Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1791

Cover Renegade Immortal 1

1791. สี่จิตวิญญาณปูเส้นทางให้แก่เต๋าแห่งความฝัน

ซวนลั่วถือแส้จักรพรรดิมังกรฟาดออกไป แส้ตรงเข้าหาประตูและเข้าไปในนั้น

ประตูสั่นเทาและเกิดเสียงดังสนั่นกึกก้อง แสงสีทองปั่นป่วนอยู่ข้างใน มันเริ่มพร่ามัวและพังทลายทันที พลังอันแข็งแกร่งพุ่งเข้าไปในประตูทำให้เกิดรอยแยก

รอยแยกลึกมากและไม่รู้ว่ามันไปถึงตรงไหน มันมืดสนิทแต่มีแรงกดดันประหลาดโผล่ออกมาจากความปั่นป่วนภายใน แรงกดดันนั้นบิดเบี้ยวทำให้รอยแยกสมาน อย่างรวดเร็ว

ซวนลั่วดวงตาส่องสว่างและฟาดแส้ไปอีกครั้ง เขาฟาดออกไปถึงเก้าครั้งในรอบเดียว แต่ละครั้งส่งเสียงดังสนั่นกึกก้อง แส้มังกรขยายยาวออกไปหลายหมื่นฟุต ท้ายที่สุดมันก็ลอยเข้าไปในประตูและเปิดเป็นเส้นทางผ่านขนาดเท่าตัวแส้!

เส้นทางสายนี้นำไปสู่แผ่นดินเซียนดารา ดุจเส้นทางแห่งการเกิดใหม่!

“เมื่อเจ้าเกิดใหม่ นอกจากการต่อสู้กับกฎแห่งแผ่นดินเซียนดารา ยังมีอันตรายจากการหลงทางด้วย จำไว้ว่าให้ตามมังกรไป เจ้าจะอยู่บนเส้นทางแห่งการเกิดใหม่!” ซวนลั่วเอ่ยเสียงดังกึกก้อง ฝ่ามือสร้างผนึกและดึงออก

“จิตวิญญาณที่สอง ปิศาจภูเขา ปรากฏในนามแห่งข้า!” ซวนลั่วขยับมือ ปรากฏภาพมายาขึ้นเบื้องหน้า

มันคือภูเขาหิมะสูงเสียดฟ้า! สูงจนไร้ที่สิ้นสุด ปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวและทำให้ทุกคนที่เห็นต้องตกตะลึง

“ทางสู่การเกิดใหม่มีภาพมายาขวางกั้น ภูเขานี้คือปิศาจที่เคยเป็นภูเขาโบราณบนแผ่นดินเซียนดารา แต่มันถูกข้าหล่อหลอม สังเวยวิญญาณมากมายจนกระทั่งได้กลายเป็นปิศาจเทพ!”

“มันสามารถปกป้องวิญญาณเจ้าไม่ให้กระจัดกระจายได้!” ซวนลั่วสะบัดแขนขวา ภูเขาหิมะทะยานเข้าไปยังประตู ถนนหนทางที่มังกรทำเอาไว้เกิดเสียงดังสนั่นและ ถูกแช่แข็งเป็นสีขาว ยืดยาวออกไปไร้ที่สิ้นสุด

ตอนนี้เส้นทางแห่งการเกิดใหม่ถูกภูเขาหิมะปกป้องแล้ว ทว่ามันยังไม่สมบูรณ์!

“จิตวิญญาณที่สาม เทพกระบี่ ข้าขออัญเชิญเจ้า!” ซวนลั่วโบกแขนซ้าย กลางหน้าผากปรากฏร่องเล็กๆ กระบี่ขนาดเท่าฝ่ามือพุ่งออกไป

“ข้าหลอมดาวเคราะห์บุบสลายรอบๆ ชายขอบแผ่นดินเซียนดาราจำนวน 99,999 ดวงเพื่อสร้างกระบี่เล่มนี้ขึ้นมา จากนั้นข้าสังหารคนไปตามรายทางเข้าสู่ แดนเทพจำนวนเท่ากันและหลอมวิญญาณแต่ละคนขึ้นมาเพื่อสร้างกระบี่เล่มนี้!”

“กระบี่เล่มนี้อำมหิตมาก เมื่อมันปรากฏขึ้นมา เหล่าเทพจะรู้สึกหวาดกลัว! วันนี้ข้าจะส่งกระบี่เล่มนี้ไปคุ้มกันพวกเจ้าระหว่างทางสู่การเกิดใหม่! มันจะช่วยให้พวกเจ้าปลอดภัย!” ซวนลั่วสะบัดแขนซ้าย กระบี่เผยกลิ่นอายดุดันพลางทะยานเข้าหาประตู ทั้งยังห่อหุ้มด้วยปราณกระบี่อันน่าตกตะลึง!

เส้นทางแห่งนี้มีมังกรเป็นถนน ภูเขาหิมะคอยเฝ้าระวัง กระบี่อำมหิตนำทาง แม้เส้นทางยืดยาว ปัญหาอื่นนอกจากกฎแห่งแผ่นดินเซียนดาราจะหมดไปและ ลดความเสี่ยงไปได้มหาศาล!

“จิตวิญญาณที่สี่ มารสายลม จงปรากฏตัวเบื้องหน้าข้า!” การเตรียมการของซวนลั่วไม่เพียงจบแค่ตรงนั้น เพราะยังไม่ถึงเวลาของการไปเกิดใหม่บนแผ่นดิน เซียนดารา จุดสำคัญตอนนี้คือการต่อต้านกฎของแผ่นดินเซียนดารา

ซวนลั่วกัดปลายลิ้นและพ่นแก่นโลหิตอันล้ำค่าออกมา โลหิตเขาเป็นสีแดงแต่ในจังหวะที่ปรากฏขึ้นมันกลับเปลี่ยนเป็นสีดำ เคลื่อนไหวและเปล่งควันสีดำออกมา ก่อตัวเป็นร่างที่ถูกหมอกสีดำล้อมรอบเบื้องหน้าซวนลั่ว

ร่างนี้พร่ามัวแต่เต็มไปด้วยพลังมาร พลังมารนี้ไม่ได้มาจากมารโบราณแต่มาจากเจตนาชั่วร้ายของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด เมื่อมีเจตนาชั่วร้ายรวมกันมากพอจะก่อเกิด ร่างมารขึ้นมา!

“ข้าหลอมมารตัวนี้ไปสามวัฏจักรและนานนับหลายปี ข้าได้รวบรวมเจตนาชั่วร้ายของคนนับ 3.6 พันล้านคน มันมีสติปัญญาอยู่แล้วและถือได้ว่าเป็นจิตวิญญาณมาร!”

“ในเผ่าบัญชาโบราณ มีแผ่นจารึกมารที่ดูดซับพลังของผู้เคารพเทิดทูน นั่นคือหนึ่งในสามอาวุธที่แข็งแกร่งที่สุดของข้า!”

“ด้วยเหตุนี้ มันจึงสามารถเปลี่ยนกลายเป็นผนึกเพื่อให้ความทรงจำไม่ได้รับความเสียหายหรือขาดหายไปตอนที่พวกเจ้าไปเกิดใหม่ จากนั้นเมื่อพวกเจ้าตื่นขึ้น ความทรงจำจะฟื้นคืน!”

“จะไม่มีใครสามารถรู้ตัวตนในชีวิตก่อนของเจ้าได้ เว้นแต่จะมีมหาชั้นฟ้าอีกคนค้นวิญญาณ!”

“ด้วยสิ่งเหล่านี้ การเกิดใหม่จะสมบูรณ์แบบ!” ซวนลั่วสะบัดแขนขวา หมอกสีดำทะยานเข้าหาประตู เส้นทางน้ำแข็งในประตูถูกหมอกสีดำปกคลุม

สายหมอกเคลื่อนไหวและดูน่ากลัว แต่มันดูสงบนิ่งราวกับกระจก

หลังจากนำสมบัติที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาสี่อย่าง ซวนลั่วยังมีสีหน้าไม่เปลี่ยนเลย ระดับบ่มเพาะของเขานั้นฝืนลิขิตสวรรค์มากและเตรียมการไว้แล้ว ดังนั้นจึงฟื้นคืนพลังที่ใช้งานไปทันที เขายกแขนขวาขึ้นมาสร้างผนึก ตะวันสีแดงโลหิตพลันปรากฏขึ้นเหนือฝ่ามือ

เดิมทีตะวันดวงนี้มองไม่เห็น แต่ขณะที่ซวนลั่วมองเข้าไปมันจึงเกิดเสียงแตกร้าวดังสนั่น ดวงอาทิตย์ที่มองไม่เห็นจึงเปลี่ยนเป็นมีรูปร่าง!

มันสัมผัสได้ รู้สึกได้และถือได้!

“หวังหลิน สิ่งนี้สร้างขึ้นจากพลังมหาชั้นฟ้าของข้า และมันสามารถเพิ่มพูนพลังวิชาเต๋าของเจ้าได้อย่างไร้ขีดจำกัด จงใช้มันกับเต๋าแห่งความฝันของเจ้า!”

“ใช้มันเพื่อผนึกความทรงจำของแต่ละคนไว้ในความฝัน จนกระทั่งถึงวันที่เจ้าไปถึงค่อยปลุกพวกเขา!”

“ใช้มันเพื่อให้การเกิดใหม่นี้เป็นเพียงความฝัน!” ดวงอาทิตย์สีแดงโลหิตขนาดเท่ากำปั้นลอยเข้าหาหวังหลินและคว้าเอาไว้

เมื่อหวังหลินสัมผัสกับดวงอาทิตย์ จิตใจสั่นเทา เขาสัมผัสได้ชัดเจนถึงกลิ่นอายวูบวาบภายในดวงอาทิตย์จนเขาไม่เข้าใจว่ามันทำให้จิตใจสั่นเทาได้อย่างไร

‘นี่คือพลังของเก้าตะวันหรือ…’ หวังหลินมองดวงตะวันสีโลหิตในมือ ขบคิดชั่วขณะก่อนจะหลับตาลง วิชาเต๋าแห่งความฝันเปิดใช้งาน

วิชาเต๋าแห่งความฝันคือวิชาดั้งเดิมของหวังหลินและทรงพลังอยู่แล้ว ด้วยสมบัติจากซวนลั่ว มันจึงเพิ่มพลังขึ้นหลายเท่าจนเกือบถึงจุดที่ความฝันได้กลายเป็นความจริง!

ระลอกคลื่นที่มองไม่เห็นแผ่กระจายออกมาจากร่างหวังหลินและห่อหุ้มทุกคน ไม่นานนักทุกคนรวมถึงลี่เฉียนเหมยจึงหลับตาและจมตัวเองไปในความฝัน

เวลาหนึ่งก้านธูปไหม้ผ่านไปในพริบตา อักขระพร่ามัวปรากฏขึ้นกลางหน้าผากหวังหลิน และอักขระเดียวกันนี้กะพริบวาบกลางหน้าผากของทุกคนที่นี่ด้วย

ดูเหมือนอักขระเหล่านี้สะท้อนกันและกันจนกลายเป็นการเชื่อมต่อกัน อย่างประหลาด การเชื่อมต่อนี้สามารถทำให้หวังหลินค้นหาพวกเขาเจอได้ในอนาคต

จากนั้นดวงอาทิตย์ในมือหวังหลินจึงแตกสลาย

หวังหลินลืมตาขึ้นมา ทุกคนจึงลืมตาเช่นกัน อักขระกลางหน้าผากแต่ละคน ไม่กะพริบวาบอีกแล้วแต่เป็นใสกระจ่างแทน

ความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูกพลันปรากฏขึ้นในใจของทุกคน ไม่ว่าจะลืมตาหรือหลับตาอยู่ก็ตาม พวกเขาสามารถสัมผัสกันและกันได้ ยิ่งเป็นหวังหลินยิ่งพิเศษ เขารู้สึกถึงมันรุนแรงกว่าทุกคน

“หลังจากพวกเจ้าไปเกิดใหม่แล้ว ความรู้สึกนี้จะเบาบางลงมาก แต่หากเจ้าแต่ ละคนอยู่ห่างกันไม่ไกล จะรู้สึกถึงมันได้ ตอนนี้ให้ก้าวไปบนร่างมังกร ข้าจะส่งพวกเจ้าไปเกิดใหม่!” ซวนลั่วเต็มไปด้วยน้ำเสียงแห่งอำนาจจนหวังหลินและคนอื่นต้องขบคิดเงียบๆ

ฉิงหลิงถอนหายใจยาวและก้าวออกไป เขาเป็นคนแรกที่ก้าวเข้าสู่ประตูออกโลกถ้ำ รวมถึงฉิงซวงลูกสาวก็ติดตามมา โจวยี่กำลังจะก้าวไปแต่มีบางอย่างรัดรอบตัวเอาไว้จนต้องหยุด

“พี่ใหญ่โจว โปรดรอก่อน ข้าจะพยายามช่วยท่านเมื่อท่านได้ไปเกิดใหม่” คำพูดของหวังหลินดังกึกก้องในใจของโจวยี่

“หวังหลิน ไว้เราเจอกันบนแผ่นดินเซียนดารา!” ฉิงหลินดูสบายใจ เขาหันตัวกลับไปคำนับฝ่ามือให้หวังหลิน ทว่าสายตาไม่เต็มใจนั้นเป็นการเผยความคิดจริงๆ ของเขา

ฉิงหลินหันกลับมาและเดินเข้าสู่หมอกนิ่งคล้ายกระจก ฉิงซวงท่าทีเย็นชาราวกับไม่มีสิ่งใดใจโลกส่งผลกระทบกับนาง แต่ก่อนที่จะก้าวไปในสายหมอก นางหยุดชั่วขณะและมองกลับไปที่โจวยี่

“ข้าหวังว่าท่านจะไม่มารบกวนข้า…” คำพูดของนางเย็นชายิ่ง แต่ให้ความหมายลึกซึ้ง ฉิงซวงหายตัวเข้าไปในสายหมอก

โจวยี่ขบคิดเงียบๆ และเผยท่าทีขมขื่น

หวังหลินมองโจวยี่ พวกเขารู้จักกันมากกว่าสองพันปีและรู้ดีถึงความหลงใหลของโจวยี่ที่มีต่อฉิงซวง พอเห็นโจวยี่มีสีหน้าขมขื่น หวังหลินจึงถอนหายใจ แขนขวา วาดผ่านหน้าผากของตัวเอง อักขระกลางหน้าผากหมองลงเล็กน้อยราวกับมีบางอย่างถูกดึงออกไป จากนั้นเขาก็ส่งไปให้หน้าผากของโจวยี่

“ไปเถอะพี่ใหญ่โจว ข้ามอบผนึกความทรงจำของฉิงซวงให้กับท่าน หลังจากทั้งสองไปเกิดใหม่อาจจะมีสายสัมพันธ์อยู่บ้าง บางทีทั้งสองอาจได้เจอกัน”

โจวยี่พยักหน้าอย่างขมขื่นและคำนับฝ่ามือให้หวังหลิน เขาเดินไปหาประตูด้วยความสับสน ไม่รู้ว่าควรเก็บไว้หรือไม่ จากนั้นหายเข้าไปในประตู

คนที่สี่คือ ฉิงชุ่ย เขามาอยู่ข้างกายหวังหลินและมองด้วยรอยยิ้ม

“ศิษย์น้อง ข้าจะรอเจ้าที่แผ่นดินเซียนดารา หากเจ้าตามหาลูกสาวข้าเจอกัน ได้โปรดดูแลนางให้ข้าด้วย” ฉิงชุ่ยยิ้มและมองผีเสื้อสีชาด ความรักของผู้เป็นพ่อ ช่างมหาศาลนัก

ผีเสื้อสีชาดดวงตาแดงเรื่อ หยาดน้ำตาไหลริน นางก้าวเดินออกไปเพื่อจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็กัดริมฝีปาก ท้ายที่สุดก็ไม่ได้เอ่ยอะไร

นางมองดูฉิงชุ่ยก้าวเข้าหาประตูและเฝ้าดูเขาหายวับไปข้างใน หยาดน้ำตาไหล ไม่หยุดจนนางได้เปลี่ยนกลายเป็นลำแสงสีแดงทะยานเข้าประตูเฉกเช่นผีเสื้อ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version