1792. ค่ำนี้ ตระกูลหวังจะส่งเจ้าไปเกิดใหม่
ผู้คนข้างหวังหลินออกไปทีละคน ก่อนจะออกไปก็มักจะคำนับฝ่ามือให้หวังหลินและมุ่งหน้าสู่ประตูเพื่อแสวงหาความฝันของตนเอง
ฉือซานคุกเข่าเบื้องหน้าหวังหลิน เงยศีรษะขึ้นด้วยสายตามุ่งมั่น
“อาจารย์ ฉือซานกำลังไปแล้ว แม้ความทรงจำข้าถูกผนึก ข้าจะไม่ลืมความเมตตาของอาจารย์ แม้ข้าจะไปเกิดใหม่ ข้าจะไม่มีวันลืม!” คำพูดของฉือซานเต็มไปด้วยความหนักแน่น ด้วยเหตุนี้ถึงแม้ความทรงจำจะโดนผนึก สัญชาตญาณก็ยังคงอยู่
สัญชาตญาณนี้เป็นสิ่งที่เขาให้ความสำคัญมากที่สุด เป็นความสัมพันธ์ในฐานะศิษย์ของหวังหลิน
ต่อจากฉือซานก็เป็นซือถูหนาน ซือถูหนานมักจะระมัดระวังเสมอ ตอนนี้ เขาหัวเราะพลางทะยานเข้าหาประตู ดึงขวดสุราออกมาโยนให้หวังหลินรับไว้
“ชีวิตนี้ข้าชื่นชอบการดื่ม แต่ไม่รู้ว่าชีวิตหน้าข้าจะชอบหรือไม่ ข้าขอยกสุราขวดนี้ไว้ให้เจ้าแล้วกัน เมื่อใดที่เจ้าตามหาข้าเจอ มอบมันให้ข้านะ ฮ่าฮ่า ข้าต้องไปเกิดใหม่เป็นราชาเสียแล้ว! บัดซบ ต้องเป็นราชาแน่นอน!” ซือถูหนานหัวเราะเสียงดังกึกก้องพลางหายตัวเข้าไปในประตู
แต่ไม่รู้ว่าความต้องการของเขาจะถูกเติมเต็มหรือไม่ การได้ไปเกิดใหม่เป็นราชาบนแผ่นดินเซียนดาราถือเป็นสิ่งที่ทั้งหวังหลินและซวนลั่วก็ไม่อาจยืนยันได้
‘ข้าหวังว่าเขาจะได้ตามที่ต้องการ…’ หวังหลินมีท่าทีประหลาด เขารู้สึกว่ามันอาจไม่ได้เป็นตามที่ซือถูหนานจินตนาการ
คนสุดท้ายคือ ลี่เฉียนเหมย นางยิ้มให้หวังหลินและไม่พูดอะไรนัก นางเพียงแค่เอ่ยประโยคเดียวและก้าวเดินเข้าหาประตู
“ข้าจะรอท่าน…หากท่านตามหาข้าไม่เจอ ข้าจะรอท่านตลอดไป…”
คำพูดของนางอ่อนโยนแต่หนักแน่นจนเผยให้เห็นลักษณะนิสัยจริงๆ ลี่เฉียนเหมยตัดสินใจแล้วและจะไม่เสียใจ
ด้านนอกประตูเหลือแต่เพียงหวังหลินและซวนลั่ว
ซวนลั่วมองหวังหลินและเอ่ยขึ้น “ทั้งหมดเข้าไปข้างในแล้ว ข้าจะใช้วิชาของข้าเพื่อต่อต้านกฎแห่งแผ่นดินเซียนดารา เจ้าจะเข้าไปข้างในเมื่อใด?”
หวังหลินดวงตาส่องสว่าง เขามองประตูและเอ่ยขึ้นทันที “ผู้อาวุโสส่งคนไป เกิดใหม่บนแผ่นดินเซียนดาราเพิ่มอีกนิดได้หรือไม่?”
“ไม่มีปัญหา เดิมทีข้าคิดว่าคงมีคนหลักร้อยหรือหลักพัน ในเมื่อมีไม่ถึงยี่สิบคน จึงไม่หนักหนาสำหรับข้านัก ตราบใดที่เจ้าไม่ได้พาคนไปมากเกิน ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่” ซวนลั่วยิ้ม
“ข้าจะขอรบกวนผู้อาวุโสให้รออีกห้าวัน ข้าจะนำคนไปเกิดใหม่มา!” หวังหลินดวงตาเยือกเย็น คำพูดสงบนิ่ง
มีอีกหลายคนที่หวังหลินไม่ได้พามาเพราะไม่ต้องการให้ซวนลั่วรับแรงกดดัน มากเกินไป ระหว่างทั้งสองไม่ได้มีความเกลียดชังอะไรกัน แต่เพื่อความสงบสุขของโลกถ้ำนั้นพวกเขาอยู่ในกลุ่ม “อาจถูกฆ่าหรือไม่ถูกฆ่าก็ได้” หลังจากได้ยินคำพูดของซวนลั่วแล้วหวังหลินจึงเปลี่ยนใจ
หวังหลินคำนับฝ่ามือให้กับซวนลั่วและก้าวเท้าออกไป ร่างกายบิดเบือนและหายวับ ปรากฏตัวอีกครั้งตรงสุดขอบค่ายกลระหว่างดินแดนชั้นในและดินแดนชั้นนอก
ค่ายกลแห่งใหม่นี้หวังหลินสร้างขึ้นมาด้วยตัวเอง เขาก้าวทะลุออกไปโดยไม่ลังเล เพียงชั่วเวลาครึ่งก้านธูปไหม้ก็สามารถเข้าสู่ดาราจักรโบราณได้แล้ว!
‘ห้าปรมาจารย์แห่งดาราจักรโบราณ ราชันย์ถูกข้าผนึกและปรมาจารย์เต๋าความฝัน ก็เคลื่อนย้ายเข้าสู่ดินแดนชั้นใน จึงเหลือแต่เมียวหยิน ซูเฉินและจอมมารเก้าสวรรค์ หากข้าทิ้งพวกเขาไป ทั้งสามคนนี้จะสร้างปัญหา ในเมื่อแต่ละคนอ่อนแอแล้ว ข้าจะไปตามหาทีละคนและส่งไปเกิดใหม่!’ หวังหลินมีสายตาเย็นเยียบพลางเข้าสู่ดาราจักรโบราณ สัมผัสวิญญาณแผ่กระจายออกไปทุกทิศทาง
หลังเกิดเหตุการณ์ที่ใจกลางโลกถ้ำ เขาได้บรรลุระดับวิญญาณดับสูญขั้นสูงสุดและมรดกบัญชาโบราณก็แทบจะสมบูรณ์ ตอนนี้หวังหลินมีพลังอำนาจในการต่อกรกับเซียนขั้นแก่นแท้ดับสูญระดับปลายได้แล้ว!
เวลานี้ด้วยระดับบ่มเพาะของเขาพร้อมทั้งเจ็ดแก่นแท้และวิชาบัญชาโบราณ สามปรมาจารย์ที่กำลังบาดเจ็บของดาราจักรโบราณจึงไม่ใช่คู่ต่อกร!
ขณะที่สัมผัสวิญญาณอันทรงพลังของหวังหลินกวาดผ่านไป ดวงตาเปล่งประกาย เขาก้าวเท้าไปข้างหน้าและหายวับไป
ณ ทิศตะวันออกของดาราจักรโบราณ มีดาวเคราะห์รูปพระจันทร์เสี้ยวซึ่งหาได้ยากและเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย กระทั่งมีอสูรดุร้ายบางส่วนอยู่บนนั้น
ดาวเคราะห์แห่งนี้ปกคลุมอยู่ในทะเลทรายสีเหลือง ที่นี่มีแต่กลางคืนเท่านั้น เนื่องด้วยความไม่สมบูรณ์จึงไม่มีต้นหญ้าหรือใบไม้ มีเพียงก้อนหินขนาดใหญ่ที่หมุนรอบดวงดาว
บนยอดรูปพระจันทร์เสี้ยว ทะเลทรายสีเหลืองกำลังลอยอยู่ในอากาศ พื้นดินสีดำ มีรอยแยกอยู่ตรงนั้นและใจกลางรอยแยกมีชายชรานั่งอยู่ ใบหน้าซีดเผือด ดวงตาหลับสนิทเนื่องจากฟื้นฟูพลัง ทว่าโลหิตสีดำระเบิดออกมาจากมุมปากและ หยดลงบนพื้นส่งเสียงซี่ๆ
ขณะที่เขาฟื้นฟูตัวเอง กลิ่นอายคล้ายควันโขมงได้แผ่กระจายออกมาจาก ดาวเคราะห์และเข้าสู่ร่างกายเขาเพื่อฟื้นฟูอีกที
ชายชราคนนี้ไม่ใช่ใครอื่นแต่คือ จอมมารเก้าสวรรค์ผู้ต่อสู้กับปรมาจารย์เต๋าความฝันจนได้รับบาดเจ็บสาหัส!
ตอนนั้นดินแดนเพลิงนรกานต์ของเขาถูกทำลาย วิญญาณได้รับความเสียหาย เขาแทบเอาชีวิตไม่รอดและประคองพลังชีวิตที่เหลือไว้ในร่างกาย ใช้กลิ่นอาย แห่งความตายจากดาวเคราะห์เพื่อฟื้นฟูดินแดนเพลิงนรกานต์ รอบด้านเงียบสงัด ท้องฟ้าสีดำแต่ชายชราพลันเงยหน้า ดวงตาเบิกกว้างและหรี่ตาลง
ขณะเดียวกันแสงสว่างปะทุขึ้นในท้องฟ้าอันมืดมิด ขณะที่แสงส่องประกายบนดาวเคราะห์ ชายหนุ่มชุดขาวผู้หนึ่งก้าวเดินออกมา
เขามีเรือนผมสีขาว สีหน้าท่าทางเยือกเย็น การปรากฏตัวของหวังหลินทำให้ จอมมารเก้าสวรรค์ต้องอ้าปากค้าง เขาเข้าสู่รอยแยกมุ่งไปยังส่วนลึกของดาวเคราะห์โดยไม่ลังเล
หวังหลินไม่เคลื่อนไหว แขนขวาฉีกกระชากพื้นดินด้านล่าง อวกาศเบื้องหน้ากลายเป็นรอยแยกที่ขยายออกไปถึงข้างล่าง มันเข้าแตะดาวเคราะห์จนส่งเสียง ดังสนั่น เกิดเป็นรอยแตกร้าวขยายตัวอย่างรวดเร็ว
พื้นดินด้านล่างแบ่งตัวกันอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาเดียวหวังหลินก็เห็น จอมมารเก้าสวรรค์ที่กำลังมุ่งหน้าไปยังส่วนลึกของดาวเคราะห์!
จอมมารเก้าสวรรค์แทบไม่มีสติ เขารู้สึกว่าพื้นดินด้านหลังกำลังฉีกขาดด้วยพลังอันแข็งแกร่ง เขาสัมผัสสายตาที่จับจ้องแผ่นหลังของเขาได้
“หวังหลิน!! เจ้าจะมาสังหารข้าหรือ?! ระหว่างเราไม่มีความบาดหมางอะไรกัน! ปล่อยข้าไป ข้าสัญญาว่าจะไม่เข้าไปดินแดนชั้นในอีก!!” จอมมารเก้าสวรรค์ถึงกับ หนังศีรษะด้านชา ในใจเกิดระลอกคลื่นครั้งใหญ่ พลังอำนาจของหวังหลินทำให้เขาประหลาดใจ เขาไม่คาดคิดว่าหวังหลินจะแข็งแกร่งได้ขนาดนี้ในช่วงเวลาสั้นๆ!
“ไม่ต้องกลัว ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า ข้าจะส่งเจ้าไปเกิดใหม่!” ขณะที่หวังหลินเอ่ยขึ้นมา เขายกแขนซ้ายไปยังดาวเคราะห์ด้านล่าง ใช้สองแขนเพื่อใช้วิชาผ่าสวรรค์กับ ดาวเคราะห์
“หากเจ้าต้องการฆ่าข้าก็ฆ่าเลย จะบอกว่าส่งข้าไปเกิดใหม่เพื่ออะไร!?” จอมมารเก้าสวรรค์ร่ำร้องและสร้างผนึกอย่างหมดหวัง เขากระหน่ำวิชาทั้งหมดไปเบื้องหน้า นำสมบัติจำนวนมากออกมาต่อต้านพลังอันน่าสะพรึงกลัวนี้
ดาวเคราะห์เริ่มพังทลาย รอยแตกร้าวกระจายอย่างบ้าคลั่ง ชั่วจังหวะนั้น ดาวเคราะห์รูปทรงพระจันทร์เสี้ยวจึงถูกหวังหลินผ่าครึ่งเป็นสองส่วน!
แรงกระทบจากการพังทลายได้เปลี่ยนกลายเป็นพลังมหาศาลกระจายไปยังดาราจักร
เสียงดังปะทุออกมาเบื้องหน้าจอมมารเก้าสวรรค์ วิชาและสมบัติทั้งหมดของเขาพังทลาย พลันกระอักโลหิต จากนั้นกัดฟันแน่นและต้องการหลบหนี ทว่าหวังหลินปรากฏตัวขึ้นก่อน ฝ่ามือร่อนลงใจกลางหน้าผากทันที
“ข้ามาที่นี่เพื่อส่งเจ้าไปเกิดใหม่และไม่ฆ่าเจ้าจริงๆ!” หวังหลินเอ่ยคำพูดสงบนิ่ง นี่เป็นเสียงสุดท้ายที่จอมมารเก้าสวรรค์ได้ยิน เมื่อฝ่ามือของหวังหลินร่อนลงไป วิญญาณจึงถูกผนึกและถูกหวังหลินเก็บเอาไว้
หวังหลินผนึกจอมมารเก้าสวรรค์ได้ง่ายๆ เพราะอีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บอยู่ก่อนแล้ว ตั้งแต่ตอนที่เขามาถึงจนถึงตอนที่ผนึกจอมมารเก้าสวรรค์ เวลาเพิ่งจะผ่านไปเพียงไม่กี่ลมหายใจเท่านั้น หวังหลินมองไปทางตะวันตกด้วยสายตาเยือกเย็น
เขาสัมผัสได้ว่าทางนั้นปรมาจารย์เมียวหยินกำลังฟื้นฟูอยู่
เมียวหยินอยู่บนดาวเคราะห์ที่เต็มไปด้วยพลังปราณ มองไกลๆ มันคือ ดาวเคราะห์ที่มีแต่น้ำ ทั่วทั้งดาวมีเพียงเกาะไม่กี่แห่งและไม่มีแผ่นดิน ส่วนที่เหลือ เต็มไปด้วยทะเล
ทะเลแห่งนี้ไม่ใช่สีฟ้าแต่เป็นสีทอง สายลมซัดคลื่นทะเลสีทองไปเรื่อยๆ อสูรบางตัวกำลังว่ายอยู่ในทะเล บางครั้งก็เผยเงาออกมา พวกมันตัวใหญ่ยักษ์
ปรมาจารย์เมียวหยินนั่งอยู่ในส่วนลึกที่สุดใต้ทะเล รอบด้านมิดสนิท แต่หากมองใกล้ๆ จะเห็นกระดูกสีขาวเป็นกอง
กระดูกสีขาวเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นกระดูกสัตว์ ขณะที่ปรมาจารย์เมียวหยินฟื้นฟูพลังอยู่ใต้ทะเลลึก คล้ายจะมีเสียงคำรามแผ่กระจายผ่านสายน้ำออกไปด้วยกรรมวิธีพิเศษ
‘หวังหลิน ปรมาจารย์เต๋าความฝัน พวกเจ้าสองคนจะไม่ตายดีแน่!!’ ปรมาจารย์เมียวหยินลืมตาขึ้นมาด้วยท่าทีบิดเบี้ยว เขาได้รับบาดเจ็บจึงทำให้ระดับบ่มเพาะตกลงไปอยู่ในขั้นวิญญาณดับสูญ ใช้เวลาอย่างน้อยอีกร้อยปีถึงจะกลับคืน สู่จุดสูงสุดเดิม เขาสามารถฟื้นฟูตัวเองได้เพื่อพยายามย่นเวลาลงเท่านั้น
ขณะที่เขาร้องคำราม ปรมาจารย์เมียวหยินยื่นมือขวาออกไปในทะเล วังวนปรากฏขึ้นและมีอสรพิษทะเลตัวสีดำยาวสั่นเทา มันถูกวังวนจับเอาไว้จนไม่กล้าขยับเขยื้อน
ปรมาจารย์เมียวหยินจับหัวมันมาและกัดคอ สูดเข้าไปและสูบแก่นพลังทั้งหมดของมันมา เจ้าอสรพิษทะเลเปลี่ยนกลายเป็นโครงกระดูกและถูกโยนไปด้านข้างทันที
เขากำลังจะบ่มเพาะต่อไปแต่สีหน้าพลันเปลี่ยนแปลง
ท้องฟ้าเหนือทะเลสีทองเกิดการบิดเบี้ยว หวังหลินก้าวเดินออกมา ดวงตาเปล่งประกายดุจสายฟ้าพลางมองไปยังทะเลด้านล่าง
“เมียวหยิน วันนี้ข้ามาส่งเจ้าไปเกิดใหม่!”