Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1700

Cover Renegade Immortal 1

1700. แน่วแน่

หวังหลินปลดใบเรือหน้าปีศาจออกมา เขามองมันอย่างละเอียด และดูเหมือนมันกำลังจ้องเขากลับมาด้วย

เหตุผลที่ฟ่านชานเมิ่งสามารถใช้วิชาภาพลวงตามหาวิญญาณได้และบรรลุขั้นลวงตาทับซ้อนได้ขณะที่อยู่บนแผ่นดินเซียนมายาเป็นเพราะใบเรือนี้

หวังหลินจำได้ชัดเจนว่าเขามองใบหน้าปีศาจนั้นอย่างไรก่อนจะตกลงไปในภาพมายาทับซ้อน หลังจากนั้นเขาก็ตกอยู่ในกับดักจนกว่าจะทะลวงภาพมายาออกมาได้ และเมื่อลืมตาขึ้นเขายังคงมองใบหน้าปีศาจนั้นอยู่

ราวกับทุกอย่างในภาพมายาเป็นสิ่งที่เกิดชั่วพริบตาตอนที่หวังหลินมองใบหน้านั้น

อีกด้านหนึ่ง ฟ่านชานลิ่วขบคิดเงียบๆชั่วขณะและเอ่ยปาก “นี่คือสมบัติของสำนักมหาวิญญาณและยังเป็นวิญญาณหลักของเรือวิญญาณปีศาจ…”

“ข้าไม่สนเรื่องระหว่างพวกท่านสองพี่น้อง ไม่จำเป็นต้องแลกเปลี่ยนสัจจะโลหิต เรามีเป้าหมายร่วมกัน หากไม่มีเจตนาแฝง เช่นนั้นถึงจะร่วมมือกันได้”

“อย่างไรก็ตามการกระทำของพี่สาวท่านก่อนหน้านี้ช่างน่าสนใจ บอกนางว่าข้าจะเอาใบเรือและเรือวิญญาณปีศาจนี้ไปเป็นค่าชดเชยกับเรื่องความไม่พอใจที่เกิดขึ้น!” หวังหลินสะบัดแขนขวา เก็บใบเรือเข้าไปในมิติเก็บของพลางมองฟ่านชานลิ่ว

นางอ้าปากราวกับต้องการบอกอะไรบางอย่าง แต่ท้ายที่สุดก็เงียบไป นางยืนขึ้นด้วยสายตาที่อธิบายไม่ถูก

“ท่านไม่ต้องออกไปจากเรือลำนี้ ข้าจะทิ้งเรือนี้ไว้กับท่าน เมื่อใดที่ข้าต้องการ ข้าจะเรียกท่านให้นำมาให้ข้า แท่นโบราณที่ท่านพูดถึงตอนที่เราอยู่ในภาพมายานั้นอยู่ในเรือลำนี้ใช่หรือไม่?” หวังหลินเอ่ยปาก แววตาเย็นเยียบ

ฟ่านชานลิ่วขบคิดอยู่นานก่อนจะส่ายศีรษะ นางยกแขนขึ้นมา หินหยกก้อนหนึ่งลอยเข้าหาหวังหลิน เขารับมันไว้และเห็นแผนที่ข้างใน

“มีอสูรดุร้ายมากมายในอวกาศแห่งนี้ ที่นี่เป็นอวกาศที่เกิดขึ้นเนื่องจากการต่อสู้ในถ้ำ อย่างไรก็ตามมันเชื่อมต่อกับโลกอย่างประหลาด หากเจ้าตามแผนที่ไปก็จะเห็นแท่นโบราณ”

“หินหยกนี้มีวิชาหนึ่งอยู่ด้วย มันคือวิชาที่ข้าพูดถึงในภาพมายาที่สามารถกลืนกินวิญญาณดวงที่สามได้ เจ้าควรศึกษามันให้ดี” ฟ่านชานลิ่วเอ่ยขึ้นเบาๆ พลางมองออกไปไกล สายตาดูคิดถึงบ้าน

หวังหลินขบคิดและจากนั้นคำนับฝ่ามือให้กับฟ่านชานลิ่ว ขณะที่เขากำลังจะจากไป ฟ่านชานลิ่วเอ่ยดังออกมา

“พี่สาวข้าคิดแก้แค้นจนแม้แต่ข้ายังถูกหลอกใช้… เราสามารถร่วมมือกันได้และข้าจะช่วยเจ้าอย่างดีที่สุด ข้ามีเพียงคำขอเดียว เมื่อใดที่เจ้าเปิดประตูสู่แผ่นดินเซียนดาราได้ พาข้าไปกับเจ้าด้วย… ข้าอยากกลับบ้าน…”

“การเปิดถ้ำแห่งนี้ยากมาก มีเพียงวิญญาณดวงที่สามเท่านั้นที่มีความทรงจำและรู้ว่าเต๋าสวรรค์อยู่ที่ไหน ต้องอัญเชิญเต๋าสวรรค์เท่านั้นจึงจะสามารถเข้าสู่ตำหนักเทพของราชันย์เทพสีรุ้งได้…”

“ตำหนักเทพคือตำแหน่งที่ตั้งของมหาสงครามคราวนั้น แม้จะตกอยู่ในซากปรักหักพังแต่มันมีประตูนำทางสู่แผ่นดินเซียนดารา การเปิดประตูบานนั้นหมายถึงการเปิดถ้ำออกไป”

หวังหลินหยุดกึก ขบคิดเล็กน้อย หันกลับมาหาฟ่านชานลิ่วและพยักหน้า

“ข้าสัญญา!” ยากนักที่หวังหลินจะเอ่ยคำสัญญา นี่คือคำสัญญาแรกตั้งแต่ที่เขาบรรลุขั้นที่สาม

ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์อันใด ไม่มีสิ่งใดต้องให้เป็นคำมั่น เป็นเพราะสิ่งที่นางพูดขึ้นมา

“ข้าอยากกลับบ้าน…”

ฟ่านชานลิ่วกัดริมฝีปากและมองหวังหลิน หลังจากได้ยินคำพูดของเขา นางจึงพยักหน้าและกัดปลายลิ้น พ่นก้อนโลหิตเป็นสีแดงสดออกมา ไม่นานมันเปลี่ยนกลายเป็นสีทองลอยเข้าหาหวังหลิน

“นี่คือสัจจะโลหิตของข้า!”

หวังหลินรับโลหิตสีทองซีดและเก็บไว้ในร่าง เขาหันกลับและจากไป

หวังหลินไม่จำเป็นต้องศึกษาเขตอาคมบนเรือนี้แล้ว โลกในภาพมายาทับซ้อนก็เหมือนโลกจริง ความรู้ทั้งหมดที่หวังหลินได้รับในภาพมายายังอยู่กับตัวเขา

เหมือนกับฟ่านชานลิ่วได้รับบาดเจ็บในภาพมายาและยังเกิดอาการบาดเจ็บเหมือนเดิมหลังจากภาพมายาพังทลาย วิชาของสำนักมหาวิญญาณช่างแปลกประหลาดและเกินคาดเดา

‘ใบเรือหน้าปีศาจคือใบเรือหลักของเรือวิญญาณปีศาจ ใบเรือนี้ไม่ใช่หน้าปีศาจธรรมดา แต่ยังมีเขตอาคมมากมาย เขตอาคมพวกนี้มีทุกอย่างเกี่ยวกับเรือวิญญาณปีศาจ’

‘หากข้าหลอมใบเรือนี้ได้ ไม่เพียงแต่ข้าจะเชี่ยวชาญเขตอาคมมากขึ้น ข้ายังสามารถควบคุมเรือได้อีกด้วย!’ หวังหลินส่งสัมผัสวิญญาณเข้าไปในมิติเก็บของและหลอมใบเรืออย่างช้าๆ เขาค่อยเรียนรู้เรื่องการควบคุมเรือมากขึ้น ยิ่งเวลาผ่านไปจึงอยากจะควบคุมเรืออย่างสมบูรณ์

ชั่วขณะต่อมา หวังหลินดวงตาส่องสว่างและไม่คิดเรื่องใบเรืออีก เขายกแขนและสัมผัสกลางหน้าผาก

‘ลูกของเย่โม่ที่ตายด้วยฝีมือข้าและข้าดูดซับโลหิตโบราณแปดหยดไป หากข้าสามารถผสานพวกมันได้ ข้าจะทำให้ร่างบัญชาโบราณแข็งแกร่งยิ่งขึ้น!’

‘ตอนนี้ข้าต้องไปดูแท่นพิธี บางทีข้าอาจจะเจอโชควาสนาที่นั่น…แม้ข้าจะเป็นขั้นวิญญาณดับสูญระดับกลาง ข้ายังด้อยกว่าเมื่อเทียบกับเซียนขั้นแก่นแท้ดับสูญ…’

‘ตอนนี้แดนสวรรค์โบราณเปิดแล้ว สี่ขุนพลปรากฏตัว เป้าหมายของแต่ละคนควรจะเป็นการค้นหาวิญญาณดวงที่สาม… นั่นจะช่วยข้าแก้ไขปัญหาหลายอย่างและตอนนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการยกระดับฝึกฝน!’ หวังหลินขบคิดพลางก้าวทะยานไปอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น สัมผัสวิญญาณแผ่กระจายออกไปสังเกตรอบด้านอย่างละเอียด

ท้องฟ้ามืดสนิท กลิ่นอายอสูรดุร้ายล่องลอยอยู่ทุกหนแห่ง พวกมันไม่เป็นภัยคุกคามต่อหวังหลิน แค่เขาส่งสัมผัสวิญญาณผ่านไปพวกมันก็ถอยหนีด้วยความหวาดกลัวแล้ว

ในอวกาศแปลกประหลาดแห่งนี้ หวังหลินจึงระมัดระวังอย่างมาก แม้อสูรรอบด้านไม่เป็นภัยคุกคามแต่มีสิ่งหนึ่งที่หวังหลินไม่มั่นใจ นั่นคือไม่รู้ว่าเซียนเต๋าสีรุ้งอยู่ที่นี่ด้วยหรือไม่!

แม้จะส่งสัมผัสวิญญาณแผ่กระจาย เขาก็ยังเพ่งสมาธิอย่างแน่วแน่ หากมีสิ่งผิดปกติใดเกิดขึ้นเขาจะหนีทันที ที่นี่อันตรายมากแต่เขาก็ต้องไปยังแท่นพิธี

หากเขาหวาดกลัวเกินไปจนไม่ไปไหน เช่นนั้นเขาคงไม่สามารถบรรลุระดับบ่มเพาะเหมือนในวันนี้ได้

ผ่านไปหลายชั่วโมง หวังหลินหยุดชะงัก สีหน้าท่าทางเปลี่ยนไป เขาถอยร่นทันทีโดยไม่ลังเลและกำลังจะหายตัวไป

ทว่าขณะที่กำลังจะหายตัวไป เขาอุทานและจ้องมองตรงไปข้างหน้า สีหน้าท่าทางเปลี่ยนไปทีละนิด

สัมผัสวิญญาณเขาเห็นร่างที่กำลังนั่งอยู่นั้น ห่างออกไปหลายล้านลี้ นั่งอยู่ท่ามกลางอสูรดุร้ายนับไม่ถ้วน

บางครั้งร่างนั้นก็มีสีหน้าซับซ้อน บางครั้งสับสน บางครั้งเป็นสุข บางครั้งตื่นเต้น

เขาคือเซียนเต๋าสีรุ้ง!

หลังจากขบคิดอยู่ชั่วขณะ หวังหลินพลันลืมตา เซียนเต๋าสีรุ้งดูแปลกประหลาดไปกว่าทุกที แต่พอขบคิดอีกสักนิด หวังหลินจึงตระหนักได้ว่าเขาดูเหมือนตกอยู่ในภาพมายา

‘นี่เหมือนเป็นภาพมายาของฟ่านชานเมิ่ง แม้แต่เซียนเต๋าสีรุ้งยังตกอยู่ในกับดัก ด้วยระดับบ่มเพาะของเขา ภาพมายานี้… เรื่องแบบนี้… ดูเหมือนมีอะไรผิดพลาด!’ หวังหลินเป็นคนฉลาดมาก หลังขบคิดอีกครั้งจึงรู้ปัญหาทันที

หัวใจหวังหลินเริ่มเต้นรัวและมีไม่บ่อยที่เกิดขึ้นในใจ ด้านหนึ่งเขาควรจะจากไปทันที ในสภาวะตอนนี้เซียนเต๋าสีรุ้งคงไม่ไล่ตามหวังหลิน

ด้วยเหตุผลนี้ การเดินทางของหวังหลินสู่แท่นพิธีจึงไร้ซึ่งอันตราย

อีกด้านหนึ่งหวังหลินรู้สึกว่านี่คือโอกาส หากเขาสามารถเข้าสู่ภาพมายาของเซียนเต๋าสีรุ้งได้ เมื่อนั้นเขาคงจะล่วงรู้ความลับบางอย่างที่ไม่เปิดเผย เขารู้สึกว่าระดับบ่มเพาะของฟ่านชานเมิ่งไม่ได้สูงมากพอจะกักขังเซียนเต๋าสีรุ้งได้ มันต้องมีเหตุผลอื่น

หวังหลินรู้สึกว่าหากยอมทิ้งโอกาสที่มีครั้งเดียวในชีวิตนี้ไป เขาคงเสียใจในอนาคตแน่นอน!

หลังจากพยายามอยู่เจ็ดถึงแปดนาที แววตาหวังหลินกะพริบแสงเย็นเยียบ!

‘ในอันตรายมีโชควาสนาซ่อนอยู่!’ หวังหลินเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยความระมัดระวังสูงสุด ร่างกายหายไปและปรากฏตัวอีกครั้งห่างจากเซียนเต๋าสีรุ้งหนึ่งแสนฟุต

ในบริเวณนี้มีร่างศพอสูรจำนวนมาก หวังหลินยืนอยู่บนหนึ่งตัวและมองดูมัน สายตาเริ่มเปล่งประกาย

‘อสูรพวกนี้เพิ่งตายได้ไม่นาน…’ หวังหลินมองเซียนเต๋าสีรุ้งที่อยู่ห่างออกไป ยกแขนขวาขึ้นมา ร่างศพของอสูรตัวนั้นถูกยกลอยขึ้นไปร้อยฟุต หวังหลินสะบัดแขนส่งซากศพลอยเข้าหาเซียนเต๋าสีรุ้ง

หวังหลินเอนหลังเล็กน้อยพลางจ้องมองศพนั้นทะยานเข้าไปในระยะพันฟุต

ทว่าขณะที่ร่างศพเข้าไปใกล้ แสงสีรุ้งด้านหลังเซียนเต๋าสีรุ้งพลันเปล่งประกาย จากนั้นร่างศพหายวับไปเงียบๆ ภายใต้สายตาหวังหลิน

ไม่มีเศษซากหรือโลหิต มันหายวับไปอย่างสิ้นเชิง

‘ใช่แน่!’ หวังหลินขบคิดและก้าวเดินอย่างระมัดระวัง จังหวะไม่เร็วแต่หัวใจเต้นระรัว ข้ามผ่านระยะแสนฟุตและหยุดห่างไปพันฟุตที่ศพนั้นหายไป

หวังหลินกัดฟันและนั่งลง แขนขวาชี้ใส่จุดกลางหน้าผากและเข้าไปถึงส่วนลึกของวิญญาณ ภาพทัศนวิสัยของหวังหลินพร่ามัวพลางดึงแขนขวาออกมาและชี้ใส่เซียนเต๋าสีรุ้ง

“ความฝันข้าเข้าไปในภาพมายาเจ้า เต๋าความฝัน!”

หวังหลินชี้นิ้วออกไปและร่างสั่นเทา โลหิตไหลออกจากมุมปาก ภาพพร่ามัวหายไป นั่งสงบนิ่งและไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

วิชาเต๋าความฝันไม่จำเป็นต้องแตะต้องร่างกายตรงๆ แต่เซียนเต๋าสีรุ้งมีระดับบ่มเพาะสูงส่งและมีม่านพลังป้องกันรอบตัว ดังนั้นหวังหลินจึงไม่สามารถเข้าสู่ภาพมายาของเขาด้วยเต๋าความฝันได้

หวังหลินขมวดคิ้ว เผยท่าทีไม่เต็มใจ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version