1799. แผ่นดินเซียนดาราสั่นสะเทือน
หวังหลินมองไปยังกระดองคล้ายผลไม้ เขาไม่สามารถมองทะลุมันได้เลยแต่ยังสัมผัสตัวเองอีกคนหนึ่งอยู่ข้างในนั้น
กล่าวได้ว่าตอนที่เขาหลับตาอยู่ หวังหลินกลับไม่มั่นใจว่าตัวเองอยู่ข้างในหรือนอกกระดองหิน เขาสามารถสัมผัสตัวเองนั่งอยู่ในกระดองและยังสัมผัสได้ด้วยว่า ร่างดั้งเดิมอยู่ข้างนอก
ความรู้สึกประหลาดเช่นนี้หวังหลินเคยรู้สึกมาก่อน แต่ตอนนี้มันชัดเจนมาก
‘นี่มัน…’ หวังหลินเต็มไปด้วยดวงตาสับสน ราชายุงใช้จงอยปากของมันลูบไปที่หวังหลิน ส่งเสียงร้องอย่างมีความสุข
ร่างของราชายุงเล็กกว่าเดิมมาก ตอนนี้มันดูเหมือนเมฆหมอกที่สามารถหายไปได้ทุกเวลา แต่ก็เปล่งพลังชีวิตอันแข็งแกร่ง
หวังหลินหรี่ตามองการเปลี่ยนแปลงของเจ้าราชายุง เขายกแขนขวาขึ้นมาพยายามสมผัสมันแต่ก็ไม่เจออะไร เขาไม่สามารถสัมผัสถึงสิ่งที่เป็นวัตถุได้
ทว่าเจ้าราชายุงเกิดความรู้สึกยินดีราวกับพึงพอใจมากและมีความสุขตราบใดที่มันอยู่ใกล้เจ้านาย
ราชายุงติดตามหวังหลินมานาน ดังนั้นความคิดจึงสัมพันธ์กัน ขณะที่หวังหลิน ยื่นมืออกไป สัมผัสวิญญาณแผ่กระจายและผสานกับราชายุง
ไม่นานนัก ความทรงจำเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากหวังหลินบังคับให้ราชายุงหนีไปก็พลันปรากฏขึ้นในใจหวังหลิน นี่ไม่ใช่การค้นวิญญาณแต่เป็นการถ่ายทอด หวังหลินเคยทำเรื่องแบบนี้มาก่อนและมันไม่ทำร้ายต่อราชายุง พวกเขาสามารถทำแบบนี้ได้เพราะอยู่ด้วยกันมากกว่าสองพันปี
หวังหลินค่อยๆ เห็นการเปลี่ยนแปลงอันบ้าคลั่งของราชายุงและการวิวัฒนาการ มันกลืนกินพรรคพวกของตัวเองทั้งเก้าตัวเพื่อออกมาค้นหาเขา
หวังหลินเห็นราชายุงแบ่งตัวออกเป็นยุงตัวเล็กนับแสนตัวและค้นหาเขาไป ทั่วพื้นที่ว่างเปล่าแห่งนี้จนพบเขาที่ตายหรือสลบไป มันรู้สึกเศร้าและสิ้นหวังและจากนั้นพาหวังหลินและลี่มู่หวานมาที่นี่
หวังหลินเห็นทุกสิ่งทุกอย่างต่อจากนั้น
ผ่านไปสักพัก หวังหลินรู้สึกถึงความอบอุ่นพรั่งพรูขึ้นมาในใจ เขามองไปยัง ราชายุงที่มีความสุขและใช้จงอยปากลูบกับตัวเขา หวังหลินยกแขนขึ้นมาลูบมันเบาๆ สองสามครั้ง
“เป็นเรื่องยากสำหรับเจ้าสินะ…”
การตีเบาๆ ของเจ้านาย สายตาอ่อนโยนและคำพูดเข้าใจได้ทำให้ราชายุงเกิดความสุขอย่างยิ่ง แสงส่องประกายจากร่างมันและมีระลอกคลื่นดังกึกก้อง นี่เป็นช่วงที่มีความสุขที่สุดในชีวิต
หวังหลินไม่เคยเจอความภักดีเหมือนราชายุงแบบนี้จากอสูรตัวอื่น! ไม่ว่าจะเป็นตอนที่หวังหลินเป็นคนธรรมดาหรือตอนที่ทั้งสองแยกจากกัน รวมถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในความว่างเปล่าแห่งนี้ ทั้งหมดได้ชี้ให้เห็นว่าราชายุงยอมตายเพื่อหวังหลิน
หวังหลินเป็นคนกตัญญู เขายอมทำทุกอย่างเพื่อราชายุงด้วยเช่นกัน! ราชายุงไม่ใช่สัตว์เลี้ยงแต่คือ ครอบครัว!
เขาตบร่างเจ้ายุงเบาๆ สายตาจับจ้องลงไปที่กระดองหินคล้ายผลไม้
‘จากความทรงจำของเจ้ายุง ที่แห่งนี้ดูเหมือนจะเป็นที่เดียวกับที่บรรพชนของมันถือกำเนิด…กระดองหินนี่มันคืออะไร…’ หวังหลินดวงตาส่องสว่างและก้าวเดินเข้าหากระดองหิน ยกแขนขวาขึ้นมาจับกระดอง ทว่าทันทีที่สัมผัสได้เกิดพลังต่อต้านขึ้นมาจากระดองและผลักมือเขาออกไป มันไม่ยอมให้เขาสัมผัสหรือยื่นมือเข้าไปได้
หวังหลินพยายามจากทิศทางอื่นอยู่หลายครั้งแต่พลังต่อต้านก็ยังอยู่ตรงนั้น ท้ายที่สุดก็ล้มเลิกความคิดในการควบคุมร่างอวตารให้เดินออกมา เขารู้สึกเลือนลางว่านี่อาจจะเป็นประโยชน์มหาศาลต่อตัวเอง
ความโชคดีคือ ร่างอวตารที่เกิดขึ้นในกระดองหิน บางทีในอนาคตร่างอวตารนี้อาจจะทะลวงออกมาจากกระดองและมีพลังอำนาจอันน่าหวาดกลัว
พลังนี้คือกฎแห่งแผ่นดินเซียนดารา เพราะร่างอวตารถือกำเนิดในกฎแห่งแผ่นดินเซียนดาราเช่นเดียวกับบรรพชนของราชายุง!
การทะลวงออกไปด้วยกำลังนับว่าไม่คุ้มค่า หวังหลินเข้าใจด้วยว่าที่เขาสามารถตื่นขึ้นมาและฟื้นคืนระดับบ่มเพาะได้เป็นเพราะร่างอวตารนั้นอยู่ในกระดองหิน
ด้วยการเชื่อมต่อกับร่างอวตาร ดูเหมือนการเติบโตของร่างอวตารจะทำให้ ร่างดั้งเดิมแข็งแกร่งขึ้นด้วย เรื่องแบบนี้ประหลาดมากและไม่สามารถอธิบายได้ชัดเจน
หวังหลินขบคิดเงียบๆ อยู่นาน ตอนที่เขาอยู่ในโลกถ้ำได้บังเอิญเจอกับหินหยกโบราณที่พูดถึงเฟิงสุ่ย เรื่องแบบนี้คล้ายคลึงกับเฟิงสุ่ยอย่างมาก
‘ในเฟิงสุ่ย ส่วนมากมุ่งเน้นไปที่จุดฝังร่าง จากนั้นวางร่างอวตารเอาไว้ที่นี่จะเท่ากับการสร้างจุดฝังร่างขึ้นมา…ซึ่งด้วยวิธีนี้ พอร่างอวตารเติบโตขึ้น ร่างดั้งเดิมก็จะแข็งแกร่งมากขึ้น…’
‘ตอนนั้นข้าคิดว่าวิธีแบบนี้ดูไร้สาระ แต่ตอนนี้กลับรู้สึกว่ามันไม่ใช่…’ หวังหลินขบคิดและถอยหลังช้าๆ เขามองกระดองหินและล้มเลิกความคิดที่จะทะลวงมันหรือให้ร่างอวตารเดินออกมา
‘ในเหล่าจักรพรรดิคนธรรมดานั้นให้ความสนใจเรื่องสายโลหิตมังกรอย่างยิ่ง หากฝังสายโลหิตมังกรเอาไว้ ชนรุ่นหลังคงจะมีอนาคตอันรุ่งเรือง…ตอนนี้ข้าฝังร่างอวตารไว้ที่นี่ ข้าอยากเห็นเสียจริงว่าในอนาคตข้าจะได้เจอกับโชควาสนาแบบไหน…’ หวังหลินดวงตาส่องสว่างและหันตัวพุ่งออกไปโดยไม่ลังเล ราชายุงมีความสุขมาก มันส่งเสียงร้องและพาหวังหลินออกไป
ขณะที่พวกเขาออกไป หวังหลินมองกลับมายังร่างอวตาร ดวงตาเปล่งประกายเจิดจ้า เทียบกับเรื่องเฟิงสุ่ยที่ดูไร้สาระแล้ว หวังหลินคาดหวังกับการเติบโตของ ร่างอวตารนี้ไว้มาก เขาสัมผัสได้ถึงการเชื่อมต่อกับร่างอวตารที่ไม่สามารถถูกตัดขาด สักวันหนึ่งเมื่อร่างอวตารเติบโตจนสมบูรณ์และได้ออกมาจากกระดอง หวังหลินเชื่อว่ามันจะเปลี่ยนแปลงโลก!
ขณะที่เจ้ายุงบินไป หวังหลินพาโลงศพเลี่ยงสวรรค์ที่มีลี่มู่หวานอยู่ข้างใน ท่องทะยานไปยังทางออก!
ตอนนี้ในความว่างเปล่า หวังหลินไม่ได้รู้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่เกิดขึ้นบนแผ่นดินเซียนดาราในช่วงที่ราชายุงนำโลหิตไปบนแท่น และแท่นก็ได้ดูดซับโลหิตไป
การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ได้ทำให้ทั่วทั้งแผ่นดินเซียนดาราเกิดความตกตะลึง เหล่าเซียนทรงพลังนับไม่ถ้วนโผล่ออกมาจากการปิดด่านบ่มเพาะ ผู้นำและผู้อาวุโสมากมายหลากหลายสำนักได้ออกมาใช้สัมผัสวิญญาณของตนพุ่งทะยานเข้าสู่ท้องฟ้า
ความโกลาหลนี้ได้ทำให้เก้าตะวันเกิดความสนใจ กลายเป็นเหตุการณ์ที่หาได้ยากยิ่ง!
ไม่มีใครลืมเลือนฉากเหตุการณ์นี้ ต่อจากนั้นมาอีกหลายปีมันก็ยังคงมีคนจดจำเอาไว้อยู่ มันกลายเป็นเรื่องลึกลับที่สุดที่ทุกคนคาดเดา
ตอนที่บรรพชนเทพถือกำเนิด มีอยู่สามสัญญาณ ท้องฟ้าสีทองและปฐพีสีดำคือสัญญาณหนึ่ง! ตอนที่บรรพชนโบราณถือกำเนิดมีเก้าบทเพลง เนตรสีเงินคือ หนึ่งในนั้น!
แม้แต่เซียนธรรมดาก็ไม่รู้เรื่องนี้ คนที่บรรลุระดับบ่มเพาะประมาณหนึ่งหรืออยู่ในสำนักทรงพลังถึงจะพอรู้อยู่บ้าง
วันนี้เกิดท้องฟ้าเกิดการบิดเบือนเหนือเมืองหลวงของเหล่าเทพบนแคว้นหมิงเทพที่ปกครองเหล่าเทพทั้งหมด วังวนยักษ์ก่อตัวขึ้นมาและเริ่มแผ่กระจายออกไป ทั่วทิศทาง
มันรวดเร็วเกินไปยิ่งกว่าเซียนคนใด ปกคลุมแคว้น 37 แห่งและทำให้ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีทอง!
ขณะที่แสงสีทองปรากฏ พื้นดินเปลี่ยนกลายเป็นสีดำอย่างประหลาดเนื่องจากสะท้อนกับแสงอันรุนแรง ทำให้การปรากฏของท้องฟ้าสีทอง ปฐพีสีดำเป็นสัญญาณบ่งบอกการมาถึงของบรรพชนเทพ!
ขณะเดียวกัน ร่างเงาเลือนลางปรากฏขึ้นในวังวน ร่างนี้พร่ามัวแต่มองเห็นเป็นเงาๆ ว่าสวมชุดคลุมสีทองและมีมงกุฎ มันยืนอยู่ในวังวนและเปล่งพลังปราณสวรรค์อันน่าตกตะลึง!
ใครก็ตามที่เห็นร่างนี้จะคิดถึงชื่อเดียวที่ทำให้พวกเขาสั่นเทาด้วยความตื่นเต้น!
บรรพชนเทพ!
บรรพชนเทพหายตัวไปนานมากแล้วในอดีต นี่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่นั้นที่ร่างเงาของบรรพชนเทพปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง มันได้ทำให้เกิดคลื่นถาโถมขึ้นมาท่ามกลางเผ่าพันธ์เทพ
มหาชั้นฟ้าที่มีสายโลหิตของเผ่าเทพทั้งหมดได้ปรากฏตัวขึ้นและโค้งคำนับไปยังท้องฟ้า!
ขณะเดียวกันในอาณาเขตทั้ง 36 แห่งของแคว้นโบราณ วังวนยักษ์ได้ปรากฏขึ้นเช่นกัน วังวนนี้เป็นสีดำและแผ่กระจายทั่วทั้ง 36 อาณาเขตราวกับแข่งขันกับ เหล่าเทพ!
กลิ่นอายโหดเหี้ยมและน่ากลัวได้รั่วไหลออกมาจากวังวน ทำให้ทุกคนในแคว้นโบราณต้องคุกเข่าบนพื้นด้วยความตื่นเต้น
ขณะเดียวกัน ซวนลั่วและสองในสี่มหาชั้นฟ้าเผ่าโบราณทั้งหมดได้พุ่งทะยานออกมา ทั้งสามลอยตัวในอากาศและมองวังวนในท้องฟ้าด้วยสายตาไม่เชื่อ
มันไม่ใช่เงาเหมือนบรรพชนเทพแต่เป็นดวงตาสีเงินหนึ่งคู่และมองไปทาง บรรพชนเทพ ดวงตานั้นได้ปลดปล่อยแสงสีเงินมหึมา!
ทั่วทั้งแผ่นดินเซียนดาราดูเหมือนเข้าสู่จุดเดือด ดวงตะวันทั้งเก้าปรากฏขึ้นมาพร้อมกัน แรงกดดันที่ปลดปล่อยออกมาทำให้ทุกคนต้องสั่นสะท้าน
เพียงแค่นี้ก็ทำให้ทุกคนตกตะลึงได้แล้วแต่ถือว่ายังไม่มากนัก หลังจากร่างเงาและดวงตาหนึ่งคู่ปรากฏขึ้นในท้องฟ้า…วังวนที่สามปรากฏขึ้นคั่นกลางระหว่าง แผ่นดินเทพและแผ่นดินโบราณ!
การปรากฏตัวของวังวนนี้ได้ก่อให้เกิดคลื่นอันน่าตกตะลึงและหวาดกลัวจนเหนือจินตนาการ!
“นี่…นี่มันเป็นไปไม่ได้!! วังวนที่สามปรากฏขึ้นได้อย่างไรขณะที่บรรพชนเทพและบรรพชนโบราณจุติลงมา?!”
“วังวนที่สามปรากฏขึ้นด้านล่างบรรพชนเทพและบรรพชนโบราณ…นี่มันหมายความว่าอย่างไร!?!”
“หรือสิ่งที่อยู่ในวังวนที่สามได้บอกว่ามีตัวตนที่คล้ายกับบรรพชนเทพและ บรรพชนโบราณอยู่ด้วยหรือ!?!”