1801. มีเรื่องประหลาด มีปัญหา มีสมบัติ!
แคว้นกระทิงสวรรค์เป็นส่วนหนึ่งของแผ่นดินทางทิศตะวันออก พื้นที่เป็นของ เหล่าเทพ ทั้งยังห่างไกลและเต็มไปด้วยภูเขา หากมองจากด้านบน แคว้นกระทิงสวรรค์ส่วนมากล้วนเต็มไปด้วยภูเขา
ลือกันว่าในยุคแรกเริ่มนั้น แคว้นกระทิงสวรรค์คือสัตว์สวรรค์ที่ดุร้ายซึ่งบรรพชนเทพได้สังหารและนำมาวางที่นี่ ทั้งยังลือกันอีกว่าทั้ง 72 แคว้นนั้นความจริงคือ 72 ผนึกที่เอาไว้ผนึกอสูรต่างแดนดุร้ายทั้ง 72 ตัว!
แม้แต่ 36 อาณาเขตของแคว้นโบราณก็มีตำนานที่คล้ายกัน แต่เพราะอยู่มานานเกินไปจึงไม่มีใครรู้ว่าเรื่องนี้จริงหรือไม่ บางทีคงมีแค่คนแบบเก้าตะวันและ เชื้อพระวงศ์ของสองเผ่าที่รู้เรื่องนี้
ส่วนเซียนคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง พวกเขาไม่สามารถสัมผัสตัวตนของอสูรดุร้าย พวกนี้ได้อยู่แล้ว
ลือกันว่าแคว้นกระทิงสวรรค์นั้นมีมาตั้งแต่ยุคโบราณ เหตุผลที่มีภูเขามากมายขนาดนี้เป็นเพราะภูเขาแต่ละแห่งเกิดขึ้นจากกระดูกสัตว์ดุร้าย
ในแคว้นกระทิงสวรรค์มีสองสำนักที่มีชื่อเสียงอยู่สองแห่ง นั่นคือสำนักกุ้ยยี่และสำนักมหาวิญญาณ
สองสำนักนี้มีขนาดใหญ่มากและเป็นส่วนหนึ่งของเก้าสำนักสิบสามกองกำลังแห่งแผ่นดินทางทิศตะวันออก! สองสำนักนี้มีจำนวนศิษย์มากมายแต่เพราะแคว้น กระทิงสวรรค์มีขนาดเท่ากับโลกถ้ำรวมกันหลายสิบใบ การที่พวกเขาจะมาเจอกันได้ถือว่าหายาก ดังนั้นจึงไม่มีเรื่องบาดหมางอะไรกันมากนัก
สำนักมหาวิญญาณนั้นประหลาดมาก พวกเขามีวิธีบ่มเพาะที่แตกต่างกันหลายอย่าง แต่ส่วนที่สำคัญที่สุดคือเน้นไปที่วิญญาณและภาพมายา!
ฟ่านชานเมิ่งเป็นศิษย์ของสำนักมหาวิญญาณ วิชาภาพมายาของนางแสดงให้เห็นถึงพลังอำนาจของสำนักมหาวิญญาณ ลือกันว่ามันมีวิชามายาของสำนักถึงเก้าขั้น ขั้นสูงสุดสามารถเปลี่ยนภาพมายาให้เป็นของจริง นั่นน่าหวาดกลัวยิ่ง
ส่วนสำนักกุ้ยยี่มุ่งเน้นไปที่ห้าธาตุหลัก นอกจากนั้นยังมีกรรมวิธีการสร้าง ชุดเกราะอันเป็นเอกลักษณ์จนทำให้พวกเขามีชื่อเสียง
ต่ำกว่าสำนักกุ้ยยี่และสำนักมหาวิญญาณคือเหล่าสำนักเล็กๆ ยิบย่อยซึ่งถูกสำนักกุ้ยยี่หรือสำนักมหาวิญญาณควบคุมอีกที ทุกช่วงเวลาหนึ่งพวกเขาจะต้องส่งข้อเสนอไปให้ทางสองสำนัก
สำนักเจ็ดเต๋าที่สร้างขึ้นจากราชันย์เทพสีรุ้งถือเป็นหนึ่งในสำนักเล็กๆ ที่ว่ามานี้ แต่เขากลับได้ศิษย์สำนักมหาวิญญาณเป็นคู่รักฝึกเต๋า ดังนั้นจึงได้รับการปกป้องจากสำนักมหาวิญญาณในแคว้นกระทิงสวรรค์ พรสวรรค์ของเขาก็ช่างอัศจรรย์ ดังนั้นจึง มีค่าต่อสำนักมหาวิญญาณ
ทว่าเนื่องจากหลายสิบปีที่ผ่านมา ศิษย์หลักของสำนักกุ้ยยี่นามว่าหยุนยี่เฟิงได้กลับกลายมามีชื่อเสียง ลือกันว่าเขาได้ปิดด่านบ่มเพาะมานาน หลังจากออกมา จึงโดดเด่น สามารถท้าประลองกับศิษย์หลักของสำนักมหาวิญญาณได้หลายคนและเอาชนะได้ทั้งหมด แม้แต่ผู้อาวุโสระดับทั่วไปของสำนักมหาวิญญาณก็ไม่ใช่คู่ต่อกร
ทำให้ชื่อเสียงของหยุนยี่เฟิงเพิ่มขึ้นและกลายเป็นอันดับหนึ่งในศิษย์รุ่นใหม่ของแคว้นกระทิงสวรรค์!
มีหลายคนวางเขาไปเทียบกับสี่อัจฉริยะสวรรค์แห่งแผ่นดินทิศตะวันออก ก่อนหน้านี้และเรียกใหม่ว่าห้ายอดมงกุฎ!
อย่างไรก็ดี หยุนยี่เฟิงถ่อมตัวมากและมักจะส่ายศีรษะเมื่อมีคนเอาเขาไปเทียบชั้นกับ สี่อัจฉริยะสวรรค์แห่งแผ่นดินทิศตะวันออก ไม่ใช่ว่าเขารู้สึกด้อยกว่า แต่เขารู้สึกดูถูก
สิบปีก่อนในช่วงการประลองระหว่างสำนักมหาวิญญาณและสำนักกุ้ยยี่ หยุนยี่เฟิง ทำร้ายศิษย์เก้าคนและสามผู้อาวุโสแห่งสำนักมหาวิญญาณจนได้รับบาดเจ็บด้วยกระบวนท่าเดียว
เมื่อมีคนเอาเขาไปเทียบชั้นกับสี่อัจฉริยะสวรรค์แห่งแผ่นดินทิศตะวันออก เขาบอกประโยคที่ทำให้ทั้งสำนักกระทิงสวรรค์ต้องตกตะลึง
“กระบี่ข้าสามารถทำให้คนจำนวนมากมายบาดเจ็บได้ ข้ากล้าต่อสู้กับเหล่า สี่อัจฉริยะสวรรค์ แต่จะชนะได้หรือไม่ ข้าก็จะไม่ยอมถอยแม้แต่ครึ่งก้าว!”
“แต่ข้าได้พบเซียนคนหนึ่งที่เพิ่งบ่มเพาะมาสองพันกว่าปี ตอนที่ข้ายืนอยู่ เบื้องหน้าเขา…ข้าไม่กล้าแม้แต่กวัดแกว่งกระบี่!”
“ช่างมันเถอะ แม้แต่สี่อัจฉริยะสวรรค์ก็ไม่คู่ควรที่จะถูกเรียกขานว่าอัจฉริยะ! ในความคิดข้า คนรุ่นใหม่ไม่มีใครเทียบกับเขาได้!”
ประโยคนี้ทำให้เกิดระลอกคลื่นและเสียงคำรามครั้งใหญ่ ใครที่ได้ยินเช่นนี้เป็นต้องตกตะลึงและต่างก็คิดเหมือนกัน
คนผู้นี้เป็นใคร?
ใครกันที่ทำให้หยุนยี่เฟิงกล้าพูดขนาดนี้? ถึงกับทำให้เขาไม่กล้ากวัดแกว่งกระบี่เบื้องหน้าเชียวหรือ?
คนที่เพิ่งจะพ่มเพาะมาได้สองพันปีและทำได้ขนาดนี้ หากทั้งหมดเป็นเรื่องจริง สี่อัฉจริยะแห่งแผ่นดินทิศตะวันออกก็ไม่คู่ควรที่จะถูกเรียกว่าอัจฉริยะต่อหน้าคนผู้นั้นจริงๆ!
ขณะที่ประโยคนี้เอ่ยกล่าวออกมา ขณะเดียวกันคนจำนวนมากก็ตั้งคำถาม อย่างไรก็ตามไม่มีใครในสำนักมหาวิญญาณตั้งคำถาม ราวกับผู้คนในสำนักรู้จักคนผู้นี้!
ปรากฎการณ์ประหลาดนี้ดูเหมือนทำให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ ความเงียบของสำนักมหาวิญญาณได้ทำให้คนจำนวนมากคาดเดา!
คนผู้นี้เป็นใคร?
ถึงกับทำให้หยุนยี่เฟิงไม่กล้ากวัดแกว่งกระบี่ ทำให้สี่อัจฉริยะไม่คู่ควรที่จะถูกเรียกอัจฉริยะ ทำให้สำนักมหาวิญญาณไม่กล้าโต้แย้ง ราวกับการที่สำนักมหาวิญญาณเงียบไปคือ การยอมรับว่าคนผู้นั้นมีอยู่จริง! แม้กระทั่งสำนักกุ้ยยี่ก็ไม่ได้พูดถึงสิ่งใดหลังจากศิษย์ของเขาพูดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา ดูเหมือนจะรู้ว่าคนแบบนั้นมีตัวตนจริงๆ!
คนผู้นี้เป็นใคร?
“เขาจะปรากฏตัว เมื่อปรากฏตัวขึ้นแล้ว พวกเจ้าก็จะรู้เอง!” นี่เป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาพูดถึงคนลึกลับคนนั้น
แม้จะผ่านมาแล้วหลายปี ข่าวลือเกี่ยวกับคนลึกลับผู้นี้ก็ไม่หยุดแผ่กระจายในแคว้นกระทิงสวรรค์ ขณะที่มันกระจายกันเป็นปากต่อปาก ข่าวลือก็ยิ่งเกินจริงมากขึ้น
อย่างไรก็ตามคำถามนี้ไร้คำตอบ ส่วนคนที่รู้คำตอบก็ไม่มีใครพูด!
หลังจากเวลาผ่านไปมากขึ้น ข่าวลือก็ไม่รุนแรงอีกแล้วและค่อยๆ ซ่อนอยู่ในใจทุกคน บางทีสักวันหนึ่งพวกเขาคงรู้เองว่าคนผู้นี้คือใคร…
สำนักมังกรฟ้าเป็นหนึ่งในสำนักระดับกลาง พื้นที่ของสำนักเทียบเท่ากับครึ่ง ดาราจักรฟ้ากระจ่าง จากมุมมองของเซียนในโลกถ้ำ มันไม่ได้ใหญ่เท่าอารามเทพอัสนีหรือพันธมิตรเซียน แต่ก็ยังใหญ่โตอยู่ดี แต่บนแผ่นดินดินเซียนดารานั้นถือว่าอยู่ในระดับค่าเฉลี่ย ไม่ใหญ่ไม่เล็กเกินไป
แผ่นดินเซียนดาราถูกลือกันว่ามีสำนักเทพถึงสามหมื่นแห่ง ไม่มีใครรู้ว่าเรื่องนี้จริงหรือไม่ แต่ทุกสำนักแตกต่างกันจริงๆ ชื่อ “สำนักมังกรฟ้า” อาจคิดว่าเกี่ยวกับมังกร แต่วิธีการบ่มเพาะของศิษย์นั้นไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับมังกรเลยแม้แต่น้อย
ศิษย์สำนักมังกรฟ้าล้วนเชี่ยวชาญในการสร้างหุ่นเชิดเข้าช่วยในการต่อสู้ เหล่าศิษย์มักจะหลอมหุ่นเชิดก่อนที่จะออกไปด้านนอก ส่วนหุ่นเชิดนั้นมีระดับและพลังอำนาจที่แตกต่างกันอีก
นอกจากการใช้ไม้หรือกลไกพิเศษ อสูรหรือร่างศพของเซียนก็สามารถนำมาหลอมเป็นหุ่นเชิดได้ด้วย
เหล่าหุ่นเชิดไม่ได้เป็นเรื่องลึกลับ เซียนสำนักอื่นรู้เพียงแค่ส่วนหนึ่ง แต่วิชาหุ่นเชิดของสำนักมังกรฟ้านั้นมีความพิเศษในตัวเอง มันสามารถเปลี่ยนร่างกายของคนให้เป็น หุ่นเชิดเพื่อสั่งการได้ไม่รู้จักเหนื่อย
ลือกันว่าคนแรกที่บรรลุขั้นวิบากดับสูญนั้นอยู่ที่สำนักมังกรฟ้า ผู้อาวุโสตู้ฉิง เขาเป็นคนที่สร้างขึ้นจากไม้ ยามปกติดูเหมือนคนธรรมดา แต่เมื่อใช้วิชาจะมีคนมองเห็นร่างไม้ของเขาได้
ในแคว้นกระทิงสวรรค์ สำนักมังกรฟ้ามีชื่อเสียงค่อนไปทางไม่ดี เหล่าศิษย์และแม้แต่ผู้อาวุโสเองมักจะทำทุกวิธีทางเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการ นั่นรวมถึงการสังหารคนอื่นเพื่อลักทรัพย์สมบัติด้วย
อย่างไรก็ตามผู้อาวุโสตู้ฉิงมีความสัมพันธ์เหนียวแน่นกับสำนักมหาวิญญาณ ดังนั้นพวกเขาจึงทำอะไรก็ได้ตามที่ต้องการ และมีสำนักไม่กี่แห่งที่กล้าไปตอแย
สำนักมังกรฟ้ายังเลือกคนและสำนักที่เป็นเป้าหมายด้วยความระมัดระวัง หากเป้าหมายไม่ควรไปตอแยก็จะหลีกเลี่ยง เป้าหมายหลักนั้นคือคนจากแคว้นอื่น หากเซียนจากแคว้นอื่นผ่านมา นั่นคือเป้าหมายที่ดีที่สุด
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เหล่าศิษย์ส่วนใหญ่อยู่ข้างนอก เร่ร่อน ค้นหาข้อมูลเพื่อส่งมายังสำนัก หากเผชิญกับศัตรูที่ต่อกรด้วยยาก ก็มักจะเรียกคนเข้าช่วยเป็นกลุ่ม
คางเหรินเป็นศิษย์รุ่นที่สามของสำนักมังกรฟ้า เขาเป็นคนเจ้าเล่ห์และโหดเหี้ยมและมีชื่อเสียงมากของรุ่น เขายังมีคุณค่าต่อสำนักอย่างมาก มีสายตาที่ดีและมักจะบอกได้ว่าคนผู้นั้นควรไปล่วงเกินหรือไม่ เพื่อไม่ทำให้สำนักเกิดปัญหา
เขาเป็นชายที่หล่อเหลาจนนึกไม่ออกว่าเป็นคนโหดร้ายได้อย่างไร แม้แต่ศิษย์ รุ่นที่สองก็ยังไม่ต้องการไปล่วงเกินเขา
วันนี้คางเหรินกำลังทะยานผ่านท้องฟ้า มุ่งหน้าไปยังชายแดนแคว้นกระทิงสวรรค์เพื่อดูว่าจะหาคนต่างแดนที่ผ่านมาสักคนหรือไม่ ขณะท่องทะยานผ่านไปได้เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้นไกลๆ!
เขาเห็นรอยแยกหนึ่งปรากฏขึ้นตรงนั้นและมีแสงน่ากลัวกะพริบวาบ ร่างหนึ่งหลุดออกมาได้ ร่างนั้นดูเหมือนกำลังแบกโลงศพและหล่นออกไปไกล
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในชั่วพริบตา เมื่อร่างได้หล่นลงไป รอยแยกในท้องฟ้าหายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้น
การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ทำให้คางเหรินตกตะลึงและขยี้ตา เขาไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน เขามองตรงจุดที่รอยแยกเกิดขึ้นและรู้สึกเหมือนภาพหลอน
ทว่าในไม่นานเขาก็ตื่นเต้น ดวงตาเปล่งประกายเจิดจ้า มุ่งหน้าไปยังร่างที่แบก โลงศพตกลงมา
‘มีเรื่องประหลาด มีปัญหา มีสมบัติ!’ จิตใจคางเหรินเต้นกระดอน สำนักมังกรฟ้าถูกตั้งขึ้นมาโดยผู้อาวุโสตู้ฉิงและนี่คือประโยคแรกของกฎในสำนัก!
ประโยคนี้ศิษย์สำนักมังกรฟ้าทุกคนจำขึ้นใจตลอดหลายปี!
เรื่องประหลาดต้องเป็นปัญหา และหากมีปัญหาขึ้นก็น่าจะเป็นสมบัติ! คางเหรินพุ่งทะยานด้วยความเร็วสูงสุดแต่ก็ยังปกป้องตัวเองด้วยสมบัติ ขณะที่ทะยานไป เขาได้ยินเสียงดังอู้อี้
ห่างออกไปไกล ร่างที่แบกโลงศพร่อนลงบนภูเขา ภูเขามากกว่าครึ่งพังทลายจากการกระแทก เผยให้เห็นชายหนุ่มผมขาวแน่นิ่ง!
‘ร่างกายทรงพลังอะไรกัน!’ คางเหรินเต็มไปด้วยสายตาแห่งความโลภพลางเข้าไปใกล้ด้วยความระมัดระวัง