Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1565

Cover Renegade Immortal 1

1565. นางคือโจวซื่อจง

“ตอนนั้นดาวซูซาคุเป็นดาวกึ่งรกร้าง เซียนในแคว้นฮัวเฝินที่ทรงพลังที่สุดอยู่แค่ขั้นวิญญาณแรกกำเนิดเท่านั้น…” นางเผยแววตาหวนรำลึก นางออกมาจากดาวซูซาคุเมื่อนานมาแล้ว แต่ก็มิอาจลืมความทรงจำเหล่านี้ได้

หลังเอ่ยขึ้นมา เซียนแทบทั้งหมดในโรงเตี๊ยมถึงกับเริ่มฟัง บางคนถึงกับเขยิบเข้ามาใกล้ด้วยสายตาหลงใหล

“ดาวซูซาคุคือบ้านเกิดของจ้าวดินแดนปิดผนึก…เขาเติบโตขึ้นที่นั่นและค่อยๆ ก้าวเข้าสู่ความรุ่งโรจน์ในวันนี้…” ขุนนางวัยกลางคนพลันถอนหายใจ

“ข้าเป็นเซียนจากแคว้นฮัวเฝิน แคว้นฮัวเฝินเผชิญกับหายนะจนบังคับให้เราต้องย้ายเข้าหาแคว้นใกล้เคียงอย่างซวนหวู่ แคว้นซวนหวู่ไม่ยินยอม ดังนั้นจึงเริ่มสงครามระหว่างสองแคว้น…” การต่อสู้จากในอดีตแล่นผ่านเบื้องหน้าสตรีชุดม่วง

“หม่าเหลียง…เป็นไปได้ว่าเขาคือจ้าวดินแดนปิดผนึก ตอนนั้นถึงแม้เขาจะเป็น เซียนขั้นพื้นฐานลมปราณ แต่คนหลายร้อยคนที่มีระดับเดียวกันกับเขายังต้อง พ่ายแพ้” นางเอ่ยน้ำเสียงอ่อนนุ่มดังกึกก้องในโรงเตี๊ยม

เมื่อนางเอ่ยขึ้นมาทำให้เซียนรอบข้างหลายคนร้องอุทาน

“ขั้นพื้นฐานลมปราณ สังหารคนระดับบ่มเพาะเท่ากันไปหลายร้อย นี่…นี่แทบเป็นไปไม่ได้!”

“ไม่มีสิ่งใดที่เป็นไปไม่ได้ จ้าวดินแดนปิดผนึกจะเป็นคนที่เราสามารถจินตนาการได้อย่างไร?”

“ยิ่งระดับบ่มเพาะต่ำต้อย ยิ่งมีช่องว่างระหว่างระดับน้อยลง แม้ช่องว่างนั้นจะไม่ได้เล็กน้อยอะไร แต่วิชาและสมบัติที่เซียนขั้นพื้นฐานลมปราณสามารถใช้ได้ก็ยังมีอย่างจำกัด ข้าไม่คาดคิดว่าจ้าวดินแดนปิดผนึกจะแข็งแกร่งตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ไม่สงสัยเลยว่าเขาจะสามารถย้อนทวนกระแสได้ในทะเลเมฆา!”

ขณะที่หลายคนถกเถียงกัน ชายชุดขาวที่เข้ามาข้างในพลันลูบจมูกและตรงเข้าหาเซียนชุดดำ เขายิ้มอย่างอ่อนโยนใส่เซียนชุดดำที่กำลังตื่นเต้น เซียนชุดดำกำลังลุกขึ้นยืนคุกเข่าแต่ก็ต้องถูกฝ่ามือกดลงไปนั่งบนเก้าอี้

“อาจารย์…” เซียนชุดดำคือฉือซาน ดวงตาตื่นเต้นและความคิดขาวโพลน หวังหลินปรากฏตัวขึ้นมาฉับพลัน ฉือซานจึงไม่ทันระวัง

ชายหนุ่มชุดขาวคือหวังหลิน

หลังจากจัดการเรื่องราวของดินแดนเจ็ดสีในดาราจักรอัญเชิญนที หวังหลินกำลังไปที่ดาวซูซาคุเพื่อหลอมแก่นแท้แห่งเวรรกรรม แก่นแท้ชีวิตและความตาย และ แก่นแท้จริงเท็จ

ตอนที่เขาผ่านมาแถวนี้ กลับสัมผัสกลิ่นอายของฉือซานและกลิ่นอายจากรูปปั้นปีศาจโบราณได้ จึงได้มาที่นี่

หวังหลินมองดูฉือซานที่เติบโตขึ้นจึงเผยท่าทีโล่งอก เขายังจำได้ตอนที่พบเจอ ฉือซานครั้งแรกในดินแดนวิญญาณปีศาจ ฉือซานเป็นคนมุ่งมั่นและซื่อสัตย์ แม้จะผ่านไปพันปี ฉือซานก็ยังเหมือนเดิม

‘เด็กคนนี้ยิ่งเหมือนข้าในช่วงแรกๆ โดยแท้’ หวังหลินถอนหายใจ กลิ่นอายเย็นเยียบของฉือซานนั้นคล้ายกับตอนที่เขาอยู่บนดาวซูซาคุ

ฉือซานสูดหายใจลึกและกำลังจะเอ่ยปาก แต่พอได้เห็นหวังหลินส่ายศีรษะจึงไม่กล่าวขึ้นมา อย่างไรก็ตามในแววตามีความตื่นเต้นและความเคารพอย่างสูง

สำหรับเขาแล้ว หวังหลินคืออาจารย์และผู้มีพระคุณ ทั้งชีวิตของเขาเปลี่ยนแปลงไปเพราะหวังหลิน แม้เขาจะตายก็ไม่มีวันลืมสิ่งที่หวังหลินมอบให้

เขาคือฉือซาน ฉือซานผู้ภักดีและเย็นชา!

“ภายหลังสงครามครั้งนั้น ไม่มีข่าวคราวของเขาอีก ข้าจำได้ว่าเขาพร้อมจะออกไปจากแคว้นฮัวเฝินแล้ว ข้าจึงได้พบกับเขามาก่อน…” สตรีชุดม่วงเอ่ยอย่างสงบนิ่ง การสนทนารอบๆ ตัวนางจึงสงบลง

ไม่มีใครสังเกตชายหนุ่มชุดขาวที่เดินเข้ามา ความสนใจของทุกคนได้จับจ้องไปที่สตรีชุดม่วง

“ต่อจากนั้นข้าได้ยินว่าเขาช่วยลี่มู่หวานเอาไว้ และถูกไล่ล่าจากเซียนขั้นแกนลมปราณ เข้าไปสู่สถานที่อันตรายยิ่งบนดาวซูซาคุ มันถูกเรียกว่า…ทะเลปีศาจ” นางเอ่ยเสียงดังก้องพลางนึกถึงอดีต

พอได้ฟังสตรีชุดม่วง หวังหลินจึงหยิบจอกขึ้นมาดื่มไปหนึ่งอึก ดวงตาเต็มไปด้วยความหวนรำลึกและค่อยๆ ยิ้ม เขาจำได้ว่าลี่มู่หวานกำลังถูกเซียนขั้นแกนลมปราณไล่ล่า นางเรียกขอความช่วยเหลือด้วยสายตาอับจนหนทาง

ฉือซานหยิบขวดสุราขึ้นมารินให้อาจารย์

“เซียนขั้นแกนลมปราณ? ฮึ่ม เซียนแกนลมปราณคนนั้นยังมีชีวิตอยู่หรือไม่? เขากล้าดีเช่นไรถึงได้ไล่ตามจ้าวดินแดนปิดผนึก หากเขายังมีชีวิตอยู่ ระดับบ่มเพาะคงไม่สูงนัก แม้จ้าวดินแดนปิดผนึกไม่สนใจ ข้าจะหลอมวิญญาณมัน!”

“ใช่แล้ว เขาไปล่วงเกินจ้าวดินแดนปิดผนึกนั่นหมายถึงไปล่วงเกินเซียนทุกคนใน สี่ดาราจักร!”

“แม่นางโจว เซียนร้ายที่ไล่ล่าจ้าวดินแดนปิดผนึกชื่อว่าอะไร?”

สตรีชุดม่วงส่ายศีรษะและเอ่ยขึ้นเบาๆ “ข้าลืมไปแล้ว…หลังจากนั้นข้าก็ไม่ได้เห็นจ้าวดินแดนปิดผนึกอีกเลย ทว่าหลายร้อยปีต่อมาข้าได้ยินชื่อเซียนคนหนึ่งนามว่า ‘หวังหลิน’ มีชื่อเสียงโด่งดังบนดาวซูซาคุ เขาเป็นเซียนจากแคว้นจ้าวและตอนที่เขาอยู่ในขั้นพื้นฐานลมปราณนั้น เขาไปล่วงเกินเซียนขั้นวิญญาณแรกกำเนิดนามว่า ‘เถิง’ ผู้กวาดล้างตระกูลของเขา”

เป็นครั้งแรกที่เซียนรอบด้านหลายคนได้ยินเช่นนี้ พวกเขาจินตนาการถึงความเจ็บปวดที่จ้าวดินแดนปิดผนึกได้รับในตอนนั้นว่าเป็นสิ่งที่คนธรรมดามิอาจทนได้

“จากนั้นเมื่อเขากลับไปยังแคว้นจ้าวจึงได้ทำสิ่งที่ทำให้ทั้งดาวซูซาคุตกตะลึง สายโลหิตหลั่งไหลดั่งแม่น้ำในแคว้นจ้าว…มันเป็นแม่น้ำจากโลหิตจริงๆ ทั้งตระกูลของเซียนขั้นวิญญาณแรกกำเนิดคนนั้นถูกกวาดล้าง ไม่มีใครรอดชีวิต…”

“เขาไม่ใช่สุภาพบุรุษแต่เพื่อเป็นการระบายความเกลียดชังทั้งหมดออกไป ทุกคนที่มีสายเลือดตระกูลเถิงต่างถูกสังหาร…ลือกันว่าท้องฟ้าในแคว้นจ้าวกลายเป็น สีแดงโลหิต…” สตรีชุดม่วงเอ่ยเสียงสงบนิ่งแต่เซียนรอบด้านทั้งหมดสัมผัสถึง จิตสังหารมหึมาและความเกลียดชังได้

พวกเขากระทั่งได้ยินเสียงร้องคำรามและสั่นสะเทือนสวรรค์ของหวังหลินดังกึกก้องออกมาหลังจากทำการล้างแค้น ขจัดตระกูลเถิงจนไม่เหลือซาก!

หวังหลินขบคิดเงียบๆ ดื่มสุราไปทีละจอก ฉือซานรินต่อไปเรื่อยๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเรื่องราวของหวังหลิน ดังนั้นจึงเงียบเสียงด้วยเช่นกัน

“เยี่ยม นี่สิถึงจะนับว่าเป็นการล้างแค้น!”

“เซียนตระกูลเถิงขั้นวิญญาณแรกกำเนิดคนนั้นควรจะถูกสังหาร แต่ทั้งตระกูลของเขา…” เซียนบางคนดูเหมือนไม่ยอมรับ

“ฮึ่ม เจ้าไม่ใช่จ้าวดินแดนปิดผนึก เจ้าจะรับรู้ความโศกเศร้าและความสิ้นหวังที่คนรักทั้งหมดของเจ้าถูกสังหารได้อย่างไร? ข้าเองก็ไม่คิดว่าเขาทำเกินไป!”

ทุกคนพึมพำ เสียงสตรีชุดม่วงดังกึกก้องต่อไป

หวังหลินดื่มสุราหมดในคราเดียว จากนั้นวางจอกสุราลงและมองออกไปไกล เขาคิดถึงบ้านจริงๆ คิดถึงครอบครัวและอยากกลับไปหาพวกเขา

“ไปเถอะ” หวังหลินยืนขึ้นและก้าวออกมาจากโรงเตี๊ยม ฉือซานทิ้งหินวิญญาณเอาไว้และติดตามหวังหลินมา

“ข้าได้ยินเรื่องอดีตของจ้าวดินแดนปิดผนึก เดิมทีเขามีโอกาสได้กลายเป็นผู้ปกครองดาวซูซาคุ แต่ท้ายที่สุดเขาเลือกที่จะจากไป…บนดาวซูซาคุ มีรูปปั้นของเขาที่คุ้มครองดาวอยู่ด้วย…” ขณะที่สตรีชุดม่วงเอ่ยปาก นางดูเหมือนสังเกตบางอย่างได้และหันไปมองประตูโรงเตี๊ยมโดยไม่รู้ตัว

สายตาของนางผ่านฉือซานไปและหยุดลงบนหลังของหวังหลิน

‘เขาดูคุ้นๆ…’

หวังหลินเปิดม่านประตูโรงเตี๊ยมและหันศีรษะมามองสตรีชุดม่วงที่กำลังมองเขาและเผยรอยยิ้ม เขาส่ายศีรษะเบาๆ และก้าวเดินออกไป

ฉือซานติดตามหวังหลินออกไปนอกโรงเตี๊ยม

สตรีชุดม่วงตัวสั่นเทาและแข็งค้างอยู่ตรงนั้น รอยยิ้มของชายชุดขาวเต็มไปทั่วจิตใจของนาง ภาพนั้นเริ่มทับซ้อนกับร่างในอดีต

“เขา…เขาคือ…” สตรีชุดม่วงสั่นเทาและไม่เชื่อสายตา ความคิดขาวโพลนแต่รอยยิ้มยิ่งชัดเจนและฝังลึกในใจ ราวกับมันกำลังพุ่งออกมาจากความคิด

‘นั่นเขา!!’

“พี่หญิง อะไรหรือ?” สตรชุดชมพูเห็นพี่หญิงเริ่มตะลึง ดังนั้นนางจึงกระตุ้นเตือน นางหันสายตาตามแต่เห็นเพียงม่านประตูที่กำลังส่ายไปมา

ไม่เพียงแค่นางเท่านั้น แต่เซียนรอบด้านทั้งหมดต่างก็มองไป ทว่าพวกเขาเห็นแต่เพียงม่านที่กำลังส่ายไปมาและไม่มีอย่างอื่น

“ไม่มีอะไร…” สตรีชุดม่วงมีชื่อว่า โจวซื่อจง

นางทัดผมไปหลังหูโดยไม่รู้ตัวและเล่าเรื่องในความทรงจำต่อไป ขณะที่นางพูดขึ้นมา พลันเผยรอยยิ้มหวนรำลึกและนึกถึงรอยยิ้มของหวังหลินที่เขาหันกลับมา

ณ ยอดเขาสูงแห่งหนึ่ง สายลมพัดปลิวว่อน หวังหลินยืนอยู่ตรงนั้นโดยมีฉือซานคุกเข่าหนึ่งข้างเบื้องหน้า

“อาจารย์ ฉือซานอยากติดตามท่าน!”

“ฉือซาน เจ้าเป็นศิษย์คนแรกของข้าและเป็นคนที่ติดตามข้ามานานที่สุด” หวังหลินเอ่ยเสียงเบา สายตามองฉือซานอย่างอ่อนโยน

ฉือซานพยักหน้าเบาๆ มองหวังหลินด้วยสายตาผูกพัน สำหรับเขาแล้ว หวังหลินเป็นทั้งอาจารย์และเป็นทั้งบิดาด้วย

“อย่างไรเสีย หากวิหคต้องการเติบโต จำเป็นต้องเผชิญกับสายลมและสายฝนอย่างโดดเดี่ยว เผชิญกับอำนาจของโลก เจอสายฝนและสายลมโหมกระหน่ำจน ก้าวขึ้นไปเหนือก้อนเมฆ เจ้าทำได้ดีมาก…” หวังหลินตบบ่าฉือซาน

“แต่อาจารย์…” ฉือซานกำลังจะเอ่ยปากทว่าหวังหลินส่ายศีรษะและขัดจังหวะ

หวังหลินเผชิญหน้ากับฉือซาน เอ่ยขึ้นช้าๆ “ฉือซาน ศิษย์ของข้าไม่ใช่เซียนที่อยู่ใต้การปกป้องของข้าตลอดไปหรอกนะ ศิษย์ของข้าต้องมีหัวใจของเซียนฝืนลิขิตสวรรค์ ศิษย์ของข้าต้องมีความมุ่งมั่นที่จะต่อสู้กับสรวงสวรรค์!”

“ศิษย์ของข้าต้องเป็นมังกรท่ามกลางบุรุษ เพื่อเหนือล้ำสวรรค์ เขาต้องเป็นคนที่ทุกคนชื่นชมเมื่อเขาพูดว่าเป็นศิษย์คนแรกของข้า!”

“อาจารย์!!” ฉือซานตื่นเต้นและพยักหน้า

“แน่นอนว่าหากใครกล้ากลั่นแกล้งเจ้า อาจารย์มิอาจยอมได้! ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าจงสร้างเส้นทางของเจ้าเองในฐานะศิษย์คนแรกของข้า!” หวังหลินใช้เวลากับฉือซานมากที่สุดในเหล่าศิษย์ของเขาและมีความผูกพันกับฉือซานมากที่สุดด้วย ขณะเอ่ยขึ้นมาแขนขวาลูบใส่ศีรษะลูกศิษย์อย่างเบามือ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version