Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1802

Cover Renegade Immortal 1

1802. นำมันกลับไปในถ้ำ

คางเหรินหมุนวนรอบพื้นที่อยู่สองสามครั้ง หลังจากตรวจสอบอย่างละเอียดเขาจึงเข้าไปใกล้ภูเขาพังทลายที่หวังหลินอยู่

เขาจ้องมองหวังหลินที่กำลังนอนอยู่ตรงนั้น ดวงตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและโลภมากอย่างปิดไม่มิด

‘ร่างทรงพลังขนาดนี้ เป็นคนที่ไม่ใช่เซียนจากแคว้นโบราณที่หาได้ยากมาก! ดูจากรูปร่างหน้าตาเขา ไม่มีดวงดาวกลางหน้าผากและไม่มีกลิ่นอายของเผ่าจากแคว้นโบราณ เขาน่าจะไม่ใช่เซียนจากแคว้นโบราณ!’

‘การเป็นเซียนแล้วมีร่างกายทรงพลังเช่นนี้ สงสัยจริงเขาไปได้มาอย่างไร!’ คางเหรินเลียริมฝีปาก หัวใจเริ่มเต้นเร็วยิ่งขึ้น รู้สึกว่าโอกาสของเขาได้มาถึงแล้ว นี่คือโชคดีที่สวรรค์มอบให้!

ไม่คาดคิดว่าจะเจอโชคดีตกลงมาเบื้องหน้าเพียงแค่ทะยานอยู่บนท้องฟ้า

‘กลิ่นอายของเขาหายไปหมดและตกอยู่ในสภาวะกึ่งตาย เหมาะที่ข้าจะใช้ หลอมเป็นหุ่นเชิด ด้วยหุ่นเชิดนี้ข้าสามารถกำจัดศิษย์รุ่นสองในสำนักมังกรฟ้าได้หมด! หากข้าทำให้บรรพชนเฒ่าสนใจและยอมรับเป็นศิษย์ อนาคตของข้าจะพวยพุ่งไปไกลแน่!’ ขณะที่คางเหรินคิดเช่นนี้ เขาเริ่มตื่นเต้นยิ่งขึ้น

แม้จะตื่นเต้นแต่ก็ไม่ลืมความระมัดระวัง เขาหยุดห่างจากหวังหลินไปหลายร้อยฟุตและเตรียมการเรียกสำนักตัวเองมาหากเกิดเรื่องแย่ขึ้น นอกจากนี้หากเขาไม่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง การรายงานไปที่สำนักก็ยังได้รับความดีความชอบมหาศาล

แขนขวาสร้างผนึก ปรากฏรอยแยกขึ้นบนข้อมือแต่มันก็หายไปอย่างรวดเร็ว หินหยกสีหมึกปรากฏขึ้น กลิ่นอายรุนแรงแผ่กระจายออกมาจากมัน

คางเหรินถือหินหยกและโยนออกไปโดยไม่ลังเล หินหยกโยนเข้าหาหวังหลินและร่อนไปบนหน้าอก ส่งเสียงตึงตัง หินหยกระเบิดออก ภูเขาสั่นสะเทือนกลายเป็นแรงกระแทกอันทรงพลัง

คางเหรินล่าถอยไปพันฟุตด้วยความตกตะลึง ดวงตาตื่นเต้นยิ่งขึ้น

‘เขาไม่ได้ต่อสู้กลับมา คงตายหรือไม่ก็สลบไป!’ คางเหรินยิ้มขึ้นก่อนจะพุ่งเข้าไปใกล้หวังหลินทันที

แม้แรงกระแทกจากหินหยกจะทรงพลัง มันก็ไม่ทำให้หวังหลินบาดเจ็บเลย ความจริงแล้วหินหยกมีพลังเท่าเซียนขั้นชำระสวรรค์นั้นไม่สามารถทำให้หวังหลินบาดเจ็บได้ ถึงแม้จะมีเป็นหมื่นชิ้นก็ตาม

ส่วนโลงศพเลี่ยงสวรรค์นั้นมันยังถูกหวังหลินปกป้องจนไม่ได้รับความเสียหาย ลืมเรื่องคางเหรินไปได้เลย แม้แต่เซียนที่ผ่านด่านวิบากแก่นแท้ไปหลายขั้นก็ยังทำความเสียหายต่อโลงศพได้ยากมาก

เมื่อคางเหรินเข้าไปใกล้หวังหลิน ดวงตาหรี่แคบและมองโลงศพเลี่ยงสวรรค์ด้านหลังหวังหลิน เขาเห็นสตรีข้างใน แม้นางจะงดงามมากแต่ท่าทีหลับใหลนั้นได้ทำให้เกิคดวามคิดชั่วร้ายปรากฏในสายตาเขา

‘ฮ่าฮ่า ข้าไม่ได้หน้าตาดีนัก แต่นี่กลับมีเซียนสตรีมาถึงที่ เยี่ยม เยี่ยม! ข้าจะหลอมนางให้เป็นหุ่นเชิดเหมือนกันและเอามาบริการข้า ช่างน่าอิจฉาจริงๆ!’ คางเหรินเลียริมฝีปาก ฝ่ามือสร้างผนึกก่อนจะชี้ไปยังท้องฟ้า ปรากฏรอยแยกบนแขนขวาและ มีตาข่ายขนาดใหญ่ลอยออกมาจับหวังหลินและโลงศพบนหลัง

จากนั้นคางเหรินก็สะบัดแขนเสื้อ ห่อหุ้มด้วยสายลมสีดำ เขาคิดว่าตัวเองเจอ โชควาสนาครั้งใหญ่และทะยานออกไป

‘วันนี้ข้าได้อะไรดีดีมากมาย! ฮ่าฮ่า สวรรค์มีตา ต้องการให้ข้ายิ่งใหญ่!’ คางเหรินตื่นเต้นและไม่กล้าอยู่ข้างนอกนานนัก ความคิดเดียวในหัวตอนนี้คือการมุ่งหน้ากลับไปยังสำนักเพื่อหลอมหุ่นเชิด!

สำนักมังกรฟ้าตั้งอยู่บนเทือกเขาใหญ่ที่ล้อมรอบด้วยพิษ ภูเขาใกล้เคียงถูกเจาะเป็นห้องหินนับไม่ถ้วนเพื่อทำเป็นถ้ำ

เพียงมองด้วยตาเปล่าถึงกับเห็นเทือกเขาสุดลูกหูลูกตา สำนักมังกรฟ้ามีศิษย์อยู่เกือบห้าหมื่นคน แต่ส่วนใหญ่ออกไปข้างนอกหรือไม่ก็ปิดด่านบ่มเพาะ นอกจากการพบเจอกันประจำปีแล้วการจะได้เจอกันค่อนข้างหายาก

คางเหรินเข้าไปใกล้สำนักด้วยการพุ่งเป็นลำแสง แม้ภูเขาจะห่อหุ้มด้วยพิษ แต่พิษเหล่านั้นเคลื่อนออกด้านข้างตอนที่เขาเข้าไป เห็นได้ชัดว่าเขามีของบางอย่างเอาไว้ปกป้องพิษด้วย

หลังจากพุ่งเข้าไปในพิษ ภูเขาใหญ่ยักษ์ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าคางเหริน มีถ้ำนับไม่ถ้วนที่มองเห็นได้บนภูเขา

ขณะที่คางเหรินกำลังเข้าไปในหุบเขา เสียงคำรามดังออกมาจากภายใน

“ใครถึงกล้าทะลวงเข้ามาในหุบเขา? เอ่ยนามเจ้ามา หากเจ้าไม่เอ่ยมาในสาม ลมหายใจ เจ้าจะต้องทนทุกข์กับผลที่ตามมา!”

คางเหรินมีแววตาเย็นเยียบพลางหยุดอยู่นอกหุบเขาและร้องคำราม “ดุจเมฆา นี่มันหมายความว่าอย่างไร”

“โอ้? เป็นน้องคางนี่เอง หมอกหนาเกินไปจนข้ามองเห็นไม่ชัด ไม่ใช่ว่าน้องคางเพิ่งจะออกไปหรือ? เจ้ากลับมาแล้ว? ใช้ตาข่ายหุ่นเชิดจับอะไรได้มา?” น้ำเสียงฟังดูสบายๆ ชายหนุ่มหลังค่อมก้าวออกมาจากหุบเขา

ชายหนุ่มผู้นี้หล่อเหลา แต่หลังค่อมได้ทำให้โครงร่างที่ดูดีทั้งหมดหายไป เหมือนมีบางสิ่งปกปิดเกี่ยวกับตัวเขาเอาไว้

“เจ้าเสียงดังเกินไปแล้ว!” คางเหรินพ่นลมหายใจเย็นและมุ่งหน้าเข้าไปในหุบเขา ชายหนุ่มหลังค่อมมีท่าทีดุร้ายพลางจ้องตรงตำแหน่งที่คางเหรินหายไป

‘มีบางอย่างประหลาด มีปัญหา มีสมบัติ!’ ขณะที่เขาขบคิดจึงทิ้งหุ่นเชิดไว้ที่นี่และทะยานเข้าไปยังหุบเขา

ส่วนคางเหรินนั้นทะยานผ่านหุบเขาและเข้าไปใกล้ภูเขา จากนั้นเข้าไปในถ้ำแห่งหนึ่งและสะบัดแขนซ้าย

ประตูถ้ำปิดลงอย่างช้าๆ กระตุ้นค่ายกลขึ้นมาสร้างประตูให้แข็งแกร่งทนทาน เขายังไม่มั่นใจอีกจนสะบัดแขนให้หุ่นเชิดเก้าตัวที่มีหลายช่วงอายุปรากฏขึ้นมาคุ้มกันประตูเอาไว้

ขณะเดียวกันมีร่างไม้สีดำสองคนปรากฏขึ้นในถ้ำ พอคางเหรินก้าวออกมา ชายร่างไม้จึงเผยแววตาเป็นแสงน่ากลัว

คางเหรินไม่ได้มองพวกมันพลางก้าวเดินผ่านไป เขามาถึงส่วนลึกของถ้ำ ที่นี่มีไข่มุกราตรีที่ปลดปล่อยแสงอ่อนโยนในถ้ำ ทว่าแสงนั้นไม่ได้รุนแรงนักจนทำให้ในถ้ำยังรู้สึกมืดสลัว

ภายใต้แสงของไข่มุกราตรีมีค่ายกลขนาดกว้างร้อยฟุตปลดปล่อยกลิ่นอายสีม่วง กลิ่นอายนี้ทำให้ค่ายกลดูแปลกประหลาดมาก

นอกจากค่ายกลแล้วคางเหรินยังสะบัดแขนขวา หวังหลินถูกเขาพาออกมาวางไว้ในค่ายกล

คางเหรินลูบคางตัวเองอย่างตื่นเต้นพลางจ้องมองค่ายกลที่ถูกห่อหุ้มด้วยสายหมอก ดวงตาพลันเปล่งประกายเจิดจ้า

‘ข้าต้องหลอมมันให้เร็วที่สุด ดุจเมฆาผู้นั้นเป็นต่ำทรามมาก เมื่อมันรู้ว่าข้านำ หุ่นเชิดกลับมา มันจะต้องวางแผนบางอย่างในใจ!’ คางเหรินสะบัดแขนขวา วัตถุดิบส่วนหนึ่งที่สำนักมังกรฟ้าใช้หลอมหุ่นเชิดได้ลอยออกมาหาค่ายกล

ขณะเดียวกันแขนซ้ายสร้างผนึกและกดลงต้านกับค่ายกล ค่ายกลส่งเสียงดังและเริ่มเปิดใช้งาน สายหมอกก่อตัวเป็นวังวน จากนั้นกำเนิดแห่งเปลวเพลิงถูกดึงออกมาจากพื้นดินใต้ค่ายกล ทำให้ถ้ำเต็มไปด้วยความร้อน

คลื่นความร้อนร่อนไปบนร่างของคางเหรินและทำให้หยาดเหงื่อชะโลมหน้าผากทันที

‘ทุกครั้งที่ข้าหลอมหุ่นเชิด ข้าจำเป็นต้องใช้เปลวเพลิงปฐพีซึ่งมันร้อนเกินไปมาก มีแต่พวกเซียนทรงอำนาจที่มีแก่นแท้เปลวเพลิวเท่านั้นจึงจะไม่ได้รับผลกระทบจากเพลิงปฐพี ทั้งยังใช้มันบ่มเพาะได้ด้วย’

‘ไม่รู้ว่าเมื่อใดข้าจะได้กลายเป็นเซียนทรงพลังกับเขาบ้าง…’ คางเหรินเต็มไปด้วยสายตาปรารถนา เขาเร่งความเร็วของการดึงเพลิงปฐพีออกมาและเริ่มทำการหลอม

พยายามโยนวัตถุดิบเข้าไปในค่ายกลอย่างต่อเนื่อง สีหน้าท่าทางตื่นเต้นมาก

‘ไม่ว่าเจ้าจะเคยเป็นใคร ตอนนี้เจ้าอยู่ในมือข้าแล้ว เจ้าจะกลายเป็นหุ่นเชิดของข้า! ข้าจะหลอมเจ้า! ข้าจะหลอมเจ้าแน่นอน!’

เมื่อค่ายกลเปิดใช้งาน ด้านนอกถ้ำมีชายหนุ่มหลังค่อมยืนอย่างเคารพอยู่บน ยอดเขาอีกลูก เบื้องหน้าเป็นชายชราผมขาว

ชายชราใบหน้าดำแกมม่วงซึ่งตัดกับเรือนผมสีขาวมาก กลิ่นอายของเซียน ขั้นสวรรค์ดับสูญระดับต้นแผ่กระจายออกมาจากร่างเขา

“เจ้ากล้าขัดขวางการปิดด่านบ่มเพาะด้วยเรื่องเล็กน้อยแค่นี้หรือ? แม้เจ้าจะมีเรื่องบาดหมางส่วนตัวกับคางเหริน…” ชายชราเอ่ยขึ้นมา ดวงตาส่องสว่าง สายตามองทะลุไปยังถ้ำที่คางเหรินอยู่ข้างใน

เขาสัมผัสได้ถึงค่ายกลที่ใช้หลอมหุ่นเชิด

ชายหนุ่มหลังค่อมคุกเข่าลงและเอ่ยกระซิบ “อาจารย์ มีบางอย่างประหลาดเกี่ยวกับหุ่นเชิดที่เขาพากลับมา คางเหรินไม่ค่อยรีบร้อนขนาดนี้ ข้ารู้จักเขาตั้งแต่ ยังเล็ก มันต้องมีปัญหาบางอย่าง!”

“หุ่นเชิดนั่นต้องเป็นสมบัติ! ข้าหวังว่าอาจารย์จะขโมยมันมามอบให้ศิษย์…”

ชายชรายังคงมองออกไปไกล ผ่านไปสักพักเขาหรี่ตาเล็กลงและยืนขึ้น

พอเห็นชายชรายืน ชายหนุ่มหลังค่อมเผยท่าทีเปี่ยมสุข

“แยกเพลิงมากขนาดนั้นต้องมีปัญหาอยู่จริงๆ…ช่างมันเถอะ ตามข้าไปดูว่า เขากำลังหลอมหุ่นเชิดแบบไหนอยู่!” ชายชราสะบัดแขนเสื้อและก้าวออกไปจากถ้ำ ชายหนุ่มหลังค่อมรีบติดตามไปพลางระงับความตื่นเต้นไปด้วย

ส่วนคางเหรินนั้นชุ่มไปด้วยเหงื่อแต่ก็ตื่นเต้นมากกว่าเดิม เขาไม่นั่งอีกแล้วและเดินไปรอบค่ายกล วางผนึกอย่างต่อเนื่องและส่งวัตถุดิบออกไปหลายอย่าง

สายตายิ่งตื่นเต้นรุนแรง

‘ข้าใช้วัตถุดิบของข้าไปทั้งหมด เมื่อข้าหลอมหุ่นเชิดนี้ได้สำเร็จหล่ะก็ ฮ่าฮ่า!’ คางเหรินลืมเรื่องราวทุกอย่างและเดินไปมาเร็วขึ้น

หวังหลินนอนอยู่ในหมอกและถูกห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิงราวกับกำลังถูกเผาไหม้ ทว่าเปลวเพลิงรอบตัวเขาไม่ได้เผาไหม้หวังหลินเลย พวกมันดูเหมือนตื่นเต้นและ เข้าไปในร่างกายอย่างต่อเนื่อง

ชั่ววินาทีนั้นหวังหลินพลันลืมตาขึ้นมา

รอยสักน้ำหมึกที่เกิดจากราชายุงบนแขนขวาพลันลืมตาของมันขึ้นมาด้วย เจ้าราชายุงเต็มไปด้วยสายตาเยือกเย็นจนน่าหวาดกลัว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version