นรนจนออกมาจากทะเลเพลิงได้ ขณะที่เป็นอิสระและกำลังจับใจความว่าเกิดอะไรขึ้น หลายคนถูกดูดเข้าไปในปากของอสูรโลกันตร์

แม้แต่ทะเลเพลิงส่วนหนึ่งในท้องฟ้ายังถูกเจ้าอสูรโลกันตร์กลืนกินไปด้วย

สีหน้าของขุนพลทั้งสามคนเปลี่ยนไปอย่างยิ่งและประคองร่างตัวเองเพื่อต่อต้าน ทว่านางสนมลำดับหกไม่สามารถต่อสู้กับพลังดึงดูดได้จึงถูกดูดเข้าไปในปาก อสูรโลกันตร์และส่งเสียงกรีดร้อง

ราชันย์ตกตะลึงอย่างสิ้นเชิง เขามองดูอสูรโลกันตร์ด้วยใบหน้าซีดเผือด ตอนที่เห็นเจ้าอสูรโลกันตร์ครั้งแรกเขาเองก็คาดเดาเอาไว้ ฉากที่นายของตัวเองถูกมันกลืนกินเป็นสิ่งที่เขาไม่มีวันลืม

ตอนที่เห็นเจ้าอสูรโลกันตร์จึงลังเลและบอกไม่ได้เพราะท่าทีซื่อบื้อของมัน แต่หลังจากเห็นแววตาเยือกเย็นและโหดเหี้ยมตอนนี้แล้ว ราชันย์รีบถอยโดยไม่ลังเล

สีหน้าท่าทางของเซียนเต๋าสีรุ้งเปลี่ยนไปและพลันหยุดชะงักลง จ้องมอง อสูรโลกันตร์ด้วยสายตาตกตะลึง

“สวรรค์…เต๋าแห่งสวรรค์!!”

อสูรโลกันตร์ยังไม่สมบูรณ์ ดังนั้นจึงไม่สามารถกลืนกินคนที่ทรงพลังเกินไปได้ หวังหลินรู้เรื่องนี้ดีแต่เขายังสามารถทำให้การซุ่มโจมตีครั้งที่ห้าให้เซียนเต๋าสีรุ้ง ตกตะลึงได้!

นอกจากนี้หวังหลินไม่สามารถใช้วิชายับยั้งใส่เซียนเต๋าสีรุ้งได้ เขาไม่สามารถต้านทานพลังตีกลับที่จะเกิดขึ้น จึงทำได้แค่อัญเชิญเจ้าอสูรโลกันตร์ขึ้นมาสร้างผลกระทบที่คล้ายคลึงกับวิชายับยั้ง!

‘ลอบโจมตีแบบที่หก!!’ หวังหลินเผยรอยยิ้มแต่เบาบางมาก โลหิตไหลออกจากมุมปากอย่างต่อเนื่อง จนทำให้เป็นรอยยิ้มน่ากลัวและดุร้าย

หวังหลินใช้แขนซ้ายตีใส่พื้น แรงสั่นสะเทือนได้ปลุกเจ้าตาปลาที่หลับไหลอยู่ให้ตื่นขึ้นมา!

ยามนี้วงกลมโลหิตที่หวังหลินวาดเอาไว้ได้ลอยขึ้นไปในอากาศ เขตอาคมหายไป กลิ่นคาวเลือดและพลังดั้งเดิมไม่ได้ถูกซ่อนอีกแล้วและระเบิดออกมาอย่างรุนแรง

วงกลมโลหิตลอยเข้าหาเซียนเต๋าสีรุ้ง ขณะที่เซียนเต๋าสีรุ้งหลุดจากอาการตกตะลึง วงกลมโลหิตจึงระเบิดออก กลิ่นอายจากวงกลมโลหิตเข้าห่อหุ้มเป้าหมาย ดาวเคราะห์ส่งเสียงดังสนั่น เสียงคำรามดุร้ายจากอสูรที่หลับใหลมานานหลายปีได้โผล่ขึ้นมาจากส่วนลึกของดาวเคราะห์

ขณะที่เสียงคำรามดังขึ้น ทรายสีเหลืองบนดาวเคราะห์ได้พรั่งพรูขึ้นไปด้วยเช่นกัน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version