1822. เพลิงปฐพีสายหลัก
ฟ่านชานลิ่วเดินหน้าสู่ถ้ำใต้ภูเขาโดยไม่หยุดพัก แม้แต่ตอนที่นางผ่านถ้ำของคนอื่น พอพวกนั้นสังเกตได้ว่าเป็นฟ่านชานลิ่ว จึงไม่สนใจอีก
พวกนั้นไม่คิดว่าคนนอกจะเข้ามาที่นี่ได้จากการเฝ้าดูของอาจารย์ ฟ่านชานลิ่วเองก็เป็นศิษย์หลักและพี่หญิงของนางก็ได้รับความสนใจจากอาจารย์ ดูเหมือนอาจารย์ของนางจะยกให้เป็นผู้สืบทอด
ซึ่งทำให้ศิษย์คนอื่นในสำนักไม่คิดจะสร้างปัญหาใดกับฟ่านชานลิ่ว นางเดินทางสู่ถ้ำใต้ภูเขาได้อย่างราบรื่นและหยุดลงนอกห้องหิน
ประตูห้องหินเป็นสีแดงและเปล่งกลิ่นไอความร้อนมหาศาล เซียนธรรมดาคงรู้สึกโลหิตเดือดพล่านตอนที่ยืนอยู่ข้างนอกไม่มากก็น้อย
กล่าวให้ถูกก็คือห้องหินแห่งนี้สร้างอยู่ในสายเพลิงปฐพีเส้นหลัก การบ่มเพาะข้างในเท่ากับการบ่มเพาะอยู่ในสายเพลิงปฐพีเส้นหลัก
สถานที่แห่งนี้ไม่ได้สร้างขึ้นเพื่อบ่มเพาะแก่นแท้เพลิงเพียงอย่างเดียว ภายใต้เจตจำนงแห่งสายเพลิงปฐพี นอกจากแก่นแท้วารีแล้ว แก่นแท้นามธรรมอย่างอื่นทั้งหมดสามารถบ่มเพาะได้ที่นี่
กุญแจสำคัญคือกาใช้แรงกดดันจากเปลวเพลิงจนเกิดผลคล้ายคลึงกับการบิดเบือนเวลา การบ่มเพาะที่นี่หนึ่งวันเท่ากับหลายวันในโลกภายนอก
ห้องหินแห่งนี้มีมูลค่ามากที่สุดในภูเขานี้ มีเพียงศิษย์หลักเท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้
ฟ่านชานลิ่วบอกเล่าเรื่องนี้แก่หวังหลินทั้งหมดขณะที่เข้าไปใกล้ ตอนนี้ด้านนอกห้องหิน ฟ่านชานลิ่วสะบัดแขนขวา ประตูเปิดออกเพียงเล็กน้อยเพื่อให้คนเดินผ่านเข้าไป พอประตูเปิดจึงเกิดเสียงคำรามบ้าคลั่งดังออกมา
หลังจากนั้นไม่นานได้มีทะเลเพลิงแผ่กระจายออกมาจากช่องว่าง เปลี่ยนกลายเป็นมังกรเพลิงที่พยายามกลืนกินฟ่านชานลิ่ว
ฟ่านชานลิ่วดวงตาส่องสว่าง ขณะที่มังกรเพลิงเข้าใกล้ นางเอ่ยเสียงเบาอย่างประหลาด
“โจว!”
เมื่อเสียงนี้ดังขึ้นมา เจ้ามังกรเพลิงสั่นเทาและแตกสลายเป็นละอองเพลิงเบื้องหน้าฟ่านชานลิ่ว นางก้าวเดินเข้าไปในประตูโดยไม่ลังเล หลังจากเข้าไปแล้วประตูจึงค่อยๆ ปิดลง
ตอนที่เกิดเหตุการณ์นี้ ณ ถ้ำบนยอดเขา สตรีเยาว์วัยอายุราวสามสิบปีสวม ชุดคลุมเต๋าสีขาวพลันลืมตาขึ้น
สตรีเยาว์วัยผู้นี้งดงามจนน่าตกตะลึง อาจทำให้ใครต่อใครที่เห็นต้องหยุดหายใจ คิ้วเรียวดุจเสี้ยวพระจันทร์ ดวงตาคมดุจหงส์ และมีเครื่องประดับเปล่งประกาย รูปดาวห้าแฉกอยู่บนหน้าผาก ทำให้นางดูน่าหลงใหลเพิ่มขึ้นไปอีก
นางดูเหมือนมองเข้ามาอย่างไม่ใส่ใจนัก ส่งสัมผัสวิญญาณลงไปยังห้องหินด้านล่าง ทว่าสัมผัสวิญญาณของนางไม่ได้เข้าไป พอกวาดเพียงครั้งเดียวก็กลับออกมา
‘เป็นครั้งแรกที่ลิ่วเอ๋อร์เข้ามาที่นี่ตั้งแต่กลับมายังสำนัก เพื่อให้นางลืมเรื่องราวทั้งหมดพวกนั้น ไม่ควรไปรบกวนนางดีกว่า’ สตรีเยาว์วัยผู้นี้คืออาจารย์ของฟ่านชานลิ่ว
ตรงข้ามกับอาจารย์คือสตรีที่ดูคล้ายคลึงกับฟ่านชานลิ่วแต่เห็นได้ชัดว่าเย็นชายิ่งกว่า หวังหลินคุ้นเคยกับสตรีผู้นี้คือเพราะนางคือฟ่านชานเมิ่ง!
เปลือกตาของนางสั่นเทาและลืมตาอย่างช้าๆ หลังจากขบคิดเล็กน้อยนางจึงถอนหายใจและหลับตาบ่มเพาะต่อไป
ภายในห้องหินใต้ภูเขา ฟ่านชานลิ่วรู้สึกได้ถึงความร้อนจากถ้ำและเกิดหยาดเหงื่อขึ้นบนหน้าผาก นี่เป็นแค่เรื่องรองเท่านั้น เจตจำนงแห่งเปลวเพลิงได้ออกมาจากทุกที่โดยรอบของถ้ำจนกลายเป็นแรงกดดันทรงพลัง ใครที่เข้ามาจะถูกแรงกดดันนี้ห่อหุ้มซึ่งจะต้องนั่งลงปรับแรงกดดันก่อนเป็นอันดับแรก
“ข้าไม่สามารถเข้าไปในห้องหินได้ลึกเกินไป ข้าไม่ได้มาที่นี่นานแล้วและได้แต่รอเจ้าที่นี่เท่านั้น…” ขณะที่ฟ่านชานลิ่วเอ่ยขึ้น ควันหนึ่งสายได้ลอยออกมาจากแขนเสื้อ ปรากฏเป็นหวังหลินด้านข้าง
เพียงไม่นานที่หวังหลินปรากฏตัว คลื่นความร้อนรอบด้านพุ่งเข้ามาหาเขา แต่ขณะที่พวกมันเข้ามาใกล้ หวังหลินสูดคลื่นความร้อนเข้าไป
หวังหลินมีสีหน้าเช่นเดิม การสูดคลื่นความร้อนเข้าไปได้เปลี่ยนเป็นแก่นแท้เพลิงหล่อเลี้ยงร่างกายเขา
‘เป็นสายหลักจริงๆ คลื่นความร้อนนี้เท่ากับกิ่งก้านมากกว่าสิบสาย…’ หวังหลินดวงตาส่องสว่าง ที่นี่คือที่ที่เขามองหา
สายตามองดูห้องหิน มันไม่ได้เป็นสี่เหลี่ยมและไม่ได้เป็นห้องหินจริงๆ มีเส้นทางยาวซึ่งมีกำแพงรอบด้านเป็นสีแดง ยิ่งเข้าไปลึกยิ่งมีสีแดงเข้มมากขึ้น
“ทุกสิบก้าวจะเป็นระดับใหม่และมีทั้งสิ้น 370 ก้าว ท่านสามารถหาจุดที่ท่านต้องการได้เลย” เพียงครู่เดียวฟ่านชานลิ่วแทบชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อและนั่งลงพิงกับประตู
“เจ้าออกไปได้ในอีกสามวัน ข้าอาจจะใช้เวลาอยู่ที่นี่นานกว่านั้นอีกเล็กน้อย หากเจ้าทำตามจะไม่ส่งผลกระทบกับเจ้าเกินไปเมื่อข้าได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเข้า” หวังหลินคำนับฝ่ามือให้กับฟ่านชานลิ่วและเข้าไปในส่วนลึกของห้อง
พริบตาเดียวเขาก็ทะยานร่างไปได้มากกว่าสองร้อยก้าว วินาทีที่ร่อนลงไป เปลวเพลิงพวยพุ่งล้อมรอบเขาแต่ก็ถูกดูดซับในทันที
ก้าวอีกครั้งเดียวหวังหลินก็อยู่ตรงระยะ 370 ก้าว ตรงส่วนที่ลึกที่สุดของถ้ำ หวังหลินนั่งลงและประทับฝ่ามือไปบนพื้นโดยไม่ลังเล!
วินาทีนี้เขาอยู่ในสายเพลิงปฐพีเพื่อที่จะกลืนกินแก่นแท้เพลิงและเจตจำนงของมัน! การทำแบบนี้ท่ามกลางเหล่าผู้ทรงอำนาจของสำนักมหาวิญญาณก็เท่ากับการดึง เขี้ยวพยัคฆ์
ฟ่านชานลิ่วมองร่างหวังหลินเข้าไปในส่วนลึกของถ้ำ ยิ่งอุณหภูมิจากกำแพงสูงมากเท่าไรยิ่งมองเห็นเขาไม่ค่อยชัดเท่านั้น ผ่านไปสักพักนางจึงถอนหายใจและหลับตาเพื่อเริ่มบ่มเพาะ
ส่วนทางหวังหลินนั้นดวงตาส่องสว่างและวางมือไว้บนพื้นดิน ระลอกคลื่นจากแก่นแท้เพลิงพุ่งเข้ามาหามือเขาและเข้าไปในร่างกาย
ร่างหวังหลินค่อยๆ ถูกเปลวเพลิงห่อหุ้ม และสามวันถัดมากลิ่นอายของเขาก็หายไป หวังหลินกลายเป็นส่วนหนึ่งกับสายเพลิงปฐพีจนยากจะตรวจสอบ ถึงตอนนี้สัมผัสวิญญาณของเขาค่อยๆ แผ่กระจายออกและลงไปด้านล่างของห้องหิน มุ่งหน้าเข้าสู่สายเพลิงปฐพีเส้นหลัก
ร่างกายหวังหลินเต็มเปี่ยมไปด้วยแก่นแท้เพลิง ดังนั้นการดูดซับมากขึ้นคงไม่ช่วยให้ร่างแก่นแท้สมบูรณ์อีก สิ่งที่เขาต้องการคือการกลืนกินเจตจำนงของสายเพลิงปฐพี!
มีเพียงการกลืนกินเจตจำนงนั้นถึงจะกลายเป็นจ้าวแห่งเปลวเพลิงในแคว้น กระทิงสวรรค์จนสามารถทำให้ร่างแก่นแท้ของหวังหลินก่อเกิดได้อย่างสมบูรณ์แบบ
‘ครั้งนี้ ข้าต้องทำให้สำเร็จ!’
สัมผัสวิญญาณของหวังหลินได้เปลี่ยนกลายเป็นร่างแก่นแท้อยู่ในสายเพลิงปฐพี แม้ศีรษะยังคงเป็นวิหคศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งทำให้ดูแปลกประหลาด แต่แก่นแท้และเจตจำนงที่เปล่งออกมาก็ยังน่าตกตะลึงอยู่ดี
ด้วยสัมผัสวิญญาณนี้ หวังหลินสามารถเห็นสายเพลิงปฐพีเส้นหลักเป็นมังกรเพลิงนอนอยู่ในส่วนลึกของพื้นดิน มันเปล่งกลิ่นอายเก่าแก่ทรุดโทรมราวกับอยู่มานานมากและถูกสร้างขึ้นด้วยสายเพลิงปฐพีเส้นหลัก
มันไม่มีสติปัญญา มีเพียงเจตจำนงซึ่งคล้ายกับอำนาจแห่งสรวงสวรรค์และส่งแรงกดดันใส่หวังหลินอย่างต่อเนื่อง
ร่างแก่นแท้ของหวังหลินพลันดวงตาส่องสว่างและเผยรอยยิ้มเย็นเยียบ ไม่เพียงแต่เขาจะไม่หลบเท่านั้น ยังเข้าไปใกล้และเริ่มกลืนกินมัน
กลืนกินเจตจำนงนี้!
เพื่อหล่อเลี้ยงเจตจำนงของตัวเอง!
สร้างเจตจำนงของตัวเองขึ้นมา!
ขณะที่เขากลืนกิน ทั่วทั้งสายเพลิงปฐพีเส้นหลักจึงสั่นเทา ตามมาด้วยเจตจำนงแห่งเปลวเพลิงอันทรงพลังปรากฏขึ้นมาราวกับต้องการบดขยี้หวังหลิน
แต่นี่ไม่ใช่ร่างจริงของหวังหลิน มันเป็นร่างแก่นแท้ของเขา ดังนั้นจึงไม่ได้ทำให้เขาเกิดความอึดอัดอันใดและยังทำให้กลืนกินได้มากขึ้นไปอีก ศีรษะหวังหลินเริ่มเผยสัญญาณการเปลี่ยนแปลง ตรงคางไม่ได้เป็นวิหคศักดิ์สิทธิ์อีกแล้ว ผิวหนังเริ่มก่อตัวขึ้นมา!
การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้หวังหลินตื่นเต้น
‘ตามเจตจำนงไปถึงต้นตอวิญญาณของสายเพลิงปฐพีเส้นหลัก หากข้าดูดซับเจตจำนงที่นี่ ร่างแก่นแท้ของข้าก็จะสมบูรณ์!’ หวังหลินรู้ว่าเวลาเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นจึงไม่ลังเลที่จะไล่ตามสายเพลิงปฐพีเส้นหลักไปสู่ส่วนลึก
เขากำลังจะไปหาต้นตอวิญญาณของเพลิงปฐพีเส้นหลัก! หวังหลินต้องสร้าง ร่างแก่นแท้ให้สมบูรณ์ก่อนที่เหล่าผู้ทรงอำนาจในสำนักมหาวิญญาณจะค้นพบตัวเขา ไม่เช่นนั้นทุกอย่างจะสูญหายไปสิ้น
พริบตาเดียวสามวันก็ผ่านไป ฟ่านชานลิ่วลืมตา นางไม่สามารถสัมผัสตัวตนของ หวังหลินได้อีกต่อไป หลังจากขบคิดเพียงชั่วขณะจึงได้ลุกขึ้นและก้าวออกไปจาก ห้องหิน
หลังจากฟ่านชานลิ่วจากไปแล้ว ไม่มีใครมาที่ห้องหินหรือสังเกตตัวตนของ หวังหลินได้ แต่นี่เป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้น! สัมผัสวิญญาณของหวังหลินได้จมดิ่งลงไปใต้พื้นดินพร้อมกับเผชิญหน้ากับแรงกดดันมหาศาลที่มาจากเจตจำนงแห่งเปลวเพลิง เขามุ่งไปยังต้นตอของเจตจำนงซึ่งเป็นส่วนศีรษะของสายเพลิงปฐพีโดยต้องแข่งกับเวลาไปด้วย!
อีกสามวันผ่านไปจนถึงพลบค่ำของวันที่สาม หวังหลินลงมาใต้ดินไม่รู้ว่าลึกแค่ไหน ตอนนี้เขามองเห็นวิญญาณของสายเพลิงปฐพีเส้นหลักได้แล้ว!
ศีรษะของมันมีขนาดใหญ่หลายแสนฟุต มันดูเก่าแก่โบราณและการหายใจยังเต็มไปด้วยความเสื่อมสลาย ร่างแก่นแท้ของหวังหลินพุ่งทะยานและเข้าไปในเศียรมังกร
วินาทีที่เขาเข้าไป วิญญาณมังกรของเพลิงปฐพีเส้นหลักจึงสั่นเทาและส่งเสียงคำรามน่าตกตะลึง
เสียงคำรามแผ่กระจายไปยังพื้นดินและทำให้สายเพลิงสั่นสะเทือน ภูเขาด้านบนสั่นไหว ก้อนหินจำนวนมากร่วงหล่นลงมา ทะเลเพลิงหนาแน่นแผ่กระจายออกมาจากภูเขา
การเปลี่ยนแปลงฉับพลันนี้ได้ทำให้สตรีเยาว์วัยในถ้ำบนยอดเขาถึงกับมีสีหน้าเปลี่ยนไป นางแผ่สัมผัสวิญญาณออกมาโดยไม่ลังเลและปกคลุมทั้งภูเขา!
“กล้าดีนัก!” นางพุ่งทะยานออกมาจนถึงใต้ภูเขาในพริบตา พุ่งเข้าไปในถ้ำและเปิดประตูสีแดงเข้าสู่ห้องหิน
นาทีที่ประตูถูกเปิดออกอย่างรุนแรง ร่างหวังหลินซึ่งอยู่ห่างออกไปสาม 370 ก้าวและถูกห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิง มีแรงดึงดูดจากด้านล่างเข้าลากร่างของเขาไปหา สายเพลิงปฐพีเส้นหลัก
“อยากหนี?!” ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยจิตสังหาร