1811. รอยแผลของตู้ฉิง
‘เขาพยายามกลืนกินเพลิงปฐพีที่นี่ เพลิงแห่งนี้ไม่ใช่เพลิงธรรมดา ดังนั้นจึงไม่สามารถกลืนกินได้ง่ายๆ ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการสังหาร!’ ตู้ฉิงเผยแววตามุ่งมั่น พุ่งทะยานเข้าสู่เปลวเพลิงโดยไม่ลังเล
ตู้ฉิงเห็นหวังหลินอยู่ในเปลวเพลิง หวังหลินก็สัมผัสตู้ฉิงที่อยู่ภายนอกเปลวเพลิงได้เช่นกัน!
กลิ่นอายที่ใกล้เคียงขั้นวิบากดับสูญพลันรั่วไหลออกมาจากร่างตู้ฉิง เมื่อร่างกายของตู้ฉิงเป็นร่างไม้ หวังหลินจึงสัมผัสได้ชัดเจนมากขึ้น
หวังหลินมีสีหน้าสงบนิ่ง เขารู้มาพักใหญ่แล้วว่าตู้ฉิงกำลังไล่ตามเขาและเขาโดนไล่ทันตามที่คาดการณ์ไว้ ตอนนี้จึงไม่ตื่นตระหนกหรือให้ความสนใจอันใดกับตู้ฉิง เพราะมังกรเพลิงสิบหกตัวกับวิหคศักดิ์สิทธิ์กำลังพุ่งไปหามังกรเพลิงที่เกิดขึ้นจาก สายเพลิงปฐพี
ทั้งสองไม่ได้อยู่ไกลมากนัก ขณะที่สองฝั่งเข้ามาใกล้จึงปะทะกันในทันที แม้ตู้ฉิงต้องการเข้ามาแต่ก็ช้าเกินไป
มังกรเพลิงสิบหกตัวเข้ามาประชิดกับวิญญาณเพลิงปฐพี เสียงดังสนั่นไปทั่วผืนปฐพี เมื่อทั้งสองฝ่ายเข้าปะทะ หวังหลินยืนชี้ลงไปจากบนศีรษะวิหคศักดิ์สิทธิ์
มังกรเพลิงสิบหกตัวร้องคำราม โอบรัดสายเพลิงปฐพีเอาไว้เหมือนโซ่ตรวน พยายามรั้งมันลงไป วิญญาณของมันจึงส่งเสียงคำรามรุนแรง
ขณะเดียวกันวิหคศักดิ์สิทธิ์ของหวังหลินได้พุ่งทะยานเข้าทับซ้อนกับวิญญาณเพลิงปฐพีกิ่งก้านลูก มันเริ่มกลืนกินและผสานอย่างบ้าคลั่ง
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในชั่วพริบตา จากมุมมองของตู้ฉิง ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างลื่นไหลไร้สิ่งใดติดขัด
วิญญาณของสายแร่เพลิงปฐพีถึงกับร่างกายบิดเบี้ยวและคำรามอย่างต่อเนื่อง มันไม่ดุร้ายอีกแล้วแต่มีท่าทีเจ็บปวด อาจมองเห็นวิหคศักดิ์สิทธิ์อยู่ภายในตัวมันได้เลือนลางและมีหวังหลินชุดขาวยืนอยู่ตรงกลางหัวของวิหค
หวังหลินยกแขนซ้ายและควบคุมให้มังกรเพลิงเปลี่ยนเป็นโซ่ตรวนกักขังเอาไว้
ฉากเหตุการณ์นี้ช่างน่าตกตะลึงมากพอให้สั่นสะเทือนจิตใจเซียนทุกคน
หวังหลินห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิงราวกับเป็นจักรพรรดิแห่งเปลวเพลิง แม้แต่มังกรด้านล่างก็ยังต้องศิโรราบกลายเป็นพาหนะ!
เสียงมังกรคำรามสั่นสะเทือนสวรรค์ ยามนี้ตู้ฉิงพุ่งทะลุผ่านทะเลเพลิงเข้ามาใกล้หวังหลินได้แล้ว
หวังหลินหันหน้ามองขึ้นไป มังกรเพลิงใต้หวังหลินเงยศีรษะขึ้นตามที่หวังหลินดึงโซ่ตรวน มันส่งเสียงคำรามรุนแรงราวกับต้องการฉีกกระชากโลกให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ขณะเดียวกัน ต้นกำเนิดเพลิงอันไร้ขอบเขตพลันระเบิดออกมาจากโซ่ตรวนทั้ง สิบหกสายในมือซ้ายของหวังหลินและเข้าสู่ร่างเขา เสียงร้องของวิหคศักดิ์สิทธิ์ดังออกมาจากมังกรเพลิงด้านล่าง
เพลิงปฐพีอันทรงพลังจึงพรั่งพรูออกมาจากมังกรเพลิงและพุ่งเข้าสู่หวังหลิน ตอนนี้พลังอำนาจแห่งเปลวเพลิงที่เขาควบคุมได้กำลังสั่นสะเทือนสรวงสวรรค์!
หวังหลินยกแขนขวา สะบัดแขนไปยังอากาศเบื้องหน้า!
การสะบัดนี้มีแก่นแท้เปลวเพลิงที่เพิ่มพูนพลังอำนาจขึ้นไปหลายเท่า พลังอำนาจของแก่นแท้เพลิงเทียบเท่ากับหวังหลินใช้แก่นแท้ทั้งหมดในโลกถ้ำด้วยพลังเต็มที่!
หนึ่งแก่นแท้เทียบได้กับเจ็ดแก่นแท้ก่อนหน้านี้!
การเติบโตของเพลิงปฐพีเป็นสิ่งที่ทำให้หวังหลินตื่นเต้นมากตลอดทาง!
ด้วยการสะบัดแขนนี้ ทะเลเพลิงรวมกันมาที่รอบตัว ผสานเข้ากับแก่นแท้เพลิงในร่างกายและก่อเกิดเป็นประทับฝ่ามือยักษ์
ลายนิ้วมือในฝ่ามือมองเห็นได้ชัดเจน มันคือมือขวาของหวังหลิน! แขนขวามีความสูงหลายพันฟุต เผาไหม้ทุกสิ่งทุกอย่างตามเส้นทางที่พุ่งไปยังตู้ฉิง!
ตู้ฉิงหรี่ตาแคบ แขนขวาสร้างผนึกปรากฏการบิดเบือนขนาดใหญ่ขึ้นรอบตัว จากนั้นกลายเป็นวังวนและมีแขนไม้ขนาดยักษ์ยื่นออกไปหาประทับฝ่ามือของ หวังหลิน
เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในชั่วพริบตา เมื่อประทับฝ่ามือและแขนไม้เข้าปะทะกัน จึงส่งเสียงดังสนั่นกึกก้อง คลื่นกระแทกน่ากลัวกระจัดกระจาย
ประทับฝ่ามือของหวังหลินพังทลายไป แต่แขนไม้ที่สร้างขึ้นจากวิชาของตู้ฉิงถูกทะเลเพลิงจากประทับฝ่ามือเข้าล้อมรอบและเริ่มถูกเผา
ตู้ฉิงส่งเสียงคำรามในลำคอ จากนั้นถอยไปสามก้าวและมองขึ้นไป
เขาเห็นหวังหลินยืนอยู่บนมังกรเพลิง ทว่าร่างมังกรเพลิงกำลังสั่นเทาและเริ่มพังทลายครั้งใหญ่ ราวกับเลือดเนื้อและผิวหนังกำลังปริแตก
นี่เป็นเพราะหวังหลินถ่ายโอนพลังการโจมตีจากตู้ฉิงทั้งหมดไปบนมังกรเพลิง เขาหยิบยืมพลังของตู้ฉิงเพื่อทำร้ายมังกรเพลิงให้บาดเจ็บสาหัส
เจ้ามังกรเพลิงส่งเสียงร้องโหยหวนและล่าถอย ร่างกายพังทลายอย่างต่อเนื่อง ทุกครั้งที่มันพังทลาย วิหคศักดิ์สิทธิ์ในร่างจะยิ่งชัดเจนยิ่งขึ้น
ตู้ฉิงสีหน้าเปลี่ยนไป ดวงตาเผยความมืดมน เขามองออกว่าเซียนผมขาวคนนี้กำลังใช้พลังของเขาเพื่อกลืนกินเพลิงปฐพี
พอเขามองขึ้นไป สายตาเยือกเย็นของหวังหลินจึงประสานเข้ากับสายตาของตู้ฉิงเป็นครั้งแรก!
ด้วยการโจมตีนี้ หวังหลินจึงมองทะลุระดับบ่มเพาะของตู้ฉิงได้ทันที คนผู้นี้ยังไม่บรรลุขั้นวิบากดับสูญ เขายังอยู่ในขั้นวิบากแก่นแท้ จากการโจมตีนั้นแค่แข็งแกร่งกว่าราชันย์แต่เทียบไม่ได้กับเซียนเต๋าสีรุ้งหรือผีเฒ่าจางได้เลย!
หวังหลินมองออกว่าตู้ฉิงแข็งแกร่งแค่ไหน แต่ตู้ฉิงไม่สามารถมองทะลุหวังหลินได้
‘ตัดสินจากกลิ่นอาย คนผู้นี้อย่างมากก็ขั้นวิญญาณดับสูญระดับสูงสุดและยังไม่บรรลุขั้นแก่นแท้ดับสูญ…แต่เซียนเช่นนี้ไม่น่าจะทนรับการโจมตีของข้าหรือไปกลืนกินเพลิงปฐพีได้!’
‘ร่างกายมันควรแตกสลายจากการโจมตีของข้า แต่สีหน้ากลับไม่เปลี่ยนแปลงเลย อีกทั้งยังโยกย้ายพลังส่วนใหญ่เข้าไปหาวิญญาณมังกรด้านล่าง ข้าจึงมองทะลุระดับบ่มเพาะที่แท้จริงไม่ออก!’
‘แต่ข้าไม่เชื่อว่ามันเป็นแค่ขั้นวิญญาณดับสูญระดับสูงสุดเท่านั้น! มันต้องซ่อนระดับบ่มเพาะเอาไว้แน่ ไม่เช่นนั้นคงไม่สามารถหนีออกมาจากสำนักมังกรฟ้าได้!’ ทั้งสองต่างมองหน้ากันและเริ่มคาดเดาถึงระดับบ่มเพาะของแต่ละฝ่าย
ตู้ฉิงเป็นคนระมัดระวัง ทุกอย่างที่เขาเจอระหว่างทางทำให้เขาลังเล หลังจากเห็นการโจมตีโดนต้านเอาไว้ ดวงตาจึงจ้องหวังหลินเป็นประกายและไม่ลงมืออย่างวู่วาม
“เจ้าเป็นใคร? ทำไมถึงทำลายสำนักมังกรฟ้า? หากเจ้าไม่ให้คำอธิบายกับข้า เจ้าก็ไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้!” ตู้ฉิงเอ่ยขึ้นด้วยแววตาเย็นเยียบ
“ศิษย์สำนักมังกรฟ้าของเจ้าต้องการหลอมข้าเป็นหุ่นเชิด ข้าแค่ทำลายสำนักเจ้าและไม่ได้สังหารใครสักคน แค่นี้ข้าก็เมตตามากพอแล้ว”
มังกรเพลิงสิบหกตัวที่หวังหลินควบคุมในแขนซ้ายกำลังพัวพันกับมังกรเพลิง ตัวยักษ์จนสั่นเทา วิญญาณเพลิงปฐพีส่งเสียงร้องคำราม ร่างกายพังทลายมากยิ่งขึ้น ร่างเงาของวิหคศักดิ์สิทธิ์เริ่มทับซ้อนกับมังกรจนเกือบจะกลืนกินได้สมบูรณ์
พอตู้ฉิงเห็นเช่นนี้ ร่างกายเริ่มบิดเบือนอีกครั้ง ร่างกายกำลังจะเปลี่ยนกลับเป็นมนุษย์ไม้ เสียงคำรามจากสายเพลิงปฐพีได้ส่งผลกระทบต่อแก่นแท้เพลิงในร่างเขาจนเริ่มร้อนรน
“ไร้สาระ เจ้าสังหารศิษย์ของสำนักมังกรฟ้าไปหลายพัน ยังมาพูดว่าไม่สังหารใครสักคนอีก!” ตู้ฉิงจ้องมองหวังหลินและวิญญาณมังกรเพลิงด้านล่าง เขาเริ่มลังเลอีกครั้ง
หวังหลินทำให้เขารู้สึกลึกลับ ทุกอย่างที่เขาเห็นทำให้ตู้ฉิงสูญเสียความมั่นใจ
หลังจากได้ยินคำพูดของตู้ฉิง หวังหลินจึงไม่พูดอีกต่อไป เขายืนอยู่บนร่างมังกรเพลิงและควบคุมแก่นแท้เพลิงให้กลืนกินวิญญาณมังกรเพลิงอย่างต่อเนื่อง
หลังจากสงบไปเพียงชั่วเวลาสั้นๆ วิญญาณมังกรเพลิงส่งเสียงคำรามและดูสาหัสมาก เพลิงของตู้ฉิงปรากฏขึ้นมานอกการควบคุม แววตาเย็นเยียบยิ่งกว่าเดิม ราวกับเขาเมินเฉยเสียงเรียกของเปลวเพลิง จากนั้นแก่นแท้เพลิงของเขาก็เริ่มต่อต้าน
“อธิบายมาให้ข้า!” ตู้ฉิงไม่ลังเลอีกต่อไป เขาพุ่งไปหาหวังหลิน ขณะที่เข้าไปใกล้ หวังหลินกลับเยาะเย้ยและชี้ไปยังท้องฟ้า
ท้องฟ้าส่งเสียงดังสนั่น ก้อนเมฆปั่นป่วน จากนั้นปรากฏประทับฝ่ามือยักษ์ขึ้น ในท้องฟ้า มันคือประทับวิญญาณสงคราม!
วินาทีที่ประทับนี้ปรากฏ โลกเปลี่ยนสีสันและพุ่งไปหาตู้ฉิง
ตู้ฉิงเห็นฝ่ามือนี้สีหน้าจึงเปลี่ยนไปมหาศาล!
“มหาฝ่ามือแห่งสำนักโลกา ประทับวิญญาณสงคราม!! เจ้าเป็นคนจากสำนักโลกาแห่งแคว้นวิญญาณเมฆา!!”
หลังจากได้ยินคำพูดของตู้ฉิง หวังหลินจึงจิตใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ขณะที่ประทับวิญญาณสงครามตกลงไป เขาสร้างผนึกอีกและชี้ไปยังท้องฟ้า
แสงสีรุ้งรวมกันเบื้องหน้าหวังหลินในพริบตาและห่อหุ้มพื้นที่รอบบริเวณ แสงสีรุ้งรวมกันก่อตัวเป็นหอกสีรุ้ง!
วินาทีนั้นตู้ฉิงหรี่ตาแคบและเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขาไม่พุ่งไปข้างหน้าอีกแต่ถอยไปหลายก้าว
“วิชาสีรุ้งของสำนักตงหลิน เจ้า…เจ้า…เจ้ามาจากสำนักโลกาหรือเป็นศิษย์สำนักตงหลิน!?”
“เจ้าคิดว่าอย่างไร…” หลังจากใช้วิชาที่แตกต่างกันไปสองวิชา หวังหลินยกแขนขวาขึ้นมา เขตอาคมหลายล้านพุ่งทะยานออกจากฝ่ามือเข้าสู่ท้องฟ้า โลกเปลี่ยนสีสันพร้อมกับปรากฏร่มบรรพกาลขนาดยักษ์ขึ้นต่อหน้าต่อตาตู้ฉิง
ร่างตู้ฉิงสั่นสะท้านและไม่เชื่อสายตาตัวเอง เขาล่าถอยไปหลายก้าวโดยไม่รู้ตัว มองหวังหลินด้วยสายตาหวาดกลัวที่สุด
“สำนักที่แข็งแกร่งที่สุดใน 72 แคว้นที่จักรพรรดิเทพแต่งตั้งด้วยตัวเอง สำนักสามเต๋า…วิชาของซ่งหยุนเต๋าที่ไม่ถ่ายทอดให้ใครหน้าไหน…ร่มบรรพกาลเผาดินแดน…” ตู้ฉิงถึงกับหน้าซีดและหนังศีรษะด้านชา เขาไม่คิดว่าหวังหลินเรียนวิชาเหล่านี้ อย่างลับๆ วิชาพวกนี้ดูมีเอกลักษณ์อย่างยิ่งและไม่ใช่สิ่งที่จะแอบเรียนได้!
“เจ้าเป็นใครกัน!?”