Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 196

Cover Renegade Immortal 1

196. ทำลายข้อตกลง

พายุหมุนปะทะเข้ากับอสรพิษและพังทะลายลง

วิญญาณของหวังหลินกระตุ้นมรดกส่วนของเขา แต่จิตใจหวังหลินจมดิ่งอย่างรวดเร็วดูเหมือนว่าชิ้นส่วนมรดกของเขาจะไม่พอให้เกิดการตอบสนองอันใดแม้จิตใจต้องการจะออกจากที่แห่งนี้

สีหน้าหวังหลินเปลี่ยนเป็นเศร้าหมอง เขามีความสงสัยมาก่อนและการที่มรดกใช้ที่นี่ไม่ได้จึงยืนยันได้ว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ใช่ทะลแห่งภูมิปัญญา

เป็นผลให้ทุกสิ่งที่เขาทำก่อนหน้านั้นไร้ประโยชน์ สายตาหวังหลินกลายเป็นเย็นชาแต่ก็กลับฟื้นคืนมาอย่างรวดเร็ว เขาทราบดีว่าเหตุการณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้นนับเป็นเรื่องปกติ จากความทรงจำส่วนที่เขาสืบทอด เรื่องที่วิญญาณของตู่ซือกลายเป็นทะลมรณะและทะเลโลหิตที่ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนนับเป็นเรื่องจริง

สถานที่แห่งนี้คือทะเลวิญญาณมรณะจริงๆ แต่ทำไมมรดกแห่งภูมิปัญญาถึงใช้งานที่นี่ไม่ได้?

หวังหลินมองรอบๆ สายตาตกลงบนเกล็ดชิ้นหนึ่งของอสูรที่ยาวนับล้านฟุตและคิดขึ้นในใจ หัวใจเต้นผิดจังหวะขณะที่จ้องเกล็ดนั้นและจดจำตำแหน่งของมัน เมื่อหวังหลินกระตุ้นมรดกแห่งภูมิปัญญาของตนเอง เขาสัมผัสได้ถึงการตอบสนองอย่างเบาบางจากเกล็ดนั้น

แม้ว่าการตอบสนองจะอ่อนแอมากแต่มันตอบสนองต่อการเรียกของชิ้นส่วนมรดก เช่นนั้นเกล็ดชิ้นนั้นต้องเป็นของพิเศษบางอย่าง

ดวงตาหวังหลินสว่างขึ้น เขาไม่ได้ยกแขนออกแต่โบกนิ้วชี้เบาๆ รอยแยกเล็กๆปรากฎขึ้นและหายไปอย่างรวดเร็ว การเคลื่อนไหวของหวังหลินเป็นเรื่องลับมาก และรอยแยกเล็กๆหายไปหลังจากที่มันปรากฎไม่นาน ดังนั้นจึงไม่มีใครสังเกตเห็น

หัวใจหวังหลินสงบลง การปรากฎตัวของรอยแยกหมายถึงเขาสามารถใช้วิธีการเคลื่อนไหวพิเศษนี้ด้วยชิ้นส่วนมรดกของเขา

เขาตรวจสอบกระเป๋าตนเองด้วยสัมผัสวิญญาณและยิ้มเยาะในใจ เขามีกระเป๋าเยอะมาก ใบที่ทำให้เขากังวลมากที่สุดก็คือกระเป๋าที่มีสมบัติช่วยชีวิตทั้งสิบ กับดักอสูรฮวนหยวนและหินวิญญาณระดับสูงยี่สิบก้อน เขาไม่เคยลดการป้องกันลงนับตั้งแต่ได้รับมันมา

เขาไม่เชื่อว่าทั้งสิบคนพวกนั้นจะยอมให้เขาถือสิ่งของนี้ไว้ง่ายๆ สิ่งที่เขาพูดครั้งก่อนทำให้เข้าใจผิดได้ง่ายๆ

หลังจากมีประสบการณ์กับการเข้ารอยแยกมามาก หวังหลินเข้าใจได้ว่ารอยแยกที่เขาเปิดโดยการใช้มรดกนับว่าแตกต่างกัน หากคนผู้หนึ่งเข้าไป เขาจะไม่ได้ออกไปอีกด้านในทันที เพราะมีมิติเล็กๆแห่งหนึ่งระหว่างทางเข้ากับทางออก มิตินั้นเต็มไปด้วยพลังยุ่งเหยิงที่ป้องกันสัมผัสวิญญาณไม่ให้เข้าไป

หวังหลินทดลองมันมาก่อน เขานำกระบี่เหินเล่มหนึ่งออกมาและโยนเข้าไปในรอแยก เมื่อกระบี่เข้าไปพลันสูญเสียการเชื่อมต่อทันที หลังจากกระบี่ออกมาจากอีกด้านหนึ่งเท่านั้นถึงกลับมาเชื่อมต่อได้

จิตใจหวังหลินเปลี่ยนเป็นตื่นเต้น หากเขาสามารถได้รับประโยชน์จากคุณสมบัติของรอยแยกนี้ มันจะสามารถทำสิ่งอัศจรรย์กับเขาได้

หลังครุ่นคิดเล็กน้อย หวังหินนำกระเป๋าที่มีหินวิญญาณระดับสูง กับดักอสูรและอุปกรณ์ทั้งสิบที่ปนกันเล็กน้อยออกมา และวางใส่กระเป๋าที่แตกต่างกันสามถุง

ขณะเดียวกันการเปลี่ยนแปลงอุบัติขึ้น กลุ่มตั่วมู่มองหน้ากันเองตามชายชราและวางฝ่ามือเข้าด้วยกัน ลำแสงเส้นหนึ่งเชื่อมทั้งสิบคนสร้างเป็นรูปทรงไร้ระเบียบล้อมรอบต้าเสิน

ดวงตาเย็นชาของต้าเสินชำเลืองทั้งสิบคน ใบหน้าเผยรอยยิ้มเยือกเย็นพลันเยาะเย้ย “พวกเจ้าทั้งสิบรอข้ามาหลายปีและในที่สุดก็เจอโอกาสแล้วสินะ? เยี่ยมมาก!”

ใบหน้าชายชรามีความมืดมน มือทั้งสองเปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่องพร้อมกับทั้งเก้าคน ฝ่ามือเปลี่ยนรูปร่างเร็วขึ้นและเร็วมากขึ้น

ทันใดนั้นรูปทรงไร้ระเบียบเรืองแสงขึ้นและเข้าใกล้ต้าเสิน ต้าเสินยิ้มเยือกเย็นขณะที่มองกลับมา เขามองไปที่อสูรตัวนั้นและพูดช้าๆ “ดูเหมือนพวกเจ้าติดต่อกันมาก่อนและวางแผนผนึกข้าอีกครั้ง”

อสูรตัวนั้นจ้องต้าเสินและพูดขึ้นอย่างสงบนิ่ง “หลังจากข้าผนึกเจ้า ทั้งสิบคนนี้แต่ละคนจะได้รับชิ้นส่วนมรดก ด้วยสิ่งล่อตาล่อใจแบบนี้เป็นใครก็ยอมตกลง”

ต้าเสินดูไม่กังวลกับรูปทรงไร้ระเบียบที่กำลังเข้าใกล้ร่างเขาอย่างรวดเร็ว เขาเริ่มหัวเราะเสียงดัง มือขวาถือหอกและกระแทกข้างหน้าทันที เสียงกระหึ่มดังขึ้นมาเป็นชุด ทันใดนั้นมังกรดำตัวใหญ่ปรากฎตัวขึ้นและพุ่งเข้าหารูปร่างไร้ระเบียบแห่งนั้น

ไม่นานนักต้าเสินชี้ไปที่ระหว่างคิ้วตัวเองขณะที่จ้องชายชราอย่างเยือกเย็นและตะโกนขึ้น “ระเบิด!”

ใบหน้าชายชราเปลี่ยนไปทันที ร่างกายเริ่มเรืองแสงสีแดง พลังปราณส่วนหนึ่งปั่นป่วนออกจากร่างขณะที่ร่างกายสั่นสะท้าน เขาวางแขนบนท้องตัวเองและตะโกนขึ้น “กระจาย!”

แสงสีแดงขับออกจากร่างกายเขาทันที ใบหน้าคนที่เหลืออีกเก้าคนเคร่งเครียดมากกว่าเดิมและฝ่ามือเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วซึ่งทำให้พวกเขาสามารถสลับไปเป็นสภาวะที่สามารถดูดซับพลังปราณได้

แสงสีแดงแบ่งออกเป็นเก้าดวงอย่างรวดเร็วและเข้าไปในร่างทั้งเก้าคน พวกเขาเรืองแสงสีแดงทันที พร้อมกันนั้นชายชรารีบตะโกนขึ้น “บรรจบ!”

ชั่วขณะนั้น แสงสีแดงออกจากร่างคนทั้งเก้าอย่างรวดเร็วและกลายเป็นหนึ่งอีกครั้งกลับเข้าไปในร่างชายชรา ขณะที่แสงสีแดงกลับเข้าสู่ร่างกาย เขาสั่นเทาและบ้วนโลหิตสีดำ ใบหน้าซีดเผือด เขาจ้องต้าเสินและยิ้มจนเห็นไรฟัน “ต้าเสิน นับตั้งแต่ตาเฒ่าคนนี้กล้าสังหารเจ้า ข้ามีวิธีทำลายวิชาของเจ้าไว้แล้ว วิชานี้ไร้ประโยชน์ต่อข้า!”

ทุกเหตุการณ์รู้สึกราวกับพวกเขาใช้เวลานาน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเพียงไม่กี่ลมหายใจเท่านั้น

ต้าเสินลอบเยาะเย้ย เขาชี้นิ้วระหว่างคิ้วและมองคนอื่นทั้งเก้าทีละคนและตะโกน “ระเบิด!”

สายตาชายชราเรืองแสงขึ้นและตะโกนอย่างรวดเร็ว “ลี่เผิง!”

ต้าเสินหยุดกึก เขาจดจำชื่อ ‘ลี่เผิง’ ได้เลือนลาง ชื่อนั้นเป็นคนจากกลุ่มสิบเอ็ดคนที่หนีจากเขาไปได้

ณ จุดนี้ เสียงหัวเราะดังออกมาจากปากของอสูรร้าย น้ำเสียงนั้นชัดเจนว่าไม่ได้มาจากอสูรแต่กลับเป็นอีกคนหนึ่ง อสูรเปิดปากของมันออกมาและพ่นแกนพลังชิ้นหนึ่ง เนื้องอกเติบโตขึ้นบนแกนพลังชิ้นนั้น

เนื้องอกเกาะติดกับแกนพลังอย่างแน่นหนาราวกับเป็นปรสิต มันแยกเปิดออกมาและร่างคนผู้หนึ่งปรากฎจากภายใน

ใบหน้าดูราวกับปราชญ์ผู้รอบรู้แต่ดวงตาเต็มไปด้วยความชั่วร้ายราวกับจอมมาร มันจ้องต้าเสินอย่างเย็นเยียบและร่ายบทสวดอันซับซ้อน

บทร่ายสร้างวงกลมสิบวงอย่างรวดเร็วรอบคนทั้งสิบคนและลบล้างการระเบิดเสี้ยววิญญาณของต้าเสิน

ต้าเสินศีรษะกระตุกและจ้องใบหน้าผู้นั้น ใบหน้าคล้ำลงและพูดขึ้น “ดูเหมือนเหตุผลที่ข้าไม่อาจจับเจ้าได้เมื่อตอนนั้นเป็นเพราะเจ้าถูกเจ้าสัตว์ตัวนี้ช่วยไว้!”

ศีรษะยิ้มขื่นขมเผยใบหน้าขุ่นเคืองใจ เอ่ยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความรังเกียจ “ตอนที่เราทั้งสิบเอ็ดถูกเจ้าหลอกลวงให้ทำลายผนึกที่ตู่ซือวางไว้กับเจ้าและทำให้เจ้าได้รับอิสระ พวกเราจึงตระหนักได้ว่านั่นเป็นเรื่องผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต วันนี้เราจะลบล้างความผิดพลาดของเรา ไม่ว่ามันจะเป็นมรดกแห่งอำนาจหรือมรดกแห่งภูมิปัญญา ทั้งคู่จะเป็นของพวกเรา”

ต้าเสินขยับหอกในมือ เขายิ้มอย่างเสียดสีและพูดใจเย็น “เรื่องแรก พวกเจ้าทั้งสิบคนทรยศข้า จากนั้นเจ้าสัตว์นี่ซ่อนอีกคนไว้ มันไม่แค่สองอย่างแน่ มีอะไรอีกไหม?” เช่นนั้นเขาจ้องหวังหลินและเซียนมารที่ตกตะลึงนับร้อยซึ่งอยู่ข้างนอกสนามรบ

ศีรษะที่เชื่อมต่อกับแกนพลังได้เยาะเย้ยขึ้น “เจ้าจะค้นพบเอง!” สิ้นคำพูด เขาสื่อสารกับอสูรด้วยวิธีการบางอย่าง พลันเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงและม้วนร่างในน้ำ ร่างขนาดยักษ์พลันหดเล็กลงเรื่อยๆจนมันสูงเท่าต้าเสิน

ภายในการล้อมรอบของอสูร ร่างมังกรดำที่สร้างจากหอกหยุดตัวห่างจากรูปทรงไร้ระเบียบนับสิบฟุต เป็นผลให้ต้าเสินถูกล้อมกรอบอย่างสมบูรณ์

ใบหน้าต้าเสินสงบนิ่ง เขายิ้มแดกดันและคายแสงสีม่วงออกมากลายเป็นกระบี่จันทร์เสี้ยว มันวางในฝ่ามือซ็าย ต้าเสินถือหอกในมือขวาและพลันโจมตีด้วยมือทั้งสองข้าง

ทันใดนั้นรูปร่างไร้ระเบียบรอบกายเขาเผยสัญญาณกำลังพังทะลาย ดวงตาต้าเสินสว่างขึ้น เขาโยนอาวุธทั้งสองไปข้างหน้า แต่ละชิ้นสร้างอุกกาบาตหนึ่งลูกปะทะกับขอบของรูปทรงไร้ระเบียบ

ในเหล่าคนทั้งสิบคน สี่คนในนั้นบ้วนโลหิตออกมาจากปากและร่างสั่นเทาราวกับไม่สามารถทนอยู่ได้นาน

ในจุดวิกฤตนั้น ร่างอสูรพลันแข็งตัวและกระแทกกับหัวตัวเอง ชายคนหนึ่งครอบเกล็ดทั้งหมดปรากฎตัวออกมา รูปม่านตาเป็นรูปทรงเพชรให้ความรู้สึกว่าเขาไม่ใช่มนุษย์

ขณะที่ชายผู้นั้นปรากฎตัว เสียงกรีดร้องออกมาจากปากเขาสร้างเป็นกระบี่ล่องหนกลับไปสู่ต้าเสิน

ในเวลาเดียวกันร่างชายชรามีใบหน้าเหี้ยมโหด หน้าเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ รูปทรงไร้ระเบียบนั้นสร้างมาจากพวกเขาสิบคนซึ่งพวกเขาต้องประคับประคองไว้ ทุกครั้งที่ต้าเสินทำมันสั่นสะเทือน หัวใจพวกเขาสั่นสะท้าน เขามองหวังหลินและคำรามเสียงต่ำ

“สหายตัวน้อย ถึงเวลาแล้ว!”

ใบหน้าหวังหลินมืดมน นับตั้งแต่ที่ชายชราเริ่มต่อสู้ หวังหลินได้สังเกตการณ์ต้าเสินอยู่ตลอดตั้งแต่ต้นจนบัดนี้ หลังได้ยินเสียงชายชราส่งสัญญาณ หวังหลินจึงเคลื่อนไหวทันทีและพุ่งเข้าหาชายชรา

ใบหน้าชายชราตื่นเต้น เขากำลังจะพูดต่อ แต่หวังหลินเคลื่อนผ่านชายชราไปและพุ่งเข้าหาอสูรความยาวนับล้านอย่างรวดเร็วแทน

หวังหลินไม่ได้สนใจว่าคนพวกนี้จะอยู่หรือตาย ทั้งหมดที่เขาใส่ใจตอนนี้มีเพียงเรื่องเดียวและนั่นเป็นเกล็ดพิเศษบนตัวอสูร ความจริงแล้วตั้งแต่เริ่มหวังหลินไม่ได้มีแผนจะช่วยผนึกคืน เขาไม่เชื่อว่าเขาจะมีพลังทำเช่นนั้นได้

ใบหน้าชายชราบูดบึ้ง เขาหายใจออกและวางแขนตัวเองลงบนหน้าอก สร้างรูปทรงเพชรชิ้นหนึ่งและตะโกนขึ้น “เครื่องมือของข้า โจมตี!”

ขณะที่คำพูดชายชราเปล่งอกมา มือขวาหวังหลินเปิดรอยแยกหนึ่งอย่างรวดเร็วและเข้าไปในนั้น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version