1813. โหดเหี้ยมเกินไป!
การพังทลายของมังกรเพลิงปฐพีได้เปลี่ยนกลายเป็นก้อนเปลวเพลิงขนาดยักษ์ล้อมรอบหวังหลิน ด้านนอกเปลวเพลิงมีมังกรเพลิงสิบหกตัวร้องคำรามและผสานกับก้อนเปลวเพลิง
มองเห็นแต่ร่างเงาของวิหคศักดิ์สิทธิ์อยู่ในก้อนเปลวเพลิง!
มองไกลๆ มันดูเหมือนไข่ และมีการเปลี่ยนแปลงอันน่าตกตะลึงอยู่ข้างใน!
ขณะที่เสียงของหวังหลินเอ่ยดังกึกก้อง ด้านเปลวเพลิงที่เผชิญหน้ากับตู้ฉิงอยู่เกิดการบิดเบือนและมีใบหน้าปรากฏขึ้นมา
ใบหน้านี้เย็นเยียบและนั่นคือใบหน้าของหวังหลิน!
หวังหลินมองตู้ฉิงอย่างเยือกเย็นและเอ่ยขึ้น
“แค่สามแก่นแท้…แก่นแท้สายฟ้า จงปรากฏ!” เสียงดังสนั่นกึกก้องและมีสายฟ้าตกลงมาจากฟากฟ้า
ชั่ววินาทีนั้นดุจโลกได้เปลี่ยนสี ประกายสายฟ้านับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นในท้องฟ้า สายฟ้ารวมตัวกันมาจากทั่วทุกมุมโลก กลายเป็นภาพราชรถสงครามขนาดยักษ์
ราชรถสีทองแดงแต่ถูกสร้างขึ้นจากสายฟ้า มันมีสายฟ้าหกสายเชื่อมต่อกับ ราชรถราวกับกำลังดึงรั้งไว้อยู่ บนราชรถสายฟ้าคันนี้ดุจมีร่างเลือนรางหนึ่งยืนอยู่ ร่างนี้สวมชุดคลุมสีฟ้าแต่ไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน!
‘นี่…นี่มันราชรถสายฟ้าสงครามของแก่นแท้สายฟ้า! มีแต่คนที่มีแก่นแท้ทรงพลังเท่านั้นจึงจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ขึ้นได้!! เขา…ไม่เพียงแต่จะมีแก่นแท้เพลิง กระทั่งมีแก่นสายฟ้าอีกด้วย!’ ตู้ฉิงไม่ประหลาดใจที่หวังหลินมีแก่นแท้สองอย่าง แต่แก่นแท้สายฟ้าของหวังหลินนั้นทำให้เขาตกตะลึง!
“แก่นแท้แห่งชีวิตและความตาย จงปรากฏ!” ใบหน้าของหวังหลินบนก้อน เปลวเพลิงได้เอ่ยขึ้นอีกครั้ง
ควันสีขาวพวยพุ่งออกมาจากท้องฟ้า ส่วนพื้นดินมีควันสีดำออกมา ก้อนควันสีขาวและดำทั้งสองก่อตัวเป็นวังวนเบื้องหน้าหวังหลิน
กลิ่นอายแห่งชีวิตและความตายโผล่ออกมาจากวังวน หวังหลินทดสอบแล้วว่าแก่นแท้รูปแบบนามธรรมนั้นไม่ได้รับผลกระทบของแผ่นดินเซียนดาราเลย กลิ่นอายของชีวิตและความตายซึ่งไม่ควรอยู่ด้วยกันกลับผสานกันอย่างสมบูรณ์แบบ
‘แก่นแท้รูปแบบนามธรรม!! เขา…เขาก็เหมือนกับข้า สองรูปธรรมและ หนึ่งนามธรรม!!’ ตู้ฉิงมีสีหน้าบิดเบี้ยว นี่มันมาถึงสิ่งที่เขาจะคาดการณ์ได้แล้ว เขาคิดว่าหวังหลินมีเพียงแค่หนึ่งแก่นแท้รูปธรรมและหนึ่งนามธรรม
“เช่นนั้นเหตุผลที่เจ้าโอหังได้ก็เป็นเพราะมีสามแก่นแท้นี่เอง! แม้จะมีสามแก่นแท้…” ตู้ฉิงร้องคำรามแต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ กลับถูกหวังหลินขัดจังหวะ
“สาม…แก่นแท้เวรรมและแก่นแท้จริงเท็จ จงออกมา!” คำพูดของหวังหลินทำให้ตู้ฉิงมีสีหน้าเปลี่ยนไป จิตใจสั่นไหว ดวงตาไม่เชื่อกับสิ่งที่เห็นเมื่อมีสองวังวนปรากฏขึ้นตรงหน้าหวังหลิน!
วังวนหนึ่งเปลี่ยนไปมาระหว่างของจริงและของปลอม พอตู้ฉิงมองเข้าไปเขารู้สึกเหมือนจิตใจกำลังถูกดึงเข้าไปในภาพมายา เรื่องนี้ถึงกับทำให้เขาต้องอ้าปากค้าง
“นี่…นี่…”
อีกแก่นแท้มีเวรกรรมอยู่ภายใน เวรกรรมคือยอดเต๋าและซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง มันมีความปั่นป่วนอยู่ภายในและเช่นเดียวกับเวรกรรม มันไม่สามารถมองทะลุ การเปลี่ยนแปลงข้างในได้!
‘สามแก่นแท้นามธรรม…เขาโชคดีถึงกับได้สามแก่นแท้นามธรรมเลยหรือนี่!!’ ตู้ฉิงเต็มไปด้วยสายตาตกตะลึงและถอยร่นโดยไม่รู้ตัว แม้แต่แก่นแท้เพลิงและปฐพีในสองมือก็ยังหมองหม่น
‘สามแก่นแท้นามธรรมและสองแก่นแท้รูปธรรม…ต้องมีพรสวรรค์แค่ไหนถึงมี ห้าแก่นแท้ได้? นี่…ข้าไม่เคยได้ยินแม้แต่ในสำนักมหาวิญญาณ!!’ ตู้ฉิงนึกย้อนไปถึงคำพูดของตัวเอง สามแก่นแท้นั้นเทียบไม่ได้เลยต่อหน้าคนผู้นี้
“เจ้ามีห้าแก่นแท้แล้วอย่างไร? การมีแก่นแท้มากมายไม่ได้หมายความว่าเจ้าทรงพลัง…” ตู้ฉิงตกตะลึงอีกแต่ก็กัดฟันแน่นและร้องคำราม
“ห้าหรือ? แก่นแท้สังหาร จงปรากฏ!” กลางหน้าผากหวังหลินปรากฏรอยแตกขึ้นมา ความเย็นเยียบเต็มไปด้วยจิตสังหารพุ่งเข้าสู่โลกแห่งนี้ กลิ่นอายสังหารหนาแน่นเข้มข้นจนมีหิมะสีแดงตกลงจากท้องฟ้า ปกคลุมพื้นดิน!
เบื้องหน้ากลิ่นอายสังหารนี้ ตู้ฉิงจึงได้ถอยร่นไปหลายก้าว เขาไม่ได้มองหวังหลินด้วยความหวาดกลัวธรรมดา แต่เป็นความหวาดกลัวอย่างแท้จริง!
“สังหาร…แก่นแท้สังหาร!! นั่นมันแก่นแท้สังหาร!! เจ้ามีแก่นแท้สังหารจริงๆ!!” ตู้ฉิงเกือบส่งเสียงกรีดร้อง บนแผ่นดินเซียนดารานั้นแก่นแท้สังหารหายากยิ่งกว่า แก่นแท้น้ำหนักของเขาเสียอีก แม้จะมีแค่แก่นแท้เดียว แต่แก่นแท้สังหารนั้นอาจมากพอให้กลายเป็นผู้คุมกฎได้เลย!
การได้แก่นแท้สังหารมานั่นหมายความว่ามือของคนผู้นั้นต้องเปื้อนไปด้วยโลหิต ต้องปลิดชีวิตไปมากมายเพื่อให้เกิดแก่นแท้สังหาร อย่างน้อยนี่ก็เป็นสิ่งที่ตู้ฉิง เชื่อเช่นนั้น
‘บัดซบ เขากลับมีแก่นแท้สังหาร เขา…สังหารคนไปกี่คนกัน? นี่มันคนโหดเหี้ยมชัดๆ!!’
“แก่นแท้เขตอาคม จงปรากฏ!” คำพูดของหวังหลินดุจกำปั้นยักษ์ทุบใส่ร่างของ ตู้ฉิงจนเขาต้องล่าถอยไปร้อยฟุต เขาเห็นแววตาหวังหลินมีเส้นสายโลหิตขึ้นมา พวกมันลอยออกมาก่อตัวเป็นเขตอาคม
กลิ่นอายของแก่นแท้เขตอาคมระเบิดออกมา
‘เจ็ด!! ไม่ได้มีแค่หกแต่มีเจ็ดอย่าง! เขา…เขา…’ ตู้ฉิงถอยไปอีกครั้ง มองดูเจ็ดแก่นแท้ ที่ลอยอยู่ท่ามกลางเขาและหวังหลิน หนังศีรษะด้านชาจนไม่รู้จะชาอย่างไรแล้ว เสียงดังสนั่นกึกก้องขึ้นในจิตใจ
หวังหลินทำให้เขาตกตะลึงมากเกินไป! ความตกตะลึงที่เขารู้สึกตอนนี้รุนแรงยิ่งกว่าก่อนมากมาย ความคิดที่จะหันกลับไปและวิ่งหนีปรากฏขึ้นในใจทันที
‘การมีเจ็ดแก่นแท้ มีวิชาทรงพลังของหลายสำนัก สามารถดูดซับสายเพลิงปฐพีด้วยกำลัง การเปลี่ยนแปลงของสายฟ้า…คนผู้นี้ไม่ควรไปล่วงเกิน!!’
ไม่ใช่เพราะเขาขาดแคลนระดับบ่มเพาะ แต่ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องน่ากลัวมากมายแค่ไหนถ้าเขาเผชิญหน้ากับหวังหลิน มีไพ่ตายอีกกี่ใบที่หวังหลินยังไม่ได้นำออกมา?
ตอนที่เขาโจมตีไปสองครั้งก่อนหน้านี้ก็ไม่ทำให้หวังหลินบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย จากตรงนั้นจึงสรุปได้ว่าไม่หวังหลินมีระดับบ่มเพาะเท่ากันก็ใกล้เคียง!
ในสถานการณ์เช่นนี้ รวมความระมัดระวังของตู้ฉิงและความลึกลับของหวังหลินเข้าด้วยกัน เขาจะต่อสู้ได้อย่างไร?
“เจ้ามีเจ็ดแก่นแท้แล้วอย่างไร!? เจ้ากล้ามาต่อสู้กับข้าหรือไม่!?” ตู้ฉิงกัดฟัน แม้เขาอยากจะหนีแต่ก็ต้องพูดออกไปก่อนสักสองสามคำ ไม่เช่นนั้นมันคงน่าขายหน้าเกินไป
“เจ้าต้องการสู้จริงๆ ใช่หรือไม่?” ใบหน้าหวังหลินที่อยู่ในก้อนเปลวเพลิงพลันเอ่ยขึ้น ดวงตาส่องสว่าง แรงกดดันระเบิดออกมาจากเปลวเพลิง
แรงกดดันอันตกตะลึงนี้ได้ทำให้ความหวาดกลัวในสายตาของตู้ฉิงเพิ่มขึ้นมหาศาล เขารีบถอยอย่างไม่ลังเล จ้องมองใบหน้าหวังหลินบนก้อนเปลวเพลิงและมีแสงสีทองส่องสว่างบิดเบือนออกมา
แสงสีทองแผ่กระจายและกว้างไกลดุจดวงตะวัน ประทับฝ่ามือสีทองขนาด เท่าศีรษะได้ลอยออกมาจากก้อนเปลวเพลิง
แสงสีทองส่องสว่างเจิดจ้าห่อหุ้มรอบบริเวณ มันเปล่งกลิ่นอายของสายโลหิตเทพอันบริสุทธิ์ยิ่ง แต่ก็มีอีกพลังสายหนึ่งอยู่ภายใน เมื่อตู้ฉิงสัมผัสกลิ่นอายนี้ได้ เขาจึง อ้าปากอีกครั้ง!
กลิ่นอายที่ออกมาจากประทับสีทอง แม้จะไม่ได้มากนักแต่สามารถแบ่งแยกโลกได้เป็นสองส่วน!
มากพอจะทำให้ทุกคนที่สัมผัสได้เข้าใจถึงความบ้าคลั่ง!
‘มหา…มหาชั้นฟ้า…’ โลหิตไหลออกจากมุมปากตู้ฉิงและรีบถอย แรงกระแทกจากประทับได้ทำร้ายวิญญาณดั้งเดิมของเขา ตอนนี้เขาบอกได้ว่าประทับนี้คือวิชาที่ถูกมหาชั้นฟ้าควบแน่นให้กลายเป็นสมบัติ
ความแข็งแกร่งของสมบัตินี้เป็นเรื่องรอง พลังที่แท้จริงของมันคือการทำให้ผู้คนตกตะลึง! ลืมตู้ฉิงไปได้เลย แม้แต่สำนักมหาวิญญาณ แม้กระทั่งสำนักที่ทรงพลังทั้งหมดบนแคว้นกระทิงสวรรค์ยังต้องสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวหลังจากสัมผัส กลิ่นอายจากประทับสีทองนี้ได้!
เพราะของชิ้นนี้คงพังทลายไปเมื่อมันอยู่ในมือคนอื่น เว้นแต่มหาชั้นฟ้าจะมอบสมบัตินี้ให้ด้วยตัวเอง นี่ถือเป็นสามัญสำนึกทั่วไปบนแผ่นดินเซียนดารา!
มหาชั้นฟ้ามักจะมอบสมบัติแบบนี้ให้แก่ศิษย์ที่ใกล้ชิด เป็นวิธีการบอกให้ทุกคนได้รู้ว่าห้ามไม่ให้ใครแตะต้องเขา!
ด้วยระดับบ่มเพาะของตู้ฉิง เขาจึงบอกไม่ได้ว่ามหาชั้นฟ้าคนใดสร้างขึ้นมา ตลอดหลายปีที่เขามีชีวิตอยู่ เขายังไม่มีแม้แต่คุณสมบัติพอจะได้เจอมหาชั้นฟ้าเลย สักคนเดียว
แต่กลิ่นอายนี้ทำให้เขาสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวและเซียนทรงพลังทั้งหมดที่เหนือล้ำกว่าคนอื่นก็มีแต่มหาชั้นฟ้าเท่านั้น!
ตู้ฉิงกระอักโลหิตออกมา เขาถอยไปด้วยพลางมองหวังหลินด้วยสายตาสาปแช่งและร้องคำราม!
“บัดซบ ถ้าเจ้ามีสมบัติแบบนี้ก็ควรนำออกมาก่อน!! หากเจ้านำออกมาก่อน คงมีแต่ผีสางเท่านั้นที่อยากไล่ล่าเจ้า แม้เจ้าจะล้างบางทั้งสำนักมังกรฟ้า ข้าก็จะแกล้งทำเป็นไม่เห็น!!”
“เจ้า…เจ้ามันโหดเหี้ยมอำมหิตเกินไป!! โหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!! ไม่มีใครเป็นเหมือนเจ้า!!”
ท่าทีของตู้ฉิงนั้นแม้แต่หวังหลินก็ตกตะลึง เขาไม่คาดคิดว่าประทับสีทองจะส่งผลกระทบรุนแรงเช่นนี้ ทำให้ตู้ฉิงกระอักโลหิตและคำรามคำพูดเช่นนั้นโดยไม่สนใจถึงสถานะของตัวเองเลยแม้แต่น้อย