Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1564

Cover Renegade Immortal 1

1564. ฉือซาน

ปรมาจารย์หงซานมีแววตากระจ่างชัดยิ่งขึ้น เขาสูดหายใจลึกและเกิดเสียงดังกึกก้องอยู่ในร่างกาย หมอกสีแดงโผล่ออกมาจากรูขุมขนและก่อตัวเป็นเสื้อผ้าสีแดงโลหิตทั่วร่างกาย

เขามองหวังหลินและคำนับฝ่ามือ

“ขอบคุณ จ้าวดินแดนปิดผนึก!” เขาเงยศีรษะขึ้นและหันมามองจ้าวตำหนักทัณฑ์สวรรค์ ดวงตาส่องประกายแห่งปัญญา

“ฉิงจิ่วหยาน แม้เจ้าจะเผาไหม้ระดับบ่มเพาะ เจ้าก็มิอาจหนีไปได้ เจ้าจะไม่ได้ตายดี ข้าจะหลอมเจ้าให้กลายเป็นหุ่นเชิดโลหิตและเจ้าจะกลายเป็นตัวช่วยที่ ยอดเยี่ยมของดินแดนชั้นใน!” หลังเอ่ยปาก ปรมาจารย์หงซานเปลี่ยนกลายเป็นเงา สีแดงและพุ่งไปข้างหน้า

จ้าวตำหนักทัณฑ์สวรรค์ถึงกับหน้าซีด แม้เขาจะเป็นเซียนขั้นที่สาม เขายังเป็นเซียนคนหนึ่ง เขาไม่มีพลังอำนาจพอจะต่อสู้กับเซียนทั้งสี่คน ขณะที่ปรมาจารย์ หงซานเข้าใกล้ จ้าวตำหนักทัณฑ์สวรรค์จึงรีบล่าถอย

ทว่าปรมาจารย์หลงผานยกแขนขวาขึ้นมาด้านหลังจ้าวตำหนัก ภาพวาดขุนเขาและสายน้ำเข้าขัดขวางเส้นทางของอีกฝ่ายทันที

ฉิงชุ่ยมีท่าทีเย็นเยียบ ชี้นิ้วใส่จ้าวตำหนัก รอยแตกร้าวบนใบหน้าเริ่มขยายออกไปยิ่งขึ้น! วิชาจันทราทมิฬฟ้ากระจ่างเป็นวิชาที่ฝังตัวเองใส่ศัตรูและสามารถระเบิดพลังน่ากลัวได้อย่างต่อเนื่อง

หวังหลินมีสีหน้าสงบนิ่ง ขณะที่อีกสามคนโจมตี ดวงตาหวังหลินส่องประกาย แสงสีทองรวมกันในปลายนิ้ว ชี้ใส่จ้าวตำหนักทัณฑ์สวรรค์โดยพลัน

“หยุด!”

การต่อสู้จบลงโดยไม่ต้องคาดเดาผลลัพธ์ ดินแดนเจ็ดสีพังทลาย จ้าวตำหนักทัณฑ์สวรรค์นามว่าฉิงจิ่วหยานถูกจับกุมและถูกปรมาจารย์หงซานพาตัวไป

การเผาไหม้วิญญาณของปรมาจารย์หลงผานถูกหยุดเอาไว้ได้ด้วยการช่วยเหลือของปรมาจารย์หงซาน เขาจากไปพร้อมกับลูกศิษย์คือ ปรมาจารย์จงซวน เพื่อรอการรบครั้งถัดไปของดินแดนชั้นนอก

ปรมาจารย์หงซานเชิญชวนหวังหลินให้มาที่ทะเลเมฆา ใช้ชื่อเสียงของ จ้าวดินแดนปิดผนึกเพื่อปะทุจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของเซียนดินแดนชั้นใน จากนั้นนำทัพเหล่าเซียนออกไปตอบโต้

หวังหลินไม่ได้ไปเนื่องจากเขาได้ผลไม้เต๋ามาสามผล ส่วนสำคัญที่สุดตอนนี้คือการบรรลุเต๋าทั้งสามของเขาให้สมบูรณ์ก่อนที่พลังต่อต้านในร่างกายจะระเบิดขึ้นมา เขาต้องทะลวงเปิดประตูดับสูญและบรรลุเต๋าให้เสร็จสิ้น!

ฉิงชุ่ยจากไป เสื้อคลุมสีเขียวของเขาพลิ้วสะบัดท่ามกลางดวงดาวด้วยความรู้สึกเศร้าและโดดเดี่ยว เขาออกไปตามหาลูกสาว บางทีเขาอาจจะหานางพบ หรือบางทีเขาคงไม่มีวันพบนางไปชั่วชีวิต

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ตราบใดที่หวังหลินร้องขอ เขาจะกลับมาจากสุดขอบโลก ทั้งสองไม่จำเป็นต้องกล่าวอะไรกันมาก สิ่งที่พวกเขาพบเจอมาด้วยกันเป็นสิ่งที่ฉิงชุ่ยไม่มีวันลืม

ในหมู่ดาวมากมายบนอวกาศ มีสองคนที่ฉิงชุ่ยห่วงใย หนึ่งในนั้นคือศิษย์น้องของเขา หวังหลิน

การหลบหนีออกมาได้ของปรมาจารย์หงซานได้นำความสุขคืนมาสู่ดินแดนชั้นใน การนำดาราจักรอัญเชิญนทีคืนมาได้จึงส่งผลให้เซียนดินแดนชั้นในที่เหลืออยู่มีความหวัง!

การตายของอาจารย์เทียนจ้าว เพิ่มด้วยปรมาจารย์หลงผานและจับกุมจ้าวตำหนักทัณฑ์สวรรค์ได้ทำให้ดินแดนชั้นในเกิดความมั่นใจขึ้นอีกครั้ง

ภายในดินแดนชั้นในไม่มีดินแดนเจ็ดสีเหลืออยู่อีกแล้ว หลังจากผ่านสงครามไปหลายสิบปี เหล่าเซียนที่เหลือรอดต่างเป็นนักรบที่เจนจัด พวกเขาจำต้องต่อสู้เพราะเมื่อพ่ายแพ้ หนทางที่เหลืออยู่คือความตายเท่านั้น

ปรมาจารย์หงซานแพร่กระจายข่าวเรื่องการกลับมาของจ้าวดินแดนปิดผนึกซึ่งส่งผลกระทบมากที่สุด! ทำให้เซียนดินแดนชั้นในถึงกับเงยหน้า เปลวเพลิงแห่งการต่อสู้ลุกโชนขึ้นในจิตใจ

ณ ดาราจักรฟ้ากระจ่าง มีสถานที่แห่งหนึ่งใกล้ชายแดนระหว่างดาราจักรฟ้ากระจ่างและทุกชั้นฟ้า สถานที่แห่งนี้ถูกพัฒนาเป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนขนาดใหญ่

ดาวเคราะห์หลายดวงคล้ายๆ กันเช่นนี้จึงปรากฏขึ้นตรงชายแดนของทั้งสี่ดาราจักร เซียนจำนวนมากจากทุกสี่ดาราจักรได้รวมตัวกันบนดวงดาวเพื่อแลกเปลี่ยนทรัพยากรที่จำเป็น

ทำให้สี่ดาราจักรค่อยๆ ผสานเข้าด้วยกันอย่างช้าๆ

ยามนี้ บนดาวเคราะห์ในดาราจักรฟ้ากระจ่างซึ่งขนานนามดาวดวงนี้ว่า หนึ่งวิญญาณ มีเซียนมากมายจากทั้งสี่ดาราจักร ยิ่งพวกเขาเข้ามายิ่งทำให้มีชีวิตชีวายิ่ง

เซียนสตรีจากดาราจักรอัญเชิญนทีกลายเป็นกลุ่มที่มีชื่อเสียงที่สุด แม้จำนวนมากจะตายไปในการรบ แต่มีหลายคนชื่อเสียงโด่งดังขึ้นในระหว่างการชิงคืนมาในครั้งนั้น

แม้ดาราจักรอัญเชิญนทีเพิ่งจะฟื้นตัว และเซียนสตรีจากดาราจักรอัญเชิญนทีได้กลับมาเป็นจำนวนมาก ทำให้ดาราจักรอัญเชิญนทีจึงเผยสัญญาณการฟื้นฟู

ดาราจักรอัญเชิญนทีมีเซียนสตรีมากที่สุดและทั้งหมดเป็นหญิงโฉมงาม เสน่ห์และกลิ่นหอมที่พวกนางเปล่งออกมาถึงกับทำให้เซียนบุรุษในอีกสามดาราจักรถึงกับต้อง ตีสนิทจนหาคู่ร่วมหัวจมท้ายไปด้วยกันในชีวิตที่เหลือ

ด้วยเซียนสตรีจากดาราจักรอัญเชิญนทีในปัจจุบัน เมืองทั้งหลายจึงมีชีวิตชีวามากขึ้นไปอีก

ข้างในเมืองแห่งนี้มีโรงเตี๊ยมบางแห่งที่จัดแจงสถานที่บ่มเพาะให้กับเหล่าเซียน ทุกห้องจะมีหินวิญญาณและหินหยกสวรรค์อยู่จำนวนหนึ่ง

บางโรงเตี๊ยมที่มีเบื้องหลังล้ำลึกจะมีผลึกดั้งเดิมให้แก่เหล่าเซียนเฒ่าอีกต่างหาก

ด้านทิศตะวันออกของเมืองที่ปกคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของดาวเคราะห์ มีโรงเตี๊ยมขนาดกลางตั้งอยู่ เซียนหลายคนกำลังนั่งอยู่ในห้องโถงกลางในโรงเตี๊ยม

แม้เหล่าเซียนจะไม่ต้องกิน ไม่ต้องดื่ม แต่อาหารของคนทั่วไปมักจะกระตุ้นความทรงจำในอดีต โรงเตี๊ยมจึงมีให้บริการเสมอ

เนื่องจากสงครามกับดินแดนชั้นนอก จึงเป็นโอกาสดีของการพบเจอสหายเซียน พวกเขามักจะมาเรียนรู้ศึกษากันและกัน บางทีอาจจะได้เจอกันอีกครั้งในสนามรบภายภาคหน้า

ยามนี้มีเซียนหลายคนกำลังนั่งอยู่ตรงโต๊ะด้านทิศเหนือสุดของโรงเตี๊ยม คนผู้หนึ่งลักษณะคล้ายขุนนางอายุวัยกลางคนกำลังยิ้มและพูดคุยกับสหาย

“ข้าเคยกล่าวมาก่อนแล้วว่าข้ารู้จักจ้าวดินแดนปิดผนึก แต่ไม่มีใครเชื่อข้า”

ด้านตรงข้ามเขาเป็นสตรีสองคนที่ทั้งสวยงามทั้งคู่ อย่างไรก็ตามอายุของสองนางกลับแตกต่าง สตรีชุดชมพูซึ่งอ่อนเยาว์กว่ากำลังมีท่าทีสงสัย

“พี่ใหญ่โจวพบจ้าวแห่งดินแดนปิดผนึกที่ไหน?”

สตรีชุดม่วงด้านข้างนางดูแก่กว่าเล็กน้อย นางเข้าสู่วัยกลางคนแล้ว บนใบหน้ามีริ้วรอยแห่งกาลเวลา นางนั่งอยู่สงบนิ่งและไม่ได้พูดอะไรสักคำ

ด้านข้างขุนนางวัยกลางคนเป็นชายชรา เขายิ้มและแทรกเข้ามา “แม่นางซิ่ว อย่าไปเชื่อคำพูดของสหายเซียนโจว ทุกครั้งที่เขาเจอเซียนสตรีฟ้ากระจ่างเช่นพวกเจ้า เขามักจะพูดแบบนี้เสมอ ข้าฟังเขาจนเบื่อแล้ว”

“บนดาวซูซาคุ จ้าวดินแดนปิดผนึกในตอนนั้นมิอาจเทียบระดับบ่มเพาะในวันนี้ของข้าได้ ข้าจำได้ว่าตอนนั้นเขายังเป็นเซียนขั้นแกนลมปราณ ข้าไม่คิดว่าสักวันหนึ่งเขาจะได้เป็นจ้าวดินแดนปิดผนึก!” ขุนนางวัยกลางคนยิ้มออกมาและเมินเฉยคำพูดของชายชรา ใบหน้าเต็มไปด้วยอารมณ์

สตรีชุดชมพูกะพริบตาและเผยความสนใจเล็กน้อย นางมองสตรีชุดม่วงและยิ้มแย้ม

“พี่หญิง ข้าจำได้ว่าท่านเองก็มาจากดาวซูซาคุ ท่านเคยเจอจ้าวดินแดนปิดผนึกมาก่อนหรือไม่?”

หลังจากนางเอ่ยขึ้น ทุกคนรวมทั้งขุนนางวัยกลางคนกลับเงียบลง ทุกคนทั้งหมดมองมาทางสตรีชุดม่วงด้วยความตกตะลึงและอิจฉา รวมถึงดูแฝงความเคารพมาด้วย

แม้กระทั่งเหล่าเซียนใกล้ๆ ที่ได้ยินแบบนี้ยังต้องเงียบเสียง พวกเขาหยุดพูดและมองสตรีชุดม่วงด้วยความเคารพ

ชายวัยกลางคนที่เอ่ยขึ้นมาก่อนหน้านี้รีบยืนขึ้น คำนับฝ่ามือให้สตรีชุดม่วง “ข้าโจวตงเต๋อ คารวะสหายเซียนจากดาวซูซาคุ สิ่งที่ข้ากล่าวก่อนหน้านี้เป็นเรื่องเท็จ ข้าหวังว่าสหายเซียนจะไม่ถือสา”

ไม่ใช่เพียงแค่เขา แต่แม้กระทั่งชายชราและเซียนรอบด้านจำนวนมากพลันคำนับมือเพื่อแสดงความเคารพนางกันหมด

เหล่าเซียนจากทะเลเมฆาก้าวเดินมาหานางและคำนับฝ่ามือ

เรื่องแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นทั่วไปในสี่ดาราจักร แต่มันก็ได้เกิดขึ้นหลายครั้ง ชื่อเสียงของจ้าวดินแดนปิดผนึกไม่ใช่เกียรติยศส่วนตัว แต่ได้มาจากเรื่องราวอันน่าตกตะลึงที่เกิดขึ้นในสงคราม ในความคิดของเซียนดินแดนชั้นใน จ้าวแห่งดินแดนปิดผนึกคือ จิตวิญญาณของดินแดนชั้นใน!

จ้าวดินแดนปิดผนึกนั้นมาจากดาราจักรฟ้ากระจ่าง ดังนั้นเซียนดาราจักรฟ้ากระจ่างจึงได้รับความเคารพจากเซียนอีกสามดาราจักร แม้จะไม่มากนักแต่ก็มีอยู่ เรื่องที่จ้าวดินแดนปิดผนึกมาจากดาวซูซาคุก็เป็นสิ่งที่เซียนทั้งหมดรู้ในตอนนี้

จึงเป็นธรรมดาที่จะเกิดความเคารพต่อเหล่าเซียนจากดาวซูซาคุ!

อย่างไรก็ตามดาวซูซาคุเป็นสถานที่เล็กๆและมีเซียนอยู่น้อยมากที่จะออกมาได้ เป็นผลให้การเจอคนที่มาจากที่นั่นจริงๆ หาได้ยากนัก

เพราะเช่นนั้นเมื่อเจอคนที่เป็นเซียนจากดาวซูซาคุ พวกเขาจึงทำความเคารพอย่างใหญ่โต

ดาวซูซาคุได้รับความเคารพจากทั่วดินแดนชั้นในก็เพราะหวังหลิน

สตรีชุดม่วงดูเหมือนไม่คุ้นเคยกับสถานการณ์แบบนี้ ดังนั้นใบหน้าจึงแดงระเรื่อเล็กน้อย นางยกมือเรียวหยกปัดเรือนผมไปด้านข้างและจากนั้นคำนับให้กับเซียนทุกคนที่คารวะ นางตอบกลับคำพูดของน้องหญิงเบาๆ

“ข้า…ข้าน่าจะเคยเจอเขา…” นางเริ่มรำลึก คำพูดของนางทำให้ทุกคนต้องเงี่ยหูฟัง

“แต่ ข้าไม่มั่นใจว่าคนที่ข้าพบจะเป็นเขาหรือไม่…” นางถอนหายใจ

“พี่หญิงโจว รีบเล่าเถอะ” สตรีชุดชมพูรีบเร่งพี่หญิง

“ตอนนั้นเขาถูกเรียกว่าหม่าเหลียง…ตอนนั้นเขาระดับบ่มเพาะเพียงขั้นพื้นฐานลมปราณเท่านั้น ทั้งยังเป็นคนเย็นชาและโหดเหี้ยม…เขากลับมาจากสนามรบต่างแดนสู่แคว้นฮัวเฝิน หากเขาเป็นจ้าวดินแดนปิดผนึกจริง เขาและลี่มู่หวานน่าจะได้พบกันที่นั่น…ลี่มู่หวานคือสหายสนิทที่สุดของข้า…” สตรีชุดม่วงกล่าวขึ้นอย่างไม่มั่นใจเล็กน้อย

เซียนรอบด้านทั้งหมดฟังอย่างเคร่งขรึม เรื่องจากเซียนของดาวซูซาคุแบบนี้หาฟังยากมาก

ห่างออกไปไกลมีชายหนุ่มชุดดำนั่งอยู่ เขานั่งอยู่คนเดียวและดื่มเงียบๆ สีหน้าท่าทางไม่แยแสและเปล่งกลิ่นอายเย็นเยียบจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้

‘อาจารย์…ท่านอยู่ไหน…’ ชายหนุ่มดื่มสุรา มองออกไปในโรงเตี๊ยมพร้อมกับ นึกถึงอดีต ทว่าในวินาทีนั้นร่างกายเกิดการสั่นเทา มองไปที่ชายชุดขาวที่เข้ามาในโรงเตี๊ยม แววตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและไม่เชื่อสิ่งที่เห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version