1810. วิหคกลืนมังกร
ตู้ฉิงมองไปยังท้องฟ้าไกล รู้สึกเหมือนคนที่เขากำลังไล่ล่าอยู่กำลังน่ากลัวขึ้นทุกที จิตใจจึงอดไม่ได้ที่จะถูกความลังเลเข้าครอบงำ เขาไม่รู้ว่าควรไล่ตามต่อไปดีหรือไม่
ผ่านไปสักพัก ตู้ฉิงกัดฟันและมีแววตาเย็นเยียบ
“ข้าจะไม่ยอมแพ้ในตอนนี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าต้องไล่ตามไปดูให้ทัน หากทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ความแข็งแกร่งจอมปลอม ข้าจะสังหารมัน…แต่หาก…หากระดับบ่มเพาะดีเยี่ยมและเท่ากับข้า ข้าคงต้องเปลี่ยนความคิด สำนักมังกรฟ้าถูกทำลายและเปลี่ยนแปลงไม่ได้ หากเขาเข้าร่วมกับสำนักมังกรฟ้า…อิทธิพลของสำนักจะเพิ่มพูนขึ้นมหาศาล!” ตู้ฉิงเป็นถึงบรรพชน แม้อารมณ์จะไม่ดีแต่ความคิด ไม่ธรรมดา
หลังตัดสินใจได้ ตู้ฉิงยื่นมืออกไปเบื้องหน้า นกกระเรียนกระดาษตัวหนึ่งปรากฏขึ้น เขาโยนมันออกไปให้ขยายกลายเป็นกระเรียนควัน มันส่งเสียงร้องและบินจากไป
ตู้ฉิงติดตามอย่างต่อเนื่อง
‘ด้วยสมบัติชิ้นใหม่จากสำนักมหาวิญญาณ อีกฝ่ายคงไม่สามารถหลบหนีได้นานนัก!’
ผืนแผ่นดินของแคว้นกระทิงสวรรค์ถึงกับเกิดเสียงดังกึกก้อง จากนั้น วิหคศักดิ์สิทธิ์ตัวยักษ์ปกคลุมด้วยเปลวเพลิงได้พุ่งทะยานออกมา อากาศบิดเบือน ผืนดินเหี่ยวแห้งพร้อมจะพังทลาย
เรือนผมสีขาวของหวังหลินสะบัดพริ้วยืนประจัญสายลมอยู่บนศีรษะของ เจ้าวิหคศักดิ์สิทธิ์ สายตาเปล่งประกายเจิดจ้า
ผ่านมาครึ่งเดือนนับตั้งแต่ที่เขาได้กลืนกินวิญญาณเพลิงปฐพีตัวที่สอง ช่วงระยะเวลานี้หวังหลินไม่ได้ทำอะไรเสียเปล่า เขาเดินหน้าอย่างรวดเร็ว ทุกครั้งที่เจอสายเพลิงปฐพีเส้นใหม่ก็จะดูดซับวิญญาณของมัน
ดังนั้นในเวลาครึ่งเดือนหวังหลินจึงได้กลืนกินสายเพลิงปฐพีไปเก้าสาย รวมกับสองสายก่อนหน้านี้ตอนนี้จึงมีวิญญาณมังกรเพลิงปฐพีจำนวนสิบเอ็ดดวงถูกกลืนกิน
แก่นแท้เพลิงของหวังหลินทรงพลังยิ่งกว่าตอนที่อยู่ในโลกถ้ำมากกว่าสองเท่า! การเปลี่ยนแปลงอันน่าตกตะลึงเช่นนี้ได้ทำให้หวังหลินดวงตาแดงฉานและเข้ากลืนกินอย่างบ้าคลั่งต่อไป!
หวังหลินรู้มานานแล้วว่ามีคนกำลังไล่ล่าเขาอยู่ แม้จะไม่ได้เห็นอีกฝ่ายตัวเป็นๆ แต่ก็รู้ว่าเป็นใคร
คนผู้นั้นคือบรรพชนของสำนักมังกรฟ้า ตู้ฉิง เซียนขั้นวิบากดับสูญ!
เรื่องนี้วิเคราะห์ได้ไม่ยาก การที่สามารถไล่ล่าเขาได้นานขนาดนี้นั่นหมายความว่าอีกฝ่ายมั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเอง ท่ามกลางคนที่หวังหลินไปล่วงเกินตั้งแต่มายังแผ่นดินเซียนดารา มีเพียงบรรพชนของสำนักมังกรฟ้าเท่านั้นที่มีความแข็งแกร่งพอจะเป็นตัวเลือกได้
‘จากความทรงจำของคางเหริน บรรพชนอยู่ในขั้นวิบากดับสูญระดับต้น…แต่จะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ คางเหรินก็ไม่มีคุณสมบัติพอจะรู้ลึกถึงขนาดนั้น!’
‘เขาอาจได้ผ่านด่านวิบากแก่นแท้ทั้งเก้าไปจนบรรลุขั้นวิบากดับสูญไปได้ หรือเขาอาจจะยังอยู่ในขั้นแก่นแท้ดับสูญอยู่ก็ได้!’ เห็นได้ชัดว่าหวังหลินไม่เชื่อระดับ บ่มเพาะของตู้ฉิงจากความทรงจำของคางเหริน
หวังหลินดวงตาส่องสว่าง วิหคศักดิ์สิทธิ์ด้านล่างส่งเสียงคำราม ยิ่งมันกลืนกินเพลิงปฐพีมากเท่าใด วิหคศักดิ์สิทธิ์ยิ่งรวดเร็วมากขึ้น แม้จะเทียบไม่ได้กับราชายุง แต่มันก็เร็วเทียบเท่ากับหวังหลิน
วิหคศักดิ์สิทธิ์ส่งเสียงคำรามและหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย ครึ่งวันต่อมา ลำแสงหนึ่งปรากฏขึ้นเป็นตู้ฉิง เขาไล่ตามมาครึ่งเดือน ใกล้หวังหลินมากยิ่งขึ้นแต่อารมณ์ยิ่งขุ่นมัวมากกว่าเดิม
ช่วงครึ่งเดือนนี้เขาเจอสายเพลิงปฐพีเหี่ยวแห้งไปเก้าสาย ความรู้สึกเหลือเชื่อยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆและทำให้เขาตกตะลึงมหาศาล แม้กระทั่งความคิดก่อนหน้านี้ยังเริ่มสั่นคลอน
‘อีกที่แล้ว!! บัดซบ มันจะกลืนกินไปกี่ที่แล้วถึงหยุด? ข้าจะไล่ตามได้อย่างไร? ข้าจะกล้าไล่ตามต่อได้อย่างไร…’ ตู้ฉิงมองสายเพลิงปฐพีที่เหี่ยวแห้งด้านล่างและ หนังศีรษะด้านชา
‘ตลอดเวลาที่ข้าไล่ตาม ไม่เพียงแต่ข้าจะเทียบกับมันไม่ได้ แต่ข้ายังบาดเจ็บเพราะมันอีก การไล่ล่าของข้าคงกลายเป็นเรื่องหัวเราะเยาะ…’ ความคิดเช่นนี้ทำให้ ตู้ฉิงเก็บงำไว้ในใจ
เขาลังเลอยู่ชั่วขณะก่อนจะส่งเสียงคำรามออกมา เขาเลือกที่จะเสี่ยง จนกว่าจะเห็นระดับบ่มเพาะที่แท้จริงของอีกฝ่าย เขาจะไม่ยอมถอยแบบนี้!
‘ข้าประกาศต่อโลกภายนอกว่าข้าอยู่ในขั้นวิบากดับสูญระดับต้น แต่ความจริงข้าผ่านด่านวิบากแก่นแท้ไปถึงด่านที่เจ็ดเท่านั้น กระนั้นร่างไม้เพลิงของข้าก็มีความแข็งแกร่งเหนือกว่าเซียนทั่วไป ร่างกายของข้าเหมือนผู้คนเผ่าโบราณ ข้าไม่เชื่อว่า ข้าจะต่อสู้กับมันไม่ได้!! แม้ระดับบ่มเพาะของมันเท่ากับข้า ร่างกายมันคงไม่ ทรงพลังเท่า!!’ ตู้ฉิงดูเหมือนมั่นใจในเสียงคำราม เขาพุ่งทะยานออกไปรวดเร็วขึ้นภายใต้การชี้นำของกระเรียนควัน
หลังจากนั้นอีกเจ็ดวัน วิหคศักดิ์สิทธิ์ของหวังหลินก็ตัวใหญ่มากขึ้นจนดูเหมือน ปกคลุมท้องฟ้าได้เพียงแค่สะบัดปีก ช่วงเจ็ดวันที่ผ่านมาเขาได้ดูดซับวิญญาณ มังกรเพลิงปฐพีไปอีกสามดวง!
วิญญาณเพลิงปฐพีสิบสี่ดวงได้ทำให้พลังเปลวเพลิงของหวังหลินเพิ่มขึ้นมหาศาล มันทรงพลังเป็นสองเท่าเมื่อเทียบกับตอนที่อยู่ในโลกถ้ำ!
ด้านหลังเป็นตู้ฉิงที่มาถึงสายเพลิงแห้งเหี่ยวที่หวังหลินอยู่ก่อนหน้านี้ ใบหน้าซีดเซียวยิ่ง การไล่ล่าตลอดหลายวันมานี้เหมือนความทุกข์ทรมานที่เขาไม่เคยเจอมาก่อน
ความทุกข์ทรมานเช่นนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อร่างกายแต่ส่งผลต่อจิตใจ! เขาเจอสายเพลิงปฐพีแห้งเหี่ยวครั้งแล้วครั้งเล่า ความรู้สึกนี้มากพอที่จะทำให้เขาบ้าคลั่ง เขาแทบไม่อยากไล่ล่าหวังหลินหรือต่อสู้ด้วยระดับบ่มเพาะเสียดีกว่ามาเจอ ความทรมานซ้ำๆ ไปเรื่อยๆ
สี่วันต่อมา อีกแห่งหนึ่งในแคว้นกระทิงสวรรค์ เสียงมังกรคำรามค่อยๆ หายไป วิหคศักดิ์สิทธิ์ตัวยักษ์พุ่งออกมาจากใต้ดิน
ครึ่งชั่วโมงต่อมาปรากฏร่างตู้ฉิงขึ้นอีกครั้ง เขาจ้องมองพื้นดินสักพักอย่างตกตะลึง…
‘16…’ ตอนนี้ตู้ฉิงสงสัยว่าคนลึกลับชื่อหวังผู้นี้คือวิญญาณของสายเพลิงปฐพีหรือไม่
สองวันต่อมาในพื้นที่ทางเขตเหนือของแคว้นกระทิงสวรรค์ซึ่งเป็นจุดที่มีภูเขาอยู่มากที่สุด เทือกเขาเขตนี้กว้างไกลสุดสายตาแต่กลับไม่มีร่องรอยของพืชพันธุ์ มันเป็น สีดำสนิท เปล่งความรู้สึกแทบอยากอาเจียน
พื้นดินแห้งและแตกร้าว กลิ่นอายร้อนระอุได้แผ่กระจายไปยังอากาศ
ที่นี่อยู่ห่างไกลและมีเพียงไม่กี่คนที่มาที่นี่ ส่วนใหญ่มันเป็นสถานที่อันเงียบสงัด แต่ตอนนี้มีเสียงคำรามดังออกมาจากส่วนลึกของภูเขา
เสียงคำรามนี้คือเสียงคำรามของวิญญาณมังกรเพลิงและแตกต่างจากกลุ่มที่ หวังหลินได้ยินมาก่อนหน้านี้ เสียงคำรามสั่นสะเทือนโลกและแทบเกิดเป็นรูปเป็นร่าง ไม่เพียงแต่เขาได้ยินคนเดียว สิ่งมีชีวิตทั้งหมดล้วนได้ยินมัน!
มันไม่ได้เป็นเสียงคำรามของวิญญาณธรรมดาอีกแล้ว แต่เป็นวิญญาณทรงพลังจนกลายเป็นเสียงคำรามจริงๆ!
หลังจากกลืนกินสายเพลิงปฐพีไปหลายสาย นี่เป็นครั้งแรกที่หวังหลินไม่สามารถกลืนกินได้ราวกับมันมีวิญญาณอันน่ากลัวอยู่! วิหคศักดิ์สิทธิ์ตัวยักษ์ทะยานออกมาจากภูเขา บนศีรษะมีหวังหลินยืนมองไปข้างหลัง
ภูเขาด้านหลังสั่นสะเทือน เทือกเขาหลายแสนฟุตพังทลาย มังกรเพลิงซึ่งมีหัวขนาดแสนฟุตพร้อมกับร่างกายขนาดใหญ่เกินคาดได้พุ่งออกมา
เห็นได้ชัดว่าเจ้ามังกรตัวนี้เป็นวิญญาณแต่มันดูเหมือนจริง ซึ่งมันเป็นกิ่งก้านสาขาที่แข็งแกร่งยิ่งกว่ากิ่งก้านธรรมดา
‘นี่มันกิ่งก้านตัวลูก ไม่ใช่กิ่งก้านตัวย่อย!’ หวังหลินดวงตาส่องสว่างขึ้น เขาตรวจสอบพื้นที่ก่อนหน้านี้อย่างละเอียด เมื่อเห็นว่าวิญญาณทรงพลังแค่ไหนจึงคาดเดาอย่างมั่นใจ
สายเพลิงหลักนั้นมีกิ่งก้านแยกย่อยไปนับไม่ถ้วน แต่กิ่งก้านลูกนั้นแตกต่าง เมื่อนานมาแล้วมันอาจจะเชื่อมต่อกับสายหลัก แต่มันได้แยกออกมาและเป็นตัวตนอิสระ!
โดยพื้นฐานแล้วมันคือ ลูกของสายหลักนั่นเอง นอกจากความแข็งแกร่งของมันแล้วมันไม่แตกต่างอะไรเลยกับสายหลัก!
‘น่าสงสัยจริงว่ามีกิ่งก้านตัวลูกแบบนี้กี่แห่งในแคว้นกระทิงสวรรค์…แต่ดูน่าจะ ไม่มีมากนัก การกลืนกินกิ่งก้านตัวลูกก็เหมือนกลืนกินกิ่งก้านย่อยจำนวนมาก ในเมื่อมันมาเจอข้าแล้วก็ไม่มีเหตุผลที่ข้าจะปล่อยมันไป!’ วิหคศักดิ์สิทธิ์ใต้หวังหลินส่ง เสียงร้องและหันกลับมา พุ่งเข้าหามังกรเพลิงปฐพี
วิญญาณมังกรเพลิงปฐพีนั้นดุร้ายมาก เปลวเพลิงมหาศาลแผ่กระจายปกคลุมพื้นที่บริเวณหลายแสนฟุตในท้องฟ้า ซึ่งรวมถึงหวังหลินและวิหคศักดิ์สิทธิ์ไปด้วย
รอบด้านถูกเปลวเพลิงผนึกเอาไว้ ควันสีดำของเปลวเพลิงเผาไหม้อากาศสำหรับหายใจทั้งหมด ขณะเดียวกันแม้แต่อากาศในบริเวณนี้ก็เริ่มบิดเบือนจนทำให้ทุกอย่างพร่าเลือน
มีเพียงมังกรเพลิงตัวยักษ์พุ่งเข้ามาใกล้ ดวงตาดุร้ายได้เผยสัญชาตญาณ อันโหดเหี้ยมพุ่งเข้าหาวิหคศักดิ์สิทธิ์ของหวังหลิน
หวังหลินพ่นลมหายใจเย็นเยียบ แม้กิ่งก้านลูกตัวนี้จะแข็งแกร่งแต่ก็เท่ากับ เซียนขั้นแก่นแท้ดับสูญระดับกลางเท่านั้น ซึ่งไม่มากพอให้หวังหลินต้องล่าถอย แขนขวาพลันสร้างผนึกและชี้ใส่มังกรเพลิง
“กิ่งก้านเพลิงปฐพี 16 แห่งจงปรากฏในนามแห่งข้า!” วินาทีที่คำพูดของ หวังหลินดังกึกก้องออกไป มังกรเพลิงสิบหกตัวปรากฏขึ้นรอบวิหคศักดิ์สิทธิ์และ พุ่งเข้าหามังกรเพลิงตรงหน้า
วินาทีนี้ลำแสงหนึ่งเข้ามาใกล้ ในที่สุดตู้ฉิงก็ไล่ตามได้ทัน!
เขาสังเกตเพลิงคล้ายควันกว้างหลายร้อยฟุต ได้ยินเสียงคำรามจากเปลวเพลิง และในตอนนั้นร่างกายจึงสั่นเทาจนเกิดรอยแตกร้าวและเปลี่ยนกลายเป็นมนุษย์ไม้ สีม่วง!
พอเขาเปลี่ยนร่าง เปลวเพลิงได้แผ่กระจายออกมาล้อมรอบร่างกายแต่ไม่ได้ทำความเสียหายต่อไม้เลย
เพราะตู้ฉิงก็มีแก่นแท้เพลิง!
เหตุผลที่แก่นแท้เพลิงปรากฏขึ้นมาด้วยตัวเองเป็นเพราะเสียงคำรามซึ่งเป็นตัวแทนของเปลวเพลิงในสำนักกระทิงสวรรค์! และตู้ฉิงก็เป็นเซียนแก่นแท้เพลิงที่แคว้นกระทิงสวรรค์ยอมรับ!
หากเป็นกิ่งก้านธรรมดาคงไม่มีพลังอำนาจส่งผลกระทบต่อแก่นแท้เพลิงของตู้ฉิง ทว่ากิ่งก้านลูกตัวนี้ไม่แตกต่างจากกิ่งก้านหลัก ดังนั้นจึงส่งผลได้เหมือนกัน
สีหน้าของตู้ฉิงเปลี่ยนไป สายตาจับจ้องไปบนก้อนเปลวเพลิงที่อยู่ห่างไกล เขามองเห็นมังกรเพลิงที่แปลกประหลาดสิบหกตัวและวิหคศักดิ์สิทธิ์ซึ่งกำลังกลืนกินมังกรเพลิงที่ซ่อนตัวในเปลวไฟอีกที!
ยังมีชายหนุ่มผู้มีเรือนผมสีขาวยืนอยู่บนศีรษะของวิหคศักดิ์สิทธิ์ เสื้อผ้าสีขาวโดดเด่นในเปลวเพลิงอย่างยิ่ง แม้ตู้ฉิงจะเห็นแต่เพียงแผ่นหลังเท่านั้น เขากลับมีภาพมายาเหมือนกำลังมองดูภูเขาลูกใหญ่!
‘นั่นเขา!’ ตู้ฉิงดวงตาส่องสว่าง