Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 1839

Cover Renegade Immortal 1

1839. แก่นแท้ที่แปด!

หวังหลินมีหลายอย่างที่ต้องการนำออกมาจากมิติเก็บของ แต่เขามีโอกาสเพียงครั้งเดียวที่จะนำสิ่งของออกมาโดยไม่ให้เกิดความเสียหาย หลังจากขบคิดชั่วครู่จึงตัดสินใจได้

ตอนนี้หุ่นเชิดมีระดับใกล้เคียงเซียนขั้นวิบากดับสูญระดันต้น มันเป็นประโยชน์ต่อเขามากที่สุด!

หุ่นเชิดเย่ซื่อที่เขาได้มาจากส่วนลึกในสุสานโบราณปรากฏขึ้นในจิตใจหวังหลิน เขายื่นมือเข้าหาหินมิติและส่งสัมผัสวิญญาณเข้าไปข้างใน และเปิดมิติเก็บของ!

พอมิติเก็บของถูกเปิดออก หินมิติจึงสั่นเทา มิติข้างในหนึ่งแห่งถูกมิติเก็บของเข้ามาแทนที่และพังทลายไป

เมื่อมันพังทลาย จิตสังหารมหึมาได้พวยพุ่งออกจากมิติเก็บของ พริบตานั้นร่างที่มีแขนขายาว ลิ้นสีแดงเข้ม ร่างกายผอมบางจึงปรากฏด้านข้างหวังหลิน

หุ่นเชิดเย่ซื่อนั้นดูเหมือนวานร!

เสียงคำรามและกลิ่นอายรุนแรงระเบิดออกมาจากหุ่นเชิด มันจ้องมองหวังหลินและค่อยๆ จำได้ว่าหวังหลินเป็นใคร พอได้สติแล้วดวงตาจึงผ่อนคลายลงเล็กน้อย

หวังหลินจ้องมองร่างอันดุร้ายที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร เอ่ยคำสั่งออกไป “เย่ซื่อ คุ้มกันข้า!”

“กรรร!”

มันใช้ดวงตาอันดุร้ายจ้องมองไปที่ทางเข้าถ้ำ ลิ้นสีแดงลากไปบนพื้นจนดูน่าตกตะลึง ตอนนี้หากมีคนเข้ามาในถ้ำคงถูกหุ่นเชิดเย่ซื่อโจมตีอย่างบ้าคลั่ง

หวังหลินยังคงกังวลและมองไปที่รอยสักราชายุง ตอนที่เขามองไป ดวงตาของราชายุงเผยแววเย็นเยียบและมองมาที่หวังหลิน

ราชายุงคือชั้นป้องกันสุดท้ายที่หวังหลินเตรียมการไว้สำหรับการปิดด่านบ่มเพาะ

ตอนนี้หวังหลินผ่อนคลายได้เล็กน้อย เขานั่งลงในถ้ำและมองหยดน้ำด้วยความตื่นเต้น สูดลมหายใจเข้าและประทับหยดน้ำตรงกลางหน้าผาก

โลหิตในร่างเริ่มเดือดพล่าน แก่นแท้วารีในร่างพลันเข้าผสานกับหยดน้ำอันใหม่และเกิดการเปลี่ยนแปลงอันน่าตะลึง

ช่วงระหว่างนี้ร่างกายหวังหลินแห้งเหี่ยวอย่างรวดเร็ว ราวกับน้ำและโลหิตในร่างทั้งหมดถูกดูดไปรวมกันที่จุดเดียว

ร่างกายเหี่ยวแห้งในชั่วเวลาครึ่งก้านธูปไหม้ เขาเหมือนกับโครงกระดูก เรือนผมเหี่ยวเฉา ผิวหนังเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นราวกับซากศพเน่าเปื่อยมาหลายปี!

หยดแก่นแท้วารีเข้าดูดซับโลหิตและน้ำทั้งหมดในร่างหวังหลิน มันเป็นผลึกใสกระจ่างแต่พอมันถูกซ่อนไว้ในร่างจึงไม่สามารถมองเห็นจากด้านนอกได้

การควบแน่นและการดูดซับของแก่นแท้วารีดูน่ากลัวเช่นนี้ เพราะร่างกายของเซียนมีน้ำเป็นองค์ประกอบและในโลหิตก็มีน้ำอยู่ด้วย

ขณะที่เขาควบแน่นแก่นแท้วารี ร่างกายจึงได้รับผลกระทบทันที ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมร่างของเขาจึงดูเหมือนซากศพเหี่ยวแห้ง

วันเวลาเจ็ดวันผ่านไปอย่างเชื่องช้า หวังหลินนั่งนิ่งไม่ไหวติงราวกับตายไปแล้วจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะมีเพียงกลิ่นอายของเขาที่ไม่หายไปแต่กลับแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย คนอื่นคงคิดว่ามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับหวังหลิน

อีกสองวันต่อมา ร่างเหี่ยวแห้งของหวังหลินจึงสั่นเทาและลืมตาขึ้นมา ดวงตามีเมฆหมอกราวกับน้ำในดวงตาหายไปด้วย

“แก่นแท้วารี กระจายตัว…” น้ำเสียงแหบพร่าดังออกมาจากปากหวังหลินเขายกมืออันเหี่ยวแห้งขึ้นมาสร้างผนึก หยดแก่นแท้วารีพลันระเบิดทันที ร่างหวังหลินสั่นเทาและฟื้นคืนอย่างรวดเร็ว

การฟื้นคืนนี้เกิดขึ้นในชั่วพริบตา หวังหลินไม่เหี่ยวแห้งอีกต่อไป ผิวหนังกลับมากระจ่างสดใสคล้ายกับมีแสงโคจรอยู่ทั้งข้างในและข้างนอกร่างกาย

เขาคงอยู่ในสภาวะนี้ไปเก้าวัน หยดน้ำที่ได้ผสานเข้ากับร่างกายกำลังหมุนวนอย่างรวดเร็วและเล็กยิ่งกว่าเมื่อสิบแปดวันก่อนอย่างเห็นได้ชัด

คล้ายกับเป็นการควบแน่นเก้าวันและกระจายเพื่อโคจรอีกเก้าวัน หลังจากเสร็จสิ้นรอบแรก การโคจรรอบที่สองจึงได้เริ่มขึ้น!

พอถึงวันที่สิบเก้า ร่างหวังหลินเกิดการเปลี่ยนแปลงและเหี่ยวแห้งกลายเป็นซากศพทันที หยดน้ำในร่างกายกะพริบอย่างรวดเร็ว

วัฎจักรนี้เกิดขึ้นหลายครั้ง หวังหลินผ่านการเหี่ยวแห้งและฟื้นคืนมาใหม่ถึงเจ็ดรอบ หลังจากผ่านรอบที่เจ็ดไปหยดน้ำที่เป็นแก่นแท้ในร่างหวังจึงมีขนาดเล็กลงมากกว่าเดิมสองในสิบส่วน

เจ็ดเดือนได้ผ่านไป

หวังหลินไม่สนใจทุกอย่างที่เกิดขึ้นด้านนอกในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาเขาจมดิ่งไปกับการดูดซับแก่นแท้วารีอย่างมุ่งมั่น หวังหลินเข้าใจดีว่าเมื่อเขาสร้างแก่นแท้วารีได้สำเร็จ ระดับบ่มเพาะจะเพิ่มขึ้นในทันที!

และแก่นแท้วารีนี้คือแก่นแท้รูปธรรม มันอาจเกิดปัญหาเดียวกับแก่นแท้เพลิง นั่นคือเกิดการผสานและกลืนกินเจตจำนง

อย่างไรก็ตามแก่นแท้ของหวังหลินเพียงแค่สมบูรณ์เล็กน้อยจากก่อนหน้านี้ หลังจากผสานเข้ากับแก่นแท้วารีของแผ่นดินเซียนดารา จึงไม่เกิดการต่อต้านมากนัก เขาสามารถอดทนได้

วันเวลาผ่านไปอีกสิบแปดวัน หวังหลินได้โคจรผ่านรอบที่แปด หยดวารีเล็กลงมาก หากไม่ได้มองดูใกล้ๆ คงไม่อาจสังเกตเห็น

ขณะที่หวังหลินปิดด่านบ่มเพาะ ร่างแก่นแท้ของเขาปกป้องถ้ำอยู่ด้านนอก ส่วนในถ้ำมีหุ่นเชิดเย่ซื่ออารักขาทุกเส้นทาง

หุ่นเชิดยี่ซื่อไม่ได้กลิ่นโลหิตมานานและเกิดความฉุนเฉียว มันร้องคำรามอย่างต่อเนื่อง บางครั้งก็มองหวังหลินด้วยสายตาดุร้าย แต่มันรู้ว่าหวังหลินคือเจ้านาย แม้ความรู้สึกนี้ไม่รุนแรงแต่มันก็ส่งผลกระทบบางอย่างเพื่อให้เกิดแรงต้านความอยาก

แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือหุ่นเชิดเย่ซื่อรู้สึกว่าเจ้านายแตกต่างจากเมื่อก่อน เขามีกลิ่นอายที่ทำให้มันหวาดกลัว แม้จะเป็นความรู้สึกเบาบางแต่มันได้ผสานกับวิญญาณของเจ้านายไปแล้ว

สิ่งเหล่านี้คือเหตุผลที่หวังหลินยอมให้มันออกมาปกป้อง แม้มันจะกระหายเลือดแต่เจตจำนงของหวังหลินยังส่งผลกระทบกับมัน ตราบใดที่ไม่นานเกินไปก็ไม่มีปัญหา ขณะที่ระดับบ่มเพาะของหวังหลินเพิ่มขึ้น เจตจำนงของเขาจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมและมากพอที่จะควบคุมเจ้าหุ่นเชิดจอมกระหายเลือดตัวนี้!

ทั้งยังมีเศษเสี้ยวกลิ่นอายจากร่างอวตารด้วย มันเป็นพลังอำนาจอีกอย่างหนึ่งที่ตรวจจับได้ยากแต่เจ้าหุ่นเชิดสามารถรับรู้ได้

ฟ่านชานเมิ่งเองก็อยู่ในภูเขาและสังเกตถ้ำที่หวังหลินอยู่มาสักพัก ตอนนี้ก็ผ่านมาหลายเดือนแล้ว นางคิดมาหลายรอบจนมาถึงจุดที่เดินออกมาจากถ้ำและมุ่งหน้ามายังยอดเขา

ฟ่านชานเมิ่งหยุดอยู่ห่างออกไปพันฟุตและเมื่อนางนึกถึงร่างแก่นแท้เพลิงของหวังหลิน แววตาจึงเกิดความหวาดกลัว

นางไม่กล้าพอจะลงมือต่อต้านหวังหลินตอนที่ปิดด่านบ่มเพาะ แต่นางต้องการสังเกตเขาใกล้ๆ จากนั้นก็สามารถบรรลุคำสั่งของอาจารย์เพื่อค่อยๆ สาปแช่งหวังหลินให้ตาย

ทว่าเมื่อนางหยุดอยู่ห่างออกไปพันฟุต ร่างแก่นแท้ของหวังหลินพลันลืมตาและชำเลืองมาที่ฟ่านชานเมิ่ง

การโดนร่างแก่นแท้มองเข้ามาก็เหมือนกับโดนหวังหลินจ้องมอง ฟ่านชานเมิ่งตัวสั่นและก้มหน้า นางกำลังจะถอยแต่ได้ยินเสียงคำรามดังออกมาจากถ้ำ หมอกสีดำหนาแน่นโผล่ออกมาและมีสายตาดุร้ายหนึ่งคู่ปรากฏขึ้นในสายหมอก ลิ้นสีแดงสดส่ายไปมา ช่างเป็นภาพที่น่าตกตะลึง

เย่ซื่ออยู่ในสายหมอกและไม่ได้ลิ้มรสโลหิตมาหลายเดือน มันกำลังเบื่อแต่เมื่อตรวจจับคนด้านนอกได้ จึงมองฟ่านชานเมิ่งด้วยสายตากระหายเลือด และส่งเสียงคำรามก่อนจะพุ่งเข้าใส่นาง

ฟ่านชานเมิ่งผ่านด่านมาถึงขั้นวิบากแก่นแท้ด่านที่เจ็ดแล้ว แต่พอนางสบสายตากับเย่ซื่อจึงตกตะลึง เสริมด้วยความหวาดกลัวต่อหวังหลิน ฟ่านชานเมิ่งจึงล่าถอยโดยไม่ลังเล

อย่างไรเสียนางไม่ได้เร็วเท่าเย่ซื่อ เจ้าหุ่นเชิดร้องคำรามและพุ่งเข้าใส่นาง ลิ้นเข้าปาดป่ายและส่งสายหมอกสีดำขัดขวางเส้นทางถอยหนี

เสียงดังสนั่นกึกก้องขึ้นในสำนัก ผู้คนส่วนใหญ่ในสำนักมหาวิญญาณได้รับคำสั่งจากบรรพชนไม่ให้เข้าไปใกล้ภูเขาของหวังหลิน พอเกิดเรื่องนี้ขึ้นจึงมองเข้ามากันทั้งหมด

หยานหลวนกำลังบ่มเพาะอยู่พลันลืมตาขึ้นด้วยท่าทีเปลี่ยนไป นางแทบลืมไปแล้วว่าได้ส่งฟ่านชานเมิ่งไปสาปแช่งหวังหลินให้ตาย ในสายตานางมีร่องรอยความหวาดกลัวและจึงมุ่งหน้าไปยังภูเขาของหวังหลิน

ภายในถ้ำนั้นหวังหลินกำลังโคจรรอบที่เก้าและเป็นรอบสุดท้าย เมื่อเขาโคจรรอบนี้ได้สำเร็จ แก่นแท้วารีจะสมบูรณ์และเพิ่มระดับบ่มเพาะขึ้นมาได้

ทว่าหยดแก่นแท้วารีได้ถูกใช้จนหมดแล้ว ร่างกายเขาเหี่ยวแห้ง หวังหลินลืมตาขึ้นมาและเปล่งประกายเจิดจ้า

‘แก่นแท้วารีไม่มากพอที่จะโคจรรอบสุดท้ายได้สำเร็จ…ข้ายังขาดอีกเล็กน้อย!! ข้าจำเป็นต้องหาน้ำเพิ่มจำนวนมาก!!’ หวังหลินตอนนี้ดูน่ากลัวยิ่ง ร่างกายเหี่ยวแห้งดุจโครงกระดูก

ขณะที่กำลังคิด เขามองขึ้นไปและสังเกตได้ถึงเสียงดังข้างนอกถ้ำพร้อมกับกลิ่นอายของหยานหลวนที่กำลังเข้าใกล้

“เย่ซื่อ กลับมา!” ขณะที่หยานหลวนเข้ามาใกล้หมอกซึ่งเป็นจุดที่เย่ซื่อและฟ่านชานเมิ่งกำลังต่อสู้กัน หวังหลินเอ่ยเสียงดังกึกก้อง ขณะเดียวกันเขาก็ออกไปจากถ้ำและมาถึงด้านนอก

หยานหลวนเห็นร่างกายเหี่ยวแห้งและรูปร่างน่ากลัวของหวังหลิน นางจึงส่งเสียงร้องด้วยความตกใจ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version