Skip to content

ฝืนลิขิตฟ้า ข้าขอเป็นเซียน 2066

Cover Renegade Immortal 1

2066. ข้อตกลง

ท้องฟ้า ผืนดิน สายลม สายฟ้า สายฝน ก้อนเมฆ อวัยวะภายใน ร่างกายและโลหิต ต่างส่งเสียงเพลงดังสนั่นกึกก้อง

สามสัญญาณ ท้องฟ้าสีทองปฐพีสีดำ เนตรสีเงินและเสียงทารกร้องไห้!

เก้าบทเพลงสามสัญญาณมีตำนานบอกกล่าวไว้หลายอย่างบนแผ่นดินเซียนดารา ทว่าต้นสายปลายเหตุของตำนานทั้งหมดนั้นคือบรรพชนเทพหรือบรรพชนโบราณจะมีผู้สืบทอด

ยามนี้ในเมืองหลวงของเผ่าเทพและเมืองหลวงทั้งสามของเผ่าโบราณ รูปปั้นบรรพชนเทพและบรรพชนโบราณเกิดรอยแตกร้าว

ทางด้านใจกลางทะเลอันกว้างใหญ่ มหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวเป็นพยานต่อตำนานที่กำลังปรากฏขึ้นตรงหน้าด้วยตัวเอง

วินาทีนี้มีร่างปรากฏขึ้นเหนือเผ่าโบราณและส่งเสียงคำรามใส่ร่างยักษ์อีกร่างที่ปรากฏขึ้นเหนือเผ่าเทพ

ทั้งสองร่างดูเหมือนค้ำจุนสรวงสวรรค์ แต่ท่ามกลางทั้งสองมีร่างที่สามปรากฏขึ้นมา ทันใดนั้นแสงส่องสว่างเต็มไปรอบโลกแห่งนี้

ร่างนั้นคือหวังหลิน!

ตัวตนที่สามนอกเหนือจากบรรพเทพและบรรพโบราณ!

หวังหลินยังคงหลับตา ตอนที่ร่างอวตารในมิติว่างเข้าผสานกับเขา พลังที่ผสานด้วยพลังของเผ่าเทพและเผ่าโบราณซึ่งร้อยปีจะหมุนเวียนได้ครบหนึ่งรอบ ทันใดนั้นมันก็เร่งความเร็วขึ้นจนครบรอบ สร้างเป็นพลังงานผสานขึ้นมา

หวังหลินเข้าใจเล็กน้อยว่าเมื่อแก่นแท้นามธรรมของเขาสมบูรณ์ พลังเทพและพลังโบราณจะผสานกันได้อย่างสมบูรณ์ จากนั้นในร่างเขาก็จะไม่ใช่พลังเทพหรือพลังโบราณอีกต่อไป แต่จะเป็นความแข็งแกร่งของตัวเอง

ถึงตอนนั้นหวังหลินคงแข็งแกร่งพอที่จะโยนตาข่ายเวรกรรมเข้าไปในวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่และค้นหาตัวตนที่แท้จริงของตัวเองได้

เขาไม่รู้ว่าต้องผ่านเวลาไปอีกนานแค่ไหน อาจจะชั่วนิรันดร์หรืออาจจะเพียงแค่พริบตา

หวังหลินลืมตาขึ้นมามองขึ้นไปเห็นเท้ายักษ์ที่เกิดจากวิชาของกุ้ยต้าว ดูเหมือนเท้ายักษ์กำลังสูญเสียพลังอำนาจไปด้วยและหล่นลงมา

เพียงอยู่ห่างจากหวังหลินไม่กี่ร้อยฟุต เขาถอนหายใจออกมา หลังจากผสานกับร่างอวตารในมิติว่างจนทำให้เกิดเป็นเก้าบทเพลงสามสัญญาณ ระดับบ่มเพาะของหวังหลินจึงได้เหนือกว่าทุกคนบนแผ่นดินเซียนดารา

แม้บรรพชนเทพและบรรพชนโบราณอยู่ที่นี่ เขาก็มีคุณสมบัติพอที่จะต่อสู้ด้วย

ตั้งแต่นี้ต่อไปบนแผ่นดินเซียนดารา นอกจากบรรพชนเทพและบรรพชนโบราณในตำนาน จะมีรอยประทับของหวังหลินเช่นกัน

ในมุมมองของหวังหลิน วิชาของกุ้ยต้าวตอนนี้เป็นแค่ชายขอบของขั้นย่ำสวรรค์เท่านั้น หวังหลินขบคิดเงียบๆ และเมื่อเท้ายักษ์อยู่ห่างเพียงร้อยฟุต หวังหลินจึงชี้ออกไป

เท้ายักษ์สั่นเทาและพังทลายไปกลายเป็นเศษเสี้ยวนับไม่ถ้วนเบื้องหน้าหวังหลิน พายุรุนแรงทำให้เหล่าเศษพวกนั้นหายไปจากโลกนี้ หายไปต่อหน้าต่อตามหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าว

กุ้ยต้าวครุ่นคิดอย่างเงียบงัน ใบหน้าแก่ชรายิ่งขึ้น เผยใบหน้าเหนื่อยล้าและโล่งอก

“ข้าหยุดเจ้าไม่ได้…แต่ข้าหวังว่าในอีกสามร้อยปี เมื่อแดนเทพบรรพกาลเปิดออก เจ้าจะเข้าประตูไปจากฝั่งเผ่าโบราณ…” กุ้ยต้าวมองหวังหลินพลางคำนับฝ่ามือและโค้งตัว

หวังหลินขบคิด สายตามองมหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวและพยักหน้าให้

“ขอบคุณ…” กุ้ยต้าวลืมตาขึ้นมา จากนั้นสายหมอกห่อหุ้มร่างกายอีกครั้งจนปกคลุมร่างเขาอย่างสมบูรณ์ สายหมอกปั่นป่วนและพาเขากลับไปยังเผ่าโบราณ

หวังหลินมองไปยังจุดที่กุ้ยต้าวจากไปจนกระทั่งสายหมอกและเสียงดังสนั่นเบาบางลง เขาหันหน้ากลับมายังพายุและก้าวเข้าหา

หลังจากผ่านพายุไปได้ หวังหลินคงจะอยู่ที่ชายขอบเผ่าเทพและคงจะถึงเผ่าเทพในอีกไม่นาน!

การต่อสู้ครั้งนี้จบลงเมื่อทั้งสองแยกจากกัน ในการต่อสู้ครั้งนี้กุ้ยต้าวเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ดังนั้นตำแหน่งผู้แข็งแกร่งที่สุดบนแผ่นดินเซียนดาราจึงไม่ใช่กุ้ยต้าวอีกต่อไป แต่เป็น…หวังหลิน!

อย่างไรก็ตามนอกจากเหล่ามหาชั้นฟ้าที่รีบมาแล้ว ไม่มีใครรู้เรื่องที่เกิดขึ้น

หลังจากหวังหลินจากไปในวันที่สิบสอง มีลำแสงทั้งหมดเจ็ดสายมาถึงทั้งสองฝั่งทะเลและเผยเป็นคนถึงเจ็ดคน

ทั้งเจ็ดคนนี้คือมหาชั้นฟ้าทั้งเจ็ดบนแผ่นดินเซียนดารา!

ทุกคนรู้จักกันเป็นอย่างดี แต่ถึงแม้จะอยู่คนละฝั่งก็ไม่ได้ต้องการต่อสู้กัน พวกเขาแผ่กระจายสัมผัสวิญญาณของตัวเองออกไปเพื่อสังเกตพื้นที่รอบๆ และครุ่นคิด

จิ่วตี้และคนอื่นไม่ได้ข้ามผ่านทะเลออกไป แต่ถึงจะข้ามไปเผ่าเทพก็ไม่ส่งผลกระทบต่อสัมผัสวิญญาณ

ซวนลั่วหลับตา พอแผ่กระจายสัมผัสวิญญาณออกมาร่างกายจึงสั่นไหว การต่อสู้ครั้งนี้ต้องสั่นสะเทือนสวรรค์เป็นแน่ แม้มันจะจบลงแล้วแต่การเปลี่ยนแปลงในกฎยังคงเหลืออยู่

“สิ่งที่เหลืออยู่จากการต่อสู้ครั้งนี้จะไม่เลือนหายไปอีกหลายร้อยปี…” ซ่งเทียนพึมพำกับตัวเอง เขายังสัมผัสได้ถึงพลังอันน่าตกตะลึงและกฎที่ผันผวนจากการต่อสู้ที่เกิดขึ้นที่นี่ได้

ทางด้านมหาชั้นฟ้าอาณาเขตจวี่ผู้ลี้ลับ เขาสวมหน้ากากปิดบังตัวตน ดังนั้นจึงบอกได้แค่ว่าเขาเป็นบุรุษเท่านั้นและดูมีแววตาตกตะลึง

“ใครกันที่ต่อสู้กับมหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าว…? แต่ไม่ว่าจะเป็นใคร มหาชั้นฟ้ากุ้ยต้าวต้องชนะแน่นอน!”

‘หรือจะเป็น…หวังหลิน…’ ซวนลั่วลืมตาด้วยความไม่มั่นใจเล็กน้อย

ทางฝั่งเผ่าเทพ มหาชั้นฟ้าทั้งสี่คนต่างก็ขบคิดอย่างเงียบๆ พวกเขาถอนสัมผัสวิญญาณออกมา จินตนาการไม่ออกว่าเกิดการต่อสู้แบบใดขึ้นที่นี่เมื่อหลายวันก่อน

‘ไม่น่าจะเป็นเขาได้…’ ต้าวยี่ขบคิด

‘เขาต่อสู้กับกุ้ยต้าวและทิ้งสนามต่อสู้ที่น่าตกตะลึงขนาดนี้ไว้เบื้องหลัง หากข้าเห็นการต่อสู้ครั้งนี้ด้วยตาตัวเอง มันคงช่วยเพิ่มระดับบ่มเพาะได้อย่างมหาศาล…’ จิ่วตี้ถอนหายใจ เขาสงสัยว่าใครกันที่ต่อสู้กับกุ้ยต้าว คนผู้นั้นหรือจะเป็น…หวังหลิน?

หวู่เฟิงมองสนามต่อสู้ด้วยสีหน้าอันซับซ้อน กฎแห่งโลกที่นี่พังทลายและตกอยู่ในความปั่นป่วนอย่างสิ้นเชิงซึ่งเขาไม่ได้ประโยชน์อะไร

ความจริงแล้วเหตุผลที่พวกเขามาที่นี่ นอกจากความรู้สึกถึงตกตะลึงต่อการเปลี่ยนแปลงแห่งกฎแล้ว อีกอย่างคือการมาเป็นพยานรู้เห็นการต่อสู้ด้วยตัวเอง แต่เห็นได้ชัดว่าเรื่องหลังคงเป็นไปไม่ได้แล้ว

ส่วนมหาชั้นฟ้าชวงจื่อ สองสาวน้อยได้ผสานกลายเป็นหญิงสาวงดงามไปนานแล้ว นางเงียบสนิทและสงสัยว่าใครกันที่ต่อสู้กับกุ้ยต้าว

ทั้งเจ็ดคนหยุดอยู่ที่นี่เป็นเวลาหนึ่งก้านธูปไหม้ จากนั้นมองหน้ากันเอง เกิดบรรยากาศหดหู่และมีจิตสังหาร

ขณะที่ทั้งเจ็ดคนครุ่นคิด จิ่วตี้พูดขึ้นออกมา “สหายเซียนเผ่าโบราณทั้งสาม ข้ามีข้อแนะนำ”

หลังจากพูดขึ้นมา ซ่งเทียนและคนอื่นจึงมองข้ามไปอย่างเย็นเยียบ

“หากเราสู้กันคงไม่ได้ข้อสรุปในเร็ววัน เราสี่คนจะไม่ข้ามผ่านทะเลนี้ ดังนั้นไม่จำเป็นต้องสู้”

“ทั้งหมดมาที่นี่เพื่อต้องการชมการต่อสู้ แต่การต่อสู้จบลงไปแล้วและกฎที่นี่ก็ปั่นป่วนไปหมด ตามการคำนวณของข้า พื้นที่บริเวณนี้จะพังทลายในอีกไม่กี่วัน”

“ถึงตอนนั้นเราที่เหลือจะหมดโอกาสในการสำรวจรายละเอียดและรับชมการต่อสู้”

“ข้ามีวิชาหนึ่งและมั่นใจว่าหากเราทั้งเจ็ดคนร่วมมือกันจะสามารถย้อนเวลาได้ชั่วคราว จากนั้นสัมผัสวิญญาณของเราจะสามารถเข้าไปและรับชมการต่อสู้ด้วยตัวเองได้!”

“พวกท่านสามคนคิดอย่างไร?” จิ่วตี้เอ่ยถาม

หลังจิ่วตี้พูดจบ หวู่เฟิงขบคิดและพูดขึ้นเช่นกัน “ข้าแค่ต้องการเห็นการต่อสู้กัน ข้าไม่มีเจตนาอื่นและข้าขอสาบาน!”

“ข้าขอสาบานเช่นกัน!”

ต้าวยี่ลังเลเล็กน้อยพลางมองจิ่วตี้และหวู่เฟิงก่อนจะพยักหน้า ส่วนชวงจื่อนางขบคิดและตกลง

กลุ่มของซ่งเทียนมองหน้ากันเอง หลังจากครุ่นคิดเล็กน้อยจึงยอมรับเช่นกัน ด้วยระดับบ่มเพาะแต่ละคน คำพูดจึงน่าเชื่อถือ

ทั้งสามคนก็มีวิธีของตัวเองเช่นกัน ดังนั้นจึงไม่กลัวว่าจิ่วตี้จะโกหก

หลังจากผ่านไปครึ่งก้านธูปไหม้ ทั้งเจ็ดคนเตรียมตัวเรียบร้อย จิ่วตี้นำหินหยกออกมาและให้อีกหกคนมองเข้าไป ทุกคนสร้างผนึกและเริ่มร่ายวิชา

แสงเจ็ดสายเปล่งประกายและล้อมรอบพื้นที่ต่อสู้ ครู่ต่อมาจึงเกิดเสียงดังสนั่น

พวกเขาค่อยๆ เห็นร่างสองคนปรากฏขึ้นในแสงที่ห่อหุ้มพื้นที่ต่อสู้ หนึ่งในนั้นคือกุ้ยต้าวซึ่งคลุมร่างอยู่ในหมอก อีกคนเป็นร่างพร่าเลือนแต่ทั้งเจ็ดจดจำกลิ่นอายได้

“หวังหลิน!!”

“เป็นเขาจริงๆ!!!”

ทั้งเจ็ดคนตกตะลึงแต่สิ่งที่เห็นต่อมากลับทำให้อึ้งยิ่งกว่าและแทบไม่เชื่อกับตาตัวเอง

พวกเขาเห็นวิชาของกุ้ยต้าวและก้าวย่ำสวรรค์ของหวังหลิน ในที่สุดได้เห็นหวังหลินชี้ออกไปจนเท้ายักษ์พังทลาย กุ้ยต้าวจากไปอย่างเงียบงัน…

รูปร่างของกุ้ยต้าวและเรื่องที่เขาพูดกับหวังหลินไม่ใช่สิ่งที่ทั้งเจ็ดคนจะเห็นหรือได้ยินได้ แต่แค่นี้ก็ทำให้ทั้งเจ็ดคนหยุดหายใจได้แล้ว…

หลังจากเหตุการณ์จบลง ทั้งเจ็ดคนจึงขบคิดอยู่นานเนื่องจากรู้ว่าแผ่นดินเซียนดาราในตอนนี้ต่างกันออกไป!

ผู้แข็งแกร่งที่สุดบนแผ่นดินเซียนดาราไม่ใช่กุ้ยต้าวอีกต่อไป แต่เป็นหวังหลิน!

ต้าวยี่จิตใจสั่นเทา เขาคือมหาชั้นฟ้าแต่ก็รู้สึกกลัว ความแข็งแกร่งของหวังหลินทำให้เขาแทบไม่อยากเชื่อ

‘เป็นเขาหรือไม่…’ ในความคิดของจิ่วตี้มีสายตาที่เคยมองจากท้องฟ้าเบื้องบนเมื่อร้อยปีก่อนตอนที่เหล่าวิญญาณ 72 ดวงอ้อนวอน สายตาคู่นั้นกลับมาวนเวียนอีกครั้ง

………………………………………………….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version