1803. เปลวเพลิงปฐพีเปลี่ยนแปลง
นี่คงเป็นครั้งแรกที่หวังหลินลืมตาบนแผ่นดินเซียนดาราก่ อนที่เขาจะทำให้ ทั้งแผ่นดินสั่นสะเทือน!
เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นแผ่นดินเซียนดาราด้วยตาตัวเอง เป็นครั้งแรกที่เขาสัมผัสถึงกลิ่นอายของแผ่นดินเซียนดาราด้วยตัวเอง!
เมื่อหวังหลินตื่นขึ้น เขาตรวจสอบโลงศพเลี่ยงสวรรค์ด้านหลัง หลังจากมั่นใจว่าไม่มีอะไรผิดพลาดจึงตรวจสอบเพลิงปฐพีรอบร่างกาย
เป็นแค่เพลิงปฐพีมาเผาร่างหวังหลิน กล้าดีอย่างไร?
เพลิงปฐพีที่ถูกแยกออกมานั้นดูเล็กน้อยมาก เขามีแก่นแท้เพลิง ดังนั้นไม่เพียงเพลิงปฐพีจะไม่ทำอันตรายเขา มันยังเร่งให้เขาตื่นขึ้นอีกด้วย ทั้งนี้เพราะมันเป็น เพลิงปฐพีจากแผ่นดินเซียนดารา จึงเกิดการเปลี่ยนแปลงประหลาดขึ้นเมื่อมันผสานกับแก่นแท้เพลิงของหวังหลินจากโลกถ้ำ!
การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนบนแผ่นดินเซียนดารา เป็นการต่อสู้ระหว่างแก่นแท้เพลิงต่างถิ่นและแก่นแท้เพลิงบนแผ่นดินเซียนดารา!
หากแก่นแท้เพลิงของแผ่นดินเซียนดาราได้รับชัยชนะ เมื่อนั้นแก่นแท้เพลิงของ หวังหลินจะถูกกลืนกินและกลายเป็นส่วนหนึ่งของแผ่นดินเซียนดารา หากเป็น กรณีนั้นระดับบ่มเพาะของหวังหลินก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงและเขายังมีแก่นแท้เพลิง ทว่าเขาไม่ได้เป็นจ้าวเหนือเปลวเพลิงทุกโลกหล้า เพราะเปลวเพลิงนี้เป็นของแผ่นดินเซียนดารา
แต่หากหวังหลินได้รับชัยชนะขึ้นมา แก่นแท้เพลิงของหวังหลินจะเหนือกว่าของแผ่นดินเซียนดารา เขาจะกลายเป็นจักรพรรดิแห่งเปลวเพลิงที่แท้จริง!
หวังหลินมองสายหมอกด้านบน สัมผัสได้ถึงเซียนอ่อนแอที่กำลังเดินรอบตัวเขา โยนผนึกและของที่ไม่เคยเห็นมาก่อนอย่างต่อเนื่อง ของเหล่านี้ช่วยเร่งเปลวเพลิงและช่วยควบคุมค่ายกลด้านล่าง
พลังประหลาดโผล่ออกมาจากค่ายกล และต้องการเข้าไปในร่างหวังหลินเพื่อทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
แม้หวังหลินจะตกอยู่ในอาการสาหัสและไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น ด้วยไหวพริบของเขาจึงคาดเดาบางอย่างได้ทันที
‘ตอนที่ข้าไม่มีสติ ข้าถูกคนผู้นี้นำมาหลอมอยู่ที่นี่…จากที่มองดูค่ายกล ดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับหุ่นเชิด…หรือเขาพยายามหลอมข้าไปเป็นหุ่นเชิด?’ แววตาหวังหลินเย็นเยียบขึ้นมา
ในโลกถ้ำ ไม่มีใครลองดีหลอมเขาให้กลายเป็นหุ่นเชิด แม้แต่คนแบบราชันย์เองยังไม่กล้าและยังหวาดกลัวเขา!
หวังหลินไม่ถือว่าค่ายกลคุ้มค่าต่อเวลาของเขา แม้จะมีความลึกลับบางอย่าง แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาศึกษา หวังหลินค้นพบว่าเพลิงปฐพีที่นี่น่าสนใจ
เขาเมินเฉยคางเหรินที่ยังคงหลอมอย่างตื่นเต้นและไม่ได้รู้ว่าหวังหลินตื่นขึ้นแล้ว สัมผัสวิญญาณของหวังหลินแผ่กระจายตรงออกไปยังใต้ดิน
เขาต้องการเห็นว่าเพลิงปฐพีนี้มาจากไหน เพลิงจากแผ่นดินเซียนดาราเทียบกับเพลิงของเขาแล้วเป็นอย่างไร?
ขณะที่สัมผัสวิญญาณแผ่กระจายออกไป หวังหลินเผยสายตาเป็นแสงแปลกประหลาด เขาเห็นว่าใต้ภูเขาในบริเวณพื้นที่หลายหมื่นลี้คือ กลุ่มก้อนสายเปลวเพลิง!
เทือกเขาแห่งนี้ตั้งอยู่บนยอดกิ่งก้านสาขาของเปลวเพลิงปฐพี! กิ่งก้านดูใหญ่แต่ความจริงมันบางมาก มันเชื่อมต่อกับต้นตอสายหลักที่นำทางไปยังที่ไหนสักแห่ง
สัมผัสวิญญาณของหวังหลินแผ่กระจายออกไปมากขึ้นและตกตะลึงเมื่อรู้ถึงโครงข่ายอันซับซ้อนของเพลิงปฐพีด้านล่าง! ยิ่งลงไปลึก เปลวเพลิงยิ่งร้อนแรง
‘สายเปลวเพลิงดูเหมือนค่ายกลเพลิงขนาดยักษ์…’ หวังหลินถอนสัมผัสวิญญาณออกมา เขาเพิ่งจะตื่นขึ้นและไม่มั่นใจรอบด้าน ดังนั้นจึงไม่สะดวกที่จะสำรวจ เท่าใดนัก
‘แม้ยิ่งลงไปลึกยิ่งลำบาก แต่ข้าสามารถแยกเปลวเพลิงออกมาหล่อเลี้ยงแก่นแท้เพลิงของข้าได้’ หวังหลินขบคิดพลางใช้แขนขวาตีใส่ค่ายกลบนพื้นเบาๆ
เพียงเท่านั้นสำนักมังกรฟ้าตลอดทั้งสำนักเกิดการสั่นเทา เปลวเพลิงทั้งหมด ใต้เทือกเขาดูเหมือนได้รับการกระตุ้น มันพรั่งพรูจากทุกทิศทางอย่างบ้าคลั่งและ เข้าไปยังถ้ำของคางเหริน
การเปลี่ยนแปลงฉันพลันนี้ทำให้คางเหรินตกตะลึง เขารีบถอยและสร้าง ม่านป้องกันรอบตัวหลายชั้น หุ่นเชิดเก้าตัวที่ปกป้องตรงประตูและหุ่นเชิดไม้สองตัวได้พุ่งออกมาข้างหน้าเขาเพื่อปกป้องเปลวเพลิงที่กำลังระเบิด
จังหวะที่คานเหรินล่าถอย ทะเลเพลิงพรั่งพรูอยู่ในค่ายกลและเปลี่ยนกลายเป็นเสาเปลวเพลิงเผาไหม้หมอกทั้งหมด ขัดขวางทัศนวิสัยด้วยการเผาไหม้อย่างบ้าคลั่ง
เป็นที่แน่ชัดว่าตัวถ้ำไม่สามารถทนรับไหวและเกิดรอยแตกขึ้นนับไม่ถ้วนราวกับกำลังพังทลาย หุ่นเชิดเก้าตัวเบื้องหน้าคางเหรินถูกเปลวเพลิงกระแทกใส่และระเบิดออกทันที รวมถึงหุ่นเชิดไม้สองตัวด้วย พวกมันพังทลายโดยไม่มีแม้แต่ความสามารถในการต่อต้าน
คางเหรินรู้สึกว่าหนังศีรษะด้านชา ดวงตาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง เขามองดูอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นสูงจนเข้ามากลืนกินเขาเหมือนปากแห่งความตาย วินาทีนี้มีแสงน่ากลัวโผล่ออกมาจากเปลวเพลิงและห่อหุ้มเขาเอาไว้ เปลวเพลิงผ่านเลยไปและไม่ทำร้าย
แต่ด้วยเหตุนี้ทำให้เขาได้ก้าวเดินไปสู่ปากเหวแห่งความตาย คางเหรินฟุบลง บนพื้นด้วยความหวาดกลัว มองดูเปลวเพลิงที่เต็มไปทั่วทั้งถ้ำ ในใจหวาดกลัวที่สุด
‘ข้า…ข้านำคนแบบไหนกลับมากันแน่…’
ขณะที่เพลิงปฐพีปะทุขึ้น ดุจเมฆาและอาจารย์ได้มาถึงด้านนอกถ้ำของคางเหริน ตอนนี้สีหน้าท่าทางของชายชราผมขาวได้เปลี่ยนไปมหาศาล เขารีบคว้าศิษย์เอาไว้และถอยไปหลายพันฟุต
ขณะที่ถอยออกมา ทางเข้าถ้ำของคางเหรินได้พังทลาย คลื่นความร้อนพรั่งพรู
ตำหนักทั้งหมดบนภูเขาหายไปในทะเลเพลิง!
ภูเขารอบด้านสั่นสะเทือนอยู่ใต้เปลวเพลิงราวกับกำลังระเบิด! การเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็วนี้ทำให้ศิษย์สำนักมังกรฟ้าเกิดอาการตกตะลึง ทั้งหมดพุ่งออกมาจาก ถ้ำของตัวเองและมองดูด้วยความหวาดกลัว
“บรรพชนออกไปหมดแล้ว ทำไมถึงมีการเปลี่ยนแปลงกับเพลิงปฐพีได้?” อาจารย์ของดุจเมฆาจ้องมองทะเลเพลิงด้านล่างอย่างมืดมน เขามองไปยังถ้ำที่ คางเหรินอยู่
ขณะเดียวกัน กลิ่นอายทรงพลังสามแห่งได้โผล่ออกมาจากสำนักมังกรฟ้า เปลี่ยนกลายเป็นคนสามคนปรากฏขึ้นด้านข้างอาจารย์ของดุจเมฆา
ในสามคนนั้นมีสองบุรุษและหนึ่งสตรี หนึ่งชายและหนึ่งหญิงมีเรือนผมสีขาว ส่วนชายอีกคนมีอายุวัยกลางคน ทั้งหมดมีกลิ่นอายของเซียนขั้นที่สาม
ระดับบ่มเพาะของแต่ละคนไม่ต่ำต้อย ชายวัยกลางคนอยู่ในระดับขั้นวิญญาณดับสูญขั้นกลาง เพียงเขาปรากฏตัวไม่นานจึงส่งเสียงคำรามใส่ท้องฟ้า
“เหล่าศิษย์แห่งสำนักมังกรฟ้า จงฟังคำสั่งข้า เปลวเพลิงปฐพีมีการเปลี่ยนแปลงทุกหมื่นปี ครั้งนี้มันมาเร็วขึ้นเล็กน้อยแต่อย่าตื่นตระหนก รีบตั้งค่ายกล สายน้ำสวรรค์!” คำพูดของเขาดังกึกก้องดุจสายฟ้า
เหล่าศิษย์สำนักมังกรฟ้าทั้งหมดที่ได้ยินเสียงนี้จิตใจจึงเกิดอาการสั่นเทาและ นั่งลงกลางอากาศทันที สองฝ่ามือสร้างผนึกเป็นก้อนเมฆมากมายออกมาจากร่างกาย เหล่าศิษย์นับหมื่นรีบสร้างค่ายกลขนาดใหญ่!
ค่ายกลส่งเสียงดังสนั่นในทันที มองไกลๆ เหมือนก้อนเมฆสีดำที่ปกคลุมพื้นที่ระยะหมื่นลี้และภายในก้อนเมฆยังมีศิษย์หลายหมื่นคนของสำนักมังรฟ้าอยู่ด้วย
ขณะเดียวกัน นอกจากชายชราและอาจารย์ของดุจเมฆา เซียนขั้นที่สามอีก สองคนได้พุ่งเข้าไปในก้อนเมฆโดยไม่รอคำสั่ง พวกเขาใช้วิชาบางอย่างและเปลี่ยนกลายเป็นมังกรยาวสองตัวอยู่ในก้อนเมฆ
มังกรทั้งสองตัวมีความยาวเกือบแสนฟุต ชั่วครู่ต่อมาพวกมันได้เผยศีรษะใหญ่ยักษ์และอ้าปากเข้าหาภูเขาที่กำลังเผาไหม้ด้านล่าง สายฝนกระหน่ำเทลงมาจากท้องฟ้า หยดน้ำจำนวนมากออกมาจากปากมังกรสองตัว
“ผู้อาวุโสลี่ ท่านมาถึงเป็นคนแรก เกิดอะไรขึ้นที่นี่?” ขณะที่สายฝนเข้าต่อสู้กับเปลวเพลิง ชายวัยกลางที่มีท่าทีมืดมนพลันมองไปยังชายชราผมขาวด้านข้าง
“เพลิงปฐพีเปลี่ยนแปลงทุกหนึ่งหมื่นปีและมันควรเหลือเวลาอีกสามพันปีก่อนเกิดปรากฎการณ์นี้ มันต้องมีเหตุผล!” ชายวัยกลางคนเลื่อนสายตาจากชายชราผมขาวและชำเลืองไปที่ชายหนุ่มหลังค่อม
สายตานี้ทำให้จิตใจชายหนุ่มสั่นเทาและแทบยืนไม่ไหว
“ผู้อาวุโสจ้าว นี่ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงต่อเปลวเพลิงปฐพีแบบปกติ อาจจะเกี่ยวข้องกับศิษย์รุ่นสามชื่อ คางเหริน”
“คางเหริน?” ชายวัยกลางคนขมวดคิ้วและนึกชื่อนี้ไม่ออก
ชายผมขาวมองทะเลเพลิงด้านล่างและชี้ไปยังถ้ำของคางเหริน “เขานำร่างนั้นออกมาจากไหนสักแห่ง เรื่องที่เกิดขึ้นกับเพลิงปฐพีก็เป็นตอนที่เขากำลังหลอมหุ่นเชิด”
“จ้าวสำนักและบรรพชนได้ออกไปสำนักมหาวิญญาณ ข้าส่งข้อความออกไปแล้ว ดังนั้นพวกท่านน่าจะอยู่ระหว่างทางกลับมา ในเมื่อมีความเป็นไปได้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับสองร่างที่คางเหรินนำกลับมา ข้าจะไปดูให้เห็นกับตาว่าร่างแบบไหนถึงทำให้ เพลิงปฐพีเปลี่ยนแปลงไปได้!” ชายวัยกลางคนเผยแววตาที่มีจิตสังหาร การเปลี่ยนแปลงกับเพลิงปฐพีทำให้สำนักมังกรฟ้าลดความระมัดระวังลง แม้จะไม่มีการตายแต่สิ่งก่อสร้างจำนวนมากถูกทำลายไปพร้อมกับสมุนไพรเทพที่เติบโตขึ้นและอยู่ในคลังเก็บของ
มูลค่าเหล่านี้นับว่ามหาศาลเกินไป!
เพียงเอ่ยขึ้น ร่างของชายวัยกลางคนกะพริบวาบ หยดน้ำผุดขึ้นรอบตัวเปลี่ยนกลายเป็นฟองขนาดสามสิบฟุตและพุ่งลงไปยังภูเขาตรงจุดที่ถ้ำของคางเหรินอยู่
ประตูถ้ำพังเสียหายไปแล้วและไม่มีสิ่งใดขัดขวาง ชายวัยกลางเคลื่อนไหวรวดเร็วมากและมาถึงในพริบตา ถึงจะดูรวดเร็วแต่ความจริงระมัดระวังยิ่ง เขารู้สึกว่าเรื่องนี้ค่อนข้างประหลาด
อย่างไรก็ตามเขาไม่คิดใส่ใจมากนัก เพราะมั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเอง!
ขณะที่เข้าไปในถ้ำ ชายวัยกลางคนเห็นชายหนุ่มสวมชุดคลุมเต๋าของสำนักมังกรฟ้า ชายหนุ่มดูเหมือนตกอยู่ในความสับสน ร่างกายสั่นระริก ดวงตาหวาดกลัวยิ่งพลางมองไปยังส่วนลึกของถ้ำ ตรงจุดที่มีเสาเพลิงอยู่ในนั้น